Group Blog
เมษายน 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
ทำไมผมถึงเปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษเป็นฝรั่งได้ ตอน 5: กรรมวิธีการเปลี่ยนสำเนียงของผม
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่เข้ามา post comment ไว้นะครับ ทุกกำลังใจทำให้ผมอยากจะเขียนเล่าต่อไป และต้องขอโทษด้วยที่จากตอนที่แล้วที่บอกว่าจะกลับมาเขียนต่ออีกแป๊บนึง ปรากฏว่าเอาเข้าจริงหายไปนานมาก หลายเดือน มัวแต่ไปเขียนเรื่องอื่นอยู่ มัวแต่ไปทำงาน ตอนนี้เริ่มว่างงานเพราะอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด ก็เลยค่อนข้างว่างมากกว่าแต่ก่อนเยอะ เลยมีโอกาสมาเขียนบทความต่อให้ได้อ่านกันไงครับ ขอบคุณ คุณแท็บ แฟนประจำของ blog นี้ด้วยที่มา post comment ช่วยกระตุ้นให้ผมต้องกลับมาเขียนเล่าต่ออีกครั้ง

ช่วงที่เรียนปริญญาโท หลักสูตร international ทำให้ตัวผมเองได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษบ่อยคือแทบทุกวันที่เข้าเรียน แต่เรามักจะเจอแต่ภาษาอังกฤษสำเนียงไทยๆ ไม่ใช่เจ้าของภาษา ประกอบกับรู้สึกเบื่อกับสำเนียงไทยๆ ของตัวเองเต็มทน คิดว่า “เมื่อไหร่เราจะมีสำเนียงเหมือนฝรั่งสักที จะเท่ห์มากๆ เลยนะ ถ้าเราเป็นคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่ง” แน่นอนครับ ถ้าผมได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือปฏิบัติก็คงเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันเหมือนคนไทยส่วนใหญ่ทั่วไปที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแต่ไม่ลงมือฝึก แล้วมันจะเก่งได้อย่างไร?

ครูเคทเคยแนะนำให้ผมฝึกพูดภาษาอังกฤษตามหนัง วันละ 1 เรื่อง โดยเปลี่ยนหนังไปเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าบ้านใครติดเคเบิ้ลทีวีจะได้เปรียบ แต่บ้านผมไม่มีสิ ทำไงดีหล่ะ หนังก็ไม่ค่อยได้ดู แต่ผมจะฟังวิทยุบ่อยแต่เป็นคลื่นภาษาไทยนะ พวก hot wave, green wave, radio vote ฯลฯ เป็นสาวกเจ๊ฉอด ณ แกรมมี่ มาโดยตลอด แต่พอมาเรียนหลักสูตรอินเตอร์ก็ต้องปฏิวัติตัวเอง ต้องฝืนใจตัวเองหันหลังให้เจ๊ฉอดไปฟังคลื่นที่เป็นดีเจฝรั่งแทน เมื่อก่อนจะเป็นคลื่น 105 ซึ่งดีเจเป็นฝรั่งจริงๆ ที่ไม่ใช่ดีเจคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษนะครับ ตอนแรกๆ ต้องฝืนใจฟัง แม้จะอยากกลับไปฟังคลื่นภาษาไทยแต่ก็ต้องหักห้ามใจเพื่ออนาคตของเรา (เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ) ข้อดีของคลื่นภาษาอังกฤษคือ ได้ฟังเพลงฝรั่งเต็มอิ่มในแต่ละชั่วโมง เพราะดีเจฝรั่งไม่บ้าน้ำลายอย่างพวกดีเจคนไทย ไม่มีการเล่นเกมส์หน้าไมค์ไร้สาระทีละเกือบครึ่งชั่วโมงอย่างคลื่นไทย ระหว่างชั่วโมงมีข่าวภาษาอังกฤษให้ฟังแต่ผมฟังไม่ออกหรอก มันพูดเร็วมาก (ไม่รู้มันจะรีบไปไหน?!?) และมีข่าวจราจรเป็นภาษาอังกฤษซึ่งฟัง 2-3 เดือนแรก ฟังไม่ออกหรอกว่ามันว่าอะไร จับได้แต่ชื่อถนนเพราะมันเป็นภาษาไทย แต่พอฟังไปเข้าเดือนที่ 3, 4, 5 มันจะเริ่มฟังออกเองว่า เข้าเมืองติดหรือเปล่า? แล้วออกเมืองหล่ะ การจราจรเป็นยังไง? ฯลฯ อย่างที่บอกว่ามีการเล่นเกมส์หลังไมค์ ผมจึงกล้าที่จะโทรไปเล่นเกมส์เพราะจะได้คุยกับดีเจฝรั่งด้วย (เป็นการล่อให้ฝรั่งคุยกับเราไปในตัว) แต่เชื่อมั้ยครับว่า...ผมมีการปล่อยไก่ทุกครั้งที่ได้คุยกับฝรั่ง เพราะฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่จะไปอายมันทำไม มันไม่รู้จักเรานี่นา! สนุกดีออก ปรากฏว่าตอนหลังเลยเป็นเซียนกวาดรางวัลเกมส์ประจำคลื่น 105 ไปแล้ว ได้รางวัลมาเต็มบ้าน ไม่ว่าจะเป็น CD เพียบ เคยได้รางวัลบัตรรับประทานอาหารที่ Planet Hollywood ที่เมื่อก่อนอยู่ที่เกสรพลาซ่า พาครอบครัวไปกินหรูมากและแพงมาก ถ้าไม่มีบัตรกินฟรี คงไม่กล้าเผยอหน้าเข้าไปแน่ๆ (ตอนนี้เจ๊งไปแล้ว...เอ๊ะหรือว่าเป็นเพราะเราไปกินฟรี เลยเจ๊ง?!?)

