วันนี้
ต้องขอบอกก่อนว่า เราเป็นผู้หญิงคนนึงที่ ณ บัดนี้ได้ลืมตาดูโลกมาแล้ว 27 ปี และผ่านอะไรมาแล้วมากมาย ทั้งดีและไม่ดี
เราเป็นเด็กที่เกิดในกรุงเทพ ป้าช่วยกันเลี้ยงกับแม่แต่พอ 7 ขวบก้ต้องย้ายไปอยู่กับป้าที่ต่างจังหวัด เพราะยายอยุ่คนเดียวไม่ได้แล้ว แม่ก้เลี้ยงเองไม่ไหว เลยต้องไปอยุ่ต่างจังหวัด
เราเกิดมาในครอบครัวที่ฐานะพอมีพอกิน ไม่ได้ร่ำรวย อยากได้อะไรก้ไม่ได้สมใจปราถนา :( และเราเป็นคนที่เรียนไม่เก่ง หัวสมองอยู่ในระดับปานกลางถึงเลวร้าย ขอแค่ให้สอบผ่านๆไปก้ดีใจมากแล้ว
เคยติดเพื่อนจนหนีออกจากบ้านเพราะเพื่อน ติดเหล้า สูบบุหรี่ โดดเรียน ติดเกมส์ สมัยวัยรุ่นมันเป็นวัยที่อยากลอง อยากรู้ อยากเห็น ใครจะพูดอะไรไม่เคยฟัง และเราเรียนไม่จบ ม.5 ที่ต่างจังหวัด เรียนไปได้เทอมเดียวก้หนีออกจากบ้าน แอบไปอยู่เชียงใหม่ได้ 2 เดือนกว่าๆ แม่ก้ตามมาหาจนเจอ และตามเรากลับบ้าน จากนั้นก้ได้มาเรียนต่อที่กรุงเทพ จนจบ ม.6 ในวัย 19 ปี -"- บอกแล้วว่าเราโง่และเราก้สอบไม่ติดมหาลัย แต่ได้ไปเรียนที่รามแทน ใน ม.ราม เราเภปลี่ยนคณะไปครั้งนึง เพราะตอนแรกเลือกเรียน การสื่อสารวิทยุและโทรทัศน์ (ชื่อคร่าวๆคะ เพราะลืมชื่อเต็มและคณะ) หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็น คณะบริหาร สาขาการท่องเที่ยว เราไม่เข้าใจนะว่าทำไมการท่องเที่ยวต้องอยู่ในคณะนี้ เพราะมหาลัยอื่นๆจะอยู่คณะมนุษฯ (รึป่าว?) เราไม่เก่งคณิต ไม่เก่งคำณวนและเกลียดวิชาพวกนี้มาก ทำให้เรียนไม่ผ่านสักเล่ม (บอกแล้วว่าโง่) แต่เราก้เลือกเรียนต่อไปและได้เรียนภาษาเยอรมันควบคู่ไปด้วย
แต่แล้วมีอยุ่วันหนึ่ง วันที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงเกือบทุกอย่าง วันนั้นกำลังรอรถเมล์เพื่อจะกลับบ้าน ได้มีโทรศัพท์เข้ามา เป็นสายจากโครงการ Au-Pair (เรารู้จักโครงการนี้อยู่ สมัยที่พี่สาวเราต้องการบินไปเมกา) คนปลายสายพูดชักชวนต่างๆ บอกว่าสามารถเข้าไปฟังรายละเอียดได้ ไม่สนใจไม่เป็นไร เราก้ปรึกษาแม่ และพี่สาว ตกลงกันได้ว่าจะเข้าไปคุยวันเสาร์สิ้นเดือน ... พอถึงวันเสาร์เราก้เข้าไปคุย พี่สาวเราเลือกที่จะไปอเมริกา เพราะรียนจบ ป.ตรีแล้ว นางเลยสมัครเข้าร่วมโปรแกรม ส่วนเราหรอออออ .... แม่บอกรอไปก่อน แอบเสียใจนะ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะกฏของบ้านหลังนี้คือ พี่สาวต้องมาก่อน ป่อยยยยย~ (เคยเห็นมั้ย ลูกคนเล็กไม่เคยโดนตามใจ ?)
