[AAA] Arpeggio of Blue Steel (เรือรบสยบโลก)- Spoil + วิเคราะห์ตอนที่ 3
กลับมาเจอกันอีกครั้งครับกับกระทู้สปอยรายสัปดาห์ของ Arpeggio of Blue Steel~ARS NOVA (เรือรบสยบโลก) ตอน 3 ครับ ใครยังไม่เคยอ่านตอนแรกไปดูกระทู้เก่าหรือใน Blog หัวข้อก่อนหน้าละกัน ที่รอบนี้มาช้าเพราะผมเผลอเซฟไฟล์รูปที่ capture มาทับโฟลเดอร์ไปครับ (อุตส่าทำรอไว้เป็น 100 รูปหายหมด ) ดังนั้นถ้าคราวนี้รูปน้อยหรืองงไปหน่อยอย่าถือสาละกัน
ตอน3 นี้ไม่ค่อยมีฉากพะบู๊อะไรเท่าไหร่ ข้อมูลเสริมทางยุทธวิธีในเรื่องคงน้อยตามไปด้วย แต่ผมจะถือโอกาศแทรกเรื่องราวเล็กๆน้อยทางยุทธนาวีและชีวิตของเหล่าพรรคกลินใต้น้ำไปพลางๆละกัน (เพราะถ้าเริ่มฉากสู้แล้วมาเล่าพวกนี้เดี๋ยวอารมณ์ไม่ต่อ เนื่องกันอีก)
ส่วน credit จากค่ายซับเดิมครับ Gaiar + Allot โดยขอบคุณทั้งทีมแปล, encode, timming และ QC ทุกท่านรวมถึง Fansub ทุกค่ายที่มีส่วนร่วมกันผลักดันในการ์ตูนเรื่องนี้ครับ รวมถึงหลายท่านที่แจ้งอัพเดทข้อมูลหรือเสนอแนะให้ปรับปรุงเนื้อหาซึ่งขอขอบคุณครับ และจะรับไว้ปรับกันในเวอร์ชั่นหลัง (แต่คงสักพักใหญ่แหล ะรอให้อนิเมจบก่อนแล้วค่อย revised กันทีเดียวละกัน)
มาเข้าเรื่องกันเถอะเริ่มมาเราเห็นลูกเรือ 401 เอกเขนกบนดาดฟ้าเรือกันหมด
Note: ฉากนี้เหมือนจะเฉยๆ แต่สำหรับลูกเรือดำน้ำ (รดน.)แล้ว "เวลาบนดาดฟ้า" คือสิ่งสำคัญมากครับในการที่จะได้รีแล็กซ์ชีวิต เพราะโดยปกติแล้วตัวเรือดำน้ำมีพื้นที่แคบมากๆ ไม่ว่าโซนพักพ่อน ทำงาน กินข้าว ชีวิตคุณจะอยู่ในพื้นที่แคบขนาดกางแขนได้ไม่สุดตลอดเวลา พร้อมอากาศอับ+ร้อนอบอ้าวจากช่องพัดลมเล็กจิ๋ว....และอยู่อย่างงั้นเป็นเดือนๆ ซึ่งโค.ต.ร อึดอัด แถมเสี่ยงต่อการขาดวิตามิน D อีก
(ตัวอย่างรดน.สมัยนั้นช่วงพัก ลำนิดเดียวแต่แย่งกันมาสูดอากาศบนดาดฟ้ากันใหญ่)
ถ้าถามว่าทำไมไม่ลอยลำบ่อยๆหละ พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาก็ได้...แต่อยากจะบอกว่า รดน.จริงๆไม่ว่าสมัยสงครามโลกหรือปัจจุบัน มันจะอยู่ใต้น้ำเป็นส่วนใหญ่ครับ และจะดำผุดดำโผล่เพียงเพื่อสื่อสารหรือเดินทางโดยที่ลูกเรือ 90% ยกเว้นพลตรวจการณ์นั้นจะไม่มีโอกาศได้ขึ้นมาดาดฟ้าเลย ....ดังนั้นช่วงเวลาพักผ่อนที่มีเล็กน้อยแค่ 1-2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จึงมีค่ามากที่จะให้ลูกเรือดำน้ำได้ยืดเส้นยืดสายกันบ้าง
ปล. ถ้าอ้างอิงมังกะ 401 ออกแบบให้รองรับเจ้าหน้าที่(จนท.) ได้เกือบ 200 คน จึงไม่มีปัญหานี้เท่าไหร่ครับ แต่การที่ลูกเรือทุกคนโผล่มาบนดาดฟ้าพร้อมกันนั้นหมายความว่า "น่านน้ำนี้ปลอดภัย" จึงได้โอกาศผ่อนคลายกันบ้างนี่แหละ
ปล. ว่าไปแค่ 1 วินาทีแรกของอนิเม.. ผมโม้อะไรไปเป็นร้อยอักษรแล้วฟะเนี่ย ??
ต่อมาหน้าท่าเรือโยโกสุกะกันแล้ว ตรงนี้อนิเมใช้คำว่า "ป้อมปราการ" ท่าเรือไปเลย ซึ่งแปลกนิดนึงสำหรับยุคปัจจุบันครับ เมืองป้อม/เมืองท่าป้อมปราการนั้นเป็นหลักนิยมการรบ+เทคโนโลยีที่จัดว่าตกยุคไปแล้วแม้แต่สมัย WW2 ที่เกิดอาวุธโจมตีระยะไกลอย่างอากาศยาน/ขีปนาวุธขึ้น เพราะว่ามีการลงทุนที่สูงมาก แม้การป้องกันตัวจะทำได้หนาแน่นจริงแต่ความคล่องตัวต่ำเกินกว่าจะหวังผลการรบได้ (เหมือนเกม RTS ป้อมจะหนาแค่ไหน แต่มันเดินไปโบกศัตรูไม่ได้อยู่ดี) ตัวอย่างป้อมท่าเรือสมัยก่อนก็เช่น สิงคโปร์(คุมช่องแคบสุมาตรา) และยิปรอลต้า(คุมทะเลเมดิเตอร์เรนียน) เป็นต้น
(ปราการสิงคโปร์:WW2)
ตัวอย่างเช่นสิงคโปร์นี่อังกฤษลงทุนจัดหมู่ปืนใหญ่คุ้มกันรอบตัวเกาะเลยครับ ทั้งปืนใหญ่ระดับเรือประจัญบานและเรือลาดตระเวณซึ่งยิงไกลหลายสิบกิโลเมตร (ยิงข้ามฝั่งไปมาเลย์/อินโดยังได้) จัดเป็นยุทธศาสตร์อุดปากช่องแคบสำคัญไม่ให้ญี่ปุ่นบุกเข้าอินเดียได้+ ฝูงบินขนาดใหญ่ไว้คุ้มกัน ซึ่ง "ป้อมเกาะ" ที่เหมือนเรือประจัญบานแบบไม่มีวันจมนี่แหละครับ.... แต่ก็อย่างว่าแหละช่วงต้น ww2 ญี่ปุ่นเขาท็อปฟอร์มมาก+ประเทศไทยเรายอมให้ยกทัพผ่านสิงคโปร์เลยโดนตลบหลัง
อิโอน่าเนวิเกเตอร์!!
