Group Blog |
Once Upon a Time@Maldives-Medhufushi Island Resort สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ สำหรับทริปนี้ ก็น่าจะเป็นทริปในฝันของใคร ๆ อีกหลายคน ทะเลเมืองไทยก็มี แต่ก็อยากไปทะเลที่มัลดีฟส์ ที่ใคร ๆ ก็บอกกันว่าสวยมาก ๆ ก็เลยจัดไปทริปมัลดีฟส์ 13-17 พค. 2553 ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในบ้านเมืองพอดีเลย (ขอเปิดด้วยภาพเรียกน้ำย่อยนิดนึง) ^^  สำหรับทริปนี้ซื้อตั๋วเครื่องบินของ bangkok airways เป็นแบบ flyer pass 21,100 บาทต่อ 2 คน (คนละ 10,550) โปรโมชั่นนี้ออกเมื่อปี 2552 ซึ่งถูกมาก ๆ พอเห็นโปรโมชั่นตั๋วออกปุ๊บก็รีบคว้าทันที ไปเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เพราะมัลดีฟส์เป็นประเทศในฝัน เกิดมาก็ขอไปซักครั้งหนึ่งเถิด เราออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ 17:30 ถึงสนามบินมาเล่ 19:55 ค่ะ เราต้องนั่งเรือข้ามฝั่งไปที่เมืองมาเล่ คืนแรกเราพักกันที่ Hotel Relax Inn อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาที  เช้าวันแรกในเมืองมาเล่ ขอเดินสำรวจบ้านเมืองนิดนึงค่ะ จะดูเงียบเหงาซักหน่อย เพราะวันแรกของเราเป็นวันศุกร์ซึ่งเป็นวันหยุด วันทำงานของราชการ คือ วันอาทิตย์ถึงวันพฤหัสบดี เวลา 7:30-14:30 ส่วนเวลาทำงานเอกชน ร้านค้าทั่วไป 9:00-17:00 และเปิดวันเสาร์ช่วงเช้าถึงเที่ยง วันหยุดทั่วไปจะเป็นวันศุกร์และวันเสาร์  เดินเล่นในมาเล่อยู่พักนึง เห็นมันเงียบ ๆ เลยขอตัวไปเก็บของ เตรียมตัวข้ามฝั่งไปที่เกาะที่เป็นสนามบิน เพื่อเตรียมไปขึ้น sea plane กันค่ะ เรานั่งเรือ dhoni ค่าเรือคนละ 1 US. มีคนเรือช่วยหิ้วกระเป๋าขึ้นลงจากเรือให้ค่ะ  นั่งเรือข้ามฝั่งมาถึงสนามบิน น้ำทะเลสีฟ้าใสกิ๊กเชียว นี่ขนาดยังไม่ถึงรีสอร์ทที่พักยังสวยขนาดนี้เชียว   เมื่อไปถึงก็หาเคาน์เตอร์ที่เราต้องติดต่อเรื่องที่พักและ sea plane ค่ะ รถ maldivian air taxi คันนี้ล่ะค่ะ ที่จะพาเราไปขึ้น sea plane กัน  พอไปถึงเราก็นั่งรอเวลาขึ้นเครื่องกันค่ะ  ระหว่างที่ต้องรอขึ้นเครื่อง ก็ขอไปเก็บภาพงาม ๆ กันดีกว่าค่ะ ทะเลที่นี่ใสมาก ๆ จะออกไปทางสีเขียว     ได้เวลาขึ้นเครื่องกันแล้วค่ะ  วิวด้านล่าง สวยมาก ๆ เลยค่ะ ตอนอยู่บนเครื่องก็ยังตื่นเต้นอยู่เลย แบบว่าครั้งแรกในชีวิต    เราใช้เวลาบนเครื่อง ประมาณ 40 นาทีค่ะ ก็จะถึงรีสอร์ทที่พัก  ถึงรีสอร์ทแล้วค่ะ เราจะพักกันที่ Medhufushi Island Resort ซึ่งตั้งอยู่บน Meemu Atoll  ภาพแรกที่เห็น ท้องฟ้าสดใส น้ำทะเลใสกิ๊ก นี่มันสวรรค์รึป่าว สวยมาก ๆ เลยค่ะ  ไปถึงก็จะมี welcome drink ต้อนรับ มัวแต่ตื่นเต้นเลยลืมเก็บภาพ ซัดซะเกลี้ยงเลย อิอิ...  