Kross (เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง~
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
3 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
บทความเกี่ยวกับ ทร.ไทย โดยพลเรือเอก สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร.(2)

ในส่วนของการปรับโครงสร้างกองทัพเรือนั้นเป็นงานต่อเนื่องที่ได้ดำเนินการมาแล้ว โดยได้พิจารณาจัดหน่วยของกองทัพเรือใหม่ จากเดิม ๓๕ หน่วย เป็น ๓๖ หน่วย สรุปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการจัดส่วนราชการกองทัพเรือที่สำคัญ คือ จัดตั้งสำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือ (สธน.ทร.) เป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือโดยแยกภารกิจหน้าที่ออกจาก กรมสารบรรณทหารเรือ จัดตั้งกรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ (สสท.ทร.) โดยรวมงานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศให้กับ กรมสื่อสารทหารเรือเปลี่ยนชื่อสำนักงานตรวจ บัญชีทหารเรือ (สตช.ทร.) เป็นสำนักงานตรวจสอบภายในทหารเรือ (สตน.ทร.) เพื่อเพิ่มกิจ
ในการตรวจสอบภายในของหน่วยจัดตั้ง ทัพเรือภาคที่ ๑
, ๒ และ ๓ โดยปรับฐานทัพเรือสงขลา และฐานทัพเรือพังงา เป็นหน่วยขึ้นตรงกับทัพเรือภาคที่ ๒ และ ๓ ตามลำดับและปรับหน่วยบางส่วนจากฐานทัพเรือสัตหีบเป็นหน่วยขึ้นตรงทัพเรือภาคที่ ๑ปรับลดกองเรือป้องกันฝั่งซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือให้เป็นกองเรือยามฝั่งขึ้นตรงต่อกองเรือยุทธการโดยมีภารกิจในการจัดเตรียมกำลังเรือยามฝั่งรวมกองเรือยกพลขึ้นบกกับกองเรือยุทธบริการ เป็นกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ ขยายหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ เป็นหน่วยบัญชาการสงคราม พิเศษทางเรือจัดตั้งสำนักจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือเป็นหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือยุบรวมกรมยุทธศึกษาทหารเรือ (ยศ.ทร.) กับสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง(สรส.) เข้าไว้ด้วยกัน เป็นกรมยุทธศึกษาทหารเรือ


 สำหรับการดำเนินการนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำพระราชบัญญัติและพระราชกฤษฎีกาไปพร้อมๆ กัน ซึ่งขั้นตอนในการจัดทำพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนั้นกระทรวงกลาโหมจะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติเข้าคณะรัฐมนตรีพิจารณาหลักการและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้วจึงเสนอร่างพระราชบัญญัติให้้รัฐสภาพิจารณาเพื่อทูลเกล้าฯ ทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไป ในส่วนของการจัดทำพระราชกฤษฎีกา การแบ่งส่วนราชการ และกำหนดหน้าที่ของส่วนราชการกองทัพเรือ เพื่อรองรับพระราชบัญญัติการจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนั้นก็จะดำเนินการตามขั้นตอนในลักษณะ เดียวกันโดยสรุปแล้วขณะนี้มีความก้าวหน้าในการดำเนินการไปมากพอสมควรแล้วเป็นที่คาดหมายกันว่าจะแล้วเสร็จประกาศใช้ได้ทันในปีงบประมาณ ๕๑ นี้ ซึ่งก็จะทำให้กองทัพเรือมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการบริหารจัดการมากพอสมควรโดยเฉพาะการแก้ไขอัตราการจัดของหน่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างใหม่ ปัญหาเร่งด่วนที่กองทัพเรือต้องแก้ไขตั้งแต่บัดนี้ คือปัญหาปริมาณงานที่ไม่เหมาะสมกับจำนวนกำลังพลของฐานทัพเรือสัตหีบซึ่งมีงานที่ต้องให้บริการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยต่างๆ
ในพื้นที่สัตหีบเกือบทั้งหมดกองทัพเรือได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นที่ต้องมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงมาช่วยแบ่งเบาภาระในการกำกับดูแลงานของฐานทัพเรือสัตหีบจึงได้เสนอขออนุมัติแก้ไขอัตราเพิ่มรองผู้บัญชาการและรองเสนาธิการฐานทัพเรือสัตหีบ อีกอย่างละ ๑ อัตรา
ขณะนี้ได้รับอนุมัติและแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่/ผู้ดำรงตำแหน่งแล้ว
ในเรื่องของสิทธิกำลังพลก็เป็นสิ่งสำคัญจึงได้มีแนวความคิดที่จะแก้ไขอัตราจากผู้ช่วยปลัดบัญชีทหารเรือผู้ช่วยเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ และผู้ช่วยเจ้ากรมอุทกศาสตร์เป็นรองปลัดบัญชีทหารเรือ รองเจ้ากรมแพทย์ทหาร
เรือ และรองเจ้ากรมอุทกศาสตร์ ตามลำดับ ซึ่งเรื่องนี้จะได้ดำเนินการต่อไปโดยเร็ว