ปัจจุบันผมไม่ค่อยได้อยู่ประจำที่กรุงเทพฯ มาจะ 10 ปีแล้ว และรู้สึกว่าคลื่น 105 ที่มีดีเจเป็นฝรั่งจะไม่มีแล้ว เลยไม่รู้ว่าปัจจุบันมีคลื่นวิทยุคลื่นไหนในกรุงเทพฯ ที่ยังมีดีเจที่เป็นฝรั่งแท้ๆ จัดอยู่ ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ แต่ตอนที่ผมไปเที่ยวที่อเมริกาเมื่อหลายปีก่อน แล้วได้ฟังวิทยุที่โน่น โอ้โห...ความรู้สึกเหมือนฟังคลื่น 105 ในอดีตเปี๊ยบเลย รู้สึกเสียดายเหมือนกันถ้าปัจจุบันไม่มีคลื่นภาษาอังกฤษให้ฟังเหมือนเก่าแล้ว

ในเมื่อผมจะฝึกกับวิทยุ สิ่งที่ผมทำคือผมอัดเสียงดีเจในสป็อตโฆษณาภาษาอังกฤษใส่เทปไว้จนเต็มม้วนเป็น collection โดยผมจะอักเฉพาะสำเนียงที่ผมชื่นชอบ และผมจะเปิดตอนเช้าก่อนไปเรียนทุกวัน โดยเปิดดังๆ แล้วพูดตามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในระหว่างที่ทำกิจกรรมอื่นๆ ไปด้วย เช่น รีดผ้า ฯลฯ มันทำให้ผมซึมซับสำเนียงเหล่านี้ไปอย่างไม่รู้ตัว ที่สำคัญผมไม่รู้สึกว่าการทำเช่นนี้เป็นภาระอะไร กลับคิดว่าสนุกดีออก ได้ทำเสียงขึ้นลงแปลกๆ ตามฝรั่ง ไม่ได้รู้สึกเครียดอะไร ความเปลี่ยนแปลงของสำเนียงของผมมาประจักษ์ต่อหน้าเพื่อนๆ ก็ตอนที่ต้อง present ผลงานในทุกๆ สัปดาห์ มีอยู่สัปดาห์นึงหลัง present เสร็จเพื่อนคนนึงเข้ามาทักว่า “เฟียตไปทำอะไรมา ทำไมสำเนียงเธอเหมือนพวกดีเจฝรั่งเลย?” ผมสะอึกทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ เพราะไม่มีใครทราบว่าผมฝึกพูดตามเสียงดีเจในวิทยุ นี่แหละคือ feedback ที่ทำให้ผมทราบว่าสำเนียงผมเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว และเปลี่ยนไปเหมือนกับต้นฉบับที่ผมยึดเป็นต้นแบบ ดังนั้นใครที่กำลังฝึกฝนด้วยวิธีการเดียวกับผมต้องเลือกต้นแบบดีๆ นะครับ เอาสำเนียงที่คุณชื่นชอบ อยากได้สำเนียงแบบนั้น เพราะมันจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนั้น ถ้าคุณฝึกตามสำเนียงแขกคุณก็จะได้สำเนียงแขกติดตัวไปจนตายไม่รู้ด้วย เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน! จากเหตุการณ์นี้ มันทำให้ผมตระหนักได้ว่าเราฝึกมาถูกทางแล้ว ผมก็ฝึกต่อไปจนสำเนียงดีวันดีคืน โดยที่ไม่ต้องไปเรียนนอก

ผมเคยคุยเรื่องเทคนิคที่ผมฝึกตามวิทยุเทียบกับภาพยนตร์กับครูเคท ครูเคทบอกว่าฝึกตามภาพยนตร์จะดีที่สุดครับ ซึ่งผมก็คิดว่าน่าจะจริง เพราะนอกจากคุณจะได้ฝึกสำเนียงแล้ว ยังได้เห็นท่าทางตัวละคร จะได้ฝึกสีหน้า ท่าทาง อารมณ์ไปพร้อมๆ กันเลย ย่อมดีกว่าการฝึกตามวิทยุที่ได้ยินเสียงเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นเพราะนิสัยส่วนตัวของผมไม่ค่อยชอบดูหนัง คือผมเป็นพวก hyperactive อยู่นิ่งๆ ไม่ค่อยได้ต้องหากิจกรรมทำตลอด ดังนั้นการอยู่นิ่งๆ เพื่อดูหนังทีละ 2 ชั่วโมงจึงเป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบทำเท่าไหร่ อันนี้ก็แล้วแต่บุคคลนะครับ



Create Date : 18 เมษายน 2551
Last Update : 18 เมษายน 2551 16:00:21 น.
Counter : 9681 Pageviews.

38 comments
  
อืมมมม น่าสนใจ ไปลองดูมั่งดีก่า
โดย: พนบ. วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:16:29:09 น.
  
