Group Blog
มกราคม 2551

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
ทำไมผมถึงเปลี่ยนสำเนียงภาษาอังกฤษเป็นฝรั่งได้ ตอน 4: ได้ทุนเรียนต่อป.โท เพราะภาษาอังกฤษดี
กลับมาแล้วววว...ครับ ที่หายหน้าไปนานเพราะ internet ที่บ้านมีปัญหา upload ไม่ได้ TT&T พยายามแก้มา 5 วันแล้วยังไม่สำเร็จเลย เลยค่อนข้างลำบากหน่อยในการ upload บทความแต่ละที ว่าแต่มาฟังเรื่องของผมต่อเลยละกัน

ตอนใกล้เรียนจบป.ตรี ก็เริ่มหาทางว่าจะเรียนต่อป.โทดีหรือจะหางานทำดี ซึ่งประกอบกับช่วงนั้นค่าเงินบาทลอยตัว เศรษฐกิจตกต่ำ การหางานค่อนข้างยาก (แต่ถ้าหาจริงๆ ก็มีอยู่หรอก โดยเฉพาะสาขาที่ผมเรียนคือ วิศวกรเคมี เชื่อไหมครับว่าตอนผมเลือกภาควิชาตอนปี 2 ป.ตรี ภาควิชาวิศวกรรมเคมีไม่ได้ติดอยู่ในอันดับต้นๆ ที่นักศึกษานิยมเลือกกัน สมัยนั้นต้องวิศวกรรมไฟฟ้าหรือโยธาอะไรอย่างงี้ แถมนักศึกษาบางคนที่ไม่ได้ภาควิชาที่ตนต้องการยังอาจถูกจับยัดเข้าภาควิชาวิศวกรรมเคมียังมีเลยครับ แต่พอเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่น่าเชื่อว่า ภาควิชาวิศวกรรมเคมีกลายมาเป็นภาควิชาที่นักเรียนอยากเรียนมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ อาจเป็นเพราะผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อยมั้งครับ เมื่อเทียบกับภาควิชาอื่นๆ) ผมก็ได้สมัครงานแค่ไม่กี่ที่หรอกครับ และยังสมัครเรียนต่อป.โท ซึ่งก็ตั้งใจว่าจะต่อภาควิชาวิศวกรรมเคมีที่ร่ำเรียนมานี่แหละ แต่อยากฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย เลยเกิดปิ๊งไอเดียว่า ลงเรียนสาขาวิชาวิศวกรรมเคมีภาค inter(national) ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษดีกว่า จบมาจะได้วุฒิป.โทพร้อมกับเก่งภาษาไปด้วย ว่าแล้วก็เริ่มหาที่เรียน

