|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
..กากีเหมือนดอกไม้..
เพลง กากีเหมือนดอกไม้ ขับร้องโดย ชรินทร์ นันทนาคร
เมื่อวานนี้เห็นเพื่อน ๆ สมาชิกพูดถึงเรื่องครุฑ ด้วยความ..งง..(งานเยอะมั้ง..อิอิ).. แต่ก็ยังมีสติอยู่นะ..เลยคุยแทรก ๆ เค้าอย่างไม่รู้ที่มาที่ไป..ถึงเรื่องทีว่าพญาครุฑนิสัยไม่ดี ลักลอบนางกากีไปจากท้าวพรหมทัต วันนี้ก็เลยไปค้นคว้ามาฝากกัน ฟังนะคะครูใบตองจะเล่านิทานให้ฟังค่ะ
นานมาแล้ว ยังมีพระราชาองค์หนึ่งพระนามว่า พรหมทัต ครองเมืองพาราณสี พระองค์ทรงมีพระมเหสีสาวสวยชื่อ กากี ซึ่งมีกลิ่นกายหอมดุจกลิ่นดอกมณฑา ถ้าหากชายใดถูกต้องผิวนางกลิ่นกายนางก็จะติดตัวชายนั้นไปนานถึงเจ็ดวัน และแม้ว่าพระองค์จะมีพระสนมมากมายนับพัน ๆ คน แต่พระองค์ทรงรักพระนางกากีมากที่สุด
นอกจากจะมีพระมเหสีผู้เลอโฉมแล้ว พระองค์ยังมีคนธรรพ์เป็นผู้ให้ความบันเทิงและเป็นที่ปรึกษาในเวลาเดียวกันอีกด้วย เมื่อมีเวลาว่างพระองค์จะทรงเล่นสกากับอำมาตย์ผู้ใหญ่และเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมโดยคนธรรพ์ชื่อว่า นาฏกุเวร
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาทรงมีนัดหมายเล่นสกากับพญาครุฑ และแล้วพญาครุฑก็เหาะบินออกจากวิมารฉิมพลีข้ามป่าและมหาสมุทรมายังเขตแดนพาราณสี โดยปกติแล้วพญาครุฑจะเล่นสกากับพระราชาทุก ๆ เจ็ดวัน และทุกครั้งก่อนที่จะเข้ากำแพงเมืองเขาก็จะแปลงกายเป็นมาณพรูปงาม ทั้งนี้เพื่อปกปิดสถานภาพที่แท้จริงของตนไว้ เพราะการปรากฏกายของเขาจะทำให้คนแตกตื่นไปทั้งเมือง
วันหนึ่งเย็นมากแล้ว พระราชายังทรงเพลิดเพลินกับการเล่นสกากับพญาครุฑแปลงอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะทรงเบื่อแต่ประการใด ในขณะที่พระราชินีกากีเฝ้ารอพระองค์อยู่ที่ตำหนักของนาง หลังจากสอบถามนางกำนัลก็ได้รับการทูลให้ทราบว่า พระราชาทรงเพลิดเพลินกับการเล่นสกากับมาณพรูปงามอยู่
เมื่อได้ยินว่ามาณพรูปงาม พระนางก็ใคร่ที่จะทราบว่ารูปงามมากน้อยเพียงใด และแล้วพระนางก็รับสั่งให้นางกำนัลพาไปยังท้องพระโรง ซึ่งพระราชากับมาณพรูปงามกำลังเล่นสกาอยู่ พระราชินีแอบอยู่หลังม่านก่อนและต่อมาก็ยกม่านขึ้นเพื่อดู
มาณพหนุ่มผู้ซึ่งไม่คาดคิดก็มองตรงมายังพระเนตรทั้งคู่ของพระนางเข้าพอดี และทันทีที่ทั้งคู่สบตากันเท่านั้นต่างก็ตะลึงที่ได้สบตากัน มาณพหนุ่มตกตะลึงในความงามของพระราชินีผู้ซึ่งมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน หลังจากเล่นสกาไปได้สักพักหนึ่งมาณพก็ทูลลากลับ ในขณะที่พระราชาก็เสด็จกลับเข้าตำหนัก
ภายนอกกำแพงพระราชวัง พญาครุฑก็เปิดเผยรูปโฉมแท้จริงของตนออกมาทันที แล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาแผ่ปีกออกเพื่อทำให้เกิดลมแรงและทำให้เกิดลมพายุปกคลุมเมืองพาราณสี ซึ่งในบัดดลนั้นก็ตกอยู่ในสภาพโกลาหล ในชั่วพริบตาเดียว พญาครุฑก็บินโฉบลงมายังพระราชินีผู้กำลังตื่นตกพระทัยและประคองนางไว้ในอ้อมแขนของเขา
