รู้อะไร ก็มิสู้ รู้จักกัน
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
18 ธันวาคม 2553

อนาคต อนางอ

//www.pantip.com/cafe/silom/topic/B10007514/B10007514.html


จากกระทู้ดังกล่าว ผมว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริหารของมหาวิทยาลัยราชภัฏทุกท่าน ในการนำไปกำหนดเป็นนโยบายที่จะดูแลบุคลากรของท่าน ซึ่งสายตรงอธิการ หรือ คณบดี น่าจะได้ข้อมูลเฉพาะภายใน

แต่มุมมองจากบุคคลภายนอก ซึ่งเคยเป็นบุคลากรภายใน เขาก็ระบายให้ฟังในกระทู้นี้แล้ว

ขอบคุณสำหรับผู้ที่ส่ง fwd mail มาให้

สำหรับในทัศนะส่วนตัวผมแล้ว ผมมีความคิดเห็นว่า

สำหรับคำว่ามี "มีอนาคต" กับ "ไม่มีอนาคต"

หากเอา เงิน ค่าตอบแทน รายได้ เป็นตัวตั้ง การเป็นอาจารย์อยู่ใน มหาวิทยาลัยราชภัฏ ไม่มีอนาคตแน่นอนครับ

เพราะสภาวะเศรษฐกิจมันบีบบังคับเราอยู่ทุกวินาที หนีไม่ได้ นอกจาก ตาย

สำหรับผม ทำงานเป็นอาจารย์อยู่คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มาร่วมสิบปี (เป็นอัตราจ้างอยู่หนึ่งปีได้รับเงินเดือน 7,780 บาท)

ปัจจุบันได้รับการบรรจุเป็นครูน้อย ซี 6 รับเงินเดือน 15,040 บาท

หัก กบข. แล้ว เหลือใช้ประมาณ หมื่นสี่ต้น ๆ

โหลดสอนไม่มี รายได้พิเศษไม่มี เพราะวัยรุ่นไม่นิยมเรียนเกษตร จะเป็นภาพที่เห็นชีวิตชาวนาจน คนขายน้ำมันรวย ตั้งแต่พวกเขาเกิดก็ไม่รู้ได้

อนาคตชาวนา อนาคตของอาจารย์อยู่ราชภัฏ จะเหมือนกันไหม ?

อันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองการใช้ชีวิตของแต่ละคนครับ

ชีวิตมีทางเลือกให้เดินเสมอ ขอเพียงให้เราเลือกด้วยตัวของเราเอง

ผมโชคดี ที่มีดวงนารีอุ้มชู กล่าวคือ

เกิดมา มารดาก็รับเลี้ยงเลย ไม่นำไปทิ้งวัดเหมือนในข่าว

เรียนมหา'ลัย แฟนก็ให้เบี้ยเลี้ยง

ปัจจุบันนี้ เมียก็หาเลี้ยง ครับ เพียงแต่ซักผ้า รีดผ้า ดูแลลูก ๆ ทำงานบ้านและการบ้านบ้างก็เท่านั้น

คะเนว่าอีกไม่นาน ลูกสาวผมก็คงจะเลี้ยงผมต่อจากแม่เค๊า

เมียภูมิใจในตัวผมมากที่ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ

พ่อแม่ ภูมิใจผมมาก ที่ผมได้เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏ

เพื่อนร่วมงานก็ดีใจที่ผมเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏที่ทำให้เขาอารมณ์ดีเกือบทุกวันที่เจอหน้าผม

ลูกศิษย์ก็ดีใจที่มีผมเป็นอาจารย์สอนอยู่คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาราชภัฏมหาสารคาม

ดังนั้น มุมมองของผม สำหรับการมีอนาคตในการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏก็เลยอยู่ที่

"ความภูมิใจ และ การทำให้คนในมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามมีความสุข"

บางคนอาจจะมองว่า ก็คุณเป็นราชการ คุณก็พูดได้สิ คุณมีเมียเลี้ยง คุณก็พูดได้สิ

แต่หากพิจารณาอีกที ศักดิ์ศรีคุณไม่มีเลยหรือ(ให้เมียหาเลี้ยง) ? หัวหน้าครอบครัว ? หัวหน้าการงาน ? คุณจะไม่ทำเลยหรือ ?

ศักดิ์ศรี อุดมการณ์ ผมมันก็มี แต่มีไม่ถึงระดับที่คนอื่นๆ คิดว่าจะมีเท่านั้นเอง

เพราะผมคิดว่า เมืองพอแต่ละคนนั้นไม่มี ที่ผมเห็น ผมเห็นแต่ เมืองพล เท่านั้นเองครับ

และอีกอย่างการมองโลกแง่ดีทุกวัน ผมค้นพบว่า ศักดิ์ศรีมันหายแบบปลิดทิ้งเลยครับ

จากสิ่งที่ผมได้แสดงความคิดเห็นไป ผมไม่ได้พูดเพื่อที่จะเอาตำแหน่งหน้าที่บริหาร หรือเลื่อนขั้นเงินเดือนใด ใด นะครับ

เพราะผมเพิ่งลาออกจากงานตำแหน่งบริหาร ซึ่งมีเงินประจำตำแหน่งเพียงพอที่จะทำให้ผมมีอนาคตที่ดีได้

และผมก็คะเนว่า ผมจะไม่หวนกลับมาวงการในช่วง สิบปี ข้างหน้านี้

ผมอยากมีอนาคตที่ "สงบ" และอยู่ท่ามกลางลูกศิษย์ของผมอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