ผมเกิดไปปิ๊งโปรแกรมนึงขึ้นมานั่นคือ Chemical Engineering Practice School (ChEPS) ของม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ ธนบุรี ที่บอกว่าน่าสนใจเพราะเป็นโปรแกรมที่ทางมหาวิทยาลัยฯ ร่วมกับ MIT จากอเมริกาในการตั้งโปรแกรมนี้ขึ้นมา มุ่งเน้นผลิตวิศวกรเคมีที่พร้อมทำงานจริงๆ ในโรงงาน ซึ่งจะไม่เน้นการทำวิจัยมากเหมือนกับโปรแกรมอื่นๆ และยังต้องมีการไปทำโครงงานต่างๆ ที่โรงงานจริงๆ อีกหลายเดือนด้วย น่าสนใจดี ผมจึงสมัครเรียนไป ซึ่งรุ่นผมจะเป็นรุ่นที่ 2 เองเพราะหลักสูตรนี้เพิ่งก่อตั้งมา 1 ปีเท่านั้น ดังนั้นยังไม่ทราบเหมือนกันว่ารุ่นพี่จะประสบความสำเร็จมากเพียงใด เพราะยังไม่มีรุ่นไหนจบออกไปทำงานเลย แต่ผมคิดว่า เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน (ตอนนั้นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่ผมเรียน ป.ตรี ก็มีมาชวนให้ผมไปเรียนป.โท กับแกพร้อมเสนอให้ทุนอยู่เหมือนกัน แต่ผมต้องการเห็นอะไรที่แตกต่างออกไป แถมได้ยินมานักต่อนักว่า มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนตอนป.ตรี เก่งแต่ภาคทฤษฎี ไม่เก่งภาคปฏิบัติเหมือนพวกลาดกระบังหรือบางมดอะไรทำนองนี้...มันเลยทำให้ผมยิ่งอยากรู้ว่า มันจะจริงอย่างคำร่ำลือหรือเปล่า?) ช่วงนี้แหละครับที่ผมฟิตภาษาอังกฤษสุดๆ เพื่อเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษเพื่อเรียนต่อ จริงๆ แล้วผมก็เตรียมตัวเรื่อยมานานพอสมควร ซึ่งตอนสอบสัมภาษณ์ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ผ่านมาได้และได้ทุนเต็มในการเรียนตลอดหลักสูตรป.โทด้วย นั่นหมายถึง ผมไม่ต้องเสียค่าหน่วยกิตเลย (รู้สึกจะตกปีละ 2 แสน) แถมมีเงินเดือนให้ผมระหว่างเรียนป.โทด้วย เดือนละ 5 พันบาท ซึ่งมันทำให้ผมไม่ต้องรบกวนเงินพ่อแม่เลยระหว่างที่เรียนป.โท ตอนผมเข้ามาในโปรแกรมนี้แล้วเจออาจารย์ที่เคยสอบสัมภาษณ์ผม ผมเคยถามแกว่าอาจารย์ใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินว่านักศึกษาคนไหนจะได้ทุนเรียนฟรีอย่างผม ในขณะที่บางคนได้เรียนก่อนจ่ายทีหลังตอนได้งานทำแล้ว อาจารย์ท่านบอกว่า “เพราะภาษาอังกฤษเธอดีกว่าเพื่อนๆ ไง” ผมรู้สึกหายเหนื่อยทันทีจากการฟิตภาษาอังกฤษมาโดยตลอด เพราะผมได้ใช้มันเป็นใบเบิกทางให้กับผมได้แล้ว ประหยัดเงินพ่อแม่ด้วย อยากขอบคุณคุณครูที่สอนภาษาอังกฤษผมทุกท่านเลย สิ่งที่ผมอยากจะบอกกับผู้อ่านทุกท่านคือผมไม่สามารถฝึกฝนภาษาอังกฤษให้เก่งได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่มันใช้เวลาหลายเดือนไปจนถึงเป็นปี (ผมเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคท 2 ปีเต็ม) ดังนั้นใครที่คิดว่าจะต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นใบเบิกทางในชีวิตคุณ คุณต้องเริ่มลงมือฝึกฝนมันซะตั้งแต่ตอนนี้ เพราะมันจะใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะเห็นผลชัดเจน มีลูกศิษย์ผมบางมาให้ผมติวสอบสัมภาษณ์งานเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็ช่วยได้นะครับว่าควรตอบคำถามอย่างไร ประมาณไหน แต่ตัวภาษาอังกฤษนั้นขึ้นอยู่กับเค้าแล้วว่าเค้ามีพื้นฐานมาดีแค่ไหน ถ้าจะสอบภายในไม่กี่อาทิตย์ คงต้องบอกว่า “ทำใจ” ได้อย่างเดียว เพราะคุณต้องใช้เวลาพอควรกว่าจะฝึกฝนภาษาอังกฤษจนเห็นผลชัดเจน

