Group Blog
All Blog
|
ทำไมผมถึงเปลี่ยนสำเนียงสำเนียงแบบไทยๆ เป็นฝรั่งได้? (ตอน 1) ครูเคท ครูผู้เปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษแบบไทยๆ ของผมให้เป็นฝรั่ง คุณคงได้อ่านบทความการฝึกทักษะภาษาอังกฤษหลายบทที่ผมทยอยนำมาลงใน blog ของผม ซึ่งความดีความชอบของที่มาที่ทำให้ผมเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างทุกวันนี้ ผมขอยกให้ ครูเคท เนตรปรียา ที่หลายๆ คนรู้จักจาก pocket book ของเธอ เรียนภาษาอังกฤษกันเข้าไป แต่พูดไม่ได้สักที หรือ จากโฆษณาวัน-ทู-คอล เมื่อนานมาพอสมควร ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต้องรู้จักกับครูเคททีหลังผมแน่ๆ เพราะ ผมเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคทตั้งแต่อยู่ปี 3 ป.ตรี ซึ่งประมาณ 12 ปีมาแล้ว (เริ่มแก่ละ) ผมเองเป็นคนไทยธรรมดาคนหนึ่ง ที่เรียนในระบบของไทยมาโดยตลอด ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศแต่อย่างใด (เพราะไม่มีเงินไปเรียนเมืองนอก) ซึ่งตอนผมอยู่ปี 3 ป.ตรี ของคณะที่มีชื่อเสียงสูงสุดคณะหนึ่งของประเทศ ก็เริ่มตระหนักแล้วว่า อีก 2 ปีก็จะจบป.ตรี ยังไม่มีวี่แววว่าเราจะพูดภาษาอังกฤษให้คล่องได้เลย สำเนียงก็โค-ต-ร ไทยเลย เวลาจะพูดภาษาอังกฤษทีก็ต้องคิดไทยก่อน แล้วหาแปลเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ เสร็จแล้วยังพูดไม่ได้ ต้องเช็ค tense เช็ค grammar ตามที่ได้ร่ำเรียนมาก่อน ให้มั่นใจสุดๆ ว่าจะพูดถูกต้อง ค่อยพูดออกไปจริงๆ ซึ่งใช้เวลานานมาก (หลายนาทีอยู่) กว่ากระบวนการดังกล่าวจะจบเพื่อพูดได้ทีละ 1 ประโยค เชื่อว่าผมก็คงเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่พูดภาษาอังกฤษได้กระท่อนกระแท่นอย่างนี้ ตอนนั้นเลยอยากหาที่เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องตรงนี้ ก่อนจะจบออกไปสัมภาษณ์หางานทำ ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดี งานดีๆ ก็คงจะไม่ได้ทำแน่ๆ โชคดีมากที่เพื่อนสนิทผมซึ่งเป็นลูกศิษย์คนแรกของครูเคท เค้าเรียนกับครูเคทมาตั้งแต่ ม.3 (ประมาณ 5 ปี ก่อนที่ผมจะมาเจอครูเคท) แนะนำให้ผมรู้จักกับครูเคทโดยให้ผมไปลองเรียนกับครูเคทด้วย ซึ่งจำได้เลยวันแรกที่ผมเจอครูเคทพูดภาษาอังกฤษถึงกับตะลึงไปเลยครับ เพราะเกิดมาไม่เคยพบคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งขนาดนี้ หลับตาฟังหน้าฝรั่งลอยมาเลย พอลืมตา อ้าว...คนไทยนี่หว่า ณ วินาทีนั้น มันทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติไปเลยนะครับว่าคนไทยก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งจริงๆ ในวันนั้นครูเคทให้ผมพูดภาษาอังกฤษโต้ตอบกับแกตามหนังสือสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งสำเนียงแกเป็นฝรั่งเลย พอตาผมพูด สำเนียงโค-ต-ร ไทยเลย มันทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจผม ณ ตอนนั้นว่า ผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีนะ? ทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษได้ไพเราะเหมือนฝรั่งขนาดนี้? เธอมีอะไรที่ผมไม่มี เพราะเวลาผมพูดภาษาอังกฤษก็รู้ทันทีเลยว่าเป็นคนไทยแน่นอน นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมก็ปวารณาตนเป็นลูกศิษย์ของเธอเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ปี มีหลายคนถามผมว่า แล้วครูเคทสอนอะไรหล่ะ ทำไมถึงเปลี่ยนสำเนียงผมจากไทยเป็นฝรั่งได้? คุณคงจินตนาการว่าต้องมีตำราดีๆ มีเทคนิคชั้นยอดแน่ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปล่าวเลยครับ สิ่งที่เธอสอนกลับไม่ได้อยู่ในตำราภาษาอังกฤษอย่างที่สถาบันต่างๆใช้ ใน 1 ชั่วโมงของแต่ละสัปดาห์ที่ผมเรียนกับครูเคท เธอจะเล่าประวัติของเธอและประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่อยู่เมืองไทยจนไปเรียนเมืองนอกไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง เธอเล่าบ่อยมาก แต่ถึงบ่อยเพียงใด ผมก็เต็มใจฟังเพราะมันน่าสนใจมาก และทุกครั้งที่ก้าวเท้าเดินออกจากห้องเรียน มันเหมือนมีอะไรมาทำให้ผมอยากจะฝึกฝนภาษาอังกฤษยิ่งนัก หรือว่าแกเล่นจิตวิทยากับนักเรียน? ผมคิดในใจ แต่มันเป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกสัปดาห์ที่ผมได้มาเรียนกับครูเคท ผมเรียนกับแกทุกวันเสาร์ มันทำให้ผมมีกำลังใจอยากฝึกมากช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ หลังจากเพิ่งได้เจอแกใหม่ๆ แต่พอเวลาผ่านไปหลายวันเข้า ความกระตือรือร้น อยากฝึกฝนมันก็จางหายไป ต้องกลับไปเติมใหม่กับครูเคททุกวันเสาร์ ผมเชื่อมั่นว่า ใครที่ได้เจอกับครูเคทตัวจริง คุณจะรู้ว่าเธอเก่งเพียงใด เป็น working woman จริงๆ คุณต้องทึ่งกับความคิดความอ่านของเธอ และศรัทธาตัวเธอแน่ๆ ผมยกให้เธอเป็น idol ของผมเลย เพราะเธอเองก็จบการศึกษา ป.