หากมีชีวิตที่ลงตัว เพราะผมมี ครอบครัวดี เพื่อนที่ทำงานก็ดี สังคม สิ่งแวดล้อม มหาสารคามก็ดีไปหมด

ดังนั้น วันทุกวันมันก็จะกลายเป็นวันที่ดี ที่มีอนาคตสำหรับผมทุกวันเองครับ (หากผมอยู่มหาสารคาม)

อาจารย์ที่อยู่คณะฯของผม ส่วนใหญ่เป็นพนักงาน (อาจารย์ข้าราชการทั้งคณะเหลือสี่คน) ทุกคนชอบชีวิตที่ลงตัวและสงบ

บางคนลาออกจากวิศวกรเงินเดือนหลายหมื่น มารับเงิน 7780 บาท ผมเป็นกรรมการสัมภาษณ์ถามว่าทำไมเลือกมาเป็นอาจารย์ อาจารย์เขาบอกว่าอยากอยู่ใกล้ลูก และครอบครัว

รุ่นน้องลาออกจากอาจารย์ ม.เกษตร บางเขน มาสมัครเป็นอาจารย์ที่คณะฯผม เหตุผลเพราะอยากอยู่กับลูกและเมีย ชีวิตครอบครัวที่สงบ

ส่วนคนอื่น ๆในคณะเล็ก ๆ ของผม ก็ให้เหตุผลใกล้เคียงกันคือ ได้อยู่ใกล้บ้าน ใกล้พ่อแม่ ใกล้ครอบครัว แม้เงินจะอัตคัด ขัดสน แต่ก็พออยู่ได้โดยไม่ลำบากมากนัก

ส่วนผม ทุกวัน ภริยาให้ผมใช้วันละหนึ่งร้อยบาท ลูกสองคน ได้เฉพาะคนโตวันละ ห้า บาท เรียนอยู่ ร.ร. สาธิตราชภัฏมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

บางวัน ตอนเย็นลูกชายผม อาจจะมีขยะเก็บมาจากโรงเรียน เพื่อให้แม่เขาพาไป ขายแล้วนำเงินมาฝากเข้าบัญชีอีกด้วย

ตอนเที่ยงผมก็หารเงินกันกับเพื่อนร่วมงานไปกินข้าว ก็อิ่มอร่อย แถมเบียร์บ้างนิดหน่อย

แต่เดี๋ยวนี้เพื่อนกินก็เริ่มหายากขึ้นทุกวัน เพราะทุกคนงานล้นมือจนไม่มีเวลามานั่งทานข้าวด้วยกัน

โรงอาหารในมหาลัย ข้าวจานละ ยี่สิบ บาท เงินตั้งหนึ่งร้อยบาท ผมเลือกกินทุกอย่างได้อย่างสบายใจ จะเอาอิ่มแค่ไหนก็ได้

ซองกฐิน ผ้าป่า งานตาย งานแต่ง ภาษีสังคม ผมก็ให้เขาหักเงินเดือนเอา เพราะผมไม่มีเงินสด

อาจจะเรียกได้ว่า ทำบุญผ่อนส่งก็ได้ แต่ก็ยังดีกว่า ตายผ่อนส่งนะผมว่า

ทุกวันนี้ก็อยู่ไปในแต่ละวันให้มันสุขที่สุด เท่าที่จะสุขได้

เพราะเมื่อหลับตาลงนอน "at the end of the day" ผมไม่รู้ล่วงหน้าว่า ลมหายใจของผมยังจะอยู่ที่ปลายจมูกที่มีขนเยอะ ๆ อีกหรือไม่ ?

จมูกนั้น ดังนั้น วันทุกวันที่ยังมีลมหายใจ ผมจึงถึงว่าวันนั้นจะเป็นวันที่ดีที่สุดของผมอีกวันหนึ่ง

พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ ถ้ามีลมหายใจเหลืออยู่ปลายรูจมูก(ที่มีขนเยอะ ๆ และเริ่มงอกไปแล้วบางเส้น)

ดังนั้น ในทัศนของผม การเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏ มันก็มีอนาคต และ ไม่มีอนาคต ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยในชีวิตและภูมิสังคมของแต่ละคน โดยเฉพาะมุมมอง ทัศนะในการใช้ชีวิตของแต่ละคน

แต่สำหรับผมแล้ว การเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม

มันมีอนาคตทุกวันครับ



Create Date : 18 ธันวาคม 2553
Last Update : 27 ธันวาคม 2553 12:42:00 น. 3 comments
Counter : 849 Pageviews.  

 
นอกจากมีอนาคตแล้ว
อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นอาชีพสุจริตอีกอาชีพหนึ่ง


โดย: seton วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:21:19:07 น.  

 
ทักทายตอนสายๆๆ สุขสันต์วันคริสต์มาส นะคะ


โดย: seton วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:9:39:12 น.  

 
เช่นกันครับ

และก็ ปีใหม่ เดินทางปลอดภัย ขอให้สุขใจยิ่ง ยิ่งกว่าปีนี้นะครับ


โดย: ครูตู้ (ครูตู้ ) วันที่: 27 ธันวาคม 2553 เวลา:12:43:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ครูตู้
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ธรรมะ" ใด ใด ก็ไร้ค่า ถ้า "ไม่ทำ"
[Add ครูตู้'s blog to your web]