ปฐมบทแห่งตำนานหุ่นรบผู้กล้า “เอ็กไคเซอร์” (Exkizer) [การ์ตูน]
Yuusha Series File 1 – Yuusha Exkiser
ซีรีย์ตำนานผู้กล้า ที่เป็นความหลังสมัยเด็กๆ จนป่านนี้ผมยังเก็บสมุดระบายสี กับตัวต่อของเล่นไว้เลยครับ บทความนี้ผู้เขียนคือคุณ Misaki_Sumire, Yayoi Sanzein จากบอร์ด Insitecartoon(ISC), Pocket ซึ่งได้ขออนุญาตินำมาลงบล็อกเพื่อให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ไว้แล้วครับ ปฐมบทแห่งตำนานหุ่นรบผู้กล้า “เอ็กไคเซอร์” (Exkizer) Main Staff
Original Creator : Hajime Yatate
Director: Katsuyoshi Yatabe ( Fighbird, Da Garn )
Music: Kouhei Tanaka ( Gaogaigar,Gaogaigar Final)
Character Design: Masayuki Hiraoka ( Da Garn )
Mechanical Design: Kunio Okawara (Mechanics Designer of all Brave Series)
Series Organization: Yasushi Hirano ( Fighbird, Da Garn )
Production: Tokyu Egency | Nagoya TV | Sunrise
Story Digest
กลุ่มสลัดอวกาศ”ไกสเตอร์” เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตร่างพลังงานที่ท่องไปทั่วอวกาศเพื่อยึดครองและทำลายดวง ดาวต่างๆเป็นว่าเล่นพวกมันได้มุ่งหน้ามายังโลกโดยอาศัยร่างของหุ่นจำลองไดโนเสาร์ในพิพิธภัณฑ์จนกลายเป็นหุ่นยักษ์ตรงเข้าทำร้ายเด็กน้อย”โฮชิคาว่า โคตะ” ซึ่งบังเอิญมีโอกาสมาทัศนศึกษากับทางโรงเรียนแต่ทันใดนั้นเอง ก็มีหุ่นยนต์ที่แปลงร่างจากรถยนต์เข้ามาช่วยชีวิตเด็กน้อยไว้ได้ทันท่วงที ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว หุ่นยนต์ตัวนั้นก็คือหนึ่งในตำรวจอวกาศกลุ่ม”ไคเซอร์”ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตร่างพลังงานเช่นเดียวกับพวกไกสเตอร์ที่ไล่ตามสลัดอวกาศเหล่านั้นมายังโลกและได้เข้ารวมร่างกับรถยนต์ของบ้านโฮชิคาว่า นามของเขาคือ”เอ็กไคเซอร์”หัวหน้าของทีมตำรวจอวกาศนั่นเองเอ็กไคเซอร์ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเขาต่อโคตะซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มตนของมิตรภาพที่ก้าวข้ามทั้งพรมแดนและตัวตนซึ่งในขณะนั้นเดียวกันเหล่าไกสเตอร์ก็ได้เริ่มค้นหาสิ่งที่มนุษยชาติเรียกว่า”สมบัติ”
การต่อสู้ของทีมตำรวจอวกาศทั้ง5กับพวกไกสเตอร์ได้ดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่ง ปริศนาของเหล่าผู้กล้าได้รับการเปิดเผยจากภาพเส้นนาซคา*โบราณว่าแท้ที่จริง ในสมัยโบราณเคยมีตำรวจอวกาศกลุ่มอื่นเดินทางมาปกป้องโลกก่อนหน้าทีมไคเซอร์แล้วทั้งยังได้ทิ้งดาบ”ไคเซอร์ซอร์ด”เอาไว้ให้เหล่าผู้กล้ารุ่นหลังได้ใช้ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ที่จะปกป้องโลกต่อไปอีกด้วยซึ่งเมื่อคิงเอ็กไคเซอร์ได้รวมร่างกับดราก้อนไคเซอร์จนได้ร่างเกรทเอ็กไคเซอร์แล้ว ไคเซอร์ซอร์ดเล่มนี้ก็ได้กลายมาเป็นอาวุธไม้ตายของเกรทเอ็กไคเซอร์ที่ใช้ ตัดสินกับไดโนไกสท์ หัวหน้าใหญ่ของไกสเตอร์ในตอนอวสานในที่สุด และในการประดาบครั้งสุดท้ายบนผิวดวงจันทร์ เอ็กไคเซอร์ได้บอกกับไดโนไกสท์ว่า”ชีวิตทุกชีวิต นั่นแหละคือสมบัติล่ะ” แต่กระนั้น ไดโนไกสท์ก็ยังคงขัดขืนต่อความคิดของเอ็กไกเซอร์จนถึงที่สุด เขาใช้พลังเฮือกสุดท้ายออกไปพร้อมกับทิ้งคำถามให้เอ็กไกเซอร์ว่า”ถ้าเช่น นั้น ชีวิตของข้าก็จำเป็นต้องมอบให้เจ้างั้นรึ”ก่อนจะเหวี่ยงร่างของตัวเองเข้าหาดวงอาทิตย์และจบชีวิตของตนเองลง....
ภารกิจเสร็จสิ้น เหล่าไคเซอร์ก็ได้อำลาจากโลกนี้ไป และนับจากวันแห่งการลาจากนั้น โคตะก็ได้ค้นพบว่า สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขาที่ไม่อาจหาอะไรมาแทนได้นั่นก็คือการได้พบกับ เอ็กไคเซอร์นั่นเอง
Main Staff
Original Creator : Hajime Yatate
Director: Katsuyoshi Yatabe ( Fighbird, Da Garn )
Music: Kouhei Tanaka ( Gaogaigar,Gaogaigar Final)
Character Design: Masayuki Hiraoka ( Da Garn )
Mechanical Design: Kunio Okawara (Mechanics Designer of all Brave Series)
Series Organization: Yasushi Hirano ( Fighbird, Da Garn )
Production: Tokyu Egency | Nagoya TV | Sunrise
Story Digest ภารกิจเสร็จสิ้น เหล่าไคเซอร์ก็ได้อำลาจากโลกนี้ไป และนับจากวันแห่งการลาจากนั้น โคตะก็ได้ค้นพบว่า สมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขาที่ไม่อาจหาอะไรมาแทนได้นั่นก็คือการได้พบกับ เอ็กไคเซอร์นั่นเอง
Animation Concept
ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องผู้กล้าเอ็กไคเซอร์นั้น เป็นอนิเมชั่นของซันไรส์ที่มุ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นรายการของเด็กอย่าง แท้จริงภายใต้พื้นฐานของคำถามที่ว่า”ไม่ว่าเด็กคนไหนต่างก็มีจินตนาการ เกี่ยวกับรถยนต์ในโรงรถของบ้านตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะคำถามที่ว่า รถบ้านผมจะเป็นมนุษย์ต่างดาวรึเปล่านะ” และด้วยคำถามนั้น ทำให้ทีมงานของซันไรส์ตั้งใจออกแบบชิ้นงานออกมาโดยเน้นความเรียบง่าย ดีไซน์ต่างๆที่ซับซ้อนถูกตัดออกจากการผลิตผลงานทั้งหมด ทำให้เอ็กไคเซอร์ถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะ”ผลงานสุขนาฏกรรมสำหรับเด็ก”อย่างแท้จริง
Note: *เส้นนาซคา (Nazca Lines) เป็นลายเส้นลึกลับที่กินอาณาเขตพื้นที่กว่า 520ตารางกิโลเมตรบนทะเลทรายนาซคา ระหว่างเมืองนาซคากับเมืองปัลปาในแคว้นอีกา ประเทศเปรู สันนิษฐานว่าชาวนาซคาโบราณ (ซึ่งครอบครองดินแดนเปรูมาก่อนยุคจักรวรรดิอินคา) ขุดลายเส้นเหล่านี้ขึ้นเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาลถึงประมาณปี ค.ศ. 500 และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2537
The best episode of Exkizer
ตอนที่ 1僕んちの車は宇宙人(エイリアン)!?(รถยนต์บ้านผมเป็นมนุษย์ต่างดาวงั้นรึ!?)