พระราชินีกากีพยายามดิ้นให้หลุด แต่ว่าเจ้าสัตว์ครึ่งคนครึ่งนกก็ปลอบประโลมนางให้อยู่ในความสงบไม่ต้องตื่นตกใจ เขาบอกนางว่า ความจริงแล้วเขาก็คือมาณพหนุ่มรูปงามที่นางเห็นในพระราชวังนั้นเอง เขาชื่อ เวนไตย เป็นราชาแห่งครุฑและมีอำนาจมนตรามาก
หลังจากปลอบประโลมให้พระราชินีกากีทรงเชื่อแล้ว พญาครุฑก็พานางไปยังวิมานฉิมพลีซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาไกรลาส (ซึ่งเป็นชื่อของภูเขาหิมาลัย) ในขณะอยู่ในวิมานของตนพญาครุฑเวนไตยก็จะปรากฏเป็นเทพบุตรรูปงาม ดังนั้นพระนางกากีผู้ซึ่งมีอุปนิสัยชอบแต่สิ่งสวย ๆ งาม ๆ เท่านั้น ก็เคลิบเคลิ้มไปกับเขาและยินดีเป็นภรรยาของพญาครุฑ
ฝ่ายพระเจ้าพรหมทัตก็ทรงโศกเศร้าพระทัยยิ่งนัก เพราะการหายไปของพระมเหสีผู้เป็นสุดที่รัก พระองค์ทรงปรึกษากับนาฏกุเวรเพื่อหาหนทางตามพระราชินีที่สูญหายไป แต่ว่านาฏกุเวรมีความสงสัยในมาณพรูปงามผู้ซึ่งมาเข้าเฝ้าพระราชาเป็นประจำ
ดังนั้นเขาจึงอาสานำพระราชินีกลับมาให้พระองค์ และไม่นานเกินรอเพราะหลังจากหนึ่งสัปดาห์ พญาครุฑเวนไตยก็แปลงร่างเป็นมาณพรูปงามลงมาจากวิมานฉิมพลีเพื่อเล่นสกากับพระราชาทำเสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อได้เห็นมาณพรูปงาม นาฏกุเวรก็แปลงร่างเป็นตัวไรในทันที แล้วกระโดดขึ้นไปอยู่บนร่างของมาณพคอยเวลาที่จะถูกนำไปยังวิมานของมาณพรูปงาม
เมื่อเลิกเล่นสกาแล้ว มาณพรูปงามก็ลาพระราชากลับและเดินออกจากเมืองไป และเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็กลายร่างกลับไปเป็นพญาครุฑอย่างเดิมและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมทั้งมีตัวไรติดไปด้วย เมื่อมาถึงวิมานของตนเขาก็กลายร่างเป็นมาณพรูปงาม และใช้เวลาตลอดคืนอยู่กับพระราชินีกากี
นาฏกุเวรเห็นพระราชินีมีความเพลิดเพลินอยู่กับชีวิตใหม่กับชายคนรักใหม่ก็รู้สึกสงสารผู้เป็นเจ้านายของตนที่กำลังเฝ้าคอยการกลับมาของผู้เป็นภรรยาอยู่ เมื่อรุ่งสางพญาครุฑเวนไตยก็มักจะทิ้งนางกากีไว้เพียงลำพังในพระราชวัง และใช้เวลาตลอดวันอยู่ในป่าหิมพานต์และขากลับก็จะนำผลไม้มากมายหลายชนิดมาฝากนางกากีด้วย เมื่อพญาครุฑไม่อยู่ นาฏุกุเวรก็เปิดเผยตนเองต่อกากีและเกี้ยวพาราสีนางจนกระทั่งนางตกลงใจเป็นภรรยาของเขาด้วย และนับแต่นั้นมาทุกวันนาฏกุเวรก็จะออกมาจากที่ซ่อนมาร่วมอภิรมย์กับนางกากีในเวลากลางวัน และซ่อนตัวในเวลากลางคืน เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ตลอดสัปดาห์
เมื่อถึงเวลาเล่นสกากับพระเจ้าพาราณสีตามปกติ พญาครุฑก็บินไปยังเมืองพาราณสีพร้อมกับตัวไรซ่อนติดตัวมาด้วยเขาแปลงร่างเป็นมาณพรูปงามแล้วเล่นสกากับพระราชาจนเย็นมากแล้วก็ออกจากเมืองไป และแล้วนาฏกุเวรก็เปิดเผยตนเองต่อพระราชา
แล้วจึงกราบทูลให้ทรงทราบว่าพระราชินีกากีไม่สนใจพระองค์อีกต่อไปแล้ว เพราะนางเพลิดเพลินกับชีวิตใหม่กับพญาครุฑ พระนางไม่ควรค่าแก่การเป็นราชินีของพระองค์อีกต่อไป เพราะนางมีคู่รักมากแม้แต่ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนรักของนางด้วย พร้อมทั้งกราบทูลขออภัยโทษที่ตนประพฤติตัวไม่เหมาะสม ซึ่งความจริงแล้วก็เป็นอุบายเพื่อพิสูจน์ว่าพระราชินีกากีไม่มีความซื่อสัตย์ต่อพญาครุฑด้วยเช่นกัน พระราชาทรงเข้าใจในเหตุการณ์ และชื่นชมนาฏกุเวรว่าสามารถแก้เผ็ดพญาครุฑได้อย่างชาญฉลาด
