[Anime/Spoil] Girl and Panzer EP06 ~รร.โออาไร VS Saunders~ศึกทัพมะกัน (2)
มาต่อตอนที่ 6 กันครับ เพราะตอนที่ 5.5 เป็น Flashback ทั้งตอน (แต่แนะนำให้ดูนะ) ซึ่งตอนนี้ก็สนุกมากเหมือนกัน เป็นตอนต่อจาก Ep5 ที่กำลังดวลกันแบบถึงพริกถึงขิงทีเดียว โดยขอบคุณคุณ Jemini & PPuikung ที่ช่วยสนับสนุนข้อมูล +QC ด้วยครับ
Girl und Panzer ตอนที่ 6 "ไคล์แม็กซ์แห่งรอบคัดเลือก"
พวกมิโฮะหยุดชื่นชมผลงานตัวเองกันหน่อย เปิดซิงเจาะไข่แดงทีมแมนยูฯได้แล้ว แต่จะจบเกมได้ยังไงต้องจัดการรถธงสะก่อน ซึ่งหนทางยังอีกยาวไกล
ฝั่งพระเจ้า H ก็ยังไม่ท้อถอย มุ่งมั่นดักฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ ตรงนี้มิโฮะได้พูดการลอบโจมตี Firefly ไว้ด้วย เพราะเป็นรถถังที่อันตรายมากคันนึง (ปืนแรงเท่ากับ StugIII แต่ป้อมหันได้ และเกราะหนา, หมายความว่ารบได้ทั้งแบบซุ่มยิงไกล หรือรบต่อเนื่องพัวพัน ขณะที่ทีมฮิปโปต้องซุ่มอย่างเดียว)
ชอบเสียงหัวเราะอาริสะจริงๆ รู้สึกเหมาะมากที่อายะจะพากษ์ตัวละครวอนทีนเช่นนี้ 5555 แต่ดูจากหน้าตาพลประจำรถแล้วคงมีอารมร์เหมือนกับเจ้าเกี้ยวกุ้งเลยหละครับ ส่วนสำนวน 'ขี่เป็ดไต่เนิน' ที่เธอพูดก็ประมาณเข็นครกขึ้นภูในบ้านเรานี่แหละ ประมาณว่าทำได้แต่ยากลำบากสุดๆ
อาริสะ เสนอให้ไปดักซุ่มอีกรอบนึง แต่เคย์ชักไม่มั่นใจเท่าไหร่ จนกระทั่งยืนยันด้วยลางสังหรณ์ของลูกผู้หญิงนี่แหละเลยยอมไปอีกรอบ
ขบวนรบโออาไรมุ่งหน้าไปอีกทาง โดยมีรถธงเป็นศูนย์กลาง (สังเกตได้ว่าจะมีการคุ้มกันรอบด้าน เพื่อบังมุมยิงรถถังธงครับ) ขบวนรบแบบนี้จะเรียกว่า Circle ก็ได้
แต่ก็ยังหาไม่เจอกันง่ายๆ เพราะการซ่อนรถถังธงถือว่าเป็นคีย์เวิร์ดของเกมนี้เลย
ส่วนฝั่งมะกันเราก็ไม่ต่างกัน หากันไม่เจอเพราะค้นหาออกทะเลไปตามข่าวลวงทางวิทยุ (ข้าไม่รู้ ข้าไม่เห็น...) อยู่ตั้งนานสองนาน
ทว่าขณะที่เถียงกันอยู่นี่แหละ อาริสะที่เป็นรถถังธงซุ่มในป่าไผ่กำลังงุนงงว่าพวกโออาไรรู้ตัวแล้วจริงรึเปล่าก็จ๊ะเอ๋กับ Type89 ของทีมวอลเล่ย์ซึ่งออกมาเป็นหน่วยค้นหาแบบฟลุ๊กๆสุดขีด
อึ้ง...แดร๊กกันทั้งสองฝ่าย กว่าจะได้สติตั้งตัวกันก็ปาไปครึ่งนาทีนู่นนน~~ แล้วพอได้สติทั้งคู่ต่างรีบสั่งการแบบลนลานกันน่าดู โดยทีมคุณเป็ดสั่งวิ่งหนี ส่วนอาริสะสั่งให้วิ่งชนไปเลย
Note: ตรงนี้อาจดูเป็นฉากโจ้กที่ฮาน่าดู แต่มีเรื่องน่าวิเคราะห์เยอะพอควรเลยครับ
- Type89 ค้นหาอย่างชาญฉลาดพอควร สังเกตได้จากการที่ไม่วิ่งตามถนนปกติ แต่ปีนป่ายมาตามภูมิประเทศขึ้นๆลงๆ พังรั้วเข้ามาเลย..นั่นทำให้ยากมากที่จะถูกซุ่มยิงดักทางหรือฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวล่วงหน้า (แต่ที่มาประจัญหน้ากันระยะ 3 เมตรนี่ก็ประชิดเกินไปหน่อยเหมือนกัน)
- ถ้าหากรถถังที่บุกเข้ามาไม่ใช้ Type89 แต่เป็น Panzer4 หรือ StugIII ที่ปืนหนักหน่วงหน่อยและกล้าเสี่ยงยิงแรกกับเชอร์แมนของอาริสะไปเลย เกมนี้อาจจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายโออาไรอย่างง่ายๆเลยทีเดียวเพราะยิงในระยะประชิดมารถธงระยะเผาขน
- แต่น่าเสียดายที่ประสิทธิภาพของรถถัง Type89 ของคุณเป็ดมันต่ำมาก...ต่ำโคตรๆ...ต่ำเตี้ยเรี่ยดินชนิดเรียก 'กาก' ได้อย่างไม่อายใคร ส่วนนึงคงเป็นเพราะว่ารถถังของญี่ปุ่นในช่วง WWII นั้นออกแบบมาเพื่อสนับสนุนทหารราบ และยิงป้อมเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเอง (ญี่ปุ่นเน้นกองเรือ/กองบินมากกว่า) หากไปเทียบกับรถถังของฝั่งยุโรป
(1) ปืนมันห่วยแตกมาก ปืนใหญ่57 mm แต่มีอัตราการเจาะเกราะแค่ 15 mm เอง (เกราะเชอร์แมนหนา 60mm)เรียกว่ายิงรถถังอย่างเชอร์แมน Panzer ไม่เข้าเลยแม้แต่นิดเดียวต่อให้ยิงด้านข้างก็เถอะ ถ้าจะฟลุ๊กจริงๆคือยิงด้านหลังที่เป็นห้องเครื่องส่วนเล็กๆมากที่เกราะบางเฉียบ หรือยิงสายพานให้ขาด (พูดเหมือนง่าย)
(2) เกราะType89 มันกากมาก โลหะของญี่ปุ่นนอกจากคุณภาพต่ำกว่ายุโรปแล้วยังไม่ได้ใช้หลักการเชื่อมประสานแผ่นเหล็ก แต่กลับใช้รูปแบบประกอบแบบโบราณที่เป็นหมุดเหล็กย้ำเหมือนเรือรบ (ค่อยๆเอาแผ่นเหล็กมาต่อซ้อนกัน...แล้วตอกตะปูยึด) ซึ่งมีความแข็งแรงน้อย บุบง่าย หลุดเป็นแผ่นๆง่าย นอกจากปืนกลแล้วโดนปืนอะไรยิงก็พร้อมจะทะลุได้ทุกเมื่อเลย