งานด้านการส่งกำลังบำรุง


เมื่อ
พิจารณากำลังทางเรือของกองทัพเรือในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าอยู่ในสภาพเก่ามี
อายุการใช้งานมากและขาดแคลนเนื่องจากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อการซ่อมบำรุงอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง ทำให้ขีดความสามารถหลักๆ ที่จำเป็นลดลงอย่างมากจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการซ่อมแซม และจัดหา/ปรับปรุงยุทโธปกรณ์อย่างเร่งด่วนนอกจากนี้พื้นที่ปฏิบัติการของกองทัพเรือทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามันก็เป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนงานด้านการส่งกำลังบำรุงของกองทัพเรือเป็นอย่างมากกรมส่งกำลังบำรุงทหารเรือได้พยายามที่จะพัฒนางานด้านนี้ให้สนองตอบภารกิจของกองทัพเรือในทุกๆ ด้าน งานอย่างหนึ่งที่ผลักดันจนเป็นผลสำเร็จ คือการก่อสร้างสถานีเรือ ที่อำเภอละงู จังหวัดสตูล
ซึ่งกองทัพเรือได้อนุมัติให้กรมช่างโยธาทหารเรือดำเนินการจัดจ้างงานก่อ
สร้างฯ ไปเรียบร้อยแล้ว กำหนดแล้วเสร็จภาย ในปีงบประมาณ ๒๕๕๐ นี้
ซึ่งหลังจากงานตามโครงการนี้แล้วเสร็จก็จะทำให้กองทัพเรือลดค่าใช้จ่ายของ
น้ำมันเชื้อเพลิงของเรือที่ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทัพเรือภาคที่ ๓ ตอนใต้ลงเป็นอย่างมากรวมทั้งจะทำให้มีเรือปฏิบัติการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แก้ปัญหาที่ต้องเดินทางกลับมารับการส่งกำลังบำรุงที่ฐานทัพเรือพังงาอีกต่อไป นอกจากนั้นแล้วงานก่อสร้างบ้านพักของข้าราชการเป็นงานที่กองทัพเรือให้ความสำคัญในอันดับต้นๆ โดยในปีงบประมาณ ๕๐ ได้กำหนดแผนงานให้มีการก่อสร้างอาคารพักประทวน ๖๔ ครอบครัว จำนวน ๑ หลัง ที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กำหนดแล้วเสร็จ ภายใน ๒ ปี ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายการขาดแคลนที่พักอาศัย ของข้าราชการได้อีกส่วนหนึ่ง