หลังจากครบ 7 ปี ก็ถึงเวลาที่พญาครุฑจะมาเล่นสกากับพระเจ้าพรหมทัตอีก และคราวนี้นาฏกุเวรก็เห็นเป็นโอกาสดีที่จะร้องเพลงซึ่งเปิดเผยความสัมพันธ์ลับ ๆ กับนางกากีที่ตนมีในเวลาที่พญาครุฑไม่อยู่อีกด้วย และถึงแม้ว่าพญาครุฑจะเข้าใจเนื้อหาทั้งหมดของเพลง เขาก็แกล้งทำเป็นไม่โกรธและเพลิดเพลินกับเพลงที่ขับร้องนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากกลับมาถึงวิมานของตน พญาครุฑผู้โกรธเคืองก็บังคับให้นางกากีพูดความจริง แต่นางก็ยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตน ด้วยความโกรธที่นางเป็นคนสำส่อน พญาครุฑจึงไม่ต้องการนางอีกต่อไป ดังนั้นจึงนำนางลงมาจากวิมานและวางนางไว้ที่พระลานหน้าเมืองเก่าของนาง
เมื่อถูกคนรักใหม่ทิ้งขว้าง พระราชินีผู้ตกยากก็ร้องไห้คร่ำครวญตลอดทั้งคืน ครั้งรุ่งสางพระเจ้าพรหมทัตก็ทรงแปลกพระทัยมากที่ทรงพบอดีตพระมเหสีของพระองค์มาคร่ำครวญร่ำไห้อยู่ที่หน้าพระราชวังของพระองค์ พระองค์ตัดพ้อต่อว่านางที่ไม่มีความซื่อสัตย์ แต่นางกากียืนยันในความไร้เดียงสาของตนโดยแก้ตัวต่าง ๆ นานา แต่พระราชาก็ไม่ทรงเชื่อนางและรับสั่งให้นำพระราชินีผู้ตกยากไปลอยแพเพื่อไปให้พ้นจากเมืองของพระองค์
ท่ามกลางทะเลที่ปั่นป่วนโหดร้ายความว้าเหว่ทรมานใจนางยิ่งนักนางกากีร่ำไห้อยู่ตลอดเวลาหลังจากลอยอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน ในที่สุดแพของนางก็ลอยไปถึงเรือสำเภาค้าขาย เจ้าของเรือก็นำนางขึ้นมาบนเรือของตน ความงามของนางดึงดูดใจวานิชมาก เขาจึงตั้งให้นางเป็นศรีภรรยาและนำนางขึ้นฝั่ง
หลังจากทอดสมอเรือสำเภาแล้วนายวานิชก็นำภรรยาใหม่ไปเยี่ยมชมสถานที่น่าสนใจหลายแห่งและกราบไหว้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์จนเย็นมากแล้ว และโดยบังเอิญที่นายโจรป่าและพวกลูกน้องมาพบทั้งคู่เข้าพอดี นายโจรนึกรักนางกากีและต้องการได้นางเป็นภรรยา ดังนั้นเขาจึงใช้คาถาอาคมสะกดให้ทั้งคู่หลับและพานางกากีไปยังซ่องโจรของตน หลังจากตื่นขึ้นมานางกากีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเป็นภรรยาของนายโจร
ต่อมาภายหลัง ความงามของนางกากีทำให้พวกสมุนโจรพากันก่อกบฏหัวหน้าของพวกตนเพราะพวกเขาอิจฉาที่เห็นหัวหน้าของพวกตนแสวงหาความสุขจากภรรยาแสนสวยของตนเท่านั้นหลังจากสังหารนายโจรแล้ว พวกลูกสมุนก็ทะเลาะกันเองเพราะแย่งนางกากีกัน ท่ามกลางความสับสนนั้น นางกากีก็หนีเข้าไปในป่าและวิ่งหนีเอาชีวิตรอด
ในขณะเดียวกัน ท้าวทศวงศ์ผู้ครองนครไพศาลี ผู้ซึ่งเพิ่งจะสูญเสียพระมเหสีไปจากการให้กำเนิดรัชทายาทของพระองค์ บังเอิญเสด็จมาในทิศทางเดียงกับนางกากี พระราชาผู้ซึ่งกำลังโศกเศร้าตัดสินพระทัยออกประพาสป่าก็เพื่อประสงค์ที่จะลืมประสบการณ์อันข่มขื่น พระองค์พบนางกากีร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ความงามของนางกากีทำให้พระราชาหม้ายเกิดเสน่หาในนางทันทีที่พบ