แต่พอหลังจากนั้น เราก้คุยกะแม่นะ ว่าอยากไป ขอไปเยอรมันก้ได้ เพราะเยอรมันใช้วุฒิ ม.6 อ้อนแม่ทุกวันเลย จนแม่คงลำคาญ เลยพาเราไปสมัคร ช่วงนั้นภาษาเยอรมันยังไม่คล่อง ก้มีไปเรียนที่ Goethe แล้วเรียนในรามควบคู่ไปด้วย และใช้เวลาหาโฮสไปด้วย เราคุยกับโฮสหลายที่มาก และก้ผิดหวังหลายที่มาก เพราะเราคือ อะไรก้ได้ ไม่เกี่ยง ในป่าในเขาก้ได้ เพราะเราอยากไปจากตรงจุดนี้แล้ว แต่ก้ผิดหวังทุกครั้ง เพราะตอนนั้นภาษาเยอรมันก้ไม่ค่อยได้ (เหม่ ... คือไปเรียนก้จริงนะ กลับบ้านมาก้คุยภาษาไทย มันคงจะจำได้หรอกถ้าไม่ฝึก) และสุดท้ายก้มีโฮสมีเลือกเรา (คือโฮสเลือกจริงๆนะ ... เราไม่ได้เลือก เพราะอยู่ในสถานะที่เลือกไม่ได้) โฮสคนนี้อยู่มิวนิค พอโดนเลือกปุ๊บ กรี้ดแทบลั่นบ้าน กรี้ดจนหมาตกใจ (ที่บ้านเลี้ยงหมาเก็บมาจากถนน 2 ตัว) รีบโทร.ไปบอกแม่ แม่ก้ดีใจเหมือนกัน และพอถึงขั้นตอนทำเอกสารก้อาจจะวุ่นวายนิดหน่อย ต้องเช็คสุขภาพ ตรวจเลือด ตรวจเอดส์ ตรวจความประพฤติที่สำนักงานตำรวจ ทำวีซ่า รอเอกสารเซ็นยินยอมจากโฮส เช็คตั๋วเครื่องบิน บลาๆๆ คือทำเยอะจริงๆ
พอทำเอกสารและยื่นวีซ่าเสร็จ เราก้ได้คำตอบรับวีซ่าในเดือนกรกฏาคม ว่าวีซ่าเราผ่าน (เรายื่นวีซ่าช่วงมิถุนา 2012 เพื่อบิน 15 สิงหา 2012) ช่วงระหว่างรอบินคือช่วงปลายกรกฏา-ต้นสิงหา เราก้กลับบ้านนอกทันที กะจะกลับไปบอกป้าด้วยตัวเอง แต่เหมือนป้ามีสัมผัสที่ 6 ป่ะ นางรู้นะว่าเรากำลังจะทำอะไร คือป้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก ป้าจะรู้ทุกอย่าง ป้าก้แบบไม่อยากไป ไม่ไปได้มั้ย บลาๆๆๆ และช่วงนั้นลูกของป้าโทร.มาพอดี ป้าก้จัดการฟ้องเลยจ้าาา แต่ลูกของป้า (อยู่ Holland) บอกว่า อย่าห้ามนะ ปล่อยให้มันไป ถ้าห้ามแล้วให้มันอยู่เมืองไทยต่อไป มันจะมีอะไรดีขึ้นมั้ย เรียนก้ไม่จบ ไม่ยอมไปเรียน ไม่ยอมไปสอบ มีแต่นั่งเลี้ยงหมาอยุ่บ้าน (คือหมามันน่ารักนะ ถึงแม้จะเป็นพันธุ์ข้างถนนก้เหอะ) ป้าก้เชื่อลูกสาว ก้ปล่อยให้เราเดินตามความฝัน และเราก้ได้บินมาเยอรมันในวันที่ 15 สิงหาคม 2012 ด้วยวีซ่าAu-Pair
Create Date : 14 ตุลาคม 2557 |
Last Update : 14 ตุลาคม 2557 6:22:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 402 Pageviews. |
|
|