การตรวจสอบการหารลงตัว ตอนจบ (16 - 20)
จำนวนเต็มที่หารด้วย 16 ลงตัว การตรวจสอบจำนวนที่หารด้วย 16 ลงตัวแบ่งได้ 3 กรณี กรณีที่ 1 ถ้าจำนวนเต็มที่กำหนดมีค่าไม่ถึงพัน ให้นำจำนวนในหลักร้อยคูณด้วย 4 แล้วบวกด้วยจำนวนที่เหลือ ตัวอย่าง 16 หาร 176 ลงตัว เพราะ (1 ´ 4) + 76 = 4 + 76 = 80 (8 ´ 4) + 0 = 32 + 0 = 32 ซึ่งหารด้วย 16 ลงตัว 16 หาร 698 ไม่ลงตัว เพราะ (6 ´ 4) + 98 = 32 + 98 = 130 (1 ´ 4) + 30 = 4 + 30 = 34 ซึ่งหารด้วย 16 ไม่ลงตัว กรณีที่ 2 ถ้าจำนวนเต็มนั้นมีเลขโดดในหลักพันเป็นจำนวนคู่ ให้นำจำนวนในสามหลักสุดท้าย (หลักร้อย, หลักสิบ, หลักหน่วย) ไปตรวจสอบดูว่าหารด้วย 16 ลงตัวหรือไม่ ตัวอย่าง 16 หาร 254176 ลงตัว เพราะว่า หลักพัน คือ เลข 4 เป็นจำนวนคู่ และ 16 หาร 176 ลงตัว (ดูกรณีที่ 1) 16 หาร 258698 ไม่ลงตัว เพราะว่า หลักพัน คือ 8 เป็นจำนวนคู่ แต่ 16 หาร 698 ไม่ลงตัว (ดูกรณีที่ 1) กรณีที่ 3 ถ้าจำนวนเต็มนั้นมีเลขโดดในหลักพันเป็นจำนวนคี่ ให้นำจำนวนในสามหลักสุดท้าย (หลักร้อย, หลักสิบ, หลักหน่วย) บวกด้วย 8 แล้วดูว่าหารด้วย 16 ลงตัวหรือไม่ ตัวอย่าง 16 หาร 23408 ลงตัว เพราะ หลักพัน คือ เลข 3 ซึ่งเป็นจำนวนคี่ และเนื่องจาก 408 + 8 = 416 (ตรวจสอบ 416) พบว่า (4 ´ 4) + 16 = 16 + 16 = 32 ซึ่ง 32 หารด้วย 16 ลงตัว 16 หาร 55784 ไม่ลงตัว เพราะ หลักพัน คือ เลข 5 ซึ่งเป็นจำนวนคี่ แต่เนื่องจาก 784 + 8 = 792 (ตรวจสอบ 792) พบว่า (7 ´ 4) + 92 = 28 + 92 = 120 (1 ´ 4) + 20 = 4 + 20 = 24 ซึ่ง 24 หารด้วย 16 ไม่ลงตัว จำนวนเต็มที่หารด้วย 17 ลงตัว ได้แก่ จำนวนเต็มที่เมื่อนำจำนวนในหลักสุดท้ายไปคูณด้วย 5 แล้วนำจำนวนที่เหลือมาตั้ง แล้วลบด้วยผลคูณของจำนวนในหลักสุดท้ายกับ 5 (ถ้าจำนวนยังมากอยู่ให้ดำเนินการในทำนองเดียวกันต่อไปเรื่อย) แล้วดูว่าผลลัพธ์ที่ได้หารด้วย 17 ลงตัวหรือไม่ ตัวอย่าง 17 หาร 85 ลงตัว เพราะ 8 (5 ´ 5) = 8 25 = -17 ซึ่งหารด้วย 17 ลงตัว 17 หาร 612 ลงตัว เพราะ 61 (2 ´ 5) = 61 10 = 51 5 (1 ´ 5) = 5 5 = 0 ซึ่งหารด้วย 17 ลงตัว 17 หาร 2295 ลงตัว เพราะ 229 (5 ´ 5) = 229 25 = 204 20 (4 ´ 5) = 20 20 = 0 ซึ่งหารด้วย 17 ลงตัว 17 หาร 2569 ไม่ลงตัว เพราะ 256 (9 ´ 5) = 256 45 = 211 21 (1 ´ 5) = 21 5 = 16 ซึ่งหารด้วย 17 ไม่ลงตัว 17 หาร 69586 ไม่ลงตัว เพราะ 6958 (6 ´ 5) = 6958 30 = 6928 692 (8 ´ 5) = 692 40 = 652 65 (2 ´ 5) = 65 10 = 55 5 (5 ´ 5) = 5 25 = -20 ซึ่งหารด้วย 17 ไม่ลงตัว จำนวนเต็มที่หารด้วย 18 ลงตัว ได้แก่ จำนวนเต็มที่หารด้วย 2 และ 9 ลงตัว หรือพูดง่ายๆ คือ จำนวนคู่ที่หารด้วย 9 ลงตัวนั่นเอง ตัวอย่าง 18 หาร 36 ลงตัว เพราะ 36 เป็นจำนวนคู่ และ 3 + 6 = 9 ซึ่งหารด้วย 3 ลงตัว 18 หาร 966 ลงตัว เพราะ 966 เป็นจำนวนคู่ และ 9 + 6 + 6 = 21 ซึ่งหารด้วย 3 ลงตัว 18 หาร 1496 ไม่ลงตัว แม้ว่า 1496 จะเป็นจำนวนคู่ แต่ 1 + 4 + 9 + 6 = 20 ซึ่งหารด้วย 3 ไม่ลงตัว 18 หาร 2469 ไม่ลงตัว เพราะ 2469 เป็นจำนวนคี่ จำนวนเต็มที่หารด้วย 19 ลงตัว ได้แก่ จำนวนเต็มที่เมื่อนำจำนวนในหลักสุดท้าย (หลักสิบ, หลักหน่วย) คูณด้วย 2 จากนั้นนำไปบวกกับจำนวนที่เหลือ (ถ้าจำนวนยังมากอยู่ให้ดำเนินการในทำนองเดียวกันต่อไปเรื่อย) แล้วดูว่าหารด้วย 19 ลงตัวหรือไม่ ตัวอย่าง 19 หาร 152 ลงตัว เพราะ 15 + (2 ´ 2) = 15 + 4 = 19 ซึ่ง 19 หาร 19 ลงตัว 19 หาร 741 ลงตัว เพราะ 74 + (1 ´ 2) = 74 + 2 = 76 7 + (6 ´ 2) = 7 + 12 = 19 