อุ๊ย ย่องเข้ามาก็ได้ความรู้เพิ่มเลยอ่ะ ของคุงเจ้าค่ะ
โดย: Gigg (Gigg_Pat ) วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:16:38:26 น.
  
เรื่องฟังวิทยุนี่ทำอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็ทนไม่ค่อยได้ ขีดความอดทนต่ำ
โดย: Jirew IP: 58.8.90.21 วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:17:05:13 น.
  
ขอเปนอีกคนที่อยากมีสำเนียงฝรั่งคะ

ชอบดูหนังฝรั่งมากเลยอ่ะคะ

พยายามดูที่มันไม่มี ซับ ใดๆทั้งนั้น

พอจบเรื่องก้อไม่รุ้เลยคะว่ามันยังงัย

อาศัยอารมและความรุ้สึก

แย่เหมือนเดิมค่ะ

ฮือๆๆๆๆ
โดย: อ้ายยุ่ย (nattarz ) วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:19:40:23 น.
  
สวัวดีค่ะคุณKruFiat
แวะเข้ามาอ่านได้ความรู้ไปเยอะเลย
มีเรื่องอยากถามความเห็นหน่อยค่ะ
ระหว่างสำเนียง
แบบอเมริกันกับแบบอังกฤษ
ควรเลือกแบบไหนดีค่ะ
(ส่วนตัวชอบสำเนียงอังกฤษแตรู้สึกว่าเขียนไม่ค่อยถนัด)



โดย: groovy IP: 58.8.162.224 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:2:52:12 น.
  
ตอบคุณ groovy
คำถามเรื่องสำเนียงไหนดีกว่ากันเป็นคำถามยอดฮิตคำถามหนึ่งที่ผมเจอคนถามบ่อยๆ ครูเคทเคยให้ข้อคิดในเรื่องนี้ว่าสำเนียงที่เหมาะกับคนไทยคือสำเนียงอเมริกันครับ เพราะพื้นฐานเสียงของคนไทยจะค่อนข้างแบน ส่วนสำเนียงอังกฤษก็เป็นสำเนียงที่เพราะไปอีกแบบ แต่เสียงมันจะก้องๆ กว่าสำเนียงอเมริกัน ทำให้คนไทยออกเสียงให้เป็นสำเนียงอังกฤษจะยากกว่าสำเนียงอเมริกันครับ ดังนั้นถ้าใครไม่รู้ว่าจะเอาสำเนียงไหนดี ก็ขอแนะนำสำเนียงอเมริกันจะเหมาะกว่าครับ อีกอย่างคือสำเนียงอเมริกันจะไม่ค่อยมีการแบ่งชนชั้นวรรณะเหมือนสำเนียงอังกฤษ (ที่เราเคยได้ยินว่าผู้ดีอังกฤษน่ะครับ) ซึ่งถ้าคุณพยายามทำสำเนียงแบบอังกฤษแต่ไม่เหมือนเค้าอาจจะโดนดูถูกได้ครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:11:13:57 น.
  
เข้ามาตามอ่านเช่นเคยครับ

ตอนนี้ผมก็กำลังฝึกโดยการดูหนังอย่างเดียวครับ ตั้งแต่ฝึกมาอย่างจริงจังตอนนี้ก็ใกล้ครบสามเดือนแล้ว พบว่าความเข้าใจหรือการฟังหนังออกนั้นดีขึ้นมากครับ แต่ผมรู้สึกว่ามันเริ่มจะตันๆยังไงไม่รู้(ไม่รู้จะอธิบายยังไง)

คือตอนเดือนแรกที่ฝึกวันละ 6-7 ชม.นั้นรู้สึกว่ามันพัฒนาไปไวมากเลยครับ แต่พอผ่านไประยะหนึ่งผมรู้สึกว่ามันจะหยุดนิ่ง คือตอนฝึกแรกๆนั้นฉากไหนหรือประโยคไหนในหนังที่ฟังไม่ออก พอผมฝึกโดยการดูซ้ำอีกรอบมันก็ฟังออก(ความรู้สึกมันบอกว่า อ้ออออ....ยังงี้นี่เองเหรอ ประมาณนั้น)

แต่พอเปลี่ยนแนวหนังมาดูพวกแอคชั่น, ย้อนยุค ฉากไหนที่ฟังไม่ออกจะดูซ้ำซีกกี่รอบมันก็ฟังไม่ออกอยู่ดีครับไม่รู้เป็นไง อาจเป็นเพราะหนังที่ใช้ฝึกช่วงแรกๆมันฟังง่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมตอนนี้มีเวลาที่ต้องใช้ฝึกพูดกับหนังแค่ตอนกลางคือ เพราะตอนเช้าจะ Drill ประโยคและฝึกการอ่าน

ตอนฟังเพลงบางเพลงก็มีปัญหาเช่นกันครับ อย่างตอนที่ผมได้ยินเพลง Bleeding love ของ Leona Lewis ครั้งแรก ผมข้องใจตรงท่อนคอรัสมากว่าเธอร้องว่าอย่างไร ไม่อยากบอกเลยว่าผมได้ยินเธอร้องเป็น "You come-min no-pen-nan-nai" แบบว่าได้ยินยังงั้นจริงๆ แต่อยู่มาวันหนึ่งผมได้เห็นเนื้อร้องโดยบังเอิญ คุณพระช่วย ท่อนนี้ร้องว่า "You cut me open and I".... เฮ้อ นึกแล้วขำตัวเอง ขนาดฟังเพลงนี้มา 100 รอบ ตรงไหนที่ฟังไม่ออก มันก็ยังฟังไม่ออกอยู่ยังงั้น