(3) ความเร็วมันต่ำมาก ความเร็วเฉลี่ยไม่ถึง 30km/hr ขณะที่ panzer4 หรือ Sherman นั้นเกิน 40 km/hr ดังนั้นมันอุ้ยอ้าย ไม่ค่อยคล่องตัว ถ้าจำตอนสู้กับทีมอังกฤษของดาจีลิงค์เราจะเห็นว่า P4+StugIII ต้องวิ่งรอ Type89 เสมอเลยเพราะไล่ตามคนอื่นไม่ค่อยทัน
- ดังนั้นเมื่อคุณภาพรถสองคันต่างกันมากขนาดนี้ เราจึงได้เห็นการติดสินใจแปลกๆขึ้นมา เพราะกรณีแบบนี้ความกล้าหาญ ประจัญบานกันคงช่วยอะไรไม่ไหวครับ ฝั่งทีมเป็ดต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด ขณะที่อาริสะสั่งวิ่่งชนเลย
- การวิ่งชนคืออะไร? ทำได้หรือ? ถ้าถามแบบนี้ก็ต้องตอบว่าทำได้ครับ โดยเพาะยามที่รถถังสองฝ่ายมีขนาดต่างกันมาก (M4Sherman หนักกว่าหลายตัน) สามารถกระแทกให้ล้ม เสียสูญ หรือวิ่งทับไปเลยก็ได้ แต่ในความเป็นจริงจะเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะใช้ยิงทิ้งเอาจากระยะไกลปลอดภัยกว่า จะวิ่งชนกันก็คือฟลุ๊กมาเข้าประชิดเท่านั้นเอง
-แต่พอไล่ตามไม่ทันก็ต้องเปลี่ยนเป็นยิงไล่แล้วหละ อาริสะได้เปรียบมากเรื่องรถ ถ้ายิงโดนนัดเดียวทีมเป็ดก็ง่อยกระรอกหมอบแตแล้ว
แต่สิ่งที่อาริสะทำต่อมากลับผิดพลาดอย่างร้ายกาจเลย คหสต.ของผมคือรถธงที่เป็นตัวตัดสินควรจะต้องปลอดภัยกว่านี้และในเมื่อทีมโออาไรหาตำแหน่งซ่อนตัวเจอก็สมควรจะรีบหลบฉากออกจากพื้นที่โดยเร็ว แต่เธอกลับไล่ตาม Type89 ไปติดๆ เพราะขัดเคืองที่ยิงไม่โดนสักทีทำให้ถูกล่อให้ไล่ตามไปเรื่อยๆ (หากรถธงเก็บตัวอยู่ในวงล้อมของรถถัง 9 คันที่เหลือ ไงๆพวกมิโฮะก็ตีฝ่าไม่ไหวแน่นอน)
จุดนี้ก็น่าสนใจมาก เหมือนกับผบ.รถในสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยเพราะสิ่งที่ทุกคนต้องติดตัวคือแผนที่+ปากกาเพื่อคอยติดตามสถานการณ์ว่าใครไปไหนอยู่ตรงไหน และ Girl und Panzer ถอดความนัยตรงนี้ออกมาเป็นปากกาลากจุดตำแหน่งที่ต้องการ...ได้ดูตรงและเข้าใจง่ายมากแม้แต่คนที่ไม่รู้จักการทหารเลย (อย่างเช่น 0765 เป็นเลขพิกัด 4 ตำแหน่ง อาจจะใช้บอกว่าเป็นแกน x =07 แกน y=65 ก็ได้ ~ เปรียบเปรยเฉยๆนะ)
มิโฮะเร่งสั่งการให้ทุกคันเข้าจุดซุ่มโจมตีทันที งานนี้ซาโอริใช้ mail กันเห็นๆครับ (พิมพ์ sms เร็วสมกับเป็นคนญี่ปุ่นจัง)
อีกด้านฝั่ง Type89 ก็ซิ่งเกียร์สุนัขเท่าที่จะมีปัญญาไหว สังเกตว่าต้องวิ่งซิกแซกด้วยนะ ขณะที่ M4 วิ่งไปยิงไปทำให้ทำความเร็วมากไม่ได้ (ต้องชะลอเพื่อเล็ง+แรงสะท้อนถอยหลัง) ตรงนี้ก็ต้องลุ้นกันว่าใครจะดวงแข็งกว่ากัน
แต่การปล่อยให้ยิงฟรีๆก็ใช่ที่ เลยต้องหาตัวช่วยกันหน่อยด้วยท่าเสริฟสุดสวยทีเดียว
กระบอกแดงๆนั้นผลก็คือเป็นระเบิดควันครับ โดยปกติจะเป็นควันฟอสฟอรัส ที่สร้างหมอกหนาและหนักไม่ค่อยฟุ้งกระจายนัก (แสบจมูกมาก) แม้จะไม่มีผลกับรถถังแต่ช่วยให้ M4 เล็งยิงยากขึ้นเยอะ แถมต้องชะลอความเร็วด้วยเพราะมองไม่เห็นทาง
Note:
Q: สำหรับรถถังระเบิดควันมีใช้จริงๆไหม?
A: มีแน่นอนครับ แต่การใช้งานมันก็มีหลายประเภทเช่นกัน
- กำแพงม่านควันสามารถใช้บดบังทรรศนวิสัยของพลปืนรถถังฝ่ายตรงข้ามได้ (มองไม่เห็นจะเล็งยังไง)
- ใช้กำบังสายตาผู้ตรวจการณ์หน้า ของกองปืนใหญ่ เพื่อไม่ให้ระบุตำบลกระสุนตกได้ง่ายๆ ส่งผลให้การปรับการยิงอาวุธวิถีโค้งเช่น ปืนใหญ่ ปืนค. ทำได้ลำบาก (ปืนใหญ่จัดเป็นของหน้ากลัวอย่างนึงสำหรับรถถัง เพราะแม้จะมีเกราะคุ้มกัน แต่ปืนใหญ่สนามเวลาระดมยิงทีนั้นยิงกันเป็นกองร้อย ชุดนึงก็หลายสิบนัด...อาจพลาดโดนกระสุนหล่นกลางหัวได้...ที่สำคัญคือรถถังใช้อาวุธเล็งตรงเป็นหลัก...จึงไม่มีสิทธิตอบโต้ปืนใหญ่สนามระยะไกลๆได้เลย)
- ดังนั้นม่านควันจึงเป็นอาวุธเชิงรับที่ใช้ได้ผลยันปัจจุบันนี้เลย แต่การใช้งานจริงในสนามรบมักจะยิงพร้อมกันเป็นหมู่คณะเพื่อให้เกินแนวกำบังขนานใหญ่พร้อมๆกัน ไม่ได้ยิงทีละนิดทีละหน่อยเป็นเบี้ยหัวแตก (ถ้าควันไม่หนาพอก็ไม่มีประโยชน์นัก)
- ควันฟอสฟอรัส มีความหนา สีเข้ม ส่วนผสมหลายสีให้เลือกใช้ บางครั้งก็ใช้ประโยชน์ในการชี้ตำแหน่งต่างๆ หรือแสดงจุดของตัวเองให้อากาศยานฝ่ายเดียวกัน
- ปกติรถถังจะมีเครื่องยิงระเบิดควันเป็นท่อเล็กๆสั้นๆ ติดอยู่ข้างป้อมปืน แต่ Type89 นี่รุ่นโบราณจัด เลยต้องให้กัปตันมาโชว์เสริฟเอสใส่ M4 ก็นแบบโต้งๆ (แต่รถถังสมัยก่อนก็มีการใช้โยนเหมือนกันถ้าจำเป็น)
(การใช้กำแพงม่านควัน /เกาหลีใต้)
- ในรถถังยุคปัจจุบันมีการใช้ระเบิดควันหลายแบบขึ้น เช่น ม่านควันแบบอินฟราเรด (ควัน+ความร้อนสูง) ม่านควันชาร์ฟ(ใส่ dummy หลอกเรดาห์) แล้วแต่สถานการณ์ครับ