ตอนที่ 1 นี้เป็นตอนแรกที่ทางทีมงานได้ปูคำถามของเรื่องเอาไว้ว่า”สมบัติที่แท้จริง คืออะไรกันแน่” โดยเริ่มจากสมบัติชิ้นแรกที่พวกไกสเตอร์เข้าใจผิด นั่นก็คือ”กล้องถ่ายภาพ” กล้องถ่ายภาพอันนั้นเป็นของคุณพ่อโคตะ แม้จะไม่ใช่ของราคาแพงแต่เพราะความเก่าจึงทำให้ถูกประเมินว่าเป็นสมบัติที่ ล้ำค่า นอกจากนั้นในตอนที่1นี้ยังเป็นการแนะนำตัวละครแต่ละตัวในเรื่องเสียจนต้องยกการแนะนำเมคคานิคต่างๆไปไว้ในตอนที่2เลยทีเดียว
ตอนที่ 7 遊園地でキケンがぐるぐる!(อันตรายที่ล้อมรอบสวนสนุก)
พวกไกสเตอร์ได้ติดตั้งกล่องพลังงานไว้ตามเครื่องเล่นต่างๆทั่วสวนสนุก เพื่อปกป้องสวนสนุกเอาไว้ทำให้เหล่าไคเซอร์ต้องทำลายเฉพาะกล่องพลังงานโดยไม่ให้สวนสนุกได้รับความเสียหายนับเป็นตอนแรกที่มีการต่อสู้ของเหล่าผู้กล้าที่ต้องอาศัยสติปัญญาเข้ามาช่วยก่อนที่เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอีกในตอนที่ 9 กับองค์ไดบุทสึตอนที่37ที่สวนสนุก และในตอนที่ 43 ในโรงเรียน
ตอนที่ 11 古代遺跡で大発見 (การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ที่โบราณสถาน)
เพื่อเป็นการตอบแทนเหล่าผู้กล้าที่ปกป้องโลกเอาไว้ โคตะได้อาศัยช่วงเนื้อเรื่องหนึ่งในบทละครเพื่อกล่าวคำขอบคุณต่อเหล่าผู้ กล้าในระหว่างที่แสดงละครเวทีในงานโรงเรียนนอกจากนั้นความจริงเกี่ยวกับเหล่าผู้กล้าที่เคยมาเยือนโลกก่อนหน้านี้ที่ปรากฏหลักฐานตามที่ต่างๆอาทิ เส้นนาซคา(ตอนที่31)หลักฐานในพีระมิด(ตอนที่45) ก็ทำให้โลกของเอ็กไคเซอร์นั้นดูมีความต่อเนื่องและกว้างไกลมากขึ้น
ตอนที่ 30 パパは禁煙中 (คุณพ่ออยู่ระหว่างงดบุหรี่)
ในตอนนี้จะเป็นการบอกกล่าวเกี่ยวกับคำว่า”สมบัติ”ในมุมมองของผู้ใหญ่ เหล่าไคเซอร์ที่มาจากต่างดาวไม่อาจเข้าใจในความเป็นสิงห์อมควันของโฮชิคาว่า ชินอิจิ พ่อของโคระได้เลยและสุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถปกป้องบุหรี่ในฐานะสมบัติเอาไว้ได้ซึ่งนี่เป็นจุดหนึ่งที่ทางทีมงานได้ชี้ให้เห็นถึงพิษภัยของบุหรี่ผ่านทางเนื้อเรื่อง
และที่สำคัญ ตอนนี้ถือเป็นการเปิดตัวดราก้อนไคเซอร์อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
ตอนที่ 32 出た!超巨大合体(ออกมาแล้ว! การรวมร่างสุดยิ่งใหญ่)
ต่อหน้าไดโนไกสท์ผู้มีพลังมหาศาล เอ็กไคเซอร์ต่อสู้จนหมดพลังและอยู่ในสภาพปางตาย แต่แล้วในที่สุดเขาก็สามารถรวมร่างกับดราก้อนเจ็ทและคิงโรดเดอร์จนกลายเป็น เกรทเอ็กไคเซอร์ได้ในที่สุด ในตอนที่ 32นี้ถือเป็นการเปิดภาคใหม่ของเอ็กไคเซอร์หลังเพิ่มพลังนับเป็นการก้าวข้ามดราก้อนไคเซอร์รวมทั้งการได้รับอาวุธใหม่จากยุคโบราณ”ไคเซอร์ซอร์ด” ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น
ตอนที่ 35 勇者に贈る音楽会 (งานแสดงดนตรีเพื่อเหล่าผู้กล้า)
ในที่สุดเหล่าผู้กล้าก็ได้รับการยอมรับจากสังคมของมนุษย์ จนกระทั่งมีการเปิดงานแสดงดนตรีเพื่อส่งจิตคารวะของเหล่ามนุษยชาติไปยัง เหล่าผู้กล้า ซึ่งในตอนนี้ ผู้อำนวยการสร้างคือคุณ ชินจิ ทาคามัทสึ ก่อนที่เขาจะผันตัวเองมาเป็นผู้กำกับในไมท์ไกน์ โดยในตอนนี้จะเป็นครั้งแรกที่ฉากต่อสู้และรวมร่างของเหล่าผู้กล้าได้รับการ ตัดต่อเข้ากับเพลงออเคสตร้าจากการแสดงดนตรีและเกิดเป็นฉากต่อสู้ของเหล่าผู้กล้าที่เรียกว่า”ผู้กล้าและดนตรีประสานเสียง” ขึ้น
ตอนที่ 39 めざせ宇宙パイロット(ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นนักบินอวกาศ)
“ถ้าเปรียบว่าโลกนี้เป็นกระสวยอวกาศลำหนึ่งแล้ว มนุษยชาติทุกคนก็คือนักบินอวกาศ” เป็นประโยคอมตะของอนิเมเรื่องนี้จากกัปตันยานอวกาศคนหนึ่งนามว่า”มุราโอกะ” ซึ่งสื่อความหมายถึงการที่โลกเองก็ไม่ต่างจากยานอวกาศที่เดินหน้ามุ่งสู่ อนาคตโดยมีมนุษยชาติเป็นนักบินคอยกำหนดปลายทางเหล่านั้น และผู้ที่จะรับหน้าที่นำทางโลกสู่อนาคตเหล่านั้นต่อไปก็คือเหล่าเยาวชน ซึ่งตัวแทนของเยาวชนเหล่านั้นในเรื่องก็คือ โคตะ เหนือสิ่งอื่นใด ประโยคนี้ยังเป็นสารที่ส่งถึงผู้ชมทางบ้านอีกด้วย
ตอนที่ 48本当の宝物 (สมบัติที่แท้จริง)
เอ็กไคเซอร์จากไป เหลือทิ้งไว้แต่ไคเซอร์เบรสที่ไม่ส่งสัญญาณอีกแล้วไว้เป็นของที่ระลึกแก่โค ตะ สำหรับรายการอนิเมเด็กๆแล้วแนวคิดของตอนจบที่ต้องมีการลาจากนั้นถือว่าเป็นการจบที่ไม่สวยงามเท่าใดนักทำให้มีหลายเรื่องหลีกเลี่ยงที่จะจบแบบนี้ แต่ทีมงานซันไรส์กลับไม่คิดเช่นนั้น พวกเขาสร้างตอนจบของเอ็กไคเซอร์ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ผู้ชมเข้าใจคำว่า”การลาจาก”ผิดไปทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นผลงานที่ปิดฉากลงด้วยการลาจากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มในที่สุด