ตรีจากเมืองไทย พูดภาษาอังกฤษได้พอประมาณเหมือนเด็กไทยทั่วไป แต่พอไปเรียนป.โท ที่อเมริกากลับมา สำเนียงเธอเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือเป็นฝรั่งไปเลย คุณอย่าเพิ่งคิดว่าคนไปเรียนที่เมืองนอกจะทำอย่างเธอได้ทุกคนนะครับ เพราะผมเห็นคนจบนอกมาเยอะมาก แต่หาคนที่สำเนียงเป็นฝรั่งได้อย่างเธอน้อยคนมากๆ นั่นมันทำให้ผมยกให้เธอเป็น idol เอาไว้วันหลังผมจะมาเล่าต่อนะครับว่าเธอทำอย่างไรถึงทำให้ผมจากเด็กไทยธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่เคยไปเรียนเมืองนอกเปลี่ยนสำเนียงของตัวเองได้ จนใช้เป็นใบเบิกทางมาตลอดชีวิตผมจนถึงทุกวันนี้ พร้อมเปิดเผยเทคนิค เคล็ดลับต่างๆ ติดตามอ่านได้ที่นี่ครับ อยากอ่านตอนสองแล้วอ่ะ รออ่านนะค่ะครูเฟียต
![]() โดย: Ann IP: 69.122.146.54 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:6:39:18 น.
It's good topic. I am one who would like to practice my speaking like American or any native speaker. Many people might disagree with this topic but I think that idea is totaly wrong because the more you speak the more you learn. Cheer up for those who have read this !!!
โดย: Speak ing !!! IP: 168.120.31.104 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:21:13:53 น.
บทลงโทษ...ด้วยความรัก
วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคาแพงของพ่อ แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด แม้จากระยะไกล ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความหวาดหวั่น รอคอยที่จะถูกทำโทษ พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ โดยไม่พูดอะไรสักคำ หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก หนังสือคือความรู้ และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้ หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน พ่อกลับนั่งลง หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้ แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพงนั่นเสียเอง พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า "ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ ต่อไปนี้ ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้ มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย เหมือนกับที่พี่ๆ ของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อเหมือนกัน" "ว้าว..." ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ? นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉันขีดเขียนเล่น ทุกครั้งที่มองดูลายมือขยุกขยิกเหล่านั้น ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า 'อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง' ซึ่งนั่นก็คือ 'คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ' ลองมองย้อนดูตัวคุณเองนะคะ ในแต่ละวัน เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ และคุณก็ทำสีหน้าตำหนิเธอพร้อมกับคำพูดที่ว่า "เดี๋ยวผมเทเองก็ได้" นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน เพราะอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ และได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมากเท่าใด อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม) แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณบ้างนะ (ทีนี้ล่ะตาผมมั่ง) รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ นาฬิกาเรือนละแสน หรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง เฝ้ารัก เฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก ...แล้วคุณละคะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า จาก มติชน โดย: hicare IP: 124.157.172.217 วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:12:31:44 น.
ขอบคุณครับครู ผมจะทำให้ได้
![]() โดย: ตาตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:03:01 น.
ดอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: mu IP: 125.26.109.131 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:20:23 น.
|
KruFiat
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง "หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน" Friends Blog Link |