อันนี้ใช้กระสุนควันร้อน รบกวนระบบกล้องตรวจจับด้วยอินฟราเรด และการชี้เป้าด้วยเลเซอร์จากรถถังฝ่ายตรงข้ามครับ (ที่เห็นเป็นวงแหวนนี่คือจังหวะกระสุนควันแตกตัว) ส่วนจุดยิงคือท่อเล็กๆสีขาวด้านหน้าป้อมปืน
ศัพท์วอลเล่ย์ก็เยอะเหมือนกัน Spike คือลูกตบหน้าเน็ตครับ จะรุนแรงและรวดเร็วมาก (ตามภาษาก็ต้องเรียกว่าท่าไม้ตาย) ตอนนี้ทีมเป็ดเลยได้แต่โยนระเบิดควันถ่วงเวลาไว้พลางๆก่อน แต่มุขลิเบโล่นั่นไม่เหมือนกันกับสถานการณ์นี้นะ (น้องพลปืนงงใหญ่เลย)
ส่วนฝั่งอาริสะก็ไล่ตามไม่ลดละ และยิงเอาๆ แต่กระสุนบนป้อมหมดแล้วต้องลงไปล้วงเอาจากคลังกระสุนด้านล่างรถเลยรีโหลดช้าหน่อย
Note:
ปกติคลังกระสุนหลักของรถถังทุกรุ่นจะอยู่ช่วงล่างตัวรถเพื่อป้องกันการโดนยิงใส่คลัง (แล้วจะเป็นโกโก้ครั้นซ์) โดยมีกระสุนไม่กี่นัดสแตนบายบนป้อมพร้อมยิง ส่วนทำไมต้องทำแบบนั้นก็มีเหตผลนิดหน่อยครับ
- กระสุนมีหลายแบบ ถ้าหากโหลดเข้าลำกล้องไปแล้วจะถอดออกมาเปลี่ยน/หรือยกเลิกการยิงยากครับ (ตัวปืนมันปิดมิดชิด) และต้องค่อยๆแงะกระสุนออกมา(บางทีต้องใช้ชะแลงแงะเลย ปืนรถถังรุ่นใหม่ๆจะมีช่องให้แงะกระสุนออกได้ แต่สมัย WWII หลายคันไม่ค่อยมี เพราะระบบคัดปลอกกระสุนทิ้งในยุคนั้นยังไม่พัฒนาเท่าไรและไม่แพร่หลายมากนัก นึกถึงปืนลูกเลื่อน(ใครฝึก รด น่าจะรู้จักจะยิงหรือไม่ยิง ดึงลูกเลือนกลับมันก็ขัดลูกปืนออกมา) แต่ในรถถังสมัยนั้นมันไม่มี ใส่แล้วต้องยิงเลย เอาออกไม่ได้ หรือถ้าเอาออกจะเสียเวลาเป็นสองเท่าของตอนใส่
- ถ้ากระสุนค้างในลำกล้อง เวลาโดนยิงเข้าที่ป้อมปืนจังๆ เป็นไปได้ที่ชนวนท้ายกระสุนจะระเบิดขึ้นเองจากแรงสะเทือน ซึ่งอาจทำให้ลูกเลื่อนปืนพังได้ (หรือถ้าซวยหนักก็คือกระสุนระเบิดคาลำกล้อง) ดังนั้นตามระเบียบความปลอดภัยถ้าไม่มีอะไรจะไม่ใส่กระสุนรอครับมันอันตราย
- หรือกระสุนในป้อมหมดจริงๆ เพราะการเก็บกระสุนของรถถังมี 2ส่วน คือพร้อมยิงในป้อมจำนวนนิดหน่อย 5-8 นัดที่พลกระสุนหยิบใส่ได้ทันที ส่วนที่เหลือจะไปอยู่ในคลังกระสุนที่กันไฟได้ครับเพื่อป้องกันกระสุนฝ่ายตรงข้ามยิงใส่ป้อมแล้วทะลุเข้ามาระเบิดภายใน (ถ้าทะลุมาโดนกระสุนในป้อมจนระเบิดลูกโซ่นี่สยองเลย) ดังนั้นในป้อมปืนจึงมีกระสุนเพียงเล็กน้อย...ซึ่งพอยิงหมดแล้วต้องมุดลงไปคลังกระสุนใต้ท้องรถเพื่ออุ้มลูกปืนขึ้นมาบรรจุใหม่ ซึ่งการก้มๆเงยๆนี่มันเสียเวลาครับ บางทียิงกันต่อเนื่องแล้วขนกระสุนมาเติมป้อมไม่ทันนี่แล
Note: เรื่องปืนกลไม่มีผลกับรถถังแน่ๆ ต่อให้เป็นรถถังกากๆอย่าง Type89 ก็เถอะครับ แต่ผมก็เข้าใจอารมณ์นะ เวลาเล่นเกม BF หรือ WOT ก็เถอะ ในสถานการณ์เล็งได้แล้วศัตรูอยู่ตรงหน้า ต่อให้เป็นหนังสติ๊กผมก็ยิงๆไปเฮอะ
(ดีกว่าปล่อยไปเฉยๆ)
ฝ่าย Type89 ก็ไม่ได้ปล่อยให้ยิงฟรีอย่างเดียว ต่อให้ปืนอ่อนกว่า แต่ก็ยังยิงได้ (รู้ว่ายิงไม่เข้าแต่ก็เพื่อฟลุ๊กเหมือนกัน) และน่าสนใจตรงที่ [ยิงโดน] ด้วยหละ ชนิด M4 สะเทือนทั้งคันเลย
ตรงนี้น่าสนใจมาก ขนาด Type89 ปืนแย่ ศูนย์เล็งห่วย วิ่งซิกแซกไปมา ยิงใส่เป้าเคลื่อนที่ เรียกว่าครบถ้วนกระบวนความยากเลย แต่พลปืนของทีมเป็ดยิงโดนได้ (ลองคิดดูว่าขนาด M4 ยิงเอาๆยังไม่โดนสักนัด) ต้องเรียกว่าทั้งพลขับและพลปืนของทีมนี้เข้าขากันดีมาก และการยิงปืนไปด้านหลังไม่ค่อยมีผลให้ความเร็วลดด้วยเพราะแรงสะท้อนถอยหลังนั้นจะผลักกับไปทางหน้าตัวถังรถ
จนกระทั่งออกมาที่เปิดโล่งนั่นแหละ ถึงค่อยได้หายใจหายคอหน่อย (กระสุนปืนกลเล็กๆน้อยๆเด้งออกหมด...บอกเป็นนัยๆว่ามันไม่ได้ผลอะไรเลยจริงๆนั่นแหละ) มิโฮะสั่งให้รถถังที่เหลือ 3 คันหน้ากระดานเข้าตีโต้ M4 ของอาริสะด้านหน้า ส่วนตัวเองขับ Panzer4 อ้อมข้างไปสกัด (ยิงด้านข้างเพื่อไม่ให้ติดเกราะ)
ฝั่งอาริสะโดนม่านควันจนยิงผิดยิงถูกมาต้องนาน พอหลุดพ้นปุ้บก็ต้องช็อคซีเนม่า เมื่อเจอรถถังฝ่ายโออาไร "ทั้งทีม" เรียงหน้าเข้ามาหา นั่นแหละเธอถึงพึ่งจะรู้ตัวว่าทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว
Note:
ต้องไม่ลืมว่าอาริสะเป็นรถธงนะ ถ้าพังปุ้บเกมจบเลย ต่อให้ฝ่าย Saunder ยังมีเหลืออีก8-9 คันก็เถอะ แต่ต้องชมว่าเธอมีเซนส์ในฐานะผบ.รถดีพอสมควร (ถึงจะสติแตกไปบ้าง) ที่รู้จักเหลียวซ้ายแลขวาจนรู้ตัวว่า panzer4 ของมิโฮะกำลังเข้าประชิดพอดีเลยสั่งเบรคทัน ไม่งั้นกระสุนนัดนี้ของ p4 ก็จบเกมได้เลย