หลังจากทรงทราบเรื่องราวอันแสนเศร้าของนางแล้ว พระองค์ก็นำนางเข้าไปยังพระนครของพระองค์และทรงตั้งให้นางเป็นพระมเหสีองค์ใหม่ ในขณะเดียวกัน หลังจากที่พระนางกากีจากไปแล้ว พระเจ้าพรหมทัตก็ทรงโศกเศร้าพระทัยยิ่งนัก สุขภาพของพระองค์ทรุดโทรมลงและสวรรคตในที่สุด และเนื่องจากพระองค์ไม่มีรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์บรรดาขุนนางอำมาตย์และชาวเมืองจึงพร้อมใจกันเชิญคนธรรพ์นาฏกุเวรขึ้นเป็นพระราชาองค์ใหม่ของเมืองพาราณสี
พระราชาองค์ใหม่ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็นเป็นสุข แต่พระองค์ก็ไม่อาจที่จะลืมนางกากีได้และโหยหานางตลอดเวลา ซ้ำร้ายพระองค์ยังทรงดำริว่า การที่นางกากีประสบทุกข์อย่างแสนสาหัสก็เพราะพระองค์ทูลเท็จต่อพระเจ้าพรหมทัตจึงทรงตำหนิพระองค์เองที่ทำผิดต่อนางและพระราชาองค์ก่อน พระราชานาฏกุเวรทรงรักนางกากีอย่างจริงใจและไม่ทรงสนใจอดีตที่ผ่านมาของนาง
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชานาฏกุเวรก็ได้รับข่าวดีจากอำมาตย์ของพระองค์ว่า พระราชินีกากีตอนนี้เป็นพระราชินีของพระราชาแห่งเมืองไพศาลี นางได้เปลี่ยนพระนามเป็นพระนางเทพอัปสรและทรงเสวยสุขอยู่ที่เมืองนั้น ด้วยความดีพระทัยยิ่งนัก พระองค์จึงรีบส่งสาสน์ไปยังพระราชาแห่งเมืองไพศาลีเพื่อทูลความจริงให้ทรงทราบ และขอร้องให้ส่งตัวพระราชินีกากีกลับมายังเมืองพาราณสี หลังจากอ่านพระสาสน์แล้ว ท้าวทศวงค์ก็ทรงอ้างว่าพระองค์เองก็รักพระนางกากีไม่น้อยไปกว่าพระราชานาฏกุเวรและปฏิเสธที่จะคืนนางให้ และถ้าหาพระราชานาฏกุเวรยังยืนยันที่จะนำตัวนางกลับแล้วละก็ สงครามระหว่างเมืองทั้งสองก็คงจะหนีไม่พ้น
เมื่อไม่อาจยุติข้อพิพาทอย่างมิตรภาพได้ พระราชาทั้งสองจึงทำสงครามกันอย่างดุเดือดและในการรบทุกครั้ง ท้าวทศวงศ์ก็จะเป็นฝ่ายชนะ เพราะว่าพระองค์ใช้ช้างวิเศษที่สร้างขึ้นด้วยฤทธิ์มนตราของพระองค์มาช่วยในการรบ
หลังจากทรงทราบความจริงเกี่ยวกับช้างวิเศษของพระราชาคู่อริแล้ว พระราชานาฏกุเวรก็เสกหนูขึ้นมาด้วยฤทธิ์มนตราของพระองค์ แล้วส่งไปกัดสายมนตราภายในช้างวิเศษ ด้วยเหตุนี้เอง ช้างวิเศษจึงล้มลงกับพื้นทำให้นายของมันต้องพ่ายแพ้ในการสู้รบ
พระราชานาฏกุเวรจึงนำตัวพระราชินีกากีเสด็จกลับพระนครของพระองค์ และทรงแต่งตั้งให้นางเป็นพระราชินีผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์ และทั้งสองพระองค์ก็ทรงปกครองเมืองพาราณสีอย่างมีความสุขนับแต่นั้นมา
เฮ่อ !! อย่างนี้เค้าเรียกว่า..ความสวย..เป็นเหตุ.. โชคดีเท่าไรแล้วที่ครูใบตอง..ไม่สวยซักเท่าไร..จริงม๊ะ ?? ยิ้มกว้าง
แหล่งที่มา //www.skn.ac.th/skl/project/nitan482/nu24.htm
Create Date : 22 กันยายน 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 22 กันยายน 2553 19:55:33 น. |
Counter : 782 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|