Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
21 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 

การปลูกฝังนิสัยรักการออมในเด็ก

การปลูกฝังนิสัยรักการออมในเด็ก


นิสัยการใช้เงินหรือนิสัยการออมเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการปลูกฝังและได้ รับการสอนตั้งแต่เด็กๆ อย่างที่เราเคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” เช่นเดียวกับการสอนให้เด็กรู้จักออมจะต้องได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ก็เปรียบเสมือนคุณครูคนแรกของลูกแต่ละคน ซึ่งหากรากฐานที่มาจากสถาบันครอบครัวมีการปูพื้นฐานที่ดีในเรื่องของ พฤติกรรมการใช้เงิน

แล้ว ก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะติดตัวกับเด็กตลอดไป การปลูกฝังให้เด็กรู้จักการออมตั้งแต่เด็กๆจะทำให้เด็กเหล่านั้นได้รู้จัก คุณค่าของเงินมากขึ้นและรู้จักประมาณตนเองไปพร้อมกัน


ในช่วงวัยเด็กคุณพ่อและคุณแม่ควรที่จะปลูกฝังให้ลูกหลานของท่านรู้จักใช้ รู้จักออม เพราะลูกจะได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการด้านการเงินได้ เป็นอย่างดีและการรู้จักใช้ และรู้จักเก็บในเวลาที่จะใช้จ่ายในแต่ละครั้งนั้นจะทำให้เด็กรู้คุณค่าของ เงินมากขึ้น การที่พ่อแม่จะสอนให้ลูกรู้จักออมพ่อแม่ก็ควรจะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีก่อน เพราะการเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น จะทำให้ลูกปฎิบัติตามได้ง่ายขึ้นเช่นเมื่อคุณแม่ไปธนาคารบ่อยๆ ลูกก็จะถามว่า “คุณแม่ไปธนาคารทำไมคะ” ซึ่งคุณแม่ก็จะตอบว่า “ก็เอาเงินไปฝากให้ลูกไงคะ” ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ดีอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เด็กจดจำสิ่งที่คุณแม่ทำให้ เป็นตัวอย่างของการออม


พอคุณพ่อคุณแม่เป็นตัวอย่างที่ดีได้แล้ว ลูกก็สามารถเห็นภาพและจึงเกิดทัศนคติที่ดีต่อการออม หลังจากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ควรปลูกฝังในเรื่องต่างๆ เช่น การสอนให้เหลือเงินเก็บจากการที่ได้ค่าขนมไปโรงเรียนเมื่อญาติผู้ใหญ่ให้ เงินก็สอนให้เก็บสะสมไว้ เมื่อเก็บสะสมเงินได้จำนวนมากพอก็สอนให้นำไปฝากธนาคาร สอนให้ใช้เงินอย่างประหยัดและรู้จักค่าของเงิน โดยให้ลูกพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมก่อนที่จะนำเงินที่เก็บออมไป ใช้


เมื่อลูกอยากได้อะไรพ่อแม่ก็สอนให้เก็บเงินเพื่อซื้อสิ่งของนั้นๆ ให้ลูกมีเป้าหมายของชีวิตในเรื่องการออมเงินเพื่อสามารถนำเงินไปใช้ได้ใน อนาคต เมื่อเกิดความจำเป็นเมื่อลูกอยากได้อะไรคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องให้ลูกใช้ความ พยายามในการเก็บเงินเพื่อให้ได้สิ่งของนั้นมาอย่าซื้อให้ง่ายๆ เด็ดขาดเพื่อที่ลูกจะได้เห็นคุณค่าของสิ่งของ และเห็นคุณค่าของเงินด้วย เมื่อลูกได้รับเงินมากก็สอนให้ลูกรู้จักเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งก่อน เช่น สมมติว่าได้รับเงินจากพ่อแม่สัปดาห์ละ 500 บาท ก็ต้องเก็บออมไว้ก่อน 100 บาท แล้วที่เหลือจึงค่อยใช้ เพราะถ้าเราใช้ก่อนเก็บเงินอาจจะไม่เหลือให้เก็บก็ได้ และเมื่อลูกเก็บเงินได้ระดับหนึ่งก็คุณพ่อคุณแม่อาจจะสมทบให้เป็นเท่าตัว เพื่อสร้างกำลังใจให้เด็กๆ เช่นเมื่อลูกเก็บเงินได้ 1,000 บาท ลูกก็จะมีเงินฝากเป็น 2,000 บาท เพื่อสร้างกำลังใจให้ลูกและเป็นการกระตุ้นการออม เมื่อลูกเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยหรือจบการศึกษาออกมามีงานทำและมีเงินเดือนเป็น ของตนเองก็สอนให้เขารู้จักบริหารเงิน โดยแบ่งเป็นเงินสำหรับการออม เงินสำหรับการลงทุน เงินใช้จ่ายประจำวัน สำหรับการลงทุนที่ไม่เสี่ยงมาก เช่นการซื้อพันธบัตรรัฐบาล การซื้อกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อเพิ่มค่าให้มากขึ้น และสอนให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายเพื่อการออมเพื่อไปให้ถึงจุดมุ่งหมาย เช่นต้องเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 1,000,000 บาท ก่อนอายุ 40 ปี เป็นต้น