แล้วแบบนี้ถ้าเราฝึกสำเร็จแล้วกลับมาฟังโดยไม่ดูเนื้อ เราจะฟังออกโดยอัตโนมัติเลยหรือเปล่าครับ

ส่วนเรื่องหนัง ผมได้ทำตามคำแนะนำของครูเฟียตโดยดูให้หลากหลายขึ้น ตอนนี้ก็เลยมีแต่พวกแอคชั่นวินาศสันตโร มีแสลง มีเพลง หรือพวกหนังย้อยยุคมากๆที่มีคำโบราณ และหนังสำเนียงอังกฤษครับ บางเรื่องก็ฟังง่ายมากเช่น Harry Potter บางเรื่องนี่สุดๆเลย เช่นเรื่อง Sweeney todd ดูเรื่องนี้ 2 รอบแล้ว สารภาพตามตรงว่า จากที่ฟังซีรีส์อเมริกาออกกว่า 90% พอมาเจอบทสนทนาที่เป็นเพลงในหนังเรื่องนี้นั้น ผมฟังแทบไม่ออกเลย (คิดว่าไม่ถึง 3 %) ผมว่าหนังเรื่อง Elizabeth ยากแล้วนะ เรื่องนี้ยากว่าหลายเท่า ผมเลยลองหาข้อมูลในเว็บบอร์ด IMDB ก็มีคนบอกว่าฟังไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็มีคนอังกฤษหรือพวก Native speaker กับคนที่ไม่ใช่คนอังกฤษแต่พูดอังกฤษได้ บอกว่าฟังออก ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด ก็ค่อนข้างผิดหวังตัวเองนิดหนึ่ง ผมคงฝึกไม่มากพอ

ที่จริงผมชอบฟังสำเนียงอังกฤษนะ ผมว่ามันนุ่มหูดี ยิ่งตอนกล่าวสุนทรพจน์หรือพูดในที่ประชุมนี่เพราะสุดๆ

อ้อ...ครูเฟียตครับ ตอนนี้ผมกำลังฝึก drill ประโยคอยู่ ไม่รู้ตอนนั้นคิดยังไง ผมลองเอาวลี "How long does it take" ไป search หาใน Yahoo answer ผลก็คือมีประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย "How long does it take" ปรากฎขึ้นมากว่า 1 ล้าน 3 แสน ประโยค !!! ผมเลยก็อบปี้ลง Word ไว้เลย จากนั้นก็มานั้ง drill โดยฝึกเขียนลงสมุดโดยใช้ประโยคคำถามที่ save จาก Yahoo answer เป็นแนว ไม่ทราบว่าวิธีนี้ถูกต้องหรือใช้ได้ไหมเปล่าครับ ?? ผมกลัวว่าจะเป็นวิธีลักไก่

ครั้งหนึ่งผมลองคิดประโยคคำถามเป็นภาษาอังกฤษว่า "ทำไมน้ำวนที่ซีกโลกเหนือเป็นแบบตามเข็มนาฬิกา แต่กับซีกโลกใต้กลับทวนเข็ม" ตอนนั้นนึกศัพท์ออกแต่คำว่า water กับ anticlockwise แต่คิดไม่ออกว่าจะถามยังไง ผมเลยเอาคำไป search ใน Yahoo answer ก็มีคนตั้งคำถามไว้จริง แต่ปัญหาคือผมไม่รู้แน่ชัดว่าประโยคนั้นๆ จะถูกไวยากรณ์หรือเขียนโดยเจ้าของภาษาหรือเปล่า

อยากให้ท่านอื่นๆมาแบ่งปันประสบการณ์ที่เจอตอนฝึกบ้างจัง ตอนนี้ผมก็เรื่อยๆ ไม่พยายามคาดหวังมากนัก แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะสำเร็จซะที เมื่อไหร่จะฟังออกหมดเหมือนที่คนอเมริกา/อังกฤษเขาฟังออก ..เฮ้อออ ผมคาดหวังมากไปหรือเปล่าครับ แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสำเนียงตัวเองเปลี่ยนหรือยัง (ไม่มีโอกาสคุยกับฝรั่งครับ ผมเลยเอาความสามารถในการฟังเป็นเกณฑ์ ถ้าฟังออกหมดก็แสดงว่าจูนคลื่นตรงกัน และสำเนียงเหมือนฝรั่งแล้ว แต่ตอนนี้ยังฟังออกไม่หมด ผมก็เลยถือว่ายังฝึกไม่สำเร็จ)

ครูเฟียตพอจะบอกได้ไหมครับว่า ครูเฟียตใช้เวลาฝึกรวมกี่เดือนจนพูดได้คล่องกับฟังออกเกือบหมดเหมือนทุกวันนี้

(โทษทีครับ เขียนยาวไปหน่อย)
โดย: แท็บ IP: 202.91.18.192 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:21:30:24 น.
  