Characters Profiles
Hoshikawa Kouta( CV. Kumiko Watanabe)(กลาง)
อายุ 9 ปี
สิ่งที่ชอบ ชั่วโมงพลศึกษา
สิ่งที่เกลียด หน่อไม้ฝรั่งและนัตโต
งานอดิเรก ต่อพลาโม
กีฬาที่ถนัด ฟุตบอล เบสบอล
ความฝันในอนาคต นักบินอวกาศ
สมบัติที่สำคัญ ครอบครัวและเอ็กไคเซอร์
เด็กน้อย ชั้นประถม 3 ห้อง บี ของโรงเรียนอาซาฮิได เขาเป็นบุตรชายคนโตของบ้านโฮชิคาว่าผู้มีนิสัยร่าเริงแต่ก็มีส่วนที่ขี้ขลาด อยู่บ้าง
แต่ก็เป็นคนประเภทที่ต้องถึงเวลาจริงๆจึงจะสามารถแสดงความสามารถออกมาได้โคตะนั้นแอบชอบโคโทมิที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นอยู่ลึกๆจนทำให้เกิดปากเสียงกับทาคุมิที่เป็นคู่แข่งอยู่เสมอๆ โคตะเป็นชาวโลกคนเดียวที่รู้เรื่องราวของทีมไคเซอร์ และเป็นคนที่สอนเรื่องราวต่างๆของโลกให้แก่พวกเขาในตอนที่พวกเขาเพิ่งมาถึง โลก สำหรับโคระแล้วการได้พบกับเอ็กไคเซอร์ยิ่งทำให้ความใฝ่ฝันของเขาที่มีต่ออวกาศทวีความรุนแรงมากยิ่ง
ขึ้นในตอนแรกๆ เอ็กไคเซอร์เองก็ไม่อยากให้โคตะเข้ามาพัวพันกับการต่อสู้ของพวกเขาเท่าใดนัก ทว่าโคตะก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขามีความกล้าหาญที่มากพอจะช่วยเหลือเอ็กไค เซอร์ เริ่มจากตอนที่8ที่เขาสามารถควบคุมเครื่องจัมโบ้เจ็ทแทนนักบินที่บาดเจ็บให้ ร่อนลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย ในตอนที่ 35 ที่เขายอมเสี่ยงลอบเข้าไปในตัวของพวกไกสเตอร์เพื่อช่วยเหลือโคโทมิ รวมทั้งตอนที่ 39 ซึ่งเขาสามารถทำหน้าที่ของกัปตันกระสวยอวกาศที่กลายเป็นหุ่นยนต์ของพวกไก สเตอร์ไปแล้วได้อย่างงดงาม และครั้งที่สำคัญที่สุดคือ การที่เขายอมดำลงไปถึงก้นทะเลสาบเพื่อช่วยอุลตร้าเรเคอร์ออกมาจากกล่อง พลังงานที่ใช้ จับและกักขังสิ่งมีชีวิตร่างพลังงานให้เป็นอิสระจนทำให้ผลของการต่อสู้พลิกผัน อุปกรณ์ Kizer Brace
เป็นอุปกรณ์สำหรับติดต่อระยะไกลที่เอ็กไคเซอร์มอบให้แก่โคตะตั้งแต่ตอนที่3เมื่อกดปุ่มบนตัวกำไลจะปรากฏใบหน้าของสิงโตขึ้นและสามารถสื่อสารกับเอ็กไคเซอร์ที่อยู่ห่างออกไปได้
Hoshikawa Fuuko( CV. Chie Koujiro)(ที่2จากขวา)
พี่สาวของโคตะและเป็นบุตรสาวคนโตของบ้านโฮชิคาว่า เธอเรียนอยู่ชั้น ม.ต้นปีที่1 ห้อง เอ อายุ 13 ปี ลักษณะนิสัยออกไปทางทอมบอยที่เอาแต่ใจและชอบเอาชนะคะคานกับผู้ชาย ฟูโกะนั้นมีงานอดิเรกที่แปลกๆอยู่อย่างหนึ่งคือเธอเป็นคนที่ชอบช็อปปิ้งหาขอ กินเสร็จแล้วก็มาไดเอ็ทสร้างความอิดหนาระอาใจให้แก่น้องชายอย่างโคตะอยู่บ่อยครั้งและด้วยความเป็นวัยรุ่นทำให้ฟูโกะมีดาราขวัญใจในหลากหลายวงการมากไม่ว่าจะเป็นนักแสดงหรือนักกีฬา
Hoshikawa Junichi(CV. Tomomichi Nishimura)(ซ้ายสุด)
คุณพ่อของโคตะและฟูโกะ อายุ41 ปี ทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการของบหนังสือพิมพ์โทโตะ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่คิดถึงบ้านมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แม้จะเล่นกอล์ฟไม่ค่อยเก่งแต่นั่นก็เป็นงานอดิเรกที่เขาชิ่นชอบพอๆกับการออก ไปเดทกับภรรยา จะว่าไป เรื่องความรักที่มีต่อภรรยา เขาคนนี้ก็มาเป็นที่หนึ่งนะครับ เพราะวันเกิดของภรรยาเขา(ตอนที่42)เนี่ยก็ถึงกับวางแผนจะไปดินเนอร์กันที่ ภัตตาคารหรูกันสองต่อสองเลยทีเดียว หรือกระทั่งยอมงดบุหรี่ที่ตัวเองชอบสูบนักหนาตามคำขอของภรรยาในตอนที่ 30 ก็เช่นกัน
Hoshikawa Yoko(CV. Ai Satou)(ที่2จากซ้าย)
คุณแม่ผู้แสนใจดีของโคตะ อายุ 35 ปีที่มีนิสัยสุดแสนจะอบอุ่นแถมแอ๊บแบ๊วขนาดที่เห็นรถยนต์บ้านตัวเองวิ่งออก ไปโดยไม่มีคนขับก็ยังไม่รู้สึกเอะใจเลยสักนิด ความสามารถพิเศษที่สุดพิสดารของเธอก็คือการเข้าโหมดระลึกชาติในสมัยสาวๆที่เพิ่งจะคบกับสามีใหม่ๆอย่างต่อเนื่องขนาดเป็นซีรี่ส์ละครรักน้ำเน่าทางทีวี ได้เลยทีเดียว และที่สำคัญฝีมือขับรถเธอแย่มากจนแม้แต่โคตะกับฟูโกะเองก็ยังขยาดสำหรับสถานที่แห่งความทรงจำของโยโกะกับสามีก็คือ “น้ำตกแห่งสายรุ้ง”ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทั้งสองได้พบกันครั้งแรกนั่นเอง
Tsukiyama Kotomi(CV. Chisa Yokoyama)(ขวาสุด)