ทางฐานทัพเรือโยโกสุกะก็แจ้งว่าเตรียมเติมเสบียงให้เรียบร้อยแล้วแต่เรื่องหัวรบสั่นสะเทือนที่เป็นพัสดุ ไม่มีแจ้งข่าว คงเป็นเพราะอำนาจการเมืองปิดปากไว้นี่แหละ
Note:ดูจากขนาดประตูป้อมถือว่าใหญ่มากๆครับ เห็นแล้วผมว่าดูหนาแน่นกว่ากำแพงในไทแทนอีก (แต่พวกหมอกก็ดูเก่งกว่าไทแทนนิหน่า?)
ตรงนี้สำคัญเหมือนกันครับ และจะมีผลต่อการรบหลังจากนี้อย่างมากด้วยคือเรื่อง "แนวกำแพงเชิงซ้อน"
(ตัวอย่างกำแพงซ้อนทางทะเลจากเกม Warhammer ครับ..)
Note: "กำแพงเชิงซ้อน" หรือ"กำแพง 2 ชั้น" ซึ่งจะมีหลักการคือกำแพงแต่ละแนวจะคอยบังวิถีการยิงของข้าศึกให้ และเปิดโอกาศให้กองทัพฝ่ายเดียวกันเคลื่อนไหวได้อิสระในระหว่างกำแพงชั้นที่ 1 และ 2 ซึ่งยุทศาสตร์ป้อมกำแพงนี้ใช้ได้ทั้งทางทะเลและทางบกแต่มีความสิ้นเปลืองสูงมาก (ต้องสร้างกำแพง 2 ชั้น) แต่การรบกับกองเรือหมอกที่อำนาจการยิงสูงมากๆก็เลี่ยงไม่ได้ที่ฝ่ายมนุษย์ต้องใช้ยุทธวิธีรบแบบนี้....ดีกว่าส่งกองเรือไปให้โดนสอยเล่นฟรีๆก่อนเข้าระยะยิงตัวเอง
สังเกตว่าประตูท่าเรือใหญ่มากๆครับ + พื้นที่ชั้นในก็กว้างขวางพอจะให้เรือรบซิ่งได้พอสมควรเลย แถมพอเข้าไปก็มีคนต้อนรับกันอุ่นหนาฝาคั่งทีเดียว
ยินดีต้อนรับสู่กองเรือสีคราม " Arpeggio of Blue Steel" บทประพันธ์ใหม่ตอนที่ 3 ครับ ตอนที่3 ปราการโยโกสุกะ
เหล่าทหารรักษาการ (น่าจะเป็นนาวิกโยธินประจำฐานทัพ) เริ่มตรวจสอบกันถี่ถ้วน เพราะถึงเป็นเรือฝ่ายเดียวกันแต่ยังไง i-401 ก็เป็นเรือหมอกมาก่อน ดังนั้นจะมีตัวอะไรแปลกๆแอบซ่อนมาเป็นสปายรึเปล่าก็ระแวงกันไว้ก่อนแหละ
โดนสแกนใส่แล้วอิโอน่าขนลุกด้วยเหวย (เรือรบตัวสั่นงันงก~~?)
ถ้าสแกนปลอดภัยแล้วเข้าอู่แห้งได้ แต่ตอนนี้ยังอยู่อู่ท่าเรือปกติครับอู่แห้งมักจะอยู่ชั้นในซึ่งต้องรักษาความปลอดภัยกันหนาแน่นหน่อย ถ้าไม่ปลอดภัยจริงๆคงไม่ให้เข้าไป (ถ้าเกิดเจอศัตรูแอบมากับ 401 จะได้ซัดกันให้รู้ดีรู้ชั่วแถวนี้ไม่ใช่ปล่อยให้ไปถึงกลางไข่แดง)
Note: อู่แห้งนี้เรือส่วนใหญ่นานมากๆถึงจะได้เข้าสักทีครับ เพราะอู่แห้งจะต้องมีแท่น+คาน+เครนในการทำซ่อมบำรุงโครงสร้างรอบตัวเรือ (เช่นกระดูกงู ท้องเรือที่ปกติเข้าถึงยาก) อู่เรือลักษณะนี้จะแพงและคิวเยอะทีเดียว อย่างทร.ไทยเรามีอู่แห้ง 2-3 อู่รวมเอกชนแต่คิวเต็มตลอด
(ตัวอย่างอู่แห้งบ้านเราจริงๆครับ อันนี้เรือคอร์เวตรัตนโกสินท์กำลังซ่อมทำอยู่)
อู่เรือใหญ่เว่อร์ๆครับ มีลิฟต์ยกลงมาใต้ดินด้วย
Note: (ตัวอย่างบังเกอร์ท่าเรือยุคปัจจุบัน)
Note: อู่เรือใต้ดินนั้นจัดว่าสร้างยากและแพงมากครับ ในสมัยสงครามเย็นก็มีการสร้างอู่คล้ายๆกันบ้างเป็นลักษณะบังเกอร์กึ่งใต้ดินใช้เป็นฐานทัพเรือดำน้ำของชาติมหาอำนาจเป็นหลักเพราะต้องทนทานการโจมตีจากอาวุธนิวเคลียร์/ปิดลับการเคลื่อนไหวของกองเรือดำน้ำฝ่ายตนให้ได้
สำหรับอนิเมเรื่องนี้ พวกหมอกไม่สามารถโจมตีชายฝั่งได้ก็จริง แต่เรือรบริมฝั่งยังอาจเป็นเป้าหมายใหม่ได้ อู่ใต้ดินพวกนี้ถึงแพงมหาศาลแต่ก็จำเป็นต้องลงทุนครับ เพราะเรือรบลำนึงใช้เวลาต่อเป็นปี ซ่อมทำก็หลายเดือน ขืนลอยหน้าลอยตาอยู่ชายฝั่งคงโดนยิงจมแต่ไก่โห่
โดยปกติลูกเรือจะเป็นคนขนเสบียงลงเรือด้วยตัวเอง (ถือว่าเสบียงเรือใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ) แต่ 401 มีลูกเรือแค่3-4 คนเอง ขนอาวุธ+ปัจจัยไม่ไหวเลยออกแนวเป็นโฟร์แมนคุมงานทหารของกองทัพเรือมาช่วยมากกว่า
Note: อีกนัยหนึ่ง...ก่อนหน้านี้ 401 จัดเป็นเรือเถื่อนนะครับ เป็นเหมือนเรือรบของทหารรับจ้างที่วนเวียนรับงานเขตปกครองตัวเองต่างๆไปเรื่อง (ในเวลาปัจจุบันของอนิเม...ญี่ปุ่นถูกแบ่งแยกเป็นหลายเขตการปกครอง) ดังนั้นโอกาศที่จะได้ซ่อมทำ+เติมเสบียงแบบเป็นกิจลักษณะในอู่แห้งดีๆไม่ค่อยมีนัก พอได้เวลาสักทีกุนโซต้องใช้ให้คุ้มหน่อย
พอเริ่มตรวจสภาพเรือ อิโอริบอกอิโอน่าให้เปิดพุงดูหน่อยสิ (หน้าท้องขาวจุงเบย~) แต่ตรงนี้ฮาดีที่ 401 เราเปิดทั้งหน้าท้องตัวเอง(ใครจะดูฮ่ะหล่อน?) กับท้องเรือให้เป็นปืนใหญ่แรงโน้มถ่วงกันชัดๆเลย
ฉากนี้ผมว่าเจ๋งมาก ถ้าไม่ใช้ 3DCG ทำแล้ววาดมือ การเปิดโครงสร้างเรือให้เห็นเหล็กโลหะฟันเฟืองเป็นชิ้นๆนี่รับรองว่าวาด In-between กันมือหงิกแน่นอน แถมสเกลไม่เพี้ยนเลยด้วย (สังเกตช่องยิงตอร์ปิโดกับขนาดตัวคนได้ครับ)
อิโอริเช็คสภาพแล้วก็บ่นเหมือนกันว่าซ่อมทำไม่ไหวหรอก ต้องรอเติมวัตถุดิบนาโน (นาโนฯแมททีเรียล) ที่อิโวจิม่าก่อน (จะถูกพูดถึงต่อไปทีหลัง)