เข้ามาอ่านอย่างละเอียดอีกทีเพิ่งเจอข้อความที่ครูเฟียตบอกว่า อยู่ในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด ก็ขอให้ครูเฟียตหายเป็นปรกติโดยเร็วนะครับ
โดย: แท็บ IP: 202.91.18.192 วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:22:09:22 น.
  
สวัสดีค่ะ
เข้ามาทักทายค่ะ
ขอให้หายเร็วๆนะคะ
โดย: kai (aitai ) วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:18:49:23 น.
  
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วครับ ไว้ว่างๆ จะมาตอบคุณแท็บอีกทีนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:22:39:49 น.
  
ครูเฟียตครับ ขอถามต่ออีกนิดนะครับว่า ตอนฝึก drill ประโยคเนี่ย ให้ฝึกแบบด้นสดๆเลยหรือเปล่าครับ หรือว่า drill ในกระดาษก่อนแล้วเอาประโยคที่ drill เสร็จมาฝึกพูด ?

ขอบคุณครับ
โดย: แท็บ IP: 202.91.19.192 วันที่: 24 เมษายน 2551 เวลา:19:02:10 น.
  
ตอบคุณแท็บครับ

1) เรื่องเพลง Bleeding Love ของ Leona ท่อนที่คุณว่า จะฟังยากกว่าปกตินิดนึงเพราะมีเรื่องของ Linking sound เกิดขึ้นตรงท่อน open and I คุณอาจจะได้ยินว่า open-nand-di ซึ่งเกิดจากการลงเสียงท้ายของคำแรก (ในภาษาอังกฤษการลงเสียงท้ายสำคัญพอๆ กับวรรณยุกต์ของไทยเลยนะครับ ถ้าคุณไม่ลงเสียงท้ายชัดๆ ฝรั่งจะฟังไม่ออก) ไปเชื่อมกับคำถัดไปซึ่งขึ้นต้นด้วยเสียงสระ ในกรณีนี้จะมีเสียงเชื่อมกันโดยอัตโนมัติครับ ทำให้การฟังยากขึ้น
ส่วนคำว่า cut me ผมฟังแล้วก็เห็นด้วยกับคุณนะว่า Leona ร้องคล้ายๆ come เพราะฟังเสียงตัว t ไม่ค่อยชัดน่ะครับ

พูดถึง Leona นักร้องของ X-Factor คนนี้เสียงเธอน่า amazing มากนะครับ ผมเคยดูตอนเธอประกวด X-Factor เธอร้องเพลงแต่ละเพลงได้อลังการมากๆ มีพรสวรรค์และเทคนิคการใช้เสียงดีมากๆ

2) ผมไม่เคยดูหนังเรื่อง Sweeney todd แต่สำหรับการร้องเพลง เสียงขึ้นลงจะเป็นไปตาม melody หรือจังหวะ, ทำนองของเพลง และอาจมีการแตกเสียงของคำตามจังหวะดนตรีได้ ยกตัวอย่างเช่น คำว่า material เค้าอาจจะร้องแบบแยกเสียงว่า แมท-ที-รี-อัล แบบชัดๆ เพื่อให้เข้ากับจังหวะดนตรี เป็นต้น ทำให้การฟังอาจจะยากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณเข้าใจเรื่องการแตกเสียงของฝรั่งก็ไม่ยากเกินไปหรอกครับ

อย่างที่ผมเคยบอกว่าการฟังออกทั้งหมดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย บางสำเนียงที่เราไม่คุ้นเคยก็จะฟังยาก หรือคำศัพท์ที่เราไม่คุ้นเคยก็ยากแก่การเข้าใจ ว่าแต่หนังแอ็คชั่นที่คุณดู มันจะมีบทพูดน้อยกว่าหนังชีวิต การฝึกฟังอาจจะทำได้น้อยลงนะครับ

3) เรื่องการ drill ประโยค ที่คุณหาประโยคต่างๆ ได้เป็นล้านประโยคก็ดีนะครับ แต่เวลา drill ประโยค กรุณาเลือก drill เฉพาะประโยคที่คุณคิดว่าจะได้ใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ บางประโยคอาจจะไม่มีทางได้ใช้เลย ก็ไม่จำเป็นต้นนำมาฝึก แต่ทางที่ดีคุณต้องคิดถึงสถานการณ์ที่คุณจะได้ใช้ประโยคดังกล่าวด้วยนะ เช่น คุณไปเที่ยวต่างประเทศ อยู่ที่โรงแรมต้องการทราบว่า จะใช้เวลานานเท่าไหร่ในการเดินทางไปสถานีรถไฟใกล้ที่สุด เราก็ควรถามว่า How long will it take to walk to the nearest train station? ประมาณนี้นะครับ คุณไม่จำเป็นต้องทำเป็นร้อยประโยค ให้ drill จนคุณพูดประโยคนั้นคล่อง และถ้ามีสถานการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นในชีวิตคุณ คุณสามารถพูดประโยคเหล่านั้นได้โดยอัตโนมัติ ถือว่าสำเร็จแล้วครับ ข้อดีของการใช้วิธีนี้คือ คุณจะพูดไม่ผิดหลักไวยากรณ์ด้วย เพราะเพียงแค่หาคำมาแทนที่ ไม่ต้องมานั่งเรียบเรียงประโยคเอง คิดแปลไทยเป็นอังกฤษเอง ซึ่งเสี่ยงต่อการผิดหลักไวยากรณ์และได้รูปประโยคแปลกๆ ที่ฝรั่งเค้าไม่ใช้กันจริงๆ น่ะครับ