สาวน้อยเพื่อนร่วมชั้นของโคตะ อายุ9ขวบที่ชอบเรื่องราวโรแมนติคไม่ต่างจากเด็กสาวในวัยเดียวกัน ก็คิดเอาสิครับว่าเธอกับแม่ติดละครซีรีส์ทางทีวีที่ฉายตอนช่วงกลางวันเสียจน ต้องอัดเทปไว้ดูกันเลยทีเดียวเธอชอบการฝึกซ้อมเปียโนมากจนได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นเปียโนในการแสดงดนตรีขอบคุณเหล่าผู้กล้าเลยนะ ทางด้านครอบครัวนั้นบ้านของเธอรู้จักมักคุ้นกับบ้านโฮชิคาว่าเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีหลายครั้งในเรื่องที่เธอร่วมทำกิจกรรมกับบ้านของโคตะและดู เหมือนเธอจะเข้ากันกับฟูโกะได้ดีแม้นิสัยจะต่างกันสุดขั้วก็ตาม สำหรับเรื่องรักๆใคร่ๆนั้น โคโทมิไม่ได้แสดงออกมาให้โคตะเห็นชัดเจน ที่ใกล้เคียงคำสารภาพรักที่สุดก็เห็นจะเป็นบทพูดในวันฮาโลวีน(ตอน36)นั่น แหละครับ
Mario(CV. Naoki Makishima)
สุนัขแสนรักสายพันธุ์เชาเชา(แต่มันเป็นพันทางนะครับ)วัย 3 ปีของโคตะที่คุณย่าที่อยู่ต่างจังหวัดของเขามอบให้เป็นของขวัญฉลองเข้าเรียน ชั้นประถม ซึ่งโคตะนั้นรักเจ้านี่ราวกับพี่น้องคนหนึ่งก็ไม่ปาน มาริโอ้นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกอีกตัวหนึ่งนอกจากโคตะที่รู้เรื่องราวของ เอ็กไคเซอร์โดยมันนี่แหละครับที่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนคุยของเอ็กไคเซอร์เมื่ออยู่ในโรงรถผลงานครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้าตูบตัวนี้ก็คือการช่วยเหลือเหล่าสุนัขที่ถูกพวกไกสเตอร์จับตัวไว้ทำให้รางวัลการประกวดสุนัขในครั้งนั้นตกเป็นของมันทันที
Kaneari Takumi(CV. Chiaki Morita)(หน้าสุด)
อีกหนึ่งเพื่อนร่วมห้องของโคตะและยังเป็นคู่แข่งหัวใจของเขาด้วย ตระกูลของเขานั้นมีเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าใหญ่ ทำให้ฐานะทางบ้านดูดีและไฮโซไม่เบา ทาคุมินั้นไม่ชอบโคตะเอามากๆก็ด้วยความหึงโคโทมิแต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยคิดยอมแพ้และทำให้เขากลายเป็นเด็กที่มุมานะเรียนเป็นอย่างมากด้วยหวังว่าในอนาคตเขาจะได้เป็นคนที่มีชื่อเสียงบ้าง ทำให้แต่ละวันเขามีเวลานอนเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้นกว่าที่เราจะรู้ว่าเด็กขี้เหงาคนนี้ดีใจและมีความสุขแค่ไหนที่ได้มาโรงเรียน นั่นก็ปาเข้าไปถึงตอนที่ 43 แล้ว Tokuda Osamu (CV. Kouichi Yamadera)(หลังสุด)
นักข่าวในสังกัดหนังสือพิมพ์โทโตะ อายุ 28 ปี เป็นลูกน้องของจุนอิจิ สถานภาพ ยังโสดเขาเป็นนักข่าวสุดซวยที่มักจะประสบพบเจอกับวีรเวรที่เหล่าไกสเตอร์ก่อขึ้นในระหว่างทำงานเสียทุกครั้งไป เป็นคนที่ตัดสินใจทำอะไรช้า ทำให้มักจะพลาดการถ่ายช็อตเด็ดๆที่ควรจะได้ไปลงหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำ แต่กระนั้นโอซามุก็เป็นคนที่มีข้อดีตรงที่ไม่ยอมแพ้และไม่เคยคิดมากกับความล้มเหลวด้วยและความที่เขาชอบมาทานอาหารที่บ้านโฮชิคาว่าทำให้เขาสนิทกับโคตะมากนอกจากนั้นถึงจะไม่มีใครสนแต่เราจะบอกว่าเขาคนนี้มีฝีมือในเชิงยูโดระดับ2ดั้งแล้วนะ
Mechanics Profiles
สำหรับทีมไคเซอร์นั้น มีสมาชิกคนแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งกลุ่มมาเลยก็คือเอ็กไคเซอร์ ก่อนที่เขาจะไปทาบทามแม็กซ์ทีมเข้ามาร่วมกลุ่ม ส่วนพี่น้องเรเคอร์นั้น เขาได้ตัวมาจากโรงเรียนนายตำรวจอวกาศซึ่งเป็นต้นสังกัดของทีมไคเซอร์ อายุของทุกคนนั้น ถ้าเทียบตามอายุอวกาศแล้วก็จะเท่ากับ 12000 ปี(หนึ่งหมื่นสองพันปี) เลยทีเดียว แต่ถ้าเปรียบเทียบกับอายุของมนุษย์โลกแล้ว พวกเขาจะมีอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้นทั้งหมดรวมทั้งพวกไกสเตอร์นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตร่างพลังงานที่ไม่มีกายเนื้อ เป็นของตัวเอง เป็นเพียงลูกบอลแสงที่ล่องลอยไปทั่วจักรวาล ไม่ว่าจะไปที่ดาวดวงไหนก็จะต้องรวมร่างเข้ากับวัตถุของดาวนั้นๆเพื่อจะมี ชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่ว่าจะรวมร่างกับอะไรก็ตาม รูปร่างหุ่นยนต์ก็จะไม่แตกต่างจากที่เราเห็นมากนัก
Exkizer
สูง 10.3 เมตร
หนัก 32.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 82.4 กม./ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 142.2 เมตร
ผู้นำของกลุ่มตำรวจอวกาศไคเซอร์ผู้มีหัวใจรักความยุติธรรมและไม่มีวันอภัยให้กับความ
ชั่วร้ายทั้งมวล พร้อมกันนั้นก็ยังเป็นหุ่นยนต์ที่เพียบพร้อมไปด้วย”ความกล้า”และ”สติปัญญา” อีกด้วยเอ็กไคเซอร์นั้นให้ความสำคัญต่อสรรพชีวิตที่อยู่ในจักรวาลเป็นอย่างมาก ถึงจะเป็นอาชญากรอย่างไดโนไกสท์เขาก็ไม่คิดจะเอาชีวิตแม้แต่น้อยเพียงแต่ พยายามจะจับ