ดูจากภาพด้านบน เราจะเห็นว่าพลาดไปนิดเดียว ถ้า M4 รู้ตัวช้ากว่านี้อีกหน่อยและมิโฮะสามารถอ้อมหลังได้ทันจะแพ้ทันทีแน่นอน แต่อันนี้อาริสะเฉลียวใจได้ก่อน รีบถอยตั้งแต่ยังไม่พ้นแนวต้นไม้ทำให้ p4 ไม่มีช่องทางวิ่งไปล้อม และการถอยหลังจังหวะนี้ทำให้ยังหันเกราะด้านหน้าเข้าชนกับ3 คันของโออาไรได้อยู่เพื่อความปลอดภัย (ถ้าไม่เจอ StugIII ยิงเต็มๆน่าจะรอด)
เคย์ที่ได้รับรายงานจากรถธงตัวเองก็ยิ่งงงใหญ่ ว่าทำไมไม่เหมือนที่โม้ไว้แต่แรกๆ อาริสะเลยยอมสารภาพว่าพวกมิโฮะจับได้แล้วว่าเธอใช้บอลลูนดักฟังวิทยุจนตัวเองกลับเป็นฝ่ายโดนข่าวลวงล่อออกมารุมสกรัมเสียเอง เล่นเอาเคย์โมโหใหญ่สั่งถอยด่วนจี๋
ส่วนเคย์เริ่มรู้สึกคับข้องใจกับตัวเอง เพราะเดิมได้เปรียบเรื่องจำนวนอยู่แล้วยังแอบเอาของนอกเกมมาใช้อีกเลยรู้สึกไม่แฟร์เพลย์กันเท่าไหร่ เลยเปลี่ยนใจพารถถังตามไปช่วยรถธงแค่ 3 คันพอ จะได้เป็นอัตราส่วน 5-5 เท่ากัน โดย1 ในนั้นคือนาโอมิ พลปืนของรถถัง Firefly ด้วย
ส่วนVIP ด้านนอก ต่างดีใจกันใหญ่ เพราะนานๆจะเห็นม้ามืดไล่ตื้บคนอื่นบ้าง ทั้งอจ.+ดาจีลิงค์
Note:
ถ้าอาจารย์เอารถถังของตัวเองไปลงสนามมั่งคงเก็บได้หมดทุกปาตี้ เพราะรถถังยุคใหม่ (2000) ประสิทธิภาพห่างจากสมัย WWII (1940) ชนิดลิบโลกเลย เทียบกันง่ายๆว่า ผมเอารถถังคันนี้ไปให้พวกมิโฮะยืนยิงเล่นสักชั่วโมงนึงยังชิวๆได้เลย
ส่วนในสนามรบ อาริสะเองเริ่มสติแตกอีกรอบเมื่อตัวเองคนเดียวโดนรุมจากรถถังถึง 5 คัน (เข้าใจความรู้สึกของเด็กปี 1 ใน M3 ตอนที่5 ก่อนหน้ารึยังฮ่ะ! ) เริ่มเพ้อถึงความยอดเยี่ยมของรถถังฝ่ายตนที่เป็นสุดยอด อันที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะเชอร์แมนมีความเร็วสูงกว่า ความเร็วเฉลี่ยของโออาไรเยอะคงโดนล้อมรุมยิงไปแล้ว เช่น
- รถรุ่นนี้ 50,000 คันเชียวนะ ติด Best Seller (อันนี้ล้อเลียนอุตสาหกรรมทางทหารของอเมริกาด้วยครับ เพราะมหาเศรษฐีหลายคนเลยร่ำรวยขึ้นมาจากรถถังพวกนี้แหละ ทั้งชิ้นส่วน อะไหล่ และวัตถุดิบตั้งต้น)
- แข็งแกร่งทนทาน (จัดว่าดีทีเดียว ยกเว้นสมญานาม "ไฟแช็ครอนสัน ")
- ขับก็ง่าย คนป่ายังขับเป็น (ก็จริงแหละเพราะชุดเกียร์ไม่ซับซ้อนมาก และระบบไฮโดรลิคที่ดีทำให้มีสมดุล ฝึกได้ไม่ยาก)
ระหว่างเพ้อๆอยู่ M4-Sherman ก็โดนยิงเข้าอีกนัดนึง ที่เกราะท้ายด้วย ตรงนี้คาดว่าเป็นของ 38(t), ป้อมบน 37mm ของM3 หรือไม่ก็ Type89 นี่แหละครับ เพราะยิงโดนเต็มๆแล้วแต่อาริสะยังไม่เป็นไรแสดงว่าปืนมันเบามากเจาะเกราะไม่เข้า
แล้วผู้ชมฝั่งโออาไรโผล่มาจากไหนเนี่ย เต็มเลย??
ขณะเดียวกัน M4-รถธงก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ยิงสู้ยิบตาเหมือนกัน (ผมว่าก็ยุติธรรมดี เวลาวิ่งยิงไม่แม่นกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ใช้สกิลนางเอกยิงโดน100% แบบบางเรื่อง) แถมด้วยแรงโวยวาย อาริสะก็รัวปืนใหญ่เหมือนกัน น่าสงสารพลปืนประจำรถจริงๆ ยิงไม่แม่นก็โดนด่า T___T" อารมณ์ฮารุฮิกำลังโขกสับนายเกี้ยวกุ้งเลย
ตรงนี้อาริสะพูดเรื่องน่าสนใจเหมือนกันว่าโรงเรียนฝ่ายโออาไรกำลังจะเจ๊ง ~~ แต่จากอนิเมตอนนี้เรายังไม่รู้อะไรมากครับว่าจริงเท็จแค่ไหน หรือมีมูลเหตอะไรบ้าง
รถถัง M4 วิ่งข้ามเนินไป แต่มิโฮะสั่งให้ทุกคนไม่ลัดเนินเพราะอาจถูกซุ่มได้ จึงเลือกทางปลอดภัยกว่า + อ้อมไปดักหน้าแทนโดยไม่ให้รถถังฝ่ายตนเปิดเผยตัวบนที่โล่ง
.
.
.
Note:
การวิ่งข้ามเนินไปจะอันตรายมากอย่างนึง เพราะถ้าอีกฝั่งของเนินมีรถถังซุ่มอยู่ พวกมิโฮะที่ขับรถข้ามมาจะตัดกันแนวเส้นขอบฟ้าพอดี (นึกภาพเส้นขอบฟ้าเรียบๆ...อยู่ๆมีรถถังคันเขื่องโผล่ออกมาเรียกได้ว่าเป็นเป้าล่อทันที)
....แถมจังหวะที่ปีนรถข้ามเนินนั้น รถถังจะหน้าเชิดขึ้น ทำให้เป็นจุดบอดจังหวะสำคัญมาก...เนื่องจากทั้งพลขับ พลปืนและผบ.รถจะมองไม่เห็นอะไรที่อยู่อีกฝั่งเลย ในสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกรถล่าทำลายรถถังจะไปคอยซุ่มกันด้านใต้เนินนี่แหละครับ
ร้องไห้แหล๋ว~~ ว่าแต่ทาคาชิ นี่ใครหว่า?? (เคย์รึ?) รึว่าตกลงอาริสะจะเล่นดนตรีไทย!?
แต่การต่อสู้ยังไม่ทันรู้ผล เสียงปืนใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสนามรบเล่นเอาทุกคนต้องหยุดชะงักเงี่ยหูฟังเลยทีเดียว
.
.
.