สังคมในปัจจุบันเด็กๆมีสิ่งยั่วยุเป็นจำนวนมาก และพ่อแม่ยุคปัจจุบันก็ต้องทำงานมากขึ้น ทำให้มีเวลาอยู่กับลูกน้อยลง จึงเลือกใช้วิธีการจ่ายเงินเพื่อซื้อของให้ลูกเป็นการทดแทนที่มีเวลาอยู่กับ ลูกน้อยลง ทำให้ลูกไม่รู้จักคุณค่าของเงินและใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง และจะก่อให้เกิดปัญหาด้านการเงินในอนาคต แต่ถ้าแต่ละครอบครัวช่วยกันปลูกฝังนิสัยการออมและการใช้เงินอย่างรู้คุณค่า อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก เชื่อว่าเมื่อเด็กเหล่านี้โตขึ้นก็จะไม่ประสบปัญหาเรื่องการเงินจากความไม่ มีวินัยด้านการใช้จ่าย


ดังนั้น การสอนให้ลูกรู้จักการออมและรู้จักการใช้เงินตั้งแต่ลูกยังเล็กจึงเป็นสิ่ง ที่จำเป็น วิธีการสอนลูกดังกล่าวข้างต้นอาจปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละครอบครัว แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกครอบครัวจะต้องชี้ให้ลูกเห็นก็คือคุณประโยชน์ที่ได้จาก การออมและการเลือกใช้เงินอย่างชาญฉลาด โดยยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมให้ลูกของตนได้เห็นถึงข้อดีของการออมเงินและ รู้จักใช้เงิน ในเวลาเดียวกันพ่อแม่ก็ควรจะแสดงให้เห็นตัวอย่างของคนรอบๆตัวที่ไม่รู้จัก การบริหารเงินของตนเองและในที่สุดบุคคลเหล่านั้นก็มีปัญหาทางการเงิน หรือทุกข์ที่เกิดจากการมีหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้จักการบริหารจัดการเงินของตนเองที่ดี จากตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเหล่านั้นจะทำให้ลูกตระหนักถึงคุณค่าของเงินและ รู้จักการออมขึ้นมาทันที



โดย คุณวีระชาติ ชุตินันท์วโรดม
ที่มาTSI Investment Wiki

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
//www.tsi-thailand.org/
//www.set.or.th/





 

Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551
6 comments
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2553 0:27:09 น.
Counter : 1672 Pageviews.

 

เห็นกระปุกออมสินแบบนี้แล้วนึกถึงตอนเด็กๆค่ะ

 

โดย: asita 22 พฤศจิกายน 2551 1:48:36 น.  

 

อยากได้กระปุ๊กสักอัน ไว้ให้ลูกชายค่ะ ตอนนี้กินเก่งละเกิ๊นนน

 

โดย: nattawara 22 พฤศจิกายน 2551 2:22:31 น.  

 



หวัดดีจ้า น้องกุ๊กไก่

เห็นกระปุกแล้วคิดถึงตอนเด็กๆ
ช่วงนี้พี่เหนื่อยๆ เพลียๆ
ว่าอาจจะหยุดอัพบล๊อก
แต่หยุดไม่ได้คิดถึงเพื่อน ๆ อิอิ

ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะจ่ะ
คิดถึงจ่ะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 22 พฤศจิกายน 2551 3:00:44 น.  

 

แม่อ้วนเก็บเงินไม่เก่งเลยพับผ่า
ป่านนี้แล้วไม่มีเงินเก็บ
ใช้เหมือนจะตายซะวันนี้พรุ่งนี้ อิอิ

 

โดย: แม่อ้วนคนสวย 22 พฤศจิกายน 2551 6:46:38 น.  

 

กระปุกออมสินแบบนี้ ใช่ของธนาคารออมสินแน่ ๆเลย

ตอนเด็ก ๆนางฟ้าหยอดกระปุกเป็นรูปสัตว์น่ะค่ะ
พอเต็มแล้วต้องตีให้แตก ไม่งั้นเอาเงินออกไม่ได้

หลานสาวนางฟ้า ชื่อ เล่นชื่อออมสิน นางฟ้าเป็นคนตั้งชื่อให้เขาเองค่ะ...

 

โดย: นางฟ้าของชาลี 22 พฤศจิกายน 2551 7:51:21 น.  

 

วันนี้วันเสาร์เอากระเป๋าไปใส่กระปุก กระปุกงานแต๊ค่ะ อยากได้มั่ง

ป้าไม่เคยสอนลูกให้เก็บออมเลยค่ะ

ไม่เคยให้เงินลูกไปโรงเรียน นี่เรื่องจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่น

 

โดย: Oops! a daisy 22 พฤศจิกายน 2551 8:36:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ยายกุ๊กไ่ก่
Location :
อุบลราชธานี
Malaysia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




















Friends' blogs
[Add ยายกุ๊กไ่ก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.