การพัฒนาความสัมพันธ์กับกองทัพเรือต่างประเทศ


ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปเยือนกองทัพเรือต่างชาติหลายแห่ง ได้แก่ อิตาลี, สเปน, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, เมียนมาร์, บรูไนและอินเดีย ผมได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติทุกแห่งโดยแต่ละแห่งก็มีวิธีการต้อนรับ แตกต่างกันไป อย่างในยุโรปนั้น ทั้งอิตาลี และสเปน จะจัดให้ผู้บัญชาการทหารเรือของทั้ง ๒ ประเทศ นั่งคุยกันตามลำพังในห้องทำงานของผู้บัญชาการทหารเรืออยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่จะย้ายเข้าไปฟังบรรยายสรุปในห้องประชุม ซึ่งฟิลิปปินส์ก็ทำเช่นนี้ผิดกับอินเดียที่ฟังการบรรยายสรุปก่อนแล้ว
จึงย้ายไปคุยกันในห้องทำงานผู้บัญชาการทหารเรือ ส่วนที่อื่นๆ ต้อนรับในห้องรับรองหรือห้องบรรยายสรุปเลย
ซึ่งเราก็ทำเช่นเดียวกัน ผมมีความเห็นว่าการจัดให้ผู้บัญชาการทหารเรือทั้ง ๒ ฝ่าย ได้
คุยกันตามลำพังในห้องทำงานทำให้เกิดบรรยากาศเหมือนรู้จักกันมานานแล้วเหมือนเพื่อนที่พอจะพูดอะไรกันได้ง่ายขึ้นดังเช่นที่อิตาลีเรามีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายนักเรียนนายเรือที่อิตาลีเรียก เก็บค่าเล่าเรียนสูงมาก และฝ่ายเราไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้เพราะความเข้าใจผิดในการสื่อสารข้อมูล เมื่อได้เจรจากันโดยตรงแล้วผู้บัญชาการทหารเรืออิตาลีก็กรุณารับปากที่จะช่วยดูแลให้
ซึ่งปรากฏว่าได้ผลผมกำลังคิดว่าจะทำเช่นนี้บ้างในกรณีที่มีผู้บัญชาการทหารเรือชาติอื่นมาเยือนสำหรับกองทัพเรือในกลุ่มอาเซียนดูเหมือนจะมีความสนิทสนมกันมากเพราะเวลาพูดคุยกันก็จะโยงใยไปถึงผู้บัญชาการทหารเรือประเทศอื่นๆด้วยเหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาส่วน ฝ่ายหญิงจะเป็นกลจักรสำคัญในการทำให้การเยือนในแต่ละครั้งประสบผลสำเร็จมากเพราะผู้ หญิงจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติและพาให้ฝ่ายชายได้ร่วมกิจกรรมต่างๆตามไปด้วย ตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ภริยาผู้บัญชาการทหารเรือมาเลเซียเป็นคนรื่นเริงชอบเต้นรำ เมื่อเลี้ยงอาหารค่ำเสร็จ ก็จะชักชวนให้ทุกคนออกไปเต้นรำในจังหวะ Pacho (เป็นจังหวะใหม่ที่มาเลเซียคิดขึ้นมาใช้ในการเต้นแอโรบิก) ทำให้ความสัมพันธ์ของเราเหมือนพี่น้องกัน


กองทัพเรือทุกประเทศมีปัญหาด้านกำลังพลมากเกินไปเกือบทุกประเทศ ดังนั้นงบประมาณของกองทัพมากกว่าร้อยละ ๖๐ เป็นค่าบริหารกำลังพล และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือกองทัพเรืออิตาลี และสเปน ก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน ส่วนกองทัพเรือที่มีปัญหาตรงกันข้าม คือ กองทัพเรือบรูไน มีกำลังพลเพียง ๑,๕๐๐ คน (หนึ่งพันห้าร้อยคน) ผมเลยตั้งข้อสงสัยว่าเมื่อเรือ OPV (เราเรียกเรือฟริเกต) ที่กองทัพเรือบรูไนสั่งต่อจากบริษัท BAE  ประเทศอังกฤษได้รับมาแล้ว คงจะต้องเพิ่มกำลังพลมากขึ้น ส่วนกองทัพเรือที่มีความเจริญเติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้น่าจะเป็นกองทัพเรือเมียนมาร์ ขณะนี้กองทัพเรือเมียนมาร์มีขีดความสามารถในการต่อเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง (เหมือนเรือ ต.๙๑) ได้เองแล้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า มีความเร็วสูง
และมีคุณภาพค่อนข้างดีได้ทราบว่าขณะนี้กำลังจะต่อเรือฟริเกต/เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง
(OPV) ต่อไป ซึ่งกองทัพเรือเมียนมาร์ ได้รับงบประมาณในการพัฒนากองทัพสูงมากผมเลยเป็นห่วงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกไม่นานกองทัพเรือไทยอาจต้องเอาปี๊บคลุมหัว