วันแรกที่ผมเริ่มเรียนป.โท ผมยังจำได้ค่อนข้างแม่นยำ (แม้ปกติความจำผมจะห่วยก็ตาม) จริงๆ มันเป็นความผิดของผมเองแหละที่คาดหวังกับโปรแกรมนี้ไว้สูงมาก หวังว่าจะเจออาจารย์ฝรั่งมากมาย หวังว่าจะมีเพื่อนเป็นฝรั่งหรือเพื่อนๆ คนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่าผม แต่พอวันแรกที่เค้าจับนักศึกษาทั้งหมดมาเรียนภาษาอังกฤษเพื่อปรับพื้นฐานช่วงซัมเมอร์ ซึ่งมีอาจารย์แขกเป็นคนสอนภาษาอังกฤษ ปรากฏว่าผมยังไม่เจอเพื่อนหรือรุ่นพี่คนไหนที่สำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาสักคน อันนี้เป็นเพราะผมคาดหวังไว้สูงเกินไป เพราะอย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าผมกำลังจะเรียนโปรแกรมอินเตอร์ก็จริงแต่เรียนในไทยนะ ไม่ใช่เรียนในต่างประเทศ บวกกับผมเคยเจอคนอย่างครูเคทผู้ที่พูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษาเลยทำให้ผมคิดว่าคนไทยก็สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนฝรั่งเป๊ะได้ (แต่ลืมไปว่า มีคนทำได้น้อยคน) วันแรกที่ผมไปเรียนมันเกิดความผิดหวังอย่างรุนแรง (ผมไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกนี้กับใคร) เพราะผมอยากเจอเพื่อนคนที่มีสำเนียงภาษาอังกฤษดีกว่าผม ผมจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเค้าได้ แต่ไม่มีเลย อย่างไรก็ตามไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ผมจึงตั้งปณิธานว่า ไม่เป็นไร ผมจะยังฝึกฝนตามเทคนิคของครูเคทต่อไป เพื่อพัฒนาภาษาอังกฤษของผมโดยยึดครูเคทเป็นต้นแบบ (ผมยังคงเรียนกับแกทุกวันเสาร์) ข้อเสียอีกอย่างของโปรแกรมอินเตอร์ที่เรียนในไทยคือ ถึงแม้ว่าเราจะเรียนวิชาต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษก็จริง แต่พอออกจากห้องเรียน พวกเราก็พูดภาษาไทยกันกับเพื่อนตลอด (เพราะเพื่อนเป็นคนไทยหมด) อาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งสำเนียงก็ไทยๆ ทำให้ไม่ค่อยได้ฝึกภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เรียนป.โท จะมีการเสนอผลงานแทบทุกสัปดาห์ซึ่งต้อง present เป็นภาษาอังกฤษ นี่แหละครับที่จะทำให้เราทราบทักษะทางภาษาอังกฤษของเพื่อนแต่ละคนรวมถึงตัวเราด้วย ซึ่งผมคิดว่าอย่างน้อยก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าโปรแกรมภาคภาษาไทยนะ แต่ก็ไม่เหมือนกับพวกที่ไปเรียนต่างประเทศที่ได้เจอฝรั่งจริงๆ ใครที่กำลังเรียนโปรแกรม inter อยู่ ผมอยากแนะนำให้คุยกับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษตลอดมันจะช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของคุณได้เยอะครับ

แล้วจะกลับมาเล่าต่อถึงวิธีพัฒนาภาษาอังกฤษในแบบของผมตอนที่เรียนอยู่ ว่าทำยังไงถึงเปลี่ยนสำเนียงได้โดยไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศนะครับ อดใจรออีกแป๊บนึง



Create Date : 17 มกราคม 2551
Last Update : 17 มกราคม 2551 16:56:08 น.
Counter : 4555 Pageviews.

17 comments
  
เพิ่งเปิดเข้ามาอ่าน น่าสนใจดีค่ะ

ของหนอนน้อย ภาษาอังกฤษพัฒนาได้เพราะเจ้านายค่ะ เป็นฝรั่งใจดี เราเลยกล้าที่จะพูดด้วย (แต่ต่อให้ไม่กล้าก็ต้องพูดอยู่ดี ฮา) ฟัง พูด ดีขึ้นหมด

แต่ภาษาเขียนยังห่วยอยู่เลยน้อ

อ้อ เอาเว็บมาฝากค่ะ

//www.economist.com/audioedition/

สมัครไว้แล้วโหลด economist ฟังได้ฟรี ได้ฝึก listening แล้วยังได้ความรู้ด้วยน้า

ไม่ต้องเสียตังค์ซื้อมาอ่าน ไม่เสียดุลการค้า ฮา...
โดย: หนอนน้อย วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:19:52:21 น.
  