กุมเพื่อไปดำเนินคดีตามกฎหมายเท่านั้น จริงๆแล้วเขาไม่มีร่างเป็นของตัวเอง เป็นเพียงแต่สิ่งมีชีวิตร่างพลังงานที่เดินทางไปทั่วจักรวาล แต่เพื่อที่จะมีชีวิตและปฏิบัติการบนโลกได้จึงต้องรวมร่างเข้ากับรถยนต์ของ บ้านโคตะ
Weapon
เอ็กไคเซอร์นั้นจะมีอาวุธที่ยิงออกมาจากแขนทั้งสองข้าง โดยข้างซ้ายก็คือ สไปค์ คัทเตอร์ ส่วนข้างขวาคือ เจ็ทบูมเมอแรง ซึ่งสไปค์คัทเตอร์นั้น แม้ว่าจะอยู่ในโหมดยานยนต์ก็ยังสามารถใช้เป็นอาวุธได้
Vehicle Mode
รถยนต์ของบ้านโฮชิคาว่านั้น จริงๆแล้วเป็นรถที่บุโรทั่งเอามากๆ(ถึงคุณพ่อชินอิจิจะรักมันหนักหนาก็เถอะ) แต่เมื่อรวมร่างกับเอ็กไคเซอร์แล้ว เวลาออกปฏิบัติการก็จะเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นซูเปอร์คาร์ไปในทันที โดยมีสัญลักษณ์รูปสิงโตปรากฏขึ้นที่กะโปรงหน้าของรถและไม่ใช่แค่ตัวถังภาย นอกเท่านั้น แม้แต่หน้าปัทม์ของรถก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ความยาว 5.2 เมตร
ความเร็วสูงสุด 398.3 กม./ชั่วโมง
King Roader
ความยาว 22.4 เมตร
น้ำหนัก 54.3 ตัน
ความเร็วสูงสุด472.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ยานยนต์สนับสนุนของเอ็กไคเซอร์ที่เรียกออกมาใช้งานจากต่างมิติ ออกโรงครั้งแรกในตอนที่ 2 ก่อนจะถูกพวกไกสเตอร์ทำลายไปในตอนที่ 28 และกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในตอนที่ 32 เมื่อเอ็กไคเซอร์รวมร่าง(ฟอร์มอัพ)เข้ากับ คิงโรดเดอร์(巨大合体 – Kyodai Gattai – รวมร่างยักษ์ใหญ่) ก็จะกลายเป็น “คิง เอ็กไคเซอร์” ซึ่งมีพลังมากกว่าเดิมถึง 3 เท่า โดยมีอาวุธอยู่ทั่วร่างไม่ว่าจะเป็น ไคเซอร์เฟลม ไคเซอร์บลาสเตอร์ และที่สำคัญที่สุดก็คือดาบไคเซอร์ซอร์ดเป็นอาวุธรวมทั้งสำหรับสร้างท่าไม้ ตาย”ธันเดอร์ครัช” นั่นเอง และนอกจากนั้น ถ้าก็อดแม็กซ์กับอุลตร้าเรเคอร์ร่วมมือด้วยล่ะก็ คิงเอ็กไคเซอร์ก็จะสามารถใช้ท่าไม้ตายอีกท่าหนึ่งนั่นก็คือ Gather Way Beam ได้อีกด้วย (ซึ่งทั้งสามเคยใช้ในตอนที่ 24)
Dragon Jet
ความยาว 27.4 เมตร
ความกว้าง 20.6 เมตร
ความสูง 7.6 เมตร
เครื่องบินเจ็ทที่เป็นยานยนต์สนับสนุนไพ่ตายของเอ็กไคเซอร์ที่สามารถบินได้ด้วยความเ
ร็วถึง 9 มัครวมถึงสามารถบินออกไปนอกชั้นบรรยากาศโลกได้อีกด้วย ดราก้อนเจ็ทออกโรงครั้งแรกในตอนที่ 28 หลังจากคิงโรดเดอร์ถูกทำลายไป และเนื่องจากที่นั่งด้านในนั้นเป็นที่ว่างจึงสามารถใช้ในภารกิจชิงตัวประกัน ได้(อาทิตอนอวสานที่เอ็กไคเซอร์ช่วยโคตะไว้จากมือของไดโนไกสท์และส่งเข้าโคตะเข้าไปในตัวยาน)ตัวยานจะทำงานตามคำสั่งของเอ็กไคเซอร์จึงทำให้เป็นยานพาหนะที่สำคัญสำหรับเอ็กไกเซอร์ซึ่งไม่สามารถบินได้เป็นอย่างมาก และเมื่อเอ็กไคเซอร์รวมร่างกับดราก้อนเจ็ทก็จะกำเนิดหุ่นยนต์ตัวใหม่ที่มีพลังทัดเทียมกับคิง เอ็กไคเซอร์นั่นก็คือ”ดราก้อนไคเซอร์” ซึ่งถนัดการต่อสู้ในแบบกังฟู มีการตะโกนเสียงดังพร้อมกับเข้าโจมตีศัตรูอย่างดุดันด้วยอาวุธ”ดราก้อนทอน ฟ่า” สำหรับอาวุธหลักของเขาก็คือธนูที่มีชื่อว่า “ดราก้อนอาเชอรี่” ซึ่งปกติจะเป็นส่วนหน้าอกของดราก้อนไคเซอร์ซึ่งนอกจากจะเป็นธนูแล้วก็ยังสามารถใช้เป็นดาบได้ด้วยจนกระทั่งพ่ายแพ้ให้กับไดโนชิลด์ของไดโนไกสท์ สำหรับท่าไม้ตายที่เกิดจากดราก้อนอาเชอรี่นี้ก็คือท่า “ดราก้อนแอร์โรว์” สำหรับดราก้อนไคเซอร์นี้ลักษณะของเขาเหมือนกับคิงเอ็กไคเซอร์ก็คือไม่มีจิตใจเป็นของตัวเองจึงต้องอาศัยการรวมร่างกับเอ็กไคเซอร์เท่านั้นจึงจะสามารถต่อสู้ได้
Great Exkizer
และในตอนที่ 32 เมื่อคิงโรดเดอร์อยู่พร้อมหน้ากับดราก้อนเจ็ท เอ็กไคเซอร์ก็สามารถรวมร่างขึ้นสู่ขั้นสูงสุดของเขา(超巨大合体 – Shou Kyodai Gattai – รวมร่างสุดยอดยักษ์ใหญ่) กลายเป็น”เกรท เอ็กไคเซอร์”ได้ ในร่างนี้เขาจะมีไคเซอร์ซอร์ดเล่มใหม่ที่เป็นมรดกตกทอดจากผู้กล้ารุ่นพี่ ซึ่งทิ้งเอา
ไว้ให้รุ่นน้องได้ใช้ต่อ และในรูปแบบใหม่ที่พาวเวอร์อัพจากการประกบดราก้อนอาเชอรี่เข้ากับตัวดาบ ทำให้ท่าไม้ตายของเขามีพลังเพิ่มขึ้นรวมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น”ธันเดอร์แฟลช” ซึ่งเมื่อใช้ท่านี้ร่างทั้งร่างของเกรทเอ็กไคเซอร์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีทองทั้งร่างอีกด้วยซึ่งนอกจากจะประกบกันได้แล้ว ในตอนปะทะกับไดโนไกสท์ครั้งสุดท้าย เราก็จะทราบว่า ดาบทั้งสองก็สามารถแยกออกมาใช้งานพร้อมกันทั้ง 2 เล่มได้เช่นกัน ข้อมูลของ เกรทเอ็กไคเซอร์