เมื่อกล่าวถึงการพัฒนากองทัพแล้ว ในครั้งที่ผมได้เดินทางไปเยือนสิงคโปร์นั้นได้มี โอกาสนั่งรถเข้าไปในฐานทัพเรือชางงี สิ่งแรกที่ได้เห็นนั้นคือเรือดำน้ำจอดเทียบท่าอยู่ ๒ลำ ชักธงกองทัพเรือสิงคโปร์อย่างสง่าผ่าเผย ผมเห็นแล้วหดหู่ใจเป็นอย่างมากกองทัพเรือไทยคิดอยากจะมีเรือดำน้ำมานานแล้วได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการมีเรือดำน้ำมาใช้งานในกองทัพเรือตั้งแต่๓๐ ปีที่แล้ว (น่าจะคิดก่อนชาติอื่นในอาเซียน) จนป่านนี้แล้วยังไม่เกิดเลยอีกไม่นานกองทัพเรือมาเลเซียก็จะได้รับเรือดำน้ำชั้น Scorpene จำนวน ๒ ลำ ที่สั่งซื้อไว้ จากฝรั่งเศส ส่วนกองทัพเรือสิงคโปร์ก็จะได้รับเรือดำน้ำเพิ่มจากการสั่งซื้อไว้จากสวีเดน เผลอๆ กอง
ทัพเรือเมียนมาร์อาจมีเรือดำน้ำก่อนกองทัพเรือไทยก็ได้เรื่องการพัฒนากำลังรบที่มีทหารเท่านั้นที่รู้สึกหนักใจและเป็นห่วงเพราะเรามีหน้าที่ปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติดูแลคุ้มครองทรัพยากรในทะเลซึ่งมีมูลค่ามหาศาลแล้วจะให้เรามีแค่กระบองถือเดินไปเดินมาเหมือนกับ รปภ.หมู่บ้านเช่นนั้นหรือ การเตรียมกำลังทั้งคนและยุทโธปกรณ์ต้องใช้เวลานะครับไม่ใช่เกิดอะไรขึ้นแล้วจะให้ทหารออกไปสกัดกั้นได้ทันทีโดยไม่มีอาวุธในมือเลย มันเป็นไปไม่ได้ก็ต้องฝากผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารประเทศช่วยให้ความสนใจการป้องกันประเทศบ้างครับ ผมได้มีโอกาสถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ขณะเดินทางไปเยือนสิงคโปร์ว่าท่านมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของการเตรียมกำลังทหาร แล้วจัดสรรงบประมาณให้ทหารอย่างมากมายเช่นนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์นิ่งสักพักแล้วตอบผมว่าที่จริงแล้วสิงคโปร์ก็เคยมีปัญหาที่ทหารไม่ได้รับความสนใจในลักษณะเช่นนี้มาก่อนและชี้ให้ผมดูรูปรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์คนแรกว่าท่านได้ไปปรารภกับท่านนายกรัฐมนตรีว่า
"กระทรวงการคลังไม่ให้งบประมาณ" ท่านนายกรัฐมนตรีก็เลยจับสับเปลี่ยนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจากนั้นปัญหา ด้านงบประมาณของทหารจึงหมดไปผมเลยเรียนท่านไปว่าถ้าไทยทำได้บ้างก็คงจะดี


สำหรับการเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซียนั้นผมก็ได้ถามท่านถึงนโยบายการจัดสรรงบประมาณให้แก่เหล่าทัพต่างๆ ท่านให้ข้อคิดดีมาก ท่านเล่าว่าเมื่อ ๕ ปีที่แล้วมาเลเซียเห็นความสำคัญของทรัพยากรในทะเล จึงได้ทุ่มเทงบประมาณ ส่วนใหญ่ให้แก่การพัฒนากองทัพเรือจนกองทัพเรือมาเลเซียมีความเข้มแข็งขึ้นในระดับที่น่าเกรงขามมี เรือดำน้ำ, เรือฟริเกตรุ่นใหม่ และเรือ OPV อีกจำนวนมาก เข้าประจำการในกองทัพ ในช่วงต่อไปนี้จึงเป็นการสร้างกองทัพอากาศให้เข้มแข็ง
ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซียท่านเป็นพลเรือนแต่มีความรู้เรื่องการทหารมาก เพราะเป็นมานาน คุยเรื่องอะไรๆท่านรู้เรื่องหมดจนผมชักไม่กล้าคุยด้วยเพราะเกรงว่าผมจะรู้เรื่องทหารเรือสู้ท่านไม่ได้ หลังสุดนี้ผมได้เดินทางไปเยือนกองทัพเรืออินเดียและได้มีโอกาสไปดูฐานทัพเรือ
KAWAR ซึ่งเป็นฐานทัพเรือ แห่งใหม่ด้านฝั่งตะวันตกของอินเดีย โดยได้สร้างเพื่อทดแทนฐานทัพเรือ MUMBAI ที่มีความหนาแน่นมากเกินไปแล้วฐานทัพเรือแห่งนี้ผมได้ทราบว่ากองทัพเรืออินเดียเริ่มสร้างเมื่อครั้งผมเป็น
ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือไทยประจำกรุงนิวเดลี เมื่อ ๑๕ ปีก่อนและผมคาดว่าจะเป็นฐานทัพเรือที่ใหญ่ในอันดับต้นๆ ในภูมิภาคผมจึงขอไปเยี่ยมชมในระหว่างการเดินทางไปเยือนในครั้งนี้กองทัพเรืออินเดียก็ดีใจหายจัดให้ผมไปเยี่ยมชม
โดยบอกว่าผมเป็นผู้บัญชาการทหารเรือต่างชาติคนแรกที่จัดให้ไปดู ต้องขอบคุณกองทัพเรืออินเดียมากๆ โดยผมต้องบินจากนิวเดลีไปที่เมืองกัว (เมืองท่องเที่ยวทางใต้ของ MUMBAI) เดินทางโดยเครื่องบิน REAR JET ของกองทัพอากาศอินเดีย มีความสะดวกสบายมาก จากเมืองกัวไป KAWAR ก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางไปอีกครึ่งชั่วโมง จึงถึงที่หมาย ได้เห็นฐานทัพเรือ KAWAR ใหญ่มากๆ มี BRAKE WATER ถึง ๓ ด้าน สร้างมา ๑๒ ปี แล้วขณะนี้โครงการระยะที่ ๑ ใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว (ปลายปีนี้) มีท่าเทียบเรือ อู่เรือ (เป็นระบบ SYNCRO LIFT สามารถยกเรือได้ขนาด ๑๐,๐๐๐
ตัน) มีโรงงานซ่อม ทำอุปกรณ์ ต่างๆ โรงพยาบาลขนาด ๑๕๐ เตียง คลังอาวุธ
ที่พักโรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่เป็นฐานทัพเรือ คือ ที่ดินที่ถมทะเลออกไปพื้นที่นี้มีปัญหา ในเรื่องน้ำจืด เพราะฝนตกปีละ ๔ เดือนและพื้นดินเป็นหิน/ทราย เก็บน้ำไม่อยู่ จะเห็นว่าภายในฐานทัพแทบ
จะไม่มีต้นไม้เลย มีแต่ต้นมะพร้าวและต้นสนซึ่งเป็นของเดิมขึ้นอยู่ไม่มาก
กองทัพเรืออินเดียบอกว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะเริ่มดูแลในเรื่องต้นไม้ต่อไป
ที่นิวเดลีผมได้มีโอกาสเข้าพบผู้บัญชาการทหารบก
และผู้บัญชาการทหารอากาศอินเดีย ด้วยแต่ละท่านมีอัธยาศัยดีมากผู้บัญชาการทหารบกอินเดียฝากให้มาเชิญผู้บัญชาการทหารบกไทยให้ไปเยือนอินเดีย ส่วนผู้บัญชาการทหารอากาศอินเดีย ก็ฝากให้บอกผู้บัญชาการทหารอากาศไทยให้เร่งรัดเรื่องที่ตกลงกันไว้
ผมก็ได้เรียนให้ทุกท่านทราบแล้วสำหรับผู้บัญชาการทหารเรืออินเดียนั้นท่านได้กำชับให้ผมดำรงการติดต่อกับท่านไว้ และหากมีปัญหาให้โทรศัพท์คุยได้ทันที
ผมดูแล้วคิดว่าความ สัมพันธ์ระหว่างทหารเรือไทย - อินเดียอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และคงจะมีความใกล้ชิดกันมากขึ้นต่อไป