เก่งจังค่ะ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
แม้ว่าจะไปเรียนต่างประเทศ แต่ถ้าไม่ฝึกฝนก็ไม่เก่งค่ะ

โดย: CindyD วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:19:59:42 น.
  
มาสมัครเรียนด้วยคนนะคะ
โดย: fattyacid (deeny ) วันที่: 17 มกราคม 2551 เวลา:22:35:44 น.
  
คุณครุคะ บังเอิญว่าสำเนียงนี่ ถ้าหันหลังก้อนึกว่าเป็นฝัร่ง จึงผ่าน แต่ติดอยู่คำเดียวอะคะ คือวันนี้ นาย พูดว่า Braising ฟังไม่รู้เรื่องกลับมาเปิด ดิก แล้วปรากฏว่า....แปลว่าการทอดให้เกรียมแล้วค่อยเคี่ยว

คุณครูมีอะไรแปลให้เพิ่มเติมมะคะ...
โดย: นอม ชอม... IP: 124.120.14.250 วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:21:26:38 น.
  
ขอบคุณนะคะ สำหรับแว๊ป...

ของฉันเองมีอีกเป้นกะตั๊ก แต่ เป้นภาษาเขมร เอามะคะ
โดย: นอม ชอม... IP: 124.120.14.250 วันที่: 18 มกราคม 2551 เวลา:21:30:21 น.
  
ชอบฟังเพลง มากกว่าดูหนังอ่ะค่ะ นี่ด้วยรึเปล่า ถึงทำให้พูดไม่เก่งกะเค้าซะที ครูเฟียตมีคำแนะนำมั้ยคะ?? เพราะชอบฟังเพลงฝรั่งมากกว่า จำได้ว่าเพลงแรกที่ร้องได้ตอนนั้นอยู่ม.1นะ ชอบหาเนื้อมาร้อง หรือไม่ก้อฟังจนร้องได้เองก้อมี รู้เรื่องไปเอง ตลกดี ทุกวันนี้ก้อยังฟัง+ร้องตามได้อยู่ แต่กับหนังบางเรื่องดูไม่รู้เรื่องค่ะ เค้าพูดเร็วๆค่อยๆยังงัยบอกไม่ถูก นี่ก้อหัดๆดูมาเกือบปีแล้วกับการดูหนังฝรั่งDVD รึเพราะว่าเพลงเราเปิดฟังซ้ำไป-มาด้วยมั้ย?? เลยทำให้อินได้เร็ว ถ้าMelody+Sound โดนใจก้อเข้าใจได้เร็ว
โดย: Tsuki IP: 124.157.208.248 วันที่: 20 มกราคม 2551 เวลา:0:40:53 น.
  
ตอบคุณ Tsuki

การฟังเพลงฝรั่งก็ช่วยเรื่องการออกเสียงอยู่บ้าง และอาจจะช่วยเรื่องรูปประโยคติดปาก เช่นเพลง How do I live? คุณฟังบ่อยๆ วันหลัง คุณก็จะใช้ประโยค How do I ...? อาทิเช่น How do I go to work?, How do I stay in Bangkok? เป็นต้น แต่นั่นหมายถึงว่าคุณต้องแปลเองได้อย่างถูกต้องและรู้เองว่าจะใช้ในสถานการณ์แบบไหนนะครับ
แต่ถ้าคุณดูหนังบ่อยๆ ข้อดีเหนือกว่าฟังเพลง คือ ทำนองที่เค้าพูดจะเป็นโทน (intonation) ที่คนเราพูดกันจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นไปตามเมโลดี้ของเพลงๆ นั้น และยิ่งไปกว่านั้นเวลาคุณเห็นภาพสถานการณ์ในหนังพร้อมประโยคที่ใช้มันจะทำให้คุณสามารถนำประโยคนั้นไปใช้ได้อย่างถูกต้องตามสถานการณ์ เช่น เพลง What took you so long? ของ Emma Bunton ประโยคนี้มีในหนังทั่วไป เช่น เรื่อง The Devil Wears Prada เวลาที่นางเอกออกไปซื้อกาแฟข้างนอกแล้วกลับมาเข้า office ช้าจนเพื่อนเลขาอีกคนต้องถามว่า "What took you so long?" คือแกไปทำอะไรมาทำไมมันนานจัง? เห็นไหมครับว่าการดูหนังทำให้เห็นภาพชัดเจนกว่าเยอะน่ะครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 20 มกราคม 2551 เวลา:21:38:56 น.
  