สูง 32.9 เมตร
หนัก 144.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 250.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 1200.8 เมตร
Ultra Raker
สูง 21.3 เมตร
หนัก 70.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 386.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง และถ้าใช้ไกลดิ้งฮอยล์ที่ติดอยู่บริเวณขาแล้ว จะสามารถทำความเร็วด้วยการโรลเลอร์แดชได้ถึง 698.9กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
พลังในการกระโดด 246.4 เมตร
หุ่นยนต์ที่เกิดจากการรวมร่างของพี่น้องเรเคอร์(左右合体-Sayuu Gattai – รวมร่างซ้ายขวา) โดยมีบลูเรเคอร์เป็นร่างกายส่วนซ้ายและกรีนเรเคอร์เป็นร่างกายส่วนขวา ปรากฏตัวในตอนที่ 2 นับเป็นหุ่นยนต์รวมร่างแบบ 2 พลังพี่น้องตัวแรกของซีรี่ส์ผู้กล้าก่อนที่แนวคิดการรวมร่างแบบนี้จะหายไปจน ไปปรากฏอีกครั้งในกาโอไกการ์ สำหรับอุลตร้าเรเคอร์นั้นก็เป็นหุ่นยนต์ที่มีอาวุธอยู่รายรอบตัวไม่แพ้ เอ็กไคเซอร์เลยล่ะครับ เพราะอาวุธของเขามีทั้ง อุลตร้าดับเบิลเชน ครัชเชอร์, อุลตร้าแคนนอนบีม, อุลตร้าโชลเดอร์ครัช (เป็นการยืดหัวรถไฟชินคันเซนจากไหล่ทั้งสองข้างออกไปหยุดการเคลื่อนไหวของศัตรู) และที่สำคัญที่สุดก็คืออาวุธปืนที่มีชื่อว่า “คอมแบทเลเซอร์” ที่เกิดจากการประกบบูสเตอร์บีมกันของบลูเรเคอร์และมิสไซล์บลาสเตอร์ของกรี นเรเคอร์เข้าด้วยกันทว่าน่าเสียดายที่ในอนิเมชั่นเราไม่ได้เห็นอุ ลตร้าเรเคอร์ใช้งานมัน Blue Raker (Robot Mode)
สูง 11.2 เมตร
หนัก 35.7 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 84.4 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเมื่อใช้โรลเลอร์แดชจะสามารถทำความเร็วได้ถึง309.7 กิโลเมตร/ชั่วโมงเลยทีเดียว
พลังกระโดด 142.2 เมตร
หนึ่งในสมาชิกทีมไคเซอร์ผู้เป็นพี่ชายคนโตของทีมเรเคอร์ มีจุดเด่นด้าน”ความพยายาม” ในยามปกติเขาจะอยู่ในร่างของรถไฟชินคันเซนสายโทไคโดซึ่งนั่นเป็นงานหนักของเขาเหมือนกันที่ต้องคอยต่อรองให้ผู้โดยสารช่วยลงไปจากตัวเขาก่อนที่จะออกปฏิบัติการ
Blue Raker (Shinkansen Mode)
ยาว 27.2 เมตร
ความเร็วสูงสุด 558.9 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Green Raker (Robot Mode)
สูง 10.8 เมตร
หนัก 34.9 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 84.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังกระโดด 148.9 เมตร
น้องชายคนเล็กของทีมเรเคอร์ผู้มีจุดเด่นด้าน”ความมุ่งมั่น” ในยามปกติ เขาจะอยู่ในร่างของรถไฟชินคันเซนสายโทโฮคุ (ตะวันออกเฉียงเหนือ) เช่นเดียวกับพี่ชายกรีนเรเคอร์นั้นเป็นหุ่นยนต์ที่เรียกได้ว่าปรับตัวเองจนกลมกลืนกับสังคมมนุษย์ได้มากที่สุดคนหนึ่งเลยทีเดียวคุณสมบัติของเขานั้นแทบจะเหมือนกับพี่ชายทั้งหมดยกเว้นเพียงจุดอ่อนทางด้านจิตใจซึ่งยังไม่มั่นคงหนักแน่นเท่าบลูเรเคอร์และจุดอ่อนเหล่านี้ก็ยังคงมีอยู่ในหุ่นยนต์ที่มีฐานะเป็นน้องชายในซีรี่ส์ผู้กล้าไปตลอดไม่ว่าจะเป็นเอ็นริวหรือไรริวก็ตาม Green Raker (Shinkansen Mode)
ยาว 27.2 เมตร
ความเร็วสูงสุด 579.7 กิโลเมตร/ชั่วโมง
God Max
สูง 22.6 เมตร
หนัก 97.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 184.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังกระโดด 999.8 เมตร
เมื่อสมาชิกแม็กซ์ทีมทั้ง 3 อันได้แก่ สกายแม็กซ์ แดชแมกซ์และดริลแม็กซ์ รวมใจเป็นหนึ่งในตอนที่ 3 หุ่นยนต์รวมร่าง 3 พลังตัวแรกในประวัติศาสตร์ผู้กล้า”ก็อดแม็กซ์”ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากการรวม ร่าง3体合体 (Sandai Gattai – รวมร่าง 3 พลัง) โดยสกายแม็กซ์นั้นจะทำหน้าที่เป็นส่วนศีรษะ หน้าอกและแขนทั้งสองข้าง แดชแม็กซ์จะทำหน้าที่เป็นส่วนลำตัวและดริลแม็กซ์จะเป็นส่วนขาทั้งสองข้าง และแน่นอน ในเมื่อเป็นหุ่น 3 พลังตัวแรกจะมีอาวุธน้อยหน้าคนอื่นก็ยังไงอยู่ กอดแม็กซ์เองก็มีอาวุธหลากหลายไม่เบานะครับ สำหรับอาวุธหลักๆของเขาก็คือ ก็อดโซนิคบัสเตอร์, ก็อดสไลเซอร์, ก็อดคอสมิคบอมเบอร์ สำหรับท่าไม้ตายสูงสุดของเขานั้น ก็อดแม็กซ์ได้แสดงให้เราเห็น 2 ครั้งในตอนที่ 21 และ 24 นั่นก็คือก็อดเบิร์ดแอทแท็ค Sky Max
สูง 10.2 เมตร
หนัก 28.5 ดัน
ความเร็วในการวิ่ง 72.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังกระโดด 175.8 เมตร