การถวายความจงรักภักดีต่อพระราชวงศ์


ในช่วงพระราชพิธีเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖๐ ปี ตั้งแต่ต้นเดือนจนถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๙ เป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต่างก็มีความตื่นเต้นและ มีความสุขต่อการที่จะร่วมกันจัดงานให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติกองทัพเรือเองก็มีส่วนร่วมในพิธีต่างๆ ที่สำคัญๆ
ตามที่ได้เคยเรียนให้ทราบแล้ว คือ จัดหอประชุมกองทัพเรือเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ จัดอาคารราชนาวิกสภา หลังใหม่เป็นที่ประทับเสวยพระสุธารสชาและทอดพระเนตรการแสดงกระบวนเรือ
พระราชพิธีร่วมกับพระมหากษัตริย์หรือพระประมุขจากประเทศต่างๆ ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเรากลัวกันก็คือฝนซึ่งในบ่ายวันนั้นมีการพยากรณ์ว่าฝนจะตกหนัก และตอน ๔ โมงเย็นเมฆฝนก็เริ่มมาจริงๆ ทั้งๆที่ในตอนเช้าผมก็ทำการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายขอให้ฝนไม่ตกแล้วแต่ก็ยอมรับว่าหนักใจมากเห็นเมฆฝนขนาดใหญ่ทั่วบริเวณพิธีแล้วคิดถึงแต่เพลงปาฏิหาริย์อย่างเดียว และแล้วพอถึงเวลาใกล้เสด็จ (ประมาณ ๕ โมงเย็น)เพลงปาฏิหาริย์ก็คงต้องแก้ไขเนื้อเพลงใหม่เพราะ ปรากฏว่ามีลมแรงพัดพาเมฆฝนลอยไปนอกพื้นที่อย่างรวดเร็ว ฝนที่ทำท่าจะตกก็ไม่มีเลยในเวลานั้นจิตใจของ ผมผ่องใสมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ ถึงราชนาวิกสภาหลังจากผมถวายรายงานจบ ทรงตรัสพร้อมแย้มพระโอษฐ์ว่าทางนี้ฝนไม่ตกผมบอกกับตัวเองว่า ณเวลานั้นเป็นวันเวลาที่สว่างไสวที่สุดในชีวิตของผมอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่ทุกๆคนตื่นเต้นและตกตะลึงอีกครั้งหนึ่งคือเมื่อขบวนเรือพระราชพิธีมาถึงราชนาวิกสภา โดยเฉพาะเมื่อเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ผ่าน
โดยมีพระบรมมหาราชวังเป็นฉากหลังแสงเงินแสงทองจากดวงอาทิตย์ฉายออกมาจากกลุ่มเมฆเกิดประกายระยิบระยับทั้งเรือพระ ที่นั่งและพระบรมมหาราชวัง
เป็นความงามที่ไม่อาจนำคำอะไรมาเปรียบได้ผมได้ยินเสียงคำอุทานจากพระราชอาคันตุกะหลายๆ พระองค์นับเป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ และมิใช่เป็นความภูมิใจในกองทัพเรือเท่านั้นแต่เป็นความภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยและได้มีโอกาสรับใช้
ใต้เบื้องพระยุคลบาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่คนไทยทุกคนต่างเทิดทูนอย่างหาที่สุดมิได้งานครั้งนี้ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อยก็ด้วยความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการทหารเรือทุกนาย ผมต้องขอขอบคุณ ไว้ ณ ที่นี้
ตอนแรกผมไม่ค่อยกล้าบอกใครว่าผมต้องบนบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้ฝนตก
แต่มารู้ภายหลังว่าไม่เชยเพราะเมื่อได้คุยกับคนไทยทั่วไปทุกคนต่างช่วยภาวนาไม่ให้ฝนตกทั้งนั้นขอบคุณมากครับ