Note: ตรงนี้เราก็รู้เพิ่มอีกอย่างนึงแล้วหละ ว่ากองเรือรบหมอกมีโครงสร้างหลักเป็นสารประกอบนาโนฯ ซึ่งวิทยาการของมนุษย์เองยังผลิตมันไม่ได้ การมาที่โยโกสุกะจึงได้แค่เติมสเบียง อาวุธ และซ่อมแซมส่วนประกอบพื้นฐานมากกว่า (+การมารับพัสดุหัวรบตามคำสั่งลับ)
เหล่าทหารก็ขนส่งเสบียงตามรายการที่สั่งให้งกๆ แต่ก็บอกตามตรงว่าสภาพคล่องไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยุทธปัจจัยหลายอย่างอาจขาดแคลนกันบ้าง (ตรงนี้ซับพวกผมเองอาจเขียนชวนงงเหมือนกันต้องขออภัย)
Note: จากฉลากบนแคร่ลำเลียงคือตอร์ปิโด MK-46 เป็นอาวุธขนาดกลางสำหรับต่อต้านเรือ พื้นฐานเป็นตอร์ปิโดระยะยิง20-40km ขึ้นกับความเร็วที่เลือกใช้ และเปลี่ยนหัวรบ/ระบบนำวิถีได้หลายโหมด แต่จัดว่าเป็นอาวุธรุ่นเก่าเหมือนกัน ขนาดโลกปัจจุบันยังมี MK48-50 ให้เลือกใช้เลย....ไม่รู้ว่าจะล้อกับทีนายทหารประจำท่าเรือบอกว่าอาวุธของพวกตนก็หายากรึเปล่าเลยต้องเอาของเก่าเก็บมาให้ใช้ (รึว่าผมคิดไปเอง?) (MK46 เวลายิง)
ปล. แต่หน้ากากของโซวนี้มันกันภูมิแพ้จริงรึ??
ส่วนกุนโซไปกับอิโอน่าเพื่อคุยกับเลขาฯ
พอพาอิโอน่ามาด้านนอกท่าเรือลับใต้ดินเราจะเห็นส่วนท่าเรือเปิดทั้งงานธุรการและยุทธการให้กับเรือต่างๆเช่นกัน แต่พื้นที่รอบๆยังถูกล้อมด้วยกำแพงมหึมาเพื่อป้องกันพวกหมอก
อิโอน่าซึ่งไม่ค่อยมีประสบการณ์ชีวิตบนฝั่งเท่าไหร่ก็เริ่มถามพระเอกเรา ว่าทำไมเมืองนี้ถึงคนเยอะขึ้นหล่ะเมื่อเทียบกับ 2 ปีก่อน ทั้งที่แถบชายฝั่งมันเสี่ยงอันตรายจากสงครามมากกว่าเยอะเลย กุนโซเลยสวมบทเป็นพระรามสอนน้อง~สาเหตแรกคงยกประโยชน์ให้ "กำแพงปราการ" ของโยโกสุกะนี่แหละ
Note: กำแพงจริงมันอาจจะกันอะไรไม่ได้เท่าไหร่เลยครับ แต่ในแง่ของขวัญและกำลังใจมีประโยชน์มากเพราะเป็นสิ่งปลูกสร้างถาวรที่เป็นสัญลักษณ์และความปลอดภัย ซึ่งการสร้างเป็นไปได้ยาก...ดังนั้นเมื่อสร้างเสร็จย่อมหมายถึงภาครัฐบาลย่อมต้องทุ่มเทบูรณะเพื่อให้คงอยู่....คนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบย่อมได้รับอานิสงค์จากการทุ่มเททรัพยากรของส่วนกลางในบริเวณกำแพงนี้แน่นอน (เหตผลเชิงเศรษฐกิจ+จิตวิทยาล้วนๆ)
ว่าไปผมนึกถึงกำแพงออสเตรเลียในแปซิฟิกริมจุงเบย~
แต่อิโอน่ายังคาใจบอกไม่ค่อยสมเหตผลเลย อยู่ใกล้ทะเลอันตรายกว่าแท้ๆ Note:ตรงนี้มองว่าหมอก/อิโอน่าบอกว่าไม่ถูกต้อง เพราะพวกเธอใช้เหตผลตามหลักความน่าจะเป็นก็ได้ครับ "ทะเล=อันตราย" ดังนั้นการย้ายทรัพยากร(บุคคล/ทรัพย์สิน) เข้ามาย่อมไม่น่าเป็นเรื่องถูกต้อง และยิ่งย้ายเข้ามาโยโกสุกะซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่สู้รบอันตรายกว่าชายหาดทั่วไปอีกต่างหาก
กุนโซเราเลยพานู๋อิโอน่าไปเดินเล่นแถวพื้นที่สุสานกลางของทหารที่เสียชีวิตจากการรบกับกองเรือแห่งหมอก
ตรงนี้บทต่างจากมังกะเวอร์ชั่นแรกนะครับ กุนโซได้เจอกับคุณหนูนี่ก่อน (และเธอมีบทเยอะมากภายหลัง) อารมณ์หนูน้อยหนีออกจากบ้าน...ว่าแต่ทำไมกุนโซไม่อาวกลับบ้านหละเนี่ย?? ผิดคอนเซปพระเอกฮาเร็มจริงๆ
แต่คุณเมดไล่ตามมาจับตัวกับคฤหาสถ์กลับไป
Note: ไอ้หมีที่อยู่ข้างๆมันโคอาล่ามาร์ชรึเปล่า? Note: ตามมังกะเห็นว่าคุณเมดพวกนี้เป็นแอนดรอยด์ แต่อนิเมทำมาสะเหมือนคนจริงๆเลยแฮะ
อิโอน่าเทียบฐานข้อมูล (DB:Database) ดูแล้ว เจอว่าอยู่ที่คฤหาสถ์ใกล้ๆตัวคนเดียว แถมไม่มีประวัติอื่นด้วยแต่กุนโซเรากลับมองที่อิโอน่าสนใจมนุษย์คนอื่นนอกเหนือจากลูกเรือแล้วมากกว่า
Note: อิโอน่าสนใจในสภาพ บุคลิค ประวัติ และนิสัยของลูกเรือทุกคนใน 401 ครับ แต่ก็ไม่แปลกเพราะเป็นหน้าที่ของเมตัลโมเดลร่วมกับมนุษย์ แต่การที่สนใจคนอื่นที่ไม่มีส่วนได้เสียหรือเกี่ยวพันกับเรือเลยก็น่าสนใจสำหรับกุนโซเหมือนกัน เพราะเท่ากับว่าอิโอน่าเริ่มมีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ (เพื่อนผมบอกว่าจะ เ-sอก.....เล่นเอาหมดสวยเลย -*-)
อีกด้านที่ท่าเรือเกิดอาการ 'เงิบ' ขึ้นกระทันหันเมื่อลูกเรือ 401 ทุกคนโดน "ทหารบก" เข้าควบคุมตัวแบบปัจจุบันทันด่วน แถมทหารเรือ+เจ้าหน้าที่คุมเชิงตอนแรกดันโดนลูกหลงอีกต่างหาก
มีพลแม่นปืนดักซุ่มรอพร้อม Note: ใส่เยอะหน่อยเพราะติดลมมาจากซับ C3-bu ซีซั่นก่อนครับ
มีคำเชิญให้ไปดินเนอร์มื้อเย็นกันแกมบังคับ
อีกฝั่งกุนโซพาอิโอนะมาสักการะหลุมศพของผู้เสียชีวิตตรงนี้ผมสนใจคำพูดของอิโอน่าครับ ดูใสซื่อเหมือนตรรกะที่เขียนบนภาษาคอมพิวเตอร์เลย แต่ก็แสดงถึงพัฒนาการทางบุคลิกของหมอกสไตล์ต่างจากเรือลำอื่นเยอะเหมือนกัน
คนตาย = คนที่ไม่ทำงานแล้วหรอ? ตายอย่างมีเกียรตินี่เป็นไงหรอ?