จริงๆแล้วตัวอย่างหนัง+เพลงที่ครูแนะนำมา ล้วนแล้วแต่รู้จักและดูมาแล้วทั้งนั้น แต่ไม่เคยได้Drillตาม(เพราะจับต้นชนปลายไม่ถูก พูดง่ายๆคือ ไม่ได้คิดตามsrc=https://www.bloggang.com/emo/emo29.gif>) src=https://www.bloggang.com/emo/emo7.gif>
เอาไว้ได้ผลยังงัย แล้วจะ'mentมาปรึกษาอีกทีนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ ...Out of Reach So Farrr...
โดย: Tsuki IP: 222.123.2.98 วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:23:15:34 น.
  
เข้ามารออ่านตอนที่ 5 อย่างใจจดใจจ่อครับ

ปล.มีข้อสงสัยนิดหนึ่งครับว่า ถ้าเราสามารถเปลี่ยนสำเนียงให้เหมือนฝรั่งได้แล้ว เราจะสามารถฟังหนังซาวด์แทรกออก 100% หรือฟังออกทุกประโยคหรือเปล่าครับ

ปกติเวลาคนไทยดูหนังไทยก็ฟังภาษาไทยในหนังออกทุกคำอยู่แล้ว ก็เลยสงสัยว่า คนไทยที่ฟังและพูดภาษาอังกฤษได้ใกล้เคียงหรือเทียบเท่าเจ้าของภาษา จะฟังหนังที่ใช้ภาษาอังกฤษออกทุกคำหรือเปล่า

หนังบางเรื่องเช่น The lord of the ring นั้นฟังยากจริงๆครับ(ในมุมมองของคนที่พูดภาษาอังกฤษยังไม่ได้อย่างผม) และหนังสงครามกับพวกหนังย้อนยุคเช่น Gladiator,Kingdom of heaven,Shakespears in Love เป็นต้น

ไม่ทราบว่าคนที่พูดอังกฤษได้คล่องๆ เขาฟังภาษาอังกฤษในหนังพวกนี้ออกหมดทุกประโยคหรือเปล่า (ผมคาดหวังว่าจะฟังออก เพราะถ้าพูดได้คล่องเหมือนฝรั่งเป๊ะ ก็น่าจะฟังออกใช่ไหมครับ)
โดย: แท๊บ IP: 58.9.130.46 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:20:09:53 น.
  
^_______^
สวัสดีค่ะครู
อยู่ต่างประเทศมาห้าปี
เเต่ประเทศนี่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ
และตอนนี้ก็กะว่าอยากไปเรียนประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ
เเต่ว่ากลัวๆกล้าๆอยุ่เพราะไม่เก่งนะค่ะ

อ่านมาหมดเเล้วค่ะ
อยากเก่งเเบบครูบ้างจัง
โดย: ท้องฟ้าเสียงเพลงทะเล วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:3:20:43 น.
  