อาลัยต่อ "วีรบุรุษและผู้เสียสละ"


ใน
ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ กองทัพเรือ ต้องประสบกับความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ถึง
๒ ครั้ง ครั้งแรก คือ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๐ ทหารนาวิกโยธินที่ปฏิบัติงานในจังหวัดนราธิวาสออกทำการลาดตระเวนกวาดล้างผู้ก่อความไม่สงบในเวลากลางคืน และถูกลอบยิงเสียชีวิต ๑ นาย คือ พันจ่าตรี บุญช่วย อินบุตร มีผู้บาดเจ็บ ๒ นายสำหรับพันจ่าตรี บุญช่วย ฯ เป็นทหารนาวิกโยธินที่เคยช่วยชีวิตผู้สื่อข่าวของ
TITV ทาง TITV จึงได้เผยแพร่ข่าวการสูญเสีย และสดุดี พันจ่าตรี บุญช่วย ฯ อยู่ในระยะหนึ่งจากนั้นก็เงียบไป ผมในฐานะผู้บังคับ บัญชาของ พันจ่าตรี บุญช่วย ฯ อยากขอร้องว่าในกรณีที่ทหารถูกทำร้ายเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ สื่อมวลชนควรจะทำข่าวแสดงความเสียดาย/เสียใจ
และประณามผู้ก่อความไม่สงบให้มากกว่านี้ ให้ประชาชนได้รับรู้และเห็นใจทหารบ้างเขาเหล่านี้ต้องสละชีพเพื่อชาติอย่างพันจ่าตรี บุญช่วย ฯ มีภรรยาที่มีอาชีพขายของเล็กๆ น้อยๆ พร้อมกับบุตรชายอายุ ๘ ขวบ ๑ คนครอบครัวเขาต้องลำบากมากน้อยแค่ไหนมีใครจะเห็นใจเขาบ้างครับ


การสูญเสียครั้งที่ ๒ คือ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนา คม ๒๕๕๐ เฮลิคอปเตอร์ BELL 214 ST ของกองทัพเรือประสบอุบัติเหตุตกที่จังหวัดสุรินทร์ นักบินและลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต ๙ นาย ผมได้รับทราบข่าวแล้วทั้ง Shock และไม่เชื่อ เพราะผมมีความคิดเสมอว่าเฮลิคอปเตอร์ BELL 214 ST เป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีความปลอดภัยมาก
ผมใช้ในการเดินทางไปราชการต่างพื้นที่โดยตลอด และนักบินที่เสียชีวิต คือ
นาวาโท ทศพร ทุมวงศ์ ก็เคยบินให้ผมนั่งเป็นประจำ ผู้เสียชีวิตทั้ง ๙ นายได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานน้ำอาบศพ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพวงมาลาพร้อมกับ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ นาวาโท ทศพรฯ ณ ฌาปนสถานกองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ นับเป็น พระกรุณาธิคุณแก่กองทัพเรือและครอบครัว นาวาโท ทศพร ทุมวงศ์ อย่างหาที่สุดมิได้ สำหรับผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ กองทัพเรือได้ดูแลอย่างเต็มที่โดยตลอด ทั้งนี้เนื่องจากเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่เจ้าหน้าที่กองทัพเรืออาจขาดตกบกพร่องไป บ้างก็ต้องขออภัย ทั้ง ๙ ครอบครัวไว้ ณ ที่นี้ด้วย และหากกองทัพเรือสามารถให้ความช่วยเหลือ
อะไรได้ก็พร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ ขอ ให้ติดต่อกลับมาที่กองการบินทหารเรือ
เรายังถือว่าท่านคือครอบครัวทหารเรือครอบครัวหนึ่งเสมอ
ขอพูดพาดพิงถึงสื่อมวลชนสักเล็กน้อย เมื่อตอนที่เกิดอุบัติเหตุ ฮ.ตก
หนังสือพิมพ์ฉบับ ต่างๆ ลงข่าวพาดหัวข่าวในหน้าหนึ่ง โดยในเนื้อข่าวจะกล่าวถึงความเก่าแก่ของ ฮ. ว่าอายุมาก ไม่มีเงินซ่อมบำรุงเป็นของเก่า อะไรทำนองนี้ เหมือนกับจะบอกว่ากองทัพเรือไม่เหลียวแลอาวุธยุทโธปกรณ์เก่าแล้วยังเอามาใช้อีกไม่มีรายใดเขียนในทำนองห่วงใยกองทัพเลย ผมเพิ่งจะมาเจอคอลัมน์
"กองทัพวาไรตี้" ในหนังสือพิมพ์ไทย ฉบับวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๐ ที่ออกมาเขียนเป็นกระบอกเสียงให้ทหารว่า
"ความสูญเสียเพราะยุทโธปกรณ์เสื่อมสภาพเมื่อไหร่จะเป็นครั้งสุดท้าย" ขอบคุณครับขอบคุณมากที่เห็นใจทหารถ้าเล่นการเมืองเมื่อไรบอก ทหารเรือจะเชียร์ครับ