หัวหน้าของแม็กซ์ทีมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหุ่นยนต์สาย”ความเร็ว” ปกติจะทำการลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้า ด้วยความที่เป็นเครื่องบินเจ็ท ทำให้เขาสามารถไปถึงที่เกิดเหตุได้เร็วกว่าใคร อาวุธประจำตัวของเขาก็คือ ไฮเปอร์โฟนอน Sky Max (Jet Mode)
ยาว 8.6 เมตร
ความเร็วสูงสุด 7386.6กิโลเมตร/ชั่วโมง(6.2มัค)
Dash Max
สูง 10.2 เมตร
หนัก 30.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 112.4 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังกระโดด 148.2 เมตร
หุ่นยนต์สาย”ทักษะ” สมาชิกหมายเลข 2 ของแม็กซ์ทีม เนื่องจากเขารวมร่างกับรถแข่ง ดังนั้นในยามปกติ เขาจึงมีหน้าลาดตระเวนอยู่ตามสนามแข่งรถและในเมือง ด้วยความเป็นคน (หุ่นยนต์) ที่ขี้หลีพอสมควร ทำให้เขาคุ้นเคยกับการเทคแคร์เด็กผู้หญิงเป็นอย่างดี สำหรับอาวุธของเขาก็ได้แก่ บลีซชิ่งทอร์นาโด สกรูคัตเตอร์และเทอร์โบทอร์นาโด Dash Max (Racing Car Mode)
ยาว 5.7 เมตร
ความเร็วสูงสุด 464.8กิโลเมตร/ชั่วโมง
Drill Max
สูง 9.97 เมตร
หนัก 38.4 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 68.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังกระโดด 136.2 เมตร
สมาชิกแม็กซ์ทีมสาย”พลัง” ที่แปลงร่างมาจากรถดริลแทงค์ มีความสามารถพิเศษในการขุดเจาะเพื่อลาดตระเวนและรวบรวมข่าวสารจากชั้นใต้ดินได้อาวุธหลักของเขาก็คือปืนใหญ่ที่ติดอยู่บนบ่าทั้งสองกระบอกและปืทแกทริ่งบริเวณหน้าอกเมื่อเขาทำการ Breast Changing ที่ชื่อ”แกทริ่งสแมชเชอร์” นั่นเองแม้ภายนอกของเขาจะดูเป็นหุ่นยนต์ที่ดูบ้าพลังและแข็งกร้าวที่สุดในเรื่อง แต่ในความเป็นจริงนั้นเขากลับเป็นตำรวจอวกาศที่มีปูมหลังเกี่ยวกับครอบครัวที่เด่นชัดกว่าสมาชิกคนอื่นๆมาก เพราะความที่ดริลแม็กซ์นั้นมีน้องชาย 2 คนและน้องสาวอีก 1คนอยู่ที่ดาวบ้านเกิดทำให้เขาเป็นคน(หุ่นยนต์)ที่ทั้งดูแลและแก้ปัญหาให้แก่สมาชิกในทีมได้อย่างดีเยี่ยม Drill Max (Drill Tank Mode)
ยาว 7.2 เมตร
ความเร็วสูงสุด 284.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง
Geister Team (Text by คุณ Huckbein)
Dino Geist
หัวหน้าของเหล่าไกส์สเตอร์ ไดโนไกส์
หัวหน้าของกลุ่มสลัดอวกาศไกสเตอร์ ผู้ตระเวนไปมาในอวกาศถึง300ปี จนกระทั่งมาถึงดาวเคราะห์โลกของเรา และเหมือนกับเหล่าไคเซอร์ คือเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบพลังงานเช่นกัน โดยอาศัยอยู่ในร่างของหุ่นยนต์ที่เปลี่ยนแปลงได้สามรูปแบบ คือ ไดโนเสาร์ ยานเจ็ท และ หุ่นยนต์รูปแบบมนุษย์ ซึ่งในช่วงแรกๆนั้น เขาจะซ่อนอยู่แต่ในฐานไม่ยอมปรากฏตัวออกมาเป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานที่จะเอาทุกสิ่งในจักรวาลที่เรียกได้ว่าเป็น “สมบัติ” มาเป็นของตัวเองทั้งหมด
โหมดหุ่นยนต์
สูง 32.2 เมตร
หนัก 128.8 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 182.4กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 874.9 เมตร
Weapons
ไดโนแคนน่อนที่ส่วนขา, ไดโนฮอร์นเบรคเคอร์, ไดโนบัสเตอร์, ไดโนครัชเชอร์
นอกจากนี้ยังมี ไดโนเบลด ซึ่งเป็นดาบคู่ที่พาดเก็บไว้ที่ด้านหลังทั้ง 2 เล่ม สามารถนำมาประกอบรวมกันเป็นดาบเล่มใหญ่ได้ และยังเอาไว้ใช้ท่าไม้ตาย ดาร์คธันเดอร์สตอร์ม อีกด้วย และยังมี ไดโนชิลด์ โล่สุดแกร่งของไดโนไกส์ ที่ถูกใช้ครั้งแรกในตอนที่31ถูกสร้างมาเพื่อใช้ต่อกรกับเหล่าไคเซอร์โดยเฉพาะซึ่งมันสามารถสะท้อนท่าไม้ตายธันเดอร์แอร์โรว์ของดราก้อนไคเซอร์ได้แต่ก็ไม่สามารถต้านทานไคเซอร์ซอร์ดที่ได้รับการเพิ่มพลังมาแล้วได้
โหมดไดโนเสาร์
โหมดหุ่นยนต์รูปแบบไดโนเสาร์ ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่2 แต่เราจะได้เห็นเขาปรากฏตัวในร่างนี้ชัดๆตั้งแต่ตอนที่19เป็นต้นไป
สูง 28.5 เมตร
ความยาวตั้งแต่หัวถึงหาง 36.3 เมตร
Weapons
ไดโนแคนน่อนที่ด้านหลัง, พ่นไฟออกจากปากได้ เป็นต้น
โหมดยานเจ็ท
ไดโนไกส์ในรูปแบบของยานเจ็ท ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่22 และตั้งแต่ตอนที่31เป็นต้นไป จะมีการติดไดโนชิลด์ไว้ที่ส่วนท้องยาน
ความยาว 37.7 เมตร
ความกว้าง 20.3 เมตร
ความสูง 14.8 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการบิน 15,417.9กิโลเมตร/ชั่วโมง (12.8มัค)
ผู้ถ่ายทอดคำสั่ง โคโมริ (Komori) หุ่นยนต์ถ่ายทอดคำสั่งขนาดเล็กของไดโนไกส์ คอยนำคำสั่งจากไดโนไกส์ไปถ่ายทอดแก่พวกสี่แม่ทัพ