สุสานก็เป็นแค่สถานที่มันไม่มีความหมายอะไรนิ (ไงๆคนตายก็ไม่ทำงานอยู่แล้ว) ในสายตาอิโอน่าถ้าเปรียบเทียบกับเรือรบที่หมดสภาพจะไปจมที่ไหนมันก็เหมือนๆกัน ไม่จำเป็นต้องมีสุสานใหญ่โต
กุนโซบอกการแสวงหาสิ่งที่ไม่มีความหมาย(เพื่อให้มันมีความหมาย) ของมนุษย์นี่แหละวิวัฒนาการแบบนึง แล้วอิโอน่าบอกว่ามันดูคล้ายๆ Noise (เสียงรบกวน) เลย
Note: ฟังเข้าใจยาก แต่อิโอน่าพยายามเปรียบเทียบการแปรผลของข้อมูลกับชีวิตมนุษย์ที่ดูไม่มีเหตผลกับสัญญาณรบกวนในโซนาร์ครับ เพราะ Noise ที่มีแค่ 1-2 จังหวะในตอนแรก พอผ่านไปเรื่อยและกระทบกับสัญญาณเสียงอื่นๆก็ยิ่งแตกตัวเป็นคลื่นรบกวนแบบเดิมที่เล็กลงแต่มากขึ้นในทุกทิศทาง (เพิ่ม Frequency(F) ลด Amplitude(A)แทน) ลักษณะคล้ายปรากฎการแทรกสอด/กำธรเสียง Ex. ตัวอย่างการตรวจจับของโซนาร์ สังเกตเส้นสีเหลืองครับ พวกนี้แหละคือคลื่นสะท้อนที่เป็น noise ในรูปแบบ (Pattern) เดียวกับโซนาร์สีฟ้าที่เป็นต้นกำเนิดเป๊ะเลย แต่ความถี่และแอมพริจูดเปลี่ยนไปแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้และมารบกวนเส้นสีแดงที่เป็นสัญญาณสะท้อนกลับตัวจริงตลอดเวลา
ภาพนี้ยังแสดงด้วยว่าเรือดำน้ำในน้ำตื้นๆมันตรวจจับได้ยากเพราะอย่างงี้นี่แหละ (ใช้ท้องทะเลเป็นกำบังสัญญาณโซนาร์) ตอนที่เรือดำน้ำนิวเคลียร์อเมริกามาซ้อมกับเรา ดำให้ดูดื้อๆต่อหน้าแบบไม่ใช่เทคนิคอะไร แต่กองเรือเราทั้งกองหาไม่เจอก็เพราะกัปตันเรือหาตำแหน่งความลึกป้องกันการสะท้อนกลับได้ดีนี่แหละ (Shadow Zone)
แล้วกลุ่มชายชุดดำก็มาหาอีกรอบ อิโอน่าจะจัดการให้แต่กุนโซบอกไม่ตรง เสียมารยาท (ถึงไม่มีเรือเมตัลโมเดลสู้ได้นะเออ...แต่จริงๆผมว่ากุนโซเห็นแก่กินมากกว่า (ฮา))
มาถึงก็มืดพอดี ลูกเรือ 401 ก็ลังรอจนจะแร้งลงบุฟเฟ่โออิชิแล้ว โดยผู้ที่เชิญทุกคนแกมบังคับมาคือ สส.คิตะ เรียวคัง ผู้ทรงอิทธิพลและเป็นตัวเต็งในการแย่งชิงตำแหน่งนายกฯรัฐมนตรีคนถัดไปด้วย
Note: คนอื่นเสริฟไวน์แดง แล้วทำไมแก้วอิโอน่าไม่เหมือนคนอื่นหว่า? (ยังเด็กดื่มแอลกอฮอลไม่ได้ ??) (ดูอย่างกะน้ำส้ม)
ท่านสส.เองก็ดูสนใจเมทัลโมเดลเยอะอยู่ (ใช้ 3D ทำแล้วหน้าเข้มจริงๆ) แต่ประเด็นหลักคือ "ส่งคืน 401 ให้รัฐบาลได้ไหม?"