สุดท้ายนี้ก็เป็นเช่นเคย คือ ฝ่ายเสธฯ มารายงานว่าโรงพิมพ์ขอให้ส่งต้นฉบับ ภายในวันนี้ มิฉะนั้นจะไม่ลงให้ในฉบับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๐ แน่ไหมครับขนาดเป็นโรง พิมพ์ ของกองทัพเรือแท้ ๆ ผู้บัญชาการทหารเรือยังต้องปฏิบัติตามเลย แต่ก่อนจะจบคงต้อง อบรมสั่งสอนวางแผนให้ผู้เล่นของกองทัพเรือ เล่นในครึ่งหลังได้ถูกต้องตามความต้องการก่อน ก็ขอบอกสั้น ๆ ว่าให้ "เดินหน้าปกติ - เต็มตัวสลับกันไปห้ามเดินหน้าเบาเด็ดขาด" ก่อนทำงานอะไรให้ศึกษาปัญหาให้ชัดเจนก่อนแล้วเลือกทางเดินที่แก้ปัญหาได้ง่ายที่สุด ตรงที่สุด และ ประหยัดที่สุด อย่าลืมคำที่ว่า "มันแปลก -มันใหม่ - มันง่าย - มันย่อมสำเร็จ" ทหารเรือทุกคนต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต จริงใจมีความสมัครสมานสามัคคีภายในกองทัพเป็นสำคัญภูมิใจในหน้าที่การงานของตนเอง ต้องกัดติดกับงาน/หน้าที่ ที่ได้รับมอบห้ามปลูกผักชีโดย เด็ดขาด ยึดมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทั้งในการปฏิบัติราชการและชีวิตส่วนตัว และ เหนือสิ่งอื่นใดจักต้องปกป้องและเทิดทูนไว้ซึ่งชาติ และราชบัลลังก์แล้วทุกท่านจะประสบ ความสำเร็จอย่างแน่นอน และในที่สุดกองทัพเรือของเราก็จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปตามที่ทุกคนคาดหวัง สวัสดีครับ



โดยคุณ : Rinsc_seaver แห่ง Thaifighterclub.com ขอขอบคุณยิ่งครับ




Create Date : 03 กรกฎาคม 2552
Last Update : 3 กรกฎาคม 2552 21:59:19 น. 0 comments
Counter : 1322 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Kross_ISC
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 79 คน [?]




Blog จับฉ่ายของ Kross ครับ เทคโนโลยี, การทหาร,Military Expert, การ์ตูน, Anime, Manga, Review, Preview, Game, Bishojo Game, Infinite Stratos (IS), Hidan no Aria, Light Novel (LN)

ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Twitter ที่ @PrameKross
New Comments
Friends' blogs
[Add Kross_ISC's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.