การ drill ประโยคคุณสามารถด้นสดๆ เลยได้ครับ แต่จำไว้ว่าคำที่คุณนำมาแทนที่ต้นแบบต้องเป็นคำประเภทเดียวกันนะ เช่น เป็นคำคุณศัพท์เหมือนกัน เป็นต้น แล้วอย่าลืมคิดสถานการณ์ที่ใช้ประโยคเหล่านั้นประกอบด้วยเสมอ

4) การฝึกภาษาอังกฤษของผม เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป มีบางช่วงฝึกหนักก็เห็นพัฒนาการเด่นชัด บางช่วงไม่ค่อยฝึกก็ไม่ค่อยมีพัฒนาการ โดยรวมแล้วผมใช้เวลาประมาณ 2 ปี ถึงเริ่มรู้สึกทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แต่ถ้าคุณฝึกหนักอย่างที่คุณเล่ามาน่าจะใช้เวลาเร็วกว่าผมแน่นอน อันนี้แล้วแต่บุคคล แต่การสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก็สำคัญมากเหมือนกัน ทุกวันนี้ผมสงสัยภาษาอังกฤษอะไรก็ตาม แม้จะเล็กน้อย ก็ต้องเช็คกับดิคชันนารี่ อังกฤษ-อังกฤษ ทันที เพื่อ correct ตัวภาษาอังกฤษเราให้ดีขึ้นอยู่เสมอ อันนี้ผมว่าสำคัญมากนะ ควรฝึกให้เป็นนิสัย แล้วภาษาคุณจะดีวันดีคืน บางทีจะรู้สึกเหมือนมีสัญชาตญาณว่า ต้องเขียนภาษาอังกฤษทำนองนี้ถึงจะถูก โดยที่ตัวเราเองตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเคยไปเห็นมาจากไหน และมันก็ถูกจริงๆ นี่แหละครับคือ ข้อดีของการสะสมประสบการณ์ภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ ทุกวัน

สุดท้ายขอให้ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 27 เมษายน 2551 เวลา:7:21:25 น.
  
ไม่ได้แวะมานานมากเหมือนกันนะคะ อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกทึ่งครูเฟียตจริงๆค่ะ ยิ่งเมื่อก่อนไม่มีการCopy Fileเพลงอย่างสมัยนี้แล้ว ยิ่งรู้สึก.....อยากจะลองฝึกดูอีกครั้งค่ะ แล้วครูเฟียตเป็นอะไรอ่ะคะ?? ผ่าตัด?? ยังงัยก้อรักษาสุขภาพด้วยนะคะ จริงๆแล้วมีปัญหามาปรึกษาเหมือนกัน แต่เอาไว้คราวหน้าละกันค่ะ TCนะคะ
โดย: Tsuki IP: 117.47.199.10 วันที่: 1 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:28:51 น.
  
รอบนี้ครูเฟียตหายไปนานมาก
โดย: แท็บ IP: 203.131.217.16 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:36:55 น.
  
มาม๊ะ มาช่วยกันชิมหน่อย
ที่เรือนมีไรให้หม่ำอ่ะ คริคริ อร่อยป่าวไม่รู้ มาดูเอง อิอิ
โดย: GIGG (Gigg_Pat ) วันที่: 25 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:12:11 น.
  
ขอคารวะครับอาจารย์ นี่คือควมจริงมากๆ เป็นประโยชน์มากมายครับ
โดย: weixian วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:21:59:42 น.
  
ช่าย ค่ะ ดูหนังฮอลิวูด ฟังแล้วรู้เรื่องกว่า
หนังที่มาจากประเทศอังกฤษ พูดตามก้ง่ายกว่าด้วย


โดย: Papayahanaga วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:14:23:45 น.
  
ครูเฟียตหายไปนานจัง ฮือๆๆๆๆ รีบมาต่อเร็วๆนะครับ
โดย: แท็บ IP: 202.91.18.206 วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:18:46:44 น.
  
ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ขอบคุณนะครับที่ยังติดตามกันอยู่ แต่ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆ แต่ยังไงก็ตามสัญญาว่าจะมีบทความมาให้อ่านกันอย่างน้อยเดือนละครั้งนะครับ ว่างๆ จะมา update ให้อีกนะครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 23 มิถุนายน 2551 เวลา:21:51:51 น.
  
หาHowไม่เจอ
โดย: ฟ้า IP: 118.174.119.209 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:10:30:40 น.
  
ดีครับ

ครั้งแรกที่แวะเข้ามา

น่าสนใจมากเลย

Nice to Know you.
โดย: The KOP Ban Far IP: 203.155.56.238 วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:11:13:51 น.
  
สวัสดีคะ ครูเฟียซ

นี่เพิ่งเคยเข้ามาอ่านครั้งแรก..เพราะว่าตอนนี่ อยู่ อเมริกา

แล้วเวลาพูดอะไร ฝรั่งฟังไม่ค่อยออก เลยอยากมาฝึกสำเนียง...

ดีคะ..นี่ก็ฟังวิทยุ ทุกวัน...เปิด กรอกหู อยู่ ห้าๆ..

แล้วก็ไม่ค่อยชอบดูหนังเหมือนกันเลย...คะครู...