กุนโซก็ปฎิเสธไป ตอนนี้รับงานของเลขาฯอยู่ (งานขนหัวรบฯ นั่นแหละ) Note: สังเกตนะครับ ทั้งสส. และกุนโซต่างรู้หน้าที่ ไม่มีใครหลุดปากเรื่อง "หัวรบสั่นสะเทือน" ออกมาเลย
ส่วนสส.คิตะ ก็บอกว่าถ้างานของคามิคาเกะนะไม่ต้องใส่ใจ ตัวเองจัดการเรื่องนี้ให้ได้ Note: ความหมายแฝงก็คือ งานขนส่งหัวรบ, ทางสส.คิตะจะหาวิธีการจัดส่งเอง ตรงนี้ต้องตระหนักว่าหัวรบสั่นสะเทือนที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมามีแค่ 5 ชุด ซึ่งกลุ่มการเมือง การทหาร กองทัพ และเอกชนล้วนแย่งชิงกันมากเพื่อเอาหน้าตา ดังนั้นยิ่งหัวรบชุดสุดท้ายยิ่งมีพลังกดดันทางการเมืองเยอะขึ้นไปใหญ่
กุนโซก็ยืนกรานคำเดิม มันเป็นความรับผิดชอบของทีม 401 ที่ต้องทำ ซึ่งสส.เองก็ชมว่ารับผิดชอบดีผิดกับเด็กรุ่นใหม่ๆ
Note: เรื่อง 'ความรับผิดชอบ' เป็นสิ่งที่เจอบ่อยๆในงานของ "ทหารรับจ้าง" มืออาชีพครับ จริงอยู่ที่ทหารพวกนี้จะทำเพื่อเงิน แต่เมื่อตกลงสัญญาและจ่ายเงินแล้วคำพูดของพวกเขาจะศักดิ์สิทธิ์มากและมีเจ้านายคนเดียวเสมอตลอดสัญญา ซึ่งกลุ่มคนชั้นสูงและผู้มีอำนาจมักจะนิยมกองกำลังเหล่านี้ไว้เป็นส่วนตัวเพราะ-ไม่ทรยศ ไม่ปฎิวัติแน่....ตรงนี้จะมองว่ากุนโซซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตนก็ได้นะ
(ในโลกปัจจุบันทหารรับจ้างก็ยังมีอยู่ทั่วไปครับ ที่ดังๆก็ สวิสฯ ยุโรปตะวันออก(โซเวียตเดิม) หรือ Blackwater ของมะกันเขา)
สส แกก็สืบประวัติแต่ละคนมาแล้ว 401 เป็นกำลังสำคัญในการรบกับหมอกมาตลอด 2 ปีที่เคียวเฮย์บอกเรือขนส่งขี้เหนียวนี่เพราะ 401 เองก็เก็บตังค์เยอะครับ (ไว้ค่าซ่อมบำรุง + ซื้อยุทโธปกรณ์ให้ตัวเอง)
แต่เพราะงั้นแหละถึงอันตราย ไงๆท่าน สส ก็มองว่า 401 ก็เป็นพวกหมอกอยู่ดี ขึ้นกับเวลาเท่านั้นแหละว่าจะกลับไปอยู่ฝ่ายกองเรือเมื่อไหร่ดังนั้นถ้าใช้เหตผลนี้ก็เป็นข้ออ้างทิ้งภารกิจกับเลขาธิการคามิคาเกะได้เหมือนกัน
กุนโซเลยสวนกลับเรื่องความไว้วางใจเหมือนกัน ตลอด 7 ปี กองทัพที่รบกับหมอกอย่างโชกโชนแต่ไม่มีผลสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยฝ่ายท่าน สส. นั่นแหละที่ดูไม่สมเหตผลที่จะมาชี้ว่าใครถูกใครผิด (ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างแล้วจะมาชุบมือเปิดเอาของคนอื่นมันก็ไงๆอยู่)
การเจรจาเสร็จสิ้นเป็นอันเสร็จสิ้น เหล่าแก๊งบุรุษโคนัน เอ้ย! ชายชุดดำก็โผล่มาอีกครั้ง
Note: ว่าแต่ผมสงสัยมาก ทหารชุดหลังที่เข้ามาพวกแกจะใส่ชุด+หน้ากากป้องกันแก๊สพิษทำไมหว่า????
ตัดกลับมาโครงข่ายยุทธการ(น้ำชา)อีกรอบนึง คราวนี้เป็นมายะ+คองโกมายะชวนคุยเรื่องนิสัยการดื่มแปลกๆของคนรัสเซียกับชาต้องใส่แยมด้วย
Note:ต้นฉบับจะเป็นคองโก + ยามาโตะครับ แต่เปลี่ยนแบบนี้ก็ดีนะผมชอบมายะจัง~~ (มังกะบทน๊อยน้อย)
Note: อาจจะมีแฝงมุขคองโกสมัยปี 1915 ตอนที่เธอสร้างเสร็จใหม่ๆ เธอกับฮิเอย์ได้ไปจมเรือธงกองเรือแปซิฟิคของรัสเซีย (ที่ถูกจับได้) จากสงครามญี่ปุ่น-รัสเซียด้วยครับ แล้วยังไปแจมสงครามโลกครั้งแรกอีกหน่อยนึงดังนั้นอาจคุ้นเคยกับชาติตะวันตกเยอะทีเดียว
ทีนี้มายะก็ถามว่าคิดจะทำไงกับพวก 401 ดี เพราะในน่านน้ำนี้คองโกเป็นเรือธง (เรือบัญชาการ) ถ้าไม่มีคำสั่งกองบัญชาการสูงสุด (แอดมิรัลโค้ด) มาสั่งไงๆพวกมายะต้องทำตามอยู่แล้วคองโกก็ตอบง่ายๆ 'จมแม-rงเลย' และเตรียมการไปแล้วด้วย
เช็คดูส่งไปสองลำ แต่มายะสงสัยว่านี่จัดเป็น "กลยุทธ์" ได้รึยัง? เพราะส่งเรือรบไปสู้ดูมันเรียบง่ายไม่ค่อย advance อย่างที่เธอหวังเท่าไหร่คองโกเลยเล่าความหลังให้มายะ (+ผู้ชมอย่างเราๆ) ฟังกันหน่อย ว่าหมอกไล่มนุษย์ไปจากทะเลได้ก็เพราะมีหอกกับโล่ห์ที่ดีที่สุดแค่นั้นแหละ ถ้ามนุษย์มีอาวุธระดับเดียวกันละก็ฝ่ายหมอกเละแน่
ตามประสาก็ต้องเรียกว่ากองเรือแห่งหมอกเป็นเพลเยอร์นู้บสุดกากเพียงแต่ใส่สูตรอมตะ+ยิงนัดเดียวตาย เลยเปรี้ยวเก็บคนเล่นระดับเทพๆได้ทั้งเซฟเวอร์นี่แหละ
ขณะที่มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาได้โดยไม่สิ้นสุด สักวันจะต้องคิดค้นอาวุธที่ทัดเทียมกับกองเรือหมอกได้แน่นอน ดังนั้นก่อนจะถึงเวลาดังกล่าวหมอกต้องฝึกฝนตัวเองให้เก่งกาจขึ้นพร้อมรับมือเช่นกัน
และนั่นคือที่มาของเมตัลโมเดล หรือร่างกายแบบมนุษย์เพื่อจะได้เข้าใจถึงความสามารถ+ขีดจำกัด และใช้สติปัญญาเพื่อหาวิธีขพัฒนา "อัตตา" ขึ้นมาเป็นของตัวเอง (จะเรียกว่าสร้างจิตใจให้กองเรือเพื่อเข้าใจถึงจิตใจของมนุษย์ผู้เป็นศัตรูก็ว่าได้)