Firefly มาแล้วว
จากเสียงปืนยูคาริบอกได้ทันทีเลยว่าเป็นปืนใหญ่ขนาด 17 ปอนด์ของ M4-Firefly ที่อันตรายสุดๆ ปืนใหญ่ที่เจาะเกราะรถทุกคันได้ในระยะไกลแม้แต่เกราะด้านหน้า
โชคดีที่ระยะปัจจุบัน5 พันเมตรยังไกลเกินระยะยิง 3km อยู่ โอกาศยิงถูกเลยยากมาก แต่ก็เป็นสัญญาณร้ายสำหรับฝ่ายโออาไรทีเดียวเมื่อรถถังอีก 4 คันของแซนเดอร์ที่มีอนุภาพมากกว่าตนกำลังไล่จี้ตามหลังมา
อีกด้าน เสียงปืนข่มขวัญของ firefly ก็ทำเอาบร๊ะเจ้าคืนชีพ~เช่นกัน เชอร์แมน 5 คันระดมยิงใส่โออาไรทั้งด้านหน้า- หลัง ซึ่งตอนนี้สถานการณ์เริ่มจะกลับกันแล้ว เพราะพวกมิโฮะไล่ล่ารถธง---> แต่เชอร์แมนอีก 4คันก็ไล่หลังพวกมิโฮะอีก แถมเป็นด้านหลังที่เกราะกันปืนใหญ่ไม่ไหวด้วย
เสียงเพลงประกอบตอนนี้เป็นเพลงของกองทัพบกสหรัฐ~The Army Goes Rolling Along~ ครับ ขบวนทัพเชอร์แมนดาหน้าเข้ามาลุยกันแบบไม่เกรงใจเลย
VIDEO
Note:
เพลง The Army Goes Rolling Along คือเพลงประจำของกองทัพบกสหรัฐครับ เดิมแต่งด้วยฝ่ายทหารปืนใหญ่ เรียก Cassion song ซึ่งเวอร์ชั่นแรกตั้งแต่ปี 1908 นู่นแหนะ แล้วค่อยมาพัฒนาเป็นเพลง U.S. Field Artillery (1918) จนกระทั่งถึง The Army Goes Rolling Along (1956) ในปัจจุบันนี่แล
ส่วนสถานการณ์รบก็น่าสนใจตรงนี้ผมว่าเป็นผลการฝึกซ้อมที่ดี ทีมโออาไรก็มีระเบียบพอตัวเลย รีบแก้สถานการณ์ก่อนจะเลวร้ายไปกว่านี้โดยให้ 38t ที่รั้งท้ายอยู่เข้ามาในแนววงล้อมตรงกลางเพื่อป้องกันธงฝ่ายตน ขณะที่ Saunders ก็แปรขบวนขึ้นหน้ากระดาน (Line Formation) เพื่อเปิดแนวยิงให้รถถังทุกคน
ที่จริงขบวนรบแบบ Wedge เหมือนเดิมนี่แหละครับ แต่แพ็คกลางแน่นขึ้นคล้ายกำปั้น (Fist) เพื่อคุ้มกันรถคันกลาง
คราวนี้ทุกคนในทีมช่วยกันสามัคคีกันดีแฮะ
Note:
แล้วก็มาถึง 3 ประโยคของทีมประวัติศาสตร์ในรถถัง StugIII ถกเถียงกัน เล่นเอาคนทำซับกับคน QC มึนงงกันไปพักนึงเพราะไม่รู้ว่ามันเล่นมุขอะไรของพวกหล่อนกันแน่? เพราะพี่แกเล่นพูดถึงการยุทธ์ครั้งสำคัญถึง 3 แห่งพร้อมกันเลยครับ คือ
- สมรภูมิที่ Arras (ฝรั่งเศส 1940) กองทัพรถถังเยอรมันที่กำลังโอบล้อมกองทัพสัมพันธมิตรถูกตีโต้ขึ้นมาทางตะวันออกของเบลเยี่ยม
-สนามรบ Koshu-Katsunuma (1868) ที่กองทัพฝ่ายโตกุกาว่ากับฝ่ายสนับสนุนจักรพรรดิ โดยคอนโดะ อิซามิผู้นำแห่งกลุ่มชินเซ็นก็เข้าร่วมรบด้วย
- การศึกแห่ง Tennouji (1615) ระหว่างกองทัพโตกุกาว่า อิเอยาสึ และโทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อชิงพื้นที่สำคัญในโอซาก้าและต่างสูญเสียอย่างหนัก
โดยนี้สมรภูมิทั้ง3 เหมือนกันคือมีการล้อมตลบหลัง ด้วยจำนวนที่มากกว่ามาก ฝ่ายที่น้อยกว่าสู้อย่างกล้าหาญแต่ก็ตายกันหมด ทีมเออร์วินคงอยากเปรียบเปรยกับฮิปโปตัวเองละมั้ง
ทีนี้ก็มีปัญหาเหมือนกันตรง Battle of Arras เพราะมีการศึกครั้งใหญ่ที่ถูกบันทึกไว้ในที่แห่งนี้ถึง 5 ครั้งทีเดียวนับย้อนหลังไปได้เป็นร้อยๆปีเลย ซึ่งครั้งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดคือ WWI,WWII โดยในทีมซับก็มีความเห็นแตกต่างกันออกไปบ้างเลยขอยกมาให้เป็นประวัติความรู้กันนิดนึงครับ
เคส WWI : สงครามที่ Arras ปี 1917 ฝ่ายเยอรมันถูกโอบล้อมจากอีกด้านส่งผลให้พินาศทั้งกองทัพ และแนวป้องกันสนามเพลาะช่องโหว่เป็นลูกโซ่ต่อเนื่องจนเสียขบวน
เคสWWII : สงครามปี 1940 ฝ่ายเยอรมันที่กำลังไล่ต้อนทัพพันธมิตรอยู่ถูกตลบหลังจากกองยานเกราะผสมฝรั่งเศส ทำให้เสียจังหวะในการโจมตีจุดชุมนุมทัพที่ดันเคิร์ก แม้จะเอาชนะได้ในภายหลังแต่ทำให้ทหารกว่า 3แสนคนสามารถล่าถอยไปอังกฤษได้ (และกองทัพนี้เองที่จะกลับมาชิงยุโรปคืนใน D-Days)
ในซับผมตัดสินใจเลือก WWII ไปครับ เพราะการเสียกระบวนครั้งนั้นร้ายแรงจนกระทบภาพรวมของสงคราม และอีกปัจจัยสำคัญคือมันเป็นการรบด้วย "ยานเกราะ" ซึ่งสอดคล้องกับ Girl und Panzer มากกว่า แต่หากท่านอื่นๆมีความเห็นแตกต่างก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดแต่อย่างใดครับ เพราะผมก็ไม่รู้ว่าทีมอนิเมกะเล่นมุขไหนแน่เหมือนกัน
กลับมาที่สนามรบของ Girl und Panzer ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ StugIII+ P4 ไล่ยิงรถธง ส่วน 3 คันที่เหลือคอยกันหลังเชอร์แมนอีก 4 คันให้ น่าเสียดายที่ทีมเต่าท่านประธานก็ยิงเป้าสะอาดเช่นเคย (แต่เอาน่า รถมันวิ่งอยู่ ถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลย)
ทีมโออาไรเริ่มคับขันขึ้นทุกที นู๋อัสสัมยังเริ่มเป็นห่วง แต่ดาจีลิงค์ยังมีแก่ใจเล่นมุขแซนวิชต่อ
Note:
แซนวิชที่เธอพูดถึงเปรียบเหมือนกัน ทีมมิโฮะที่โดนประกบทั้งบน-ล่างเหมือนขนมปังที่มีไส้อยู่ข้างในครับ...และของอร่อยที่สุดในแซนวิชก็คือไส้ข้างในนี่แหละไม่ใช่ขนมปัง (สื่อว่าจริงๆแล้วพวกโออาไรนะดีกว่าที่เห็นประมาณนั้น)
ปล. มุขตลกอังกฤษมันไม่ขำจริงๆนะจอร์ช ~~~ เคยดู comedy series ของฝรั่งพยายามจะหัวเราะหลายทีแล้วแต่แป็กเกิน80% เลย (รึว่ามันไม่เข้ากับกับสไตล์เอเชีย??)