ขอบคุณนะคะ
โดย: SomO IP: 64.20.143.127 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:23:39:37 น.
  
ตอบคุณ Somo
น่าอิจฉาคุณ Somo จัง ที่อยู่ที่อเมริกา อย่าลืมฝึกฝนมากๆ เพื่อเปลี่ยนสำเนียงให้ได้นะครับ คุณโชคดีแล้วที่ได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นฝรั่ง จงฉวยโอกาสนี้เปลี่ยนสำเนียงให้เป็นฝรั่งให้ได้นะครับ เอาใจช่วยครับ
โดย: Kru FIAT (KruFiat ) วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:10:22:31 น.
  
กำลังฝึกภาษาอังกฤษอยู่พอดี
เจอLink นี้ ดีมากๆ ค่ะ
ขอบคุณนะค่ะ ที่ให้ความรู้
โดย: Nuch IP: 115.67.221.81 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:26:46 น.
  
เพิ่งเข้ามาครั้งแรกนะคะ
รุ้สึกได้อะไรเยอะเลยคะจากการเข้ามาครั้งนี้
หนูมีเรื่องอยากถามหน่อยนะคะว่าเราควรมีดิกชันนารีภาษาอังกฤษประเภทไหนไว้บ้างคะ และถ้าอย่างน้อยเราต้องมีอยู่1เล่มเราจะเลือกใช้เล่มไหนดีคะ....
คุณครูช่วยไขข้อข้องใจให้หนูด้วยนะคะ..
ขอบคุณมากคะ
โดย: sanie_kookkok IP: 118.175.188.196 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:14:28:10 น.
  
ตอบคุณ Sanie
ผมแนะนำให้ใช้ดิคอังกฤษ-อังกฤษนะครับ ถ้าไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อแบบไหนดี ผมขอแนะนำ "LONGMAN Dictionary of Contemporary English" แบบที่มี CD-ROM แถม 2 แผ่นนะครับ เอาไปติดตั้งในคอมพิวเตอร์แล้วใช้ได้แสนสะดวกสบาย
แนะนำให้เข้าไปอ่านเรื่องการใช้ดิคได้ตาม link ของผมข้างล่างครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=12-2007&date=21&group=2&gblog=7

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=krufiat&month=01-2008&date=02&group=2&gblog=8

รับรองว่าถ้าเปิดดิคอังกฤษ-อังกฤษทุกวัน คุณจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นอย่างแน่นอนครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:12:06:37 น.
  
คิดถึงคลื่น 105 เหมือนกันค่ะ แต่ก่อนติดมาก ฟังทุกวัน
โดย: Knine IP: 124.121.66.168 วันที่: 4 ธันวาคม 2552 เวลา:21:43:37 น.
  
สวัสดีจร้า คือเราอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษ แต่การพูดม่ายค่อยได้เลย มันยากมาก พูดไปแล้วก็ลืมอ่ะ
ช่วยแนะนำดีๆให้พูดภาษาอังกฤษให้หน่อยนะ
อาริกาโตะ โกไซมัส
โดย: harunakihime IP: 117.47.240.159 วันที่: 21 เมษายน 2553 เวลา:20:24:26 น.
  
หวัดดีครับครูเฟียสผมเองเป็นลูกศิษย์ครูเคทปัจจุบันนี้ เรื่องสำเนียงผมทำได้เหมือนฝรั่งแล้ว ทั้งอ่านข่าวหรือดูหนังการแตกเสียงที่สมบูณ์ เนื่องจากอัด CNn ทุกคืนถึงเช้าเลยเพื่อให้สำเนียงติดมาเป็นเวลาปีกว่าแล้ว และดูหนังทำตามทุกอย่างขอบคุณนะครับที่ให้ผมมีวันนี้ ส่วนการฟังก็ยังต้องพัฒนาไปเรือ่ย ทุกคนสามารถทำได้และไม่ว่าจะท่านทุกคนจะไม่มีโอกาสเรียนเมืองนอกหรืออินเตอร์ ผมเองไม่มีโอกาสเลย ฐานะยากจน แต่ผมก็ทำได้แล้วขอบคุณมากครับ โอกาสวันหน้าอยากเป็นผู้อ่านข่าวต่างปรเทศครับ เพราะรู้สึกว่าเป็นคนไทยที่พูดได้โดยไม่ไปเมืองนอกและไม่เคยเรยนอินเตอร์ใดๆ ฝึกอย่างเดียวและอนาคอยากเป็น ดีเจอ่านข่าวภาษาอังกฤษ เพื่อให้ผู้ฟังได้ฟังว่าสำเนียงและการออกเสียงคนไทยก็สามารถทำได้ ถ้าไม่ยึดติดกับไวยากรณ์หรือใดๆ
โดย: ลูกศิษญ์ IP: 58.8.191.168 วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:18:45 น.
  
สวัสดีค่ะครูเฟียส ต่อไปนี้หนูต้องสนใจภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้ และฝึกฟัง ฝึกพูด หัดออกเสียง ขอบคุณมากค่ะสําหรับข้อมูลดีๆ
โดย: ยา IP: 84.246.166.1 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:09:20 น.
  
เวปบล็อคนี้ดีคับ อ่านแล้วได้กำลังใจเยอะเลย
โดย: pisut108_p IP: 203.146.122.227 วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:10:40:28 น.
  