มักพูดเสมอว่า “ท่านไดโนไกส์ บัญชามาว่า…..” และบางครั้งก็ถูกใช้ไปทำภารกิจสอดแนมด้วยเหมือนกัน
แม่ทัพบก ฮอร์นไกส์
หนึ่งในสี่แม่ทัพ ผู้ปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ตอนที่1 เป็นไกสเตอร์ไดโนเสาร์สามเขา ไทรเซราท็อป (Triceratops) ถนัดการต่อสู้แบบใช้กำลังเข้าว่า นอกจากนี้ยังเป็นพวกบ้าเลือด จึงเข้ากันไม่ค่อยได้กับคนที่หัวดีอย่างพเทร่าไกส์
โหมดหุ่นยนต์
สูง 12.6 เมตร
หนัก 37.5 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 76.8กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 124.2 เมตร
Weapons
โชลเดอร์เบรคเคอร์, ฮอร์นบีมกัน เป็นต้น
โหมดไดโนเสาร์
อยู่ในร่างของไดโนเสาร์สามเขา ซึ่งมีความสามารถดำดินได้ด้วย
ความสูง 6.8 เมตร
ความยาว 15.2 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่ใต้ดิน 292.5กิโลเมตร/ชั่วโมง
PteraGeist
แม่ทัพเวหา พเทร่าไกส์
หนึ่งในสี่แม่ทัพของกลุ่มไกสเตอร์ ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก ในตอนที่2
แม่ทัพแห่งเวหาผู้อยู่ในร่างของไดโนเสาร์มีปีก พเทร่าโนดอน (Pteranodon) เชี่ยวชาญการรบกลางอากาศและเป็นหนึ่งเดียวในสี่แม่ทัพของไกสเตอร์ที่สามารถบินได้เขาเป็นคนที่มีความชาญฉลาดและรอบคอบสูงอย่างการนำเอเนอร์จี้บ็อกซ์มาประยุกต์ใช้เพื่อรวมร่างสี่แม่ทัพก็เป็นความคิดของเขา และเพราะอย่างนี้เอง เขาจึงเกลียดฮอร์นไกส์ ที่ชอบทำอะไรบ้าพลังไม่ใช้หัวคิดอยู่เสมอๆ
โหมดหุ่นยนต์
สูง 12.8 เมตร
น้ำหนัก 33.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 82.6กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 184.6 เมตร
Weapons
พเทร่าวิง, สแลชครอว์ เป็นต้น
โหมดไดโนเสาร์
สูง 7.6 เมตร
ความยาวปีก 16.7 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการบิน 5,624.8กิโลเมตร/ชั่วโมง (4.7มัค)
ArmorGeist
แม่ทัพปฐพี อาเมอร์ไกส์
หนึ่งในสี่แม่ทัพไกสเตอร์ ผู้อยู่ในร่างของไดโนเสาร์หลังดาบสเตโกซอรัส (Stegosaurus) เป็นผู้ชำนาญการการรบภาคพื้นดินและมีร่างกายที่แข็งแกร่งทนทานสมชื่อ มีนิสัยชอบฉวยโอกาสและไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ เป็นคนไม่เด็ดขาด
โหมดหุ่นยนต์
สูง 11.4 เมตร
หนัก 38.3 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 72.4กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 142.8 เมตร
Weapons
ลิลัสเตอร์ช็อทแคนน่อน, ฮีทสไปค์ เป็นต้น
โหมดไดโนเสาร์
ความสูง 8.2 เมตร
ความยาว 14.9 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่ 296.2กิโลเมตร/ชั่วโมง
ThunderGeist
แม่ทัพเรือ ธันเดอร์ไกส์
หนึ่งในสี่แม่ทัพไกสเตอร์ จ้าวสมุทรผู้มีความมั่นใจพลังกายของตนเองอย่างมากโดยอยู่ในร่างของไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่โตที่สุดในสี่แม่ทัพนั่นก็คือพันธุ์ บรอนโตซอรัส (Brontosaurus)แต่แม้เขาจะมีพละกำลังอันมหาศาล ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่เป็นคนไม่ค่อยฉลาดและมักชอบทำอะไรแบบเอื่อยเฉื่อยตามใจตนเองด้วย
โหมดหุ่นยนต์
สูง 11.1 เมตร
หนัก 41.6 ตัน
ความเร็วในการวิ่ง 64.2กิโลเมตร/ชั่วโมง
พลังในการกระโดด 140.6 เมตร
Weapons
ธันเดอร์ฮอร์น, โชลเดอร์สไปค์ที่ไหล่ทั้งสองข้าง เป็นต้น
โหมดไดโนเสาร์
ความสูง 11.1 เมตร
ความยาว 18.4 เมตร
ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่ 287.3กิโลเมตร/ชั่วโมง
Pteder
รวมร่างสองแม่ทัพ พเทเดอร์
ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่33 เป็นร่างที่รวมด้วยเอเนอร์จี้บ็อกของ พเทร่าไกส์ กับ ธันเดอร์ไกส์ มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ม้าเซนท
Homor
รวมร่างสองแม่ทัพ โฮเมอร์
ปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่40 เกิดจากการรวมร่างด้วยเอเนอร์จี้บ็อกซ์ของ ฮอร์นไกส์ และ อาเมอร์ไกส์ โดยถ้าเทียบกับแมดไกสเตอร์ที่เป็นร่างรวมของสี่แม่ทัพแล้ว นับว่าร่างนี้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันดีกว่ามาก
OP & ED Yuusha Exkizer OP - Gatherway
Lyrics: AZUSA
Music: Inoue Yoshimasa
Arranged: Yamamoto Kenji
Sung by: Miura Hidemi
พบกันใหม่คราวหน้าครับ End Entry04
Create Date : 08 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 7:41:25 น. |
|
1 comments
|
Counter : 8211 Pageviews. |
|
|