ก้านหมากเหลือง ตรวจอาการชาเท้าจากโรคเบาหวาน
รพ.สต. พัฒนา ก้านหมากเหลือง ตรวจอาการชาเท้า ป้องกันพิการจากโรคเบาหวาน ได้ผลดีมาก ! (กระทรวงสาธารณสุข)
นักวิชาการสาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จ.อุบลราชธานี ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาเครื่องตรวจหาอาการชาที่เท้าผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยใช้ก้านของต้นหมากเหลืองตรวจพบจุดสูญเสียความรู้สึกได้มากกว่าเครื่องมือที่ซื้อในท้องตลาดได้เกือบร้อยละ4 หลังใช้ตั้งแต่ปี 2556 ไม่มีผู้ป่วยเบาหวานเป็นแผลที่เท้า มั่นใจเป็นเครื่องมือพื้นบ้าน ป้องกันเท้าเน่าและความพิการได้
ในงานประชุมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2557 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2557 นางจงกลณี นวลทา นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บุ่งคำ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ได้นำเสนอผลงานวิชาการเรื่อง "วิถีพอเพียง เลี่ยงความพิการด้วยก้านหมากเหลือง"
โดยนำก้านของต้นหมากเหลือง ซึ่งเป็นไม้ประดับในท้องถิ่น มาพัฒนาเป็นเครื่องมือพื้นบ้านง่าย ๆ มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ใช้ตรวจหาอาการชาที่เท้าของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ป้องกันการเกิดบาดแผลที่เท้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยโรคเบาหวานเมื่อป่วยแล้วหากควบคุมอาการไม่ดี จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ คือตาบอด ไตวาย เท้าเน่า แผลติดเชื้อ เสียชีวิตในที่สุด ทั่วโลกมีผู้ป่วยแล้วประมาณ 151 ล้านคน ส่วนในไทยมีผู้ป่วยประมาณ 3 ล้านคน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
นางจงกลนี กล่าวว่า ที่ตำบลบุ่งคำ ตำบลพรสวรรค์ อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี มีผู้ป่วยโรคเบาหวานอยู่ในความดูแลของ รพ.สต.บุ่งคำ 197 คน โดยต้องจัดบริการตรวจเท้าผู้ป่วยอย่างน้อยละปีละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนทางเท้า โดยใช้เครื่องมือแพทย์เรียกว่า โมโนฟิลาเมนท์ (Monofilament) ลักษณะเป็นเอ็นใส ราคาอันละ 90 บาท โมโนฟิลาเมนท์ 1 อันใช้ตรวจเท้าผู้ป่วยเบาหวานได้ 10 คน และหาซื้อยากในท้องตลาด ในการตรวจเท้าผู้ป่วยที่มีอยู่ต้องใช้โมโนฟิลาเมนท์ 10-15 อัน รวมใช้ต้นทุนไม่ต่ำกว่า 900 บาท
ในการลดค่าใช้จ่ายดังกล่าว ได้นำก้านของต้นหมากเหลือง ซึ่งมีลักษณะยืดหยุ่น เหนียวกว่าก้านมะพร้าว และมีน้ำหนัก 10 กรัม ยาว 7 เซนติเมตรเท่ากับโมโนฟิลาเมนท์ โดยเลาะเอาเฉพาะทางที่แข็งและเหลาส่วนปลายที่จะใช้จิ้มที่ฝ่าเท้า ให้มีลักษณะกลมมน และให้นักกายภาพบำบัดตรวจสอบประสิทธิภาพความปลอดภัย เพื่อใช้ตรวจประเมินอาการชาที่เท้าของผู้ป่วยเบาหวาน
จากการนำไปทดสอบกับผู้ป่วยเบาหวานควบคู่กับการใช้โมโนฟิลาเมนท์ พบว่า ก้านหมากเหลืองให้ผลดีกว่าร้อยละ 3.75 โดยก้านหมากเหลืองตรวจพบจุดชาที่ฝ่าเท้าของผู้ป่วยเบาหวาน เท้าซ้ายพบร้อยละ 20.63 เท้าขวาร้อยละ 21.88
ขณะที่โมโนฟิลาเม้นท์ ตรวจพบเท้าซ้ายร้อยละ 19.38 เท้าขวาร้อยละ 18.13 ก้านหมากเหลืองจะใช้ 1 อันต่อเท้า 1 ข้าง แล้วทิ้ง ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย หาได้ง่ายในชุมชน การพบจุดชาที่เท้าผู้ป่วยโรคเบาหวานยิ่งละเอียดยิ่งเป็นผลดีกับผู้ป่วย ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และได้รับการดูแลนวดเท้า กระตุ้นการไหลเวียนเลือดที่เท้าให้ดีขึ้น
นางจงกลนี กล่าวต่ออีกว่า หลังจากที่นำก้านหมากเหลืองมาตรวจเท้าผู้ป่วยตั้งแต่ปี 2556 พบว่า ไม่มีผู้ป่วยมีแผลที่เท้าหรือถูกตัดขาแม้แต่รายเดียว ในขณะที่ในช่วงปี 2554-2555 มีผู้ป่วยเบาหวานถูกตัดขาจากแผลเน่ารักษาไม่หายรวม 3 ราย และเท้าเป็นแผลเดือนละ 4-5 ราย ต้องใช้เวลาดูแลรักษาแผลนานประมาณ 1 เดือน
การจัดบริการผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ รพ.สต.บุ่งคำ ขณะนี้ทำควบคู่กับการนวดสปาเท้าด้วยสมุนไพร โดย อสม. บริการที่ รพ.สต.เดือนละ 1 ครั้ง และมีการติดตามเยี่ยมบ้านเดือนละ 1 ครั้ง ทำให้ผู้ป่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานนานที่สุด 20 ปี ผู้ป่วยอายุมากสุด 70 ปี ผลบริการนี้ช่วยให้เจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยมีความผูกพัน อบอุ่นใจเสมือนญาติครัวเรือนเดียวกัน
Create Date : 15 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 15 ตุลาคม 2557 22:20:27 น. |
|
0 comments
|
Counter : 763 Pageviews. |
|
|