มาดูห้องพักกันดีกว่าค่ะ จริง ๆ แล้วจองห้องแบบ water villa และอาหารเป็นแบบ half board (อาหารเช้า เย็น ไม่รวมเครื่องดื่ม) แต่พอไปถึง ทางผู้จัดการแจ้งกับเราว่า water villa มีปัญหาไม่สามารถใช้ได้ ให้ไปพักแบบ beach villa แทน แต่มีกิจกรรมฟรีให้เราหลายอย่าง เช่น Spa, Island Hopping, Sunset Fishing และอาหารเป็นแบบ All Inclusive (อาหารเช้า กลางวัน เย็น พร้อมเครื่องดื่ม) เรากับเพื่อนก็ตอบโอเคเลย เห็นแก่ของฟรี อิอิ แล้วราคาห้อง water กับ beach ก็ต่างกันนิดเดียว (อ้อ ทริปนี้เราไปเที่ยวกับเพื่อนค่ะ กลัวว่า มัวแต่รอไปกับแฟน ชาตินี้คงไม่ได้ไปแน่ ๆ เลย) 555 นี่เป็นหน้าห้อง beach villa ที่เราพักค่ะ    เก็บของเสร็จแล้ว ก็ไปนัดเวลาทำสปาค่ะ พอดีช่วงที่ไปมีเวลาว่างพอดี เลยขอทำสปากันก่อนเลย นี่เป็นสภาพห้องหลังจากทำสปาเสร็จแล้ว ผ้าห่มดูยับเยินนิดนึง ^^  ทำสปาเสร็จแล้ว ก็ขอเดินสำรวจรีสอร์ทซักหน่อย ที่เห็นเป็น water villa ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ คิดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้นอน โอกาสหน้าละกันค่ะ  เห็นไกล ๆ โน่น เป็น Honeymoon Villa เวลาจะไปกลับจากฝั่ง ต้องนั่งเรือไปค่ะ ดูเป็นส่วนตัวจังเลย  ทางไป water villa   ต่อกันวันที่สองค่ะ ช่วงเช้าฝนก็ตกซะแล้ว แต่ตกแป๊บเดียวหยุดค่ะ วันนี้กิจกรรมช่วงเช้าเป็น Island Hopping ส่วนช่วงเย็นเป็น Sunset Fishing ค่ะ เรานั่งเรือออกไปชมเกาะที่อยู่แถว Meemu Atoll กัน  มาเดินชมรอบๆเกาะกันค่ะ  ตึกนี้เป็นโรงเรียน วันที่ไปเป็นวันเสาร์โรงเรียนหยุดพอดีค่ะ  คุณลุงกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานสานใหญ่เลย  รอยจารึกชื่อนักบอลระดับโลก  ร้านขายของที่ระลึก  ที่นั่งแบบนี้จะพบเห็นอยู่ทั่วไปในหมู่บ้านนี้  หลังจากชมเกาะจนจุใจแล้ว ก็ถึงเวลาสำคัญ นั่นก็คือ ว่ายน้ำค่ะ เรากับเพื่อนว่ายน้ำแข็งมาก ๆ ขอรอบนเรือแล้วกัน อิอิ ส่วนใหญ่จะมีแต่ฝรั่งโดดตูมกันลงไป มีเรากับเพื่อน แล้วคู่เกาหลีกับคู่ฝรั่งอีกคู่ ขออยู่บนเรือถ่ายรูปกันดีกว่า  บางคู่ก็ว่ายกันไปขึ้นฝั่งโน้น แรงเยอะกันจริง ๆ ค่ะ  เสร็จจากกิจกรรมช่วงเช้า ก็กลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อเตรียมสำหรับกิจกรรมช่วงเย็นนี้ เราจะไป Sunset Fishing กันค่ะ เราต้องออกเรือไปไกลพอสมควรเลย เพื่อไปตกปลากัน  