ดีใจจังที่สามารถทำให้คนหลายคนมีกำลังใจในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ ขอให้มุ่งมั่นกับการฝึกฝน หมั่นฝึกบ่อยๆ แล้วสักวันต้องสำเร็จแน่นอนครับ ขอบคุณสำหรับทุกคำติชม คุณเองก็เป็นกำลังใจให้ผมทำในสิ่งดีๆ ต่อไปเช่นกัน
โดย: KruFiat วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:16:38:31 น.
  
อยากเสริมจากที่ครู Fiat แนะนำคุณแทปไปหน่อยนะครับ ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่านี่เป็นครั้งแรกและวันแรกที่ได้ผ่านเข้ามาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับบทเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อไปติวให้ลูกซึ่งกำลังเรียนอยู่ในชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยบูรพา ที่ชลบุรีครับ

เกี่ยวกับเรื่องการฝึกสำเนียงนะครับ และเรื่องที่อยากแนะนำน้องๆทั้งหลายเกี่ยวกับการฝึกเพื่อปรับปรุงสำเนียงการพูดของเราให้ไกล้เคียงกับเจ้าของภาษานั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เราต้องมีเข้าใจในเรื่องของภาษาและที่มาที่ไปของภาษาสักนิด เพื่อที่จะไม่ใช้เวลาไปติดตามภาษาที่ไม่อาจเกิดขึ้นในชีวิตเราเลยเป็นต้น
ที่พูดเรื่องนี้ก็คือ ภาษาของแต่ละชุมชนนั้น ต่างก็มีที่มาที่ไปของตนเองซึ่งแต่ละ culture นั้นมีความแตกต่างกันไปแม้กระทั่งภาษาอังกฤษที่ใช้กันในอเมริกา กับภาษาอังกฤษที่ใช้กันในประเทศอังกฤษ ซึ่งมีศัพท์ที่ใช้พูดต่างๆกันเป็นร้อยๆคำเลยก็มี และทำนองเดียวกันภาษาไทยเองก็ไม่ได้มีการยกเว้น เรามีสำนวนที่ใช้แตกต่างกันอย่างมากมายในแต่ละภาค ยากที่คนต่างชาติจะเข้าใจและติดตาม
เพราะฉะนั้น ให้ดูเฉพาะภาษาที่เราสามารถนำมาใช้ได้จริงเท่านั้น อย่าไปเสียเวลาตามสำนวนที่เป็น slang ที่อาจทำให้เรางง และยังไม่สามารถใช้ในสังคมเราได้อีกด้วย
ก็อยากให้น้องๆที่ยังไม่รู้จักกับคำว่า Colloquial language ได้เข้าไปดูได้ที่ web หลายๆเวปได้อธิบายไว้ และดูตัวอย่างเผื่อว่าจะได้ยินภาษาอย่างนี้บ้างในภาพยนต์น่ะครับ ดูตัวอย่างที่แนบมาข้างใต้นะครับ ขอให้โชคดีนะครับ

Colloquial language is informal language that is not rude, but would not be used in formal situations. It is less unacceptable than Slang & Swear Words.

หวังว่าข้อมูลนี้มีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ
โดย: werapong-From Libya IP: 41.254.1.178 วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:15:56:14 น.
  
อยากจะถามว่า
เวลาเราดูหนังแล้วเราจะฝึกพูดไปด้วยไ้ด้อย่างไรค่ะ
โดย: kk IP: 158.108.125.23 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:19:49:38 น.
  
สวัสดีคับคุณครู ผมอยากรู้ว่าผมฟังภาษาอังกฤษออกนะคับ ในระดับที่ดี ทำงานโรงแรม แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาดูหนัง sound track ผมฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง ผมจะรู้ว่าเขาพูดว่าอะไรผมต้องดู sub thai แล้วก็ถึงบางอ้อว่า อ่อที่แท้แกพูดแบบนี้เองรึ เป็นเพราะอะไรหรอครับผม ในหนังสำเนียงเขาแปลกๆป่าวคับ แบบว่ามีการพูดดัดเสียงตามสถานการณ์อะไรแบบนี้นะครับ ผมจะมีวิธีที่ทำให้ดุูหนังได้โดยไม่ต้องพึ่ง sub thai ยังไงดีคับ
โดย: REXSiT IP: 115.87.132.171 วันที่: 25 สิงหาคม 2554 เวลา:2:01:46 น.
  
อยากเรียนโทภาษาอังกฤษค่ะ แต่ไม่ได้จบตรีด้านอังกฤษมาจะเรียนได้ไม๊คะ...............................
โดย: jingjokDoy วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:17:44:17 น.
  
ตอนนีกำลังมึนกับการเขียน e-mail สื่อสารซื้อสินค้าต่างประเทศ ช่วยแนะนำด้วยคะ ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร กลุ้มใจมากคะ อาจมีผลต่อหน้าที่การงานด้วย
โดย: annie IP: 58.11.204.62 วันที่: 3 มิถุนายน 2555 เวลา:22:45:36 น.
  
กระทู้นี้ดีมากเลยคะ คือเริ่มฝึกดูหนังที่ไม่มีซับอังกิด ปรากฎ ดูได้ไม่นานก้อไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วควรทำอย่างไรคะ
โดย: pink IP: 118.163.2.44 วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:13:48:12 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3