ทีมวอลเล่ย์บอลสู้ๆ
.
.
.
แต่อนิจจา
.
.
.
.
อ๊ากกกก!
เละเลย ไม่รู้โดนคันไหนยิง แต่ไม่ว่าจะเป็นเชอร์แมนคันไหนก็ยิงเกราะ Type89 สบายๆอยู่ดีนั่นแล
มิโฮะถามเป็นอะไรไหม แต่ทุกคนขวัญกำลังใจยังดีตอบแข็งขันว่าปลอดภัยสบายกายอยู่
Note:
ไหนมิโฮะปลอดภัยไงฟะ นี่มันยิงทะลุเข้ามาในป้อมเห็นๆเลยนะเนี่ย ไฟไหม้ด้วย!! แล้วไฟนี่มันอันตรายเห็นๆเลยนะครับเพ่! ถ้าโดนคลังกระสุนหรือน้ำมันไม่โดนย่างสดทั้งคันเรอะ!
อีกด้าน Firefly ก็ตามมาทันแล้ว เริ่มมองหาเป้าหมายรายต่อไป
M3 ของทีมปี1 ที่รั้งท้ายอยู่ก็เป็นเหยื่อรายต่อไปอย่างรวดเร็ว จากระยะยิงไกลลิบ ทำให้สถานการณ์กลับกันอีกครั้งกลายเป็น 5:3 ทีมโออาไรถึงคราววิกฤติอีกครั้งนึง
ลูกทีมหลายคนเริ่มถอดใจ แม้แต่พลประจำรถใน panzer 4 เองก็เถอะ
ฝั่งโออาไรแปรขบวนอีกครั้งเป็นแนวแถวตอนเดี่ยว (Column) เพื่อลดการเป็นเป้าขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องไม่ดีเลยเพราะ StugIII ต้องมาบังวิถีกระสุนให้รถธง และตัวเองหันป้อมปืนไม่ได้ทำให้ไม่สามารถยิงสกัดกั้นรถถังด้านหลังได้เลย เรียกว่าเป็นเป้าชัดๆ แต่ก็จำเป็นเพราะเหลือแค่ 3 คันเลยไม่มีตัวเลือก โดยต้องปล่อยให้ Panzer4 ซึ่งหมุนป้อมได้เป็นตัวไล่ยิงรถธงของอาริสะเพียงคันเดียว
ตรงนี้ทีมฮิปโปก็รู้ดีครับ เปรียบเทียบตัวเองซะเหมือนกับเบงเคย์ ขุนศึกของโยชิตสึะเนะที่รบเพื่อป้องกันเจ้านายจนตัวตาย ทั้งที่รู้ว่าสู้ไมได้แน่ๆ
Note:
กรณีนี้ StugIII มีประโยชน์น้อยมากครับ แต่อาจจะได้ยิงนิดหน่อยจังหวะเลี้ยวถ้ารถถังของอาริสะวิ่งมาเข้าทางปืนพอดี (ทั้งสองฝ่ายต่างต้องซิกแซกไปมา จึงมีโอกาศตัดหน้ากันได้มั่ง) แต่โอกาศจะได้ออกฝีไม้ลายมือเหลือน้อยมากถ้าไม่ฟลุ๊กจริงๆ ตอนนี้เป็นได้แค่เป้ารับกระสุนแทนรถธงเท่านั้นเอง
ขนาดหนูมิโฮะเรายังมือไม้สั่นเลย
ฝั่งแซนเดอร์ยังไล่ยิงไม่หยุด โชคดีนิดนึงที่ตอนนี้ฝั่งโออาไรเหลือแต่รถถังที่วิ่งเร็วๆแล้วเลยทำความเร็วแข่งกันได้บ้าง (ว่าตามตรง M3, Type89 ที่อืดอาดโดนยิงไป ช่วยให้ทีมไม่ต้องพวักพวนมากนัก ถือเป็นโชคดีในโชคร้ายละกัน)
มิโฮะเองพยายามยิงไล่รถธงไปเรื่อยๆ แต่ก็โดนกันยากมากเพราะ Sherman แต่ละคันก็คล่องตัวไม่น้อย แถมตัวเองต้องพะวักพวนกับกระสุนจากด้านหลังอีก
ขณะเดียวกัน ฝ่ายมิโฮะก็โดนด้วย...ทีมเต่าซึ่งเป็นรถธงก็เจอกระสุนแบบเฉียดฉิว โชคดีที่ยิงติดตัวป้อม (ซึ่งหันเกราะหน้ากลับหลังมา) ทำให้มุมปะทะน้อยพอ+ชนเกราะหนาเลยแฉลบออกไปได้ แต่ถ้าพลาดนิดเดียวคงได้ระเบิดเป็นลูกไฟทั้งคัน
พลรถหลายคนเริ่มสติแตกโดยเฉพาะคุณเลขาฯ ที่เกือบโดนยิงเละเทะไปแล้ว โวยกันลั่นวิทยุไปหมดว่าติดกับแล้ว --เสร็จเขาแน่เสียขวัญกันไปหมดซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับพลประจำรถถังที่ต้องกล้าคิดกล้าทำและกล้าได้กล้าเสีย (บางคนอาจคิดว่าง่าย แต่ลองจับไปอยู่ในถังแคบๆแล้วโยนลงทะเลไปสักพักนึงจะรู้ครับ...เป็นความรู้สึกกลัวตายแบบนั้นแล~~)
มิโฮะเองเลยต้องฝืนใจน่าดู (กลัวไม่แพ้คนอื่นหรอก) ตรงนี้ก็จัดเป็นจิตวิทยาที่ดีอย่างนึงครับ แทนที่จะบอกว่า 'เรายังไม่แพ้' แต่เธอพูดให้เหนือกว่าขึ้นไปอีกในแนวทางที่ว่า 'เรายังมีสิทธิชนะ' เพื่อปลุกกำลังใจลูกทีมกันหน่อย
Note:
Keys ที่ยกขึ้นมามีเหตผลด้วยในการกล่อมให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน
- ประเด็นคือเรายังไม่แพ้ง่ายๆ เพราะความเร็วสูงยิงกันยาก
- รถธงข้าศึกยังอยู่แค่ตรงหน้า ขอแค่ยิงโดนเราก็ชนะเหมือนกัน
- ถ้าสู้มีโอกาศชนะ แต่ถ้ายอมแพ้ไปก่อนก็แพ้แน่นอน
ซึ่งก็ได้ผลครับ พอทุกคนมีสติสตังหน่อย ก็จะกลับมามองสภาพความเป็นจริงว่า รถถังธงของฝ่าย Saunders นั้นก็อยู่ในสภาพเดียวกับพวกตนนั่นแหละ ถูกโออาไรไล่จี้มาติดๆถึง 3 คันและเป็นสภาพหันหลังสู้ด้วย ทุกคันสามารถน็อครถของอาริสะได้แน่ๆ
ซึ่งก็ได้ผลทีเดียวเชียวหละ ยกเว้นแต่คุณเลขาฯสติแตก ใจแป้วไปหมดแล้ว
ยุน้องดอกไม้กันใหญ่ รัวปืนใหญ่เข้าไปเดี๋ยวมันก็ฟลุ๊คโดนเองแหละเหมือนความรักไง~~
(อูยย มดขึ้น
)
แต่น้องดอกไม้เอาเสี่ยงกว่า ขอแค่นัดเดียว ขอให้มาโกะช่วยขับรถขึ้นเนินให้หน่อยเพราะจะทำการเล็งยิงระยะไกล (Snipe-shot)