คนเรือกำลังแร่ปลาเพื่อใช้เป็นเหยื่อสำหรับตกปลา  ทุกคนได้เวลาตกปลากันแล้ว  ปลาที่ตกกันได้ทั้งหมดของทุกคนในเรือ ดูน่าสงสารจัง ตอนกลับฝนตกหนักมาก เปียกปอนกันไปตาม ๆ กัน  มาต่อวันสุดท้ายกันค่ะ หลังจากกลับจากตกปลา คืนนั้นฝนก็ตกทั้งคืน นอนหลับกันสลบไสล อาจเพราะเหนื่อยจากการทำกิจกรรมทั้งวัน ตื่นเช้าขึ้นมา ฝนก็ยังตกไม่หยุด เลยขอนอนต่อ จนสาย ๆ ฝนถึงหยุดตก เราก็เตรียมเก็บของเพื่อเช็คเอาท์ตอนบ่าย ช่วงเวลาที่เหลือเลยขอเดินสำรวจรีสอร์ท เก็บภาพสวย ๆ กันต่อ ว่าแล้วก็มาที่สระว่ายน้ำหน้าชายหาด สีน้ำในสระกับสีน้ำทะเลเข้ากันจังเลยค่ะ    น้ำทะเลสีสวยมาก ๆ    เราถ่ายรูปเล่นกัน จนถึงเวลาที่ต้องขึ้น sea plane กลับ  มาถึงสนามบินประมาณหกโมงเย็น แต่เครื่องออก 22:30 จะข้ามเรือไปมาเล่เดินเล่น ก็ดูเวลาจะกระชั้นชิด เลยขอนั่งรอที่สนามบินดีกว่า  ดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่ในชีวิตหนึ่งได้มาเที่ยวมัลดีฟส์ ทะเลในฝันของใครอีกหลาย ๆ คน ถ้ามีโอกาสก็อยากมาเที่ยวอีกค่ะ ก็ถ้าบางกอกแอร์เวย์มีโปรโมชั่นตั๋วราคาถูกแบบนี้ออกมาอีก ขอไปซ้ำอีกรอบแน่นอนค่ะ     สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปมัลดีฟส์ สำหรับ 2 คน ค่าตั๋วเครื่องบิน 21,100 บาท ค่าที่พัก hotel relax inn จำนวน 1 คืน 107.10 US ค่าที่พัก medhufushi island resort พร้อมอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 2 คืน 274 UK ค่า sea plane ไป-กลับ 424 UK ค่าน้ำดื่ม,ข้ามเรือ,อินเตอร์เน็ต,ทิป 35 US รวมทั้งหมด 60,734 บาท ต่อ 2 คน ค่าใช้จ่ายต่อคน 30,367 บาท
|
ksw_jubja
 ฝากข้อความหลังไมค์ Rss Feed  Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |
||||||||||||
I love Maldives so much, we go there every year with our friends ! we charter our own private wooden vessel . According to me cruising is the most interesting and beautiful way to discover this fantastic country. We always book through a local travel agency ( //www.cruise-maldives.com ), they provide us with private vessel with crew, food, drinks , excursions and we cruise around Maldives , visiting deserted islands, local islands, snorkeling in tourists free area, massage on sandbank .... I miss maldives so much !!!!!! I loved your pictures so much , it brings back so many memories, looking forward going back there in March again :-)