Group Blog
 
 
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
ปรับใหม่ ยาพาราฯ ควรทานครั้งละเม็ด ห่างกันทุก 6 ชม.

            คณะกรรมการพัฒนาระบบยา สั่งแพทย์ปรับวิธีจ่ายยาพาราเซตามอลใหม่ จากเดิมให้ทาน 2 เม็ด ทุก 4 ชั่วโมง เปลี่ยนเป็นทานครั้งละเม็ด ห่างกันทุก 6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ และห้ามทานเกินวันละ 8 เม็ด หลังพบข้อมูลทานเกินขนาดจะเป็นพิษต่อตับ

          สืบเนื่องจากเมื่อปลายเดือนกันยายน 2557 ที่ผ่านมา เครือข่ายโรงพยาบาลกว่า 50 แห่งประเทศ ได้ร่วมหารือกันในเรื่องการใช้ยาพาราเซตามอล หลังพบว่าขณะนี้ผู้ป่วยทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด เสี่ยงต่อเกิดภาวะตับเป็นพิษได้ จึงเสนอให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ปรับวิธีการจ่ายยาพาราเซตามอลใหม่ และเขียนกำกับบนฉลากยาด้วยว่า ไม่ควรทานเกินวันละ 8 เม็ด ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น (อ่านข่าว เครือข่าย รพ. จี้ ปรับวิธีจ่ายยาพาราฯ ห้ามกินเกินวันละ 8 เม็ด)

          เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2557 ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้ากรณีนี้ โดยพบว่าคณะกรรมการพัฒนาระบบยา มีบันทึกข้อความที่ สธ.0519.123/2279 ลงวันที่ 1 ตุลาคม 57 เรื่องการปรับวิธีใช้ยาพาราเซตามอล ส่งถึงประธานคณะกรรมการเภสัชกรรมและการบำบัด (PCT) แล้ว

          โดยบันทึกข้อความดังกล่าวระบุว่า ในต่างประเทศมีรายงานข้อมูลเรื่องการใช้ยาพาราเซตามอลในขนาดที่สูงมากว่ามีความเสี่ยงที่จะทำให้ตับถูกทำลายอย่างรุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้เครือข่ายโรงพยาบาลส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผลโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ต่างจังหวัดและโรงพยาบาลเครือข่ายโรงเรียนแพทย์ประมาณ 50 แห่ง ได้รับทราบถึงอันตรายในการรับประทานยาพาราเซตามอลมากจนมีอันตรายต่อตับ จึงได้นำร่องส่งเสริมการใช้ยาดังกล่าวอย่างสมเหตุผล และเริ่มต้นที่โรงพยาบาลเหล่านี้ไป

          โดยโรงพยาบาลเหล่านี้ได้เขียนรายงานการสั่งยาของแพทย์ให้จ่ายยาพาราเซตามอลให้ผู้ป่วยหญิง 1 เม็ด รับประทานทุก 6 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยชายให้พิจารณาเป็นรายบุคคล จากเดิมที่เขียนสั่งจ่ายยาพาราเซตามอล 2 เม็ด รับประทานทุก 4 ชั่วโมง พร้อมกับระบุห้ามใช้ยาพาราเซตามอลเกิน 8 เม็ดต่อวัน เพราะเป็นพิษต่อตับ

          ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการพัฒนาระบบยา จึงเห็นควรมีมติให้ปรับการใช้ยาพาราเซตามอลใหม่ ตามคำแนะนำของ Ration drug use (RDU) Label orking Group คือ ให้รับประทานยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม/เม็ด ครั้งละ 1 เม็ด ห่างกันทุก 6 ชั่วโมง เมื่อมีอาการปวดหรือมีไข้ ทั้งนี้ห้ามทานเกิน 8 เม็ดต่อวัน เพราะอาจเป็นพิษต่อตับได้ อย่างไรก็ตามคำแนะนำนี้ใช้สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ส่วนกรณีเด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักน้อย ให้ยึดตามคำสั่งแพทย์




Create Date : 10 ตุลาคม 2557
Last Update : 10 ตุลาคม 2557 17:35:03 น. 0 comments
Counter : 274 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1533932
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




************************************** ครีมตัวขาว | ครีมผิวขาว | ครีมทาผิวขาว | ครีมขาว | รักษาหลุมสิว | ยารักษาสิว | ครีมรักษาสิว | สิวอุดตัน | หลุมสิว | สมุนไพรรักษาสิว | การรักษาสิว | หน้าใสไร้สิว | รักษาสิวอุดตัน | สิวอักเสบ | ผลิตภัณฑ์รักษาสิว วิธีรักษาสิวอุดตัน | สิวผด | ครีมหน้าใสไร้สิว | ครีมรักษาหลุมสิว | วิธีรักษาสิวอักเสบ | ครีมรักษาสิวอุดตัน | ยาคุมรักษาสิว | สิวเสี้ยน| รักษารอยดําจากสิว| บีบสิว| สิวหัวช้าง | รักษาสิวผด รักษาสิวด้วยตัวเอง|รักษาสิวที่ไหนดี | กดสิว| วิธีรักษาสิวผด| ครีมลดรอยสิว| วิธีลดสิว| สิวอุดตัน pantip | วิธีลดรอยดําจากสิว | โฟมล้างหน้า | วิธีทําให้สิวหาย | รอยแดงจากสิว | ยาแต้มสิว|ยารักษาสิวอักเสบ | เป็นสิว| สิวหัวดํา| ครีมลดสิว| ยากินรักษาสิว| ครีมรักษาสิวที่ดีที่สุด | ครีมสิว | อาหารรักษาสิว   | รักษาสิว pantip สบู่รักษาสิว
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 1533932's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.