พอมีร่างกาย ก็จะมีอายุขัย มีความเข้าใจถึงกาลเวลาและอนาคต ซึ่งนั้นจะส่งผลต่อการตัดสินใจเหมือนกับหมากรุกที่คิดล่วงหน้าหลายตา คาดการณ์พฤติกรรมของคู่ต่อสู้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่ดีที่สุดแทนที่จะเดินหน้าชนแหลกเป็นครั้งๆไปหมือนปัจจุบัน
Note: พื้นฐานกลยุทธทางทหารง่ายๆเลยคือ 'คาดเดาเป้าหมายของศัตรู....และปฎิบัติให้เป้าหมายของศัตรูบิดเบือน' ดังนั้นองค์ความรู้-จังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญมากเพียงแต่ตอนนี้กองเรือมีเมตัลโมเดลกันเยอะแล้ว เริ่มคิดเองได้แล้วด้วยดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าดู 401 ที่เป็นศัตรูที่ร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆอีกต่อไป
Note: ตรงนี้จะมองว่าหมอกเริ่มวิเคราะห์เป็นครับ ชีวิตและสติปัญญาของคองโกในสถานะเรือธงก็เริ่มตัดสินใจแบบผสมผสานระหว่างมนุษย์กับหมอกแล้วด้วย
มายะบอกปล่อยไว้เดี๋ยวจบเห่แบบทาคาโอะอีกต่างหาก (อารมณ์ไม่ประมาทสินะ สินะ~)
มาอีกด้านนึง แถบฮอกไกโดนู่น (เกือบเหนือสุดขอบญี่ปุ่น)
สาวน้อยหัวสีฟ้าเดินอ่านนิตยสารของทัพเรืออยู่ (ถ้าเทียบกับเมืองไทยคงประมาณ Tango หรือ นาวิกศาสตร์บ้านเรา)
(หนังสือนาวิกศาสตร์ เดี๋ยวนี้หาอ่านยากมากเลย) คู่มือกัปตัน for dummy แหงๆเลย
อ่านแล้วฟินจุงเบย~~ นี่คงเป็นผลกระทบของ otome-plugin สินะ
แต่ยังไม่ทันฟินเสร็จมีแขกไม่ได้รับเชิญมาก่อนเมตัลโมเดลแห่งกองเรือดำน้ำลาดตระเวณระยะไกล I-400 และ 402 เรือพี่น้องของอิโอน่านั่นเอง
เรือรบสองลำนี้ติดตามทาคาโอะมาเพราะหลังจากการรบกับ 401 เธอก็แยกตัวจากโครงข่ายยุทธการโดยไม่แจ้งล่วงหน้าทำให้ไม่สามารถติดต่อกันได้เลย และพฤติกรรมนี้สำหรับกองทหารแล้วจัดได้ว่าเป็น 'กบฎ' ทีเดียว
ทาคาโอะเราก็ตอบแบบไม่ไว้หน้าเลย (ขวานผ่าซากไม่เบานะเนี่ย) ว่าอยากได้กัปตันแบบ 401 มั่งจะได้เก่งๆเรือดำน้ำสองลำเลยถามว่านี่เป็น 'แผนการ' ด้วยรึเปล่า เพราะไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าทาคาโอะจะทำอย่างงี้ แต่แหงหละนางเอกเราเป๋อเร๋อขนาดนั้นจะไปมีได้ยังไง
โดนจี้ใจดำ (ว่าบ๊องนั่นแล) เลยบันดาลโทสะเรียกร่างจริงตัวเองมาขู่เลย
Note: ในบรรดากองเรือหมอกสายญี่ปุ่นตั้งแต่เรือระดับ Heavy Cruiser(เรือลาดตระเวณหนัก) ขึ้นไปมีฟังค์ชั่นดำน้ำอยู่เป็นพื้นฐานครับ แต่เรือนาการะ (ep1) ทำไม่ได้ ซึ่งตรงนี้เป็นความสามารถเก็บตัวซุ่มเงียบใต้ทะเลได้แต่ระหว่างนั้นจะใช้อาวุธแทบไม่ได้เลยและความเร็ว+ความคล่องตัวหาย(แต่กองเรือหมอกสายอังกฤษ รู้สึกจะดำได้หมดเลยตั้งแต่ระดับเรือพิฆาตขึ้นมา..(ไม่ยืนยันนะ))
เธอยืนกรานไม่กลับกองเรือ และจะไปหากุนโซด้วย แต่สองเรือดำน้ำก็เล่าต่อเหมือนกันว่า "คิริชิม่า" และ "ฮารุนะ" กำลังจะไปบวกกับ 401 เร็วๆนี้แล้ว ถ้าอยากไปหากัปตันคนโปรดจริงก็ต้องเร่งฝีจักรกันหน่อยหละ
แต่ทาคาโอะไม่สนใจไปไฟว้กับ "คิริชิม่า" และ "ฮารุนะ" หรอก เธอเจอสถานที่อื่นที่น่าสนใจกว่าก่อนหน้านั้น เลยจะไปดักรอ 401 สถานที่อื่นนอกจากโยโกสุกะ
Note: อนึ่งถ้าคิดในแง่ร้ายหน่อยๆ ทาคาโอะซึ่งเป็นเรือลาดตระเวณหนักจะมีปัญาสู้ "คิริชิม่า" และ "ฮารุนะ" ที่ศักดิ์ศรีระดับเรือประจัญบานพร้อมกันต้อง 2 ลำได้ไงจริงปะ? (เรือผิวน้ำทั้งคู่ ดังนั้นต้องแลกหมัดกันซึ่งหน้า....แล้วบวกกันตรงๆเสียเปรียบทั้งขนาดและจำนวน) ดังนั้นเรือลาดตระเวณซึนเดเระไม่ไปบวกด้วยนี่ก็ดีแล้วครับ เดี๋ยวจมฟรี
แล้วทาคาโอะก็จากไป Note: ว่ากันตามตรง ทาคาโอะแทบไม่ได้เสียหายอะไรจากการต่อสู้ ดังนั้นศักยภาพการรบยังเต็ม 100% แต่ถ้าสู้กับเรือดำน้ำ 2 ลำ ว่ากันทางเทคนิคก็ถือว่าเหนื่อยอยู่ดี (เรือดำน้ำได้เปรียบเรื่องการค้นหาและได้โจมตีก่อนแน่ๆ) เพราะทาคาโอะเก่งยังไงสู้พร้อมกัน 2 ตำแหน่งก็ลำบาก
ในมังกะ 400+402 คุยกันเองว่าถ้าสู้กันจะไหวรึเปล่า? ทั้งคู่ก็ลงความเห็นว่าถ้าเป็นอดีตน่าจะชนะทาคาโอะได้ แต่หลังจากสู้กับ 401 ทาคาโอะเปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้นแฟคเตอร์ความน่าจะเป็นเลยเปลี่ยนไปอีกกลายเป็นคาดเดาไม่ได้อีกต่อไป
ตัดฉากกลับมาฝั่งกุนโซ vs ท่านสส. เสียงหวอเตือนภัย (ไซเรน) ดังเตือนทั้งฐานทัพ
Note: เสียงหวอ(ยาวๆ) ลักษณะนี้จะได้ยินบ่อยในสถานการณ์ "เตือนภัยทางอากาศ" ครับ แต่กรณีถูกโจมตีฉับพลันก็ไม่แปลก
สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว กุนโซเลยเช็คความพร้อมเรือรบตัวเองทันทีกับลูกเรือคนอื่นโดยไม่สนใจทหารรอบตัวเลย