ซึ่ง 19 หาร 19 ลงตัว 19 หาร 1485 ไม่ลงตัว เพราะ 148 + (5 ´ 2) = 148 + 10 = 158 15 + (8 ´ 2) = 15 + 16 = 31 ซึ่ง 19 หาร 31 ไม่ลงตัว 19 หาร 5698 ไม่ลงตัว เพราะ 569 + (8 ´ 2) = 569 + 16 = 585 58 + (5 ´ 2) = 58 + 10 = 68 6 + (8 ´ 2) = 6 + 16 = 22 ซึ่ง 19 หาร 22 ไม่ลงตัว จำนวนเต็มที่หารด้วย 20 ลงตัว ได้แก่ จำนวนเต็มที่มีหลักหน่วยเป็น 0 และหลักสิบเป็นจำนวนคู่ ตัวอย่าง จำนวนนับที่หารด้วย 20 ลงตัว เช่น 520 มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 และหลักสิบเป็นเลข 2 (เลขคู่) 6580 มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 และหลักสิบเป็นเลข 8 (เลขคู่) 98560 มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 และหลักสิบเป็นเลข 6 (เลขคู่) จำนวนนับที่หารด้วย 20 ไม่ลงตัว เช่น 630 มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 แต่หลักสิบเป็นเลข 3 (เลขคี่) 6590 มีหลักหน่วยเป็นเลข 0 แต่หลักสิบเป็นเลข 9 (เลขคี่) 6569 มีหลักหน่วยเป็นเลข 9 (ไม่ใช่เลข 0) อนึ่ง ผู้เขียนใช้คำว่า หาร และ หารด้วย ปะปนกัน เพื่อต้องการให้ผู้อ่านเห็นความแตกต่างในการใช้คำทั้งสองนี้ในการสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยคำว่า หาร ใช้ในกรณีจำนวนที่มาก่อน หาร เป็น ตัวหาร เช่น ข้อความ 3 หาร 6 ลงตัว หมายถึง 6 เป็นตัวตั้ง และ 3 เป็นตัวหาร ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็น 2 ส่วนคำว่า หารด้วย นั้นใช้ในกรณีที่จำนวนที่มาก่อน หารด้วย เป็นตัวตั้ง เช่น 8 หารด้วย 4 ลงตัว หมายถึง 8 เป็นตัวตั้ง และ 4 เป็นตัวหาร ซึ่งได้ผลลัพธ์เป็น 2 โดยในการเขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ หารด้วย มักจะใช้เครื่องหมายหาร (¸) เช่น 8 หารด้วย 4 เขียนเป็นสัญลักษณ์ได้ว่า 8 ¸ 4 และ หาร มักจะถูกกล่าวถึงในเรื่องการหารลงตัว ซึ่งมีการใช้สัญลักษณ์แทนการหารลงตัว คือ | เช่น 3|6 หมายถึง 3 หาร 6 ลงตัว เป็นต้น ดังนั้น การเขียนแทนสัญลักษณ์การหาร จึงอ่านได้สองอย่าง กล่าวคือ ถ้าเขียน 15 ¸ 3 อาจจะอ่านจากซ้ายไปขวาว่า 15 หารด้วย 3 แต่ถ้าอ่านจากขวาเป็นซ้าย (อ่านตัวหารก่อน) จะได้ 3 หาร 15 ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ การหาร ไม่มีสมบัติการสลับที่ (เหมือนกับการลบ) นั่นคือ 15 ¸ 3 ¹ 3 ¸ 15 (และ 15 3 ¹ 3 15) ดังนั้น การอ่านสัญลักษณ์แทนการหาร จึงควรต้องแตกต่างกัน ไม่เหมือนกับการบวกและการคูณที่มีสมบัติการสลับที่ หมายเหตุท้ายบทความ ผู้เขียนกราบขอบพระคุณ พระภิกษุ (รองศาสตราจารย์ ดร.) พิชชากร แปลงประสบโชค ที่จุดประกายเรื่องนี้เมื่อครั้งเรียนวิชาทฤษฎีเซต ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และขอบใจน้องเบส ที่ช่วยนำวิธีการตรวจสอบบางจำนวนมาให้ผู้เขียนได้ศึกษาเพิ่มเติม ได้นำมาปรับปรุงและใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในการเขียนบทความนี้
----------------------------------------------------------------------------- อ่านต่อทางนี้ครับ ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 -----------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
Create Date : 08 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 30 มีนาคม 2553 8:59:56 น. |
|
5 comments
|
Counter : 6448 Pageviews. |
|
|
คณิตศาสตร์เหรอคะ...เหอๆ ตอนประถมน่ะชอบอยู่ค่ะ
แต่พอเข้ามหา'ลัย ก็..เหมือนจะชอบค่ะ 555+