สังเกตแนวสันเขาก็ได้ การขึ้นเนินไปเป็นทางตันและจะเลี้ยวหนีไปไหนอีกไม่ได้แล้ว แต่ทำให้ได้วิสัยทรรศน์ที่โล่งกว้างชัดเจน + เพิ่มระยะยิงของปืนหลัก และเป็นโอกาศในการเล็งแบบประณีตระยะใกล้ เพราะรถธงของอาริสะต้องวิ่งอ้อมเนินไป แล้วพอเลี้ยวจะเข้ามาอยู่ในระยะหวังผลพอดี
เคย์เองก็มองเห็นและเข้าใจแผนของมิโฮะเหมือนกัน เลยเตือนกันไว้ล่วงหน้าทั้งอาริสะบนรถธงและนาโอมิบน Firefly ให้รีบตามไปชิงลงมือก่อน
นาโอมิเองก็ต้องใช้วิธีจอดรถแบบเล็งประณีตเหมือนกัน
Note:
ตรงศูนย์ปืนนี้ทีมอนิเมเก็บรายละเอียดมากจนอึ้งครับ(ขอชมเลย) ผมบอกได้เลยว่าต้องเป็นโอตาคุสายทหารแน่นอน สังเกตอย่างมีบอกครบคันเลยเช่น แม้แต่เส้นขีด ยังแบ่งประเภทกระสุน HE, APC, APCBC (ตระกูล High Explosive และ Armor-Piercing) ให้เห็นชัดเจน ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้ เพราะคนดูอนิเมร้อยละ99 ไม่มีทางอ่านความหมายมันออกหรอก
แต่ราวกับอามุโร่มากระซิบบอกให้ มิโฮะเฉลียวใจหันกลับมาดูเชิงของ Firefly ก่อนว่ากำลังทำอะไรอยู่แล้วก็เจอตัวอันตรายทันที ทำให้เธอจับตาดูแบบไม่กระพริบเลยที่ปากลำกล้องปืนใหญ่ของศัตรู
สุดท้ายเธอก็สั่งดริฟได้ทันควัน เมื่อความเร็วเปลี่ยนไป ตำบลกระสุนตกของเชอร์แมนเลยพลาดไปแบบฉิวเฉียด
Note:
วิธีการของ P4 นี้ก็ค่อนข้างเสี่ยงครับ มิโฮะจับตาปากลำกล้องของปืนใหญ่ Firefly ไว้ตลอดเวลา ขณะที่ตัวเองวิ่งเฉื่อยๆด้วยความเร็วคงที่เป็นการล่อเป้า แต่พอเห็นประกายไฟจากการยิงนั่นแหละเธอถึงสั่งเบรคเปลี่ยนทิศทางกระทันหัน ซึ่งจังหวะเวลาสั้นๆนี่สำคัญมาก เพราะถ้าตอบสนองช้าไปแค่เสี้ยววินาทีก็เท่ากับปล่อยตัวเองให้โดนลูกปืนส่องดักหน้าแบบเต็มเหนี่ยว
ส่วนเป็นไปได้หรือที่จะตอบสนองเร็วกว่ากระสุนปืน ก็ต้องบอกว่าเป็นไปได้ครับ ถ้าจากระยะ 500-1000 เมตรนี้ กระสุนปืนใหญ่ใช้เวลาเดินทางในอากาศประมาณ 1-1.5 วินาที จึงยังพอจะทำอะไรได้มั่ง แต่วิธีนี้จะใช้ได้ก็กรณีการดวลปืน 1 ต่อ1 เท่านั้นแหละครับ หากเป็นการรบติดพันหรือขบวนรบขนาดใหญ่คงทำแบบนี้ไม่ไหวเพราะสถานการณ์มันมั่วเกินกว่าจะจับจ้องศัตรูคันเดียวได้นานพอ
พอหาจังหวะเอาตัวรอดจากกระสุนปืนได้ มิโฮะต้องรีบพา Panzer4 ไปขึ้นพ้นเนินให้เร็วที่สุด โดยอาศัยจังหวะที่ Firefly ต้องเสียเวลาโหลดกระสุน (ก่อนหน้านี้นาโอมิหยุดเล็งยิงประณีต ทำให้ได้ทิ้งระยะห่างอีกนิด) ดังนั้นเวลาช่วง 4-5 วินาทีนี้จึงมีค่ามาก
ในที่สุด Panzer4 ก็กระดื้บๆเข้าถึงจุดเล็งยิงของตัวเองมั่ง สังเกตได้ว่าข้ามพ้นเนินแล้ว จังหวะนี้จะปลอดภัยจาก firefly ไปอีกอึดใจนึง เพราะมีแนวโค้งของเนินคอยบังวิถีกระสุนจาก M4 ที่แหงนหน้าปีนภูเขาอยู่ข้างล่างตน
ทรรศนะวิสัยเป็นใจ พื้นที่โล่งปลอดโปล่งไม่มีอะไรกำบัง (เหมือนที่ Firefly ยิงเมื่อกี้เป๊ะเช่นกัน) ดังนั้นตรงนี้วัดกันที่ฝีมือพลปืนอย่างเดียวเลย
ดูจากเกจวัดระยะอยู่ที่ประมาณ 600 เมตร ก็ถือว่าไม่ใกล้ไม่ไกล แต่เชอร์แมนวิ่งด้วยความเร็วสูงบังคับให้ต้องเล็งยิงดักหน้ากันอย่างเดียว ซึ่งพลปืนต้องคำนวนกันแบบละเอียดมาก เพราะที่ความเร็วขนาดนี้องศาเพี้ยนไปนิดเดียวก็หลุดไปเป็น 10 เมตรได้เลย
ป้อมปืนหมุนอย่างเดียวเองก็ไม่ค่อยทัน มาโกะต้องช่วยหันรถตามไปด้วยเพื่อแต่งปืนให้ได้มุมสวยๆ เพราะป้อมปืนหันได้รอบก็จริง...แต่ถ้าหมุนรถด้วยก็จะเร็วขึ้น และช่วยให้ศูนย์ปืนจังหวะยิงขนานไปกับตัวถังรถ =>ซึ่งจะทำให้สมดุลดีขึ้น =>แม่นยำขึ้นอีกนิดนึง
น้องดอกไม้นาบศูนย์ปืน ส่องไกล ยิงเป้าเคลื่อนไหวระยะนี้ก็ท้าทายมากพอสมควรเลย
อีกด้านนาโอมิบน Firefly ก็ปีนเนินขึ้นมาถึงจนได้เพื่อส่องเผาขนเช่นกัน
Firefly ยิงกรอกใส่ Sherman4 ที่เป็นเป้านิ่งแบบเน้นๆ
จังหวะเดียวกัน Panzer4 ก็ส่งกระสุนของตัวเองไปพร้อมกัน (งานนี้เล่นจังหวะ slow-mo อย่างกะ Matrix)
กระสุนเข้าเป้าเครื่องยนต์ M4-Sherman ของอาริสะอย่างแม่นยำ (ควันขโมงเชียว) พร้อมกับปืนใหญ่ Firefly ก็ปะทะเข้ากับท้ายรถของ Panzer 4 ที่เป็นจุดอ่อนเต็มๆ (อันที่จริงระยะแค่นี้ ยิงตรงไหนพวกมิโฮะก็ร่วงครับ) สรุปเป็นอันว่าพังคู่ธงขาวเด้งหราทั้งสองคัน
ผลการปะทะก็อึ้งกันไปทั้งสนามรบ เชอร์แมน 3 คันของเคย์เองก็ไล่หลังไปจนจะทันรถธงของโออาไรแล้วเช่นกัน แต่ธงฝ่ายตัวเองถูกยิงพังไปเสียก่อน
กรูชนะด้วยเหวอย? แม้แต่นู๋มิโฮะเรายังดูเหมือนไม่เค่อยเชื่อตัวเองแฮะ (ชนะด้วยหละ!?)