ตอบคุณแท็บ
คำถามที่คุณถามน่าสนใจดีครับ ผมอยากจะบอกว่าการจะฟังออก 100% นั้น ไม่ได้อยู่ที่พูดได้เหมือนฝรั่งเป๊ะเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นกับประบการณ์ของคนนั้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น คุณดูหนังเกี่ยวกับศาล อะไรทำนองนี้แล้วผมไม่ค่อยรู้ศัพท์อะไรทำนองนี้ก็อาจจะฟังไม่รู้เรื่องก็เป็นไปได้ แต่การดูหนัง คุณจะเห็นภาพประกอบทำให้ง่ายแก่การเดาคำศัพท์ที่คุณฟังไม่ออกครับ ซึ่งถ้าเทียบกับภาษาไทย สาเหตุที่เราฟังออก 100% เพราะเรามีประสบการณ์สูงมากคือใช้ทุกวัน วันละเป็น 10 ชั่วโมง แต่ลองสังเกตคำศัพท์ใหม่ๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา อย่างเมื่อก่อนมีศัพท์วัยรุ่นว่า "กิ๊ก" ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนได้ยินครั้งแรกก็ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันคืออะไร (จะไปเปิดพจนานุกรมก็ไม่มีด้วยสิ) แต่พอได้ยินบ่อยๆ เข้าจากหลายๆ สถานการณ์เราก็สามารถเดาความหมายมันได้ในที่สุด
สรุปว่า อาจจะฟังไม่ออก 100% ถ้าไม่มีประสบการณ์เรื่องที่ฟัง แต่ก็อาจจะเดาความหมายได้น่ะครับ
ขอบคุณนะครับที่ติดตาม blog ผม ผมรู้สึกผิดเหมือนกันที่หายหน้าไปค่อนข้างนาน ยังไม่มีเวลามาเขียนเรื่องให้อ่านกันต่อ เพราะช่วงที่ผ่านมา computer เสียน่ะครับและงานก็ยุ่งมาก ตอนนี้เริ่มค่อยยังชั่วแล้ว สัญญาว่าจะกลับมาเขียนต่อเร็วๆ นี้แล้วครับ อย่าลืมติดตามอ่านและ comment ต่อไปนะครับ
โดย: Kru Fiat (KruFiat ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:7:32:18 น.
  
ตอนนี้ กำลังจะจบป.ตรี วิศวะเครื่องกลค่ะ อยากเรียน โทแบบภาษาอังกฤษแบบมีทุนให้เรียน มีที่ไหนบ้างเหรอคะ

และก็ เทคนิคแบบ..เวลาดูหนังภาษาอังกฤษ ดูแล้วเราจดประโยคที่เราพอจะฟังได้นี่จะช่วยได้มั้ยคะ


แล้วสุดท้ายค่ะ อยากเรียนครูเคทมาก แต่ตอนนี่เรียนอยู่ที่มหิดล ศาลายา ครูเคทที่ไหนใกล้สุดคะ
โดย: Glur_gam IP: 58.9.103.241 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:35:28 น.
  
Dear all krab.

Thank you very much. krab

One day I well be rich! bye krab.

โดย: Ball IP: 192.55.18.36 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:33:53 น.
  
รอมาต่อฮ่ะครูมาไว้ๆๆ อดใจรอไม่ไหวแล้ว
ขอบคุณน่ะครับ
โดย: ตาตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:29:12 น.
  
รออ่านแทบไม่ไหวแล้วครับ
โดย: แท็บ IP: 202.91.19.206 วันที่: 16 เมษายน 2551 เวลา:20:55:47 น.
  
ดีค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน
เลยจะมาสมัครขอเป็นศิษย์ อิอิ
และก็กำลังเรียบนวิศวกรรมเคมีเหมือนกันอีกด้วย
แล้วจะมาติดตามชีวิตของเด็ก ChePs นะคะ
โดย: Kapook IP: 222.123.245.139 วันที่: 25 เมษายน 2551 เวลา:22:35:49 น.
  
หวัดดี Fiat พี่โป่ง ChEPS01 จำได้มั้ย ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่หรือ ทำงานอะรัยอยู่อ่ะ แวะมาทักทาย สบายดีหรือเปล่า

น้อง ๆ ที่สนใจจะเรียนพิเศษทั้งป.ตรี และป.โท ติดต่อมาได้ที่ knipon007@hotmail.com (ขอขายของบ้างน๊ะ)

อ้อ หน้าที่การงานเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะแวะมาเยี่ยมเยียนอีกน๊ะ
โดย: พี่โป่ง ChEPS01 IP: 115.67.82.4 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:3:12:22 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3