401 เริ่มเดินเครื่องและแคร็คระบบรักษาความปลอดภัย/ควบคุมอู่แห้งของเรือ Note: ประโยค I've Control (ข้าพเจ้าเป็นผู้ควบคุม) นี้เจอบ่อยมากครับเวลาใช้กับการควบคุมอากาศยานแบบหลายนักบิน (ในซับเขียนเป็นหลายที่นั่งอาจจะผิดไปนิดนึง เพราะประโยคนี้ใช้กับระบบควบคุมเครื่องบินไร้คนขับยังได้เลย...แต่เอานะหยวนๆ) จะใช้เพื่อให้นักบินคนที่ประกาศคำนี้จะขอทำการควบคุมเอง ขอให้อีกฝ่ายวางมือก่อนเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนหรือเกิดอุบัติเหต .....อีกประโยคนึงที่มักเจอคู่กันคือ You've Control (ท่านเป็นผู้ควบคุม) จะใช้ในกรณีขอให้คู่บิน(นักบินอีกคน) ควบคุมแทนตัวเอง เพื่อนจะได้รู้ตัวจับคันบังคับกันทัน
ปล เห็นประโยคนี้ทีไรนึกถึงเรื่อง Sora-kake Girl (สาวน้อย vs โคโลนี่สุดเกรียน) ทุกทีเลย
เสียดายไม่ได้ทำต่อ
สั่งยกฐานอู่แห้งกลับไปท่าเรือผิวน้ำแล้ว Note: อันที่จริง ถ้าอยากหยุด 401 ตอนนี้ต้องระเบิดแท่นอู่แห้งทิ้งไปเลยครับ เรือดำน้ำจะพิการบนบกไปเลย แต่การทำแบบนั้นก็ไม่ง่ายเท่าไหร่นัก
ด้านนอก ผู้มาเยือนใหม่ทั้ง 2 ก็มาถึงหน้าโยโกสุกะแล้ว
ลำแรกกองเรือแห่งหมอก เรือประจัญบาน "คิริชิมะ" ในมาดเด็กทอมบอยสีเขียวสุดเฟี้ยวเหมือนสาวสก๊อยเปรี้ยวๆริมคลอง~(ฮา) ที่เธอพูดเองว่าผ่านมา 7 ปีแล้วสินะหลังจากทำสงครามแถบนี้มาก่อน (สมัยสู้กับกองเรือหมอกแรกๆ)
อีกลำที่ตามมาคือสาวโลลิทวินเทลโป๊งเหน่งประจัญบานหัวทอง~ เรือรบชั้นเดียวกัน "ฮารุนะ"
Note: เดี๋ยวมีอธิบายเรื่องการอัพลำดับจากเรือลาดตระเวณประจัญบาน -->เรือประจัญบาน ของสองลำนี้ทีหลังครับ
เนื่องจากภารกิจคือมาไล่โบก 401 ด้านในอ่าว แต่ตอนนี้ทั้ง 2 ลำไม่รู้ว่าเป้าหมายอยู่ไหน (โดนกำแพงบัง) เลยต้องยิงเปิดทางกันนิดๆหน่อยๆ
Note: จริงๆถ้าเป็นปืนเรือสมัย WW2 ต่อให้เป็นเรือประจัญบานจะยิงถล่มกำแพงขนาดนี้ให้พังเป็นรูคงต้องซัลโวกันหลายชุดหน่อยครับ (คงยิงเต็มๆสัก 20-30 นัด ถ้าจะเจาะช่องให้กว้างพอ) ในมังกะนี่เอาเลเซอร์ถล่มเลย ส่วนอนิเมคงอนุมานว่าปืนเรือหมอกมันร้ายกาจกว่าสมัยสงครามโลกเยอะละมั้ง (แต่ก็ควรจะเป็นอย่างงั้นนะ) (นึกถึงตอนมิสซูรี่ยิง)
สส.ก็ได้ลูกน้องมายืนยันว่าเป็นกองทัพหมอกจริงๆ แล้วไพ่ตายของกุนโซก็มาถึงพอดี
Note: จริงๆตามมังกะอิโอน่าจะอยู่ที่เรือครับ ดังนั้นฝ่ายกุนโซจะมีวิธีขัดขืนยากมาก (ต้องไปขอความร่วมมือจากทหารเรือ+นาวิกฯของอเมริกัน) กว่าจะหลุดออกมาได้ตรงนี้เล่นเอาครึ่งเล่ม แต่พออนิเมเขียนบทใหม่เป็นอิโอน่ามาด้วยอะไรก็เลยดูง่ายขึ้นเยอะ
พอเรือตัวเองมาถึงก็ไม่กลัวแหละ ถึงเป็นเรือดำน้ำแต่แค่อาวุธต่อต้านบุคคลทั่วไปอิโอน่ามีเหลือแหล่ โชว์ขู่กันเห็นๆ (ชอบเสียงอิโอน่าแฮะ)
สส คิตะ ก็บอกแน่ใจรึ? รู้ใช้ไหมว่าการรบหลังจากนี้จะเป็นศึกชี้ชะตาของโลกเลย Note: ผมชอบเคียวเฮย์นะตรงนี้ ถึงหมอนี่ดูห่ามๆแต่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนกัน จูงมือให้ชิซึกะขึ้นเรือด้วย ตรงนี้เป็นกึ่งธรรมเนียมของเรือตะวันตกสมัยก่อนเลยครับ ผู้ชายจะนำหน้าและพาผู้หญิงขึ้นบันไดก้าวแรกของเรือ
ประโยคคำตอบของกุนโซก็กินใจดีครับ "อนาคตของโลกเป็นไงไม่รู้...แต่อนาคตกรูก็อยู่ในนั้นนั่นแหละ...ดังนั้นตูตัดสินใจทำอะไรเองได้ว่าจะใช้พลังนี่ทำอะไร"
คำถามถึงอิโอน่าเหมือนกัน "พวกหมอกพี่น้องเธอต้องการอะไรจากโลก?" - ทำลายมนุษย์ - ปกครองโลก
แต่อิโอน่าเองก็ไม่รู้ เธอเองก็เป็นแค่อาวุธและต้องการคำสั่งเท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยสิ่งที่อิโอน่าต้องการคือ "ตัวตนของเธอสามารถทำให้กุนโซคงอยู่ต่อไปได้"
Note: ถ้ามองในแง่ Classify order (คำสั่งจำเพาะ) ตรงนี้จะเรียกว่าอิโอน่าเริ่มรู้จัก "วิเคราะห์" รูปแบบของการบัญชาการขึ้นมาบ้างแล้วครับ จากการทำตามคำสั่งแบบเป๊ะๆ สั่งทีนึงทำทีนึง....แต่ตอนนี้ 401 เราเริ่มรู้จักคำสั่งเชิง "นโยบาย/กลยุทธ์" ขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะการกำหนดจุดประสงค์ (Mission Objective) เท่ากับว่าทหารที่รับคำสั่งมีอิสระในระดับนึงในการเลือกวิธีการดำเนินการตราบเท่าที่ยังทำให้บรรลุเป้าหมายได้
หากเปรียบเทียบง่ายๆ ตอนแรกอิโอน่าเป็นแค่ 'พลทหาร' ครับ ต้องให้นายกองคอยสั่งยิงอะไร ยิงที่ไหน ยิงกี่นัด....แต่ปัจจุบันเธอเริ่มเหมือนกับ 'ผบ.หมวด/หมู่' ของหน่วยรบย่อยๆแล้วที่กองบก.บอกคร่าวๆว่าให้ยึดที่หมายไหน...รายละเอียดปลีกย่อยเธอจัดการตัดสินใจเองได้ไม่ต้องถามหมดทุกอย่าง
กลับเข้าเรือ...รีบลงทะเลด่วนเลย
ระบุข้าศึกได้ 2 ลำ คิริชิมะ+ฮารุนะ พอได้ยินชื่อปุ้บลูกเรือ 401 เล่นเอาช็อคกันทั้งลำ
เรือ 2 ลำนี้จัดว่าอยู่ในระดับเรือประจัญบาน (Battleship) กันทีเดียว แต่ละลำใหญ่กว่าเรือลาดตระเวณหนักขนาดทาคาโอะ 3 เท่า เรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ระดับสูงที่สุดที่ลอยลำบนผิวน้ำได้เลยทีเดียว