พวกเด็กปี1 + ทีมวอลเล่ย์ก็ตามมาแสดงความยินดีเช่นกัน ขบวนรถกู้ซ่อมลากจูงเดินตามมากันเป็นทิวแถวเชียวหละ ค่ากำลังใจ+30!
ขนาดกัปตันทีมของสาธิตแซนเดอร์ยังมาร่วมแสดงความยินดีด้วยเลย ชมเชยว่าเป็นเกมที่ดีกันใหญ่
อารมณ์มิโฮะเหมือน "จา(โดน)อาววว กลาบบบบ้านนนนนน~~" เลยแฮะ
เธอก็เลยอาศัยโอกาศนี้ถามกลายๆว่าทำไมพามาแค่ 4 คันเอง ถ้ายกขโยงมา 9 คันน่าจะชนะได้แน่ แต่เคย์ก็บอก "นีมันกีฬา...ไม่ใช่สงครามสักหน่อย!" น่าประทับใจสาวๆทีเดียวเชียว
Note:
อนึ่งถึงเคย์พามา 9 คันรุมจริงๆ สถานการณ์ก็เหมือนเดิมครับ ต้องเป็นการวิ่งไล่จับกันแบบนี้แหละ เพราะสภาพตอนแรกทีมโออาไรจะได้เปรียบที่หารถธงเจอก่อน แต่การมีเพิ่มอีก 5 คันจะทำให้โอกาศฟลุ๊คยิงถูกตอนไล่ล่าอีนุงตุงนังสูงขึ้นอีกพอตัวเลย
ส่วนอาริสะเหมือนจะเจอทัณฑ์บนข้อหาดักฟังโดยไม่ได้อนุญาตเข้าสะแล้ว
จากนั้นทุกอย่างเหมือนจะลงเอยด้วยดี Happy End... แต่เย็นวันเดียวกันก่อนกลับเรือ โทรศัพท์ลึกลับที่ไม่โชว์เบอร์ก็เรียกหามาโกะ ซึ่งพอได้ยินปุ้บก็ถึงกับหน้าซีดปากสั่นจนทุกคนเป็นห่วง
คุณยายป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลกระทันหัน และเธอต้องรีบกลับไปโดยเร็วที่สุด แต่ตอนนี้เรือขนส่งยังไม่ถึงเวลาและอยู่คนละท่าเรือกันด้วย ต้องรออีกนานมากจนมาโกะทนไม่ไหวตั้งท่าจะว่ายน้ำไปเองเลย (ไกลนะหนู
)
ปรากฎมาโฮะรู้เข้าเลยอาสาให้ยืมคอปเตอร์ประจำทีมไปชั่วคราวก่อน เอริกะทำท่าจะคัดค้านแต่พอได้ยินว่าเป็นวิถีทางของ Senshado ก็ไม่ว่าอะไรต่อ (ใจดีจัง-ว่าแต่ไอ้ศาสตร์ยานเกราะในเรื่องนี้มันเหมือนๆกับวิถีซามูไรหรือปฎิญานอัศวินอะไรเถือกนั้นไหมหว่า ?)
มาโกะและยูคาริ ตัดสินใจนั่งไปด้วยกันเพื่อล่วงหน้ากับโออาไรก่อน โดยเอริกะนี่เป็นคนขับไปให้
Note : เครื่อง FA223 นี่เป็นอากาศยานปีกหมุนแรกๆของโลกเลยครับ แต่ในWWII มันถูกผลิตมาน้อย จึงไม่ค่อยมีบทบาทนัก ส่วนใหญ่ใช้ในภารกิจลับมากกว่า
วันถัดมา ทีมสภานักเรียนได้มาหารือกันถึงสถานการณ์ปัจจุบัน การแข่งรอบแรกเริ่มเห็นผลในหลายๆคู่แล้ว ซึ่งตัวเต็งส่วนใหญ่ก็ชนะตามคาด
ทีมรัสเซียดูโหดสลัด ขนาดธงขาวยังง่อย ลองๆแอบดูรถถังก็ไม่พ้น T34 ม้าเหล็กสัญลักษณ์ของสหภาพโซเวียตครับ
ส่วน Black Forest ของมาโฮะก็สมศักดิ์ศรีดีกรีแชมป์ 9 สมัย (อีกฝ่ายนี่ยับยู่ยี่เป็นเศษเหล็กเลย)
ส่วนคุณยายจะเป็นยังไง ทีมรอบถัดไปพวกมิโฮะจะต้องเผชิญหน้ากับทีม Anzio แห่งอิตาลี่ที่ปราบฝรั่งเศสมาได้หมาดๆ
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป Girl und Panzer EP7 (พึ่งฉายไปหมาดๆนี่แหละ)
End Theme ตอนนี้เป็นกลุ่มน้องปี1 กับ M3 ครับ
สรุป
เป็นอีกตอนนึงของ Girl und Panzer ที่ทำได้ลงตัวมากครับ ตรงนี้จะต่างจาก version comic หน่อยเหมือนกันตรงที่มีการตัดต่อฉากบางอย่างเข้าออกแบบเนียนตามาก การต่อสู้บางครั้งในอนิเมจะไม่มีในคอมมิค ส่วนในคอมมิคอาจจะไม่มีในอนิเม เหมือนกับเป็นกลยุทธ์ให้ผู้ชมทางบ้านต้องติดตามจากหลายๆช่องทางเพื่อเก็บตกเนื้อหาเลย และยิ่งในนิยาย/คอมมิคแต่ละเวอร์ชั่นนี้เปลี่ยนนางเอก+มุมมองไปเรื่อยๆยิ่งทำให้เราเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวละครเพิ่มขึ้นอีกเยอะทีเดียว
ตัวอย่าง
สุดท้ายเกมก็ถูกตัดสินด้วยกติการถธงถูกทำลาย ซึ่งเป็นชัยชนะที่งดงามของรร.โออาไร โดยถ้าให้หาคนที่ควรเป็น MVP ในงานนี้ที่สุดคงไม่พ้นหนูฮานะ ซึ่งเป็นพลปืนที่มีคุณภาพขึ้นเยอะ พึ่งพาได้ทีเดียว ส่วนมิโฮะนั้นจะได้เครดิตเรื่องความเป็นผู้นำกับการปลุกขวัญกำลังใจให้กับลูกทีมเสียมากกว่า
ส่วนอุปกรณ์ และวัตถุดิบในการรบก็สำคัญ ตัวอย่างที่ดีที่สุดในกรณีนี้คงไม่พ้นทีมวอลเล่ย์บอลที่เหมือนจะทำได้ดีทุกอย่าง แต่กลับไม่สำเร็จสักอย่างนึงเพราะเครื่องมือที่ใช้มันจำกัดความสามารถตัวเองไปเยอะมาก ต่างจากทีมของซาวเดอร์ที่มีรถถังระดับกลางเต็มไปหมด และใช้งานมันได้อย่างจริงจัง
และส่งท้ายด้วยดราม่าประจำตอน จาก ep6 เราจะเห็นข้อมูลเพิ่มเติมนิดหน่อย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็บอกว่ามาโกะให้ความสำคัญกับญาติผู้ใหญ่แค่ไหน และมาโฮะผู้เก่งกาจเองก็ยังดูอาลัยอาวรณ์น้องสาวไม่น้อยจนถึงกับมาสอดมือเรื่องภายในของทีมด้วยเหตผลด้านมนุษยธรรม
/me เป็นตอนที่น่าดูอีกตอนนึงครับ แล้วพบกันใหม่ Entry หน้า
Create Date : 28 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2555 23:30:58 น.
4 comments
Counter : 8917 Pageviews.