Note: ตรงนี้ขอเกริ่นไว้นิดนึงเรื่องประเภทเรือรบ ทุกท่านสามารถอ่านรายละเอียดแบบสังเขปของเรือประเภทต่างๆได้ใน Blogนี้ แต่ผมจะขอเจาะลึกเรื่องเรือประจัญบาน (BB: Battleship) นิดนึงครับ เพราะเป็นเรือผิวน้ำที่ประวัติโดดเด่นและมีความเท่ห์เยอะเลยโดนซอยรุ่นเป็นเลเว่วย่อยๆเสียหลายอันชวนให้งงยิ่ง (โดยขอละประวัติส่วนคิริชิมะ+ฮารุนะไปพูดทีหลัง)
เรือประจัญบานจะเป็นกลุ่มคลาสหลักของเรือรบครับ โดยถูกแบ่งย่อยตามสไตล์ต่างๆได้อีกหลายแบบ (แต่ทุกแบบก็ยังพอจะใช้ศัพท์เรียกเรือประจัญบานได้) ตามหลักนิยมของกองทัพที่สร้าง อาทิเช่น - Battleship (แท้ๆ เพียวๆ: เน้นเกราะ) - Dreadnought: เรือยักษ์ที่เน้นปืนใหญ่มาก (ชื่อนี่จาก UKเป็นค่านิยม "เรือใหญ่-ปืนโต" หลัง ww1) - Fast Battleship: เรือรบยักษ์ที่ออกแบบให้เน้นความเร็ว - Pocket Battleship: เรือรบจิ๋วแต่มีอำนาจการยิงทัดเที่ยมเรือประจัญบาน
Note: ในส่วนของคิริชิมะ/ฮารุนะ เดิมแต่แรกเรื่องชุดคองโก (+คิริชิมะ+ฮารุนะ) ถูกสร้างมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะ Battlecruiser ครับแป้บนึงแต่กติกาภายหลังระบุเรื่องสนธิสัญญาสัดส่วน 5-5-3 ทางราชนาวี (สัดส่วน US, UK, Japan) ซึ่งควบคุมจำนวนของเรือประจัญบานแท้ๆด้วยทีนี้เรือชุดคองโก พอเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้มีการเพิกเฉยสัญญาฉบับนี้ (+อีกหลายๆฉบับ) และแอบเสริมกำลังทางทะเลขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นเบื้องหน้าและเอกสาร เรือชุดนี้ยังมีสถานะเป็น Battlecruiser อยู่ แต่ในทางปฎิบัติมีการเสริมเกราะ ปืนใหญ่หนัก และเครื่องยนต์อีกมากมายจนน้ำหนักเพิ่มไปเกือบ 5000 ตันกลายเป็์นระดับเรือประจัญบานได้ ในทางปฎิบัติเลยมีคนเรียกเรือชุดนี้ทั้งแบบ Battlecruiser และ Battleship ครับ (แล้วแต่การอ้างอิง) ....แต่ถ้าจะเรียกตามคุณลักษณะแล้วสามารถจัดเป็นเรือประจัญบานได้โดยไม่มีปัญหา
Note: ในซับค่ายผมตั้งแต่ตอน4ไปเดี๋ยวจะแก้ไขเป็นเรือประจัญบานอย่างเดียวครับ จะได้ไม่สับสน
ช่างมันกุนโซหวั่นที่ไหน เลยเตรียมประกาศศึกกับเรือที่แกร่งที่สุดของหมอกถึง 2 ลำพร้อมกัน
จบแล้วครับสำหรับตอนที่ 3 ซึ่งมีเรื่องคุยกันระหว่างตัวละครเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ปูเรื่องให้ผู้ชมเข้าใจภาพรวมของสถานการณ์ทั้งฝั่งมนุษย์และหมอกไปพร้อมกันได้ดีและไม่เยิ่นเย้อครับ สิ่งที่น่าดีใจอย่างนึงคือแม้อนิเมจะเป็น Ars-Nova(บทประพันธ์ใหม่) แต่ก็ได้ผู้เขียนเวอร์ชั่นการ์ตูนมาช่วยกำกับบทด้วย อย่างน้อยก็ไม่น่าจะออกทะเลอะไรเกินไป พร้อมกับช่วยให้เวลา 12 ตอนได้สนุกกับยุทธนาวีอย่างเต็มที่ (มังกะแค่ฉากบุกออกจากท่าเรือบนบกก็ปาไปเล่มนึง หรืออนิเม 2-3 ตอนได้แล้ว)
คีย์สำคัญของเรื่องที่ผมชอบเลยครับ
1) เพลงประกอบ Soundtrack ทำได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะตอนเปิดตัวคิริชิมะ+ฮารุนะ รวมถึงการออกตัวของ 401 ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่สมเป็นกองเรือที่โลกต้องหวาดกลัวเลย
2) บทสนทนา-กุนโซอิโอน่า... เราได้เห็นการเติบโตของเมตัลโมเดลในลักษณะการ "ซึมซับ" และทำความเข้าใจมนุษย์รอบตัวและตั้งคำถามซ้ำไปซ้ำมา
3) บทสนทนา-กุนโซ สส.คิตะ...เราได้เห็นการดิ้นรนของการเมืองและสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์เพื่อรักษาฐานอำนาจ และฟาดฟันเผ่าพันธ์เดียวกันได้เพื่อผลประโยชน์ขององค์กร
4) บทสนทนา- มายะ คองโก...เราได้เห็นการเปลี่ยนวิสัยทรรศน์ของผู้ตัดสินใจตัดเนื้อร้ายอย่างเซลมะเร็งแบบ401 ที่ฟาดฟันเผ่าพันธ์เดียวกันได้เพื่อผลประโยชน์ขององค์กร
5) บทสนทนา- ทาคาโอะ 400-402...เราได้เห็นสิ่งที่เรียกว่า "ความกระตือรือร้น" และ "ความโลภ" ของทาคาโอะที่เหมือนกับพฤติกรรมมนุษย์แทบทุกประการ
โดยรวม มีความขัดแย้งเต็มไปหมดเป็นปมที่ Anime สามารถเอามาเล่นได้เยอะแยะเลย แต่ อาจจะมีส่วนนึงที่น่าเสียดายอยู่บ้างคือบทบาทของ สุดยอดเรือดำน้ำที่ฝ่ายมนุษยชาติ(แท้ๆ)สร้างขึ้นอย่าง "วาฬขาว" (ชอบนึกถึงโมบี้ดิ๊คแฮะ) ถูกตัดจากอนิเมตอน 3 ไปเรียบเลยจนอดคิดไม่ได้ว่าฝ่าย 401 จะเอาอะไรไปสู้กับเรือประจัญบานต้องสองลำ เพราะในมังกะเรือลำนี้มีส่วนช่วยอย่างมากครับ...เด่นจนผมรู้สึกเชียร์คนด้วยกันมากกว่าสาวๆของกองเรือหมอกอีก
/me แล้วพบกันใหม่ครับ
Create Date : 28 ตุลาคม 2556 |
|
3 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2556 12:13:37 น. |
Counter : 11617 Pageviews. |
|
|
|