Kross (เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง~
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Fate of Astray - Chapter 3: โรมรันสามวีรชน

Note: ตอนก่อนหน้านี้ผมกำลังทยอยแก้ไขปรับ font ให้อ่านง่ายๆขึ้นนะครับ
===========================================

Chapter3
ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งกลางเมือง

ในห้องเช่าแห่งหนึ่งซึ่งว่างเปล่าปราศจากเฟอร์นิเจอร์... ห้องหลายห้องในอาคารแห่งนี้มันถูกเช่าซื้อจากหญิงสาวคนหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนด้วยราคาสูงลิบที่ปราศจากเหตผล... แต่แน่นอนว่าเจ้าของอาคารแห่งนี้ย่อมปราศจากปากเสียงใดๆเมื่อได้พบเห็นผู้แจ้งความประสงค์จะซื้อด้วยเงินจำนวนที่มากพอ


“พวกนั้นเริ่มสู้กันอยู่ข้างนอกแล้วนะ ยัยหนู, เจ้าคิดจะให้ข้าไปสู้ด้วยรึเปล่า?”
นั่นเป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ชายร่างสูงใหญ่ในชุดเกราะโบราณสีเข้ม ซึ่งนามของเขาคือ “ไรเดอร์” ยอดนักรบผู้ควบขี่อาชาทะลวงฝ่าสมรภูมิ บัดนี้เขาเองก็ยินดีฟังคำสั่งของนายรับหน้าที่เป็นมาสเตอร์ และพร้อมจะออกไปต่อสู้ทุกเมื่อ... ทว่าเหมือนนายของเขาจะไม่สนใจออกคำสั่งใดๆ


“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนหรอก, นายท่าน” หญิงสาวตอบขณะที่กำลังขมักขเม้นเปิดหีบและกล่องใส่ของหลายใบหยิบอุปกรณ์นาๆชนิดออกมาวางเรียงกัน
“เจ้าเรียกข้าอย่างงั้นอีกแหละ... เนี่ยพวกเราพูดสลับกันรึเปล่าเนี่ย?” ไรเดอร์ตอบแบบแปลกใจ


แน่นอนว่าเขาครั้งหนึ่งเคยเป็นวีรบุรษมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ไรเดอร์’ ผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชาซึ่งครอบครองดินแดนมหาศาลจรดสองฝั่งมหาสมุทรด้วยกองทัพอาชาปีศาจที่พรั่นพริง... ไม่แปลกใจที่จะมีใครยกย่องหรือหวาดกลัว... แต่สิ่งที่ทำให้วีรชนคนนี้ประหลาดใจยิ่งก็คือเจ้านายของเขากลับยกย่องเขามากกว่าที่ควรจะเป็น


แน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นวีรชนที่เก่งกาจขนาดไหน เมื่อตอบรับคำเชิญของจอกฯศักดิ์สิทธิ์เพื่อมาจุติบนโลกแล้ว วีรชนเหล่านั้นย่อมหนีไม่พ้นสถานะของ ‘เซอร์แวนท์’ หรือผู้รับใช้ของจอมเวทย์ที่อัญเชิญตัวเองมาเพื่อร่วมต่อสู้ด้วยกัน ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยหากจะเห็นผู้อัญเชิญเซอร์แวนท์คนใดจะมีพฤติกรรมกดขี่, ไม่ให้เกียรติ หรือใช้งานวีรชนอย่างหนักหน่วง... เพราะคนเหล่านั้นคือ ‘มาสเตอร์’ หรือนายเหนือหัวที่คอยป้อนพลังเวทย์เพื่อให้เซอร์แวนท์เหล่านั้นสามารถคงอยู่บนโลกได้ หากปราศจากมาสเตอร์เมื่อไหร่วีรชนนั้นย่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว


ไรเดอร์เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นจากกฎเกณฑ์เหล่านี้... ทว่าสิ่งที่เขาสงสัยกับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า และยิ่งเห็นพฤติกรรมของเธอตลอดเวลา ไรเดอร์เองก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นมาสเตอร์ที่ไม่เหมาะจะเป็นมาสเตอร์เลย...โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นเธอประกอบปืนไรเฟิลซุ่มยิง PSG1 พร้อมกับสโคปอินฟราเรดด้วยแววตาที่ปราศจากอารมณ์


มาสเตอร์ของข้าเป็นมนุษย์จริงๆ รึเปล่า? ไรเดอร์อดคิดไม่ได้ถึงวันแรกของการอัญเชิญ ที่เขาถูกเรียกมาหาเด็กผู้หญิงคนนี้

โดยปราศจากสื่ออัญเชิญ... แล้วทำไมจอกฯถึงเลือกข้า...
ภาพแรกที่ข้าเห็นคือเด็กผู้หญิงวัยกำดัด...
สตรีที่ไม่มีอะไรเหมือนข้าเลยสักนิด...
หญิงสาวผู้ปราศจากแววตา...


ราวกับรู้สึกถึงความประหลาดใจของวีรชนข้างกาย
“อย่ากังวลไปเลยไรเดอร์, ถึงฉันไม่รู้ว่าจะเอาจอกไปทำอะไร ก็จะช่วยท่านเต็มที่” เด็กผู้หญิงเงยหน้าตอบ

เธอเรียกเขาว่า ‘ท่าน’ อย่างสุภาพ แต่นั่นกลับทำให้ไรเดอร์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นไม่น้อย ไม่ใช่ไม่พอใจกับการถูกเรียกเช่นนี้แต่เป็นเพราะ การเรียกของเธอนั้นไม่มีอารมณ์ใดๆแฝงอยู่เลย ราวกับเขากำลังพูดกับเครื่องจักรรูปร่างมนุษย์ก็ไม่ปาน


“แล้วเจ้าไม่มีแผนอะไรเลยรึ ที่จะเอาชนะสงคราม อย่างการต่อสู้ หรือวางกลยุทธอะไรพรรค์นั้น...” ไรเดอร์ถามแม้บุคลิกส่วนตัวเขาจะไม่ใช่กุนซือแต่การวางแผนร่วมกับเจ้านายก็ถือเป็นอะไรที่ไม่ควรหลีกเลี่ยง


“ฉันไม่มีแผนอะไรหรอกค่ะ... แค่ท่านมีเป้าหมายให้ข้าได้สังหารก็เพียงพอแล้ว...” เธอตอบสั้นๆ ก่อนเสียบแมกกาซีนเข้าที่ใต้ลำกล้องปืน...กล่าวซ้ำอีกครั้งต่อหน้าไรเดอร์ “จะเป็นมนุษย์หรืออะไรก็ได้...”
“ตอนนี้พร้อมแล้วค่ะ โปรดบอกเถิดว่าฉันควรกำจัดใคร...” เด็กสาวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ไรเดอร์จ้องมองไปรอบๆห้อง

นี่รึคืออาวุธ…อาวุธของเด็กผู้หญิงผู้บอบบางคนนี้


===============================

บนดาดฟ้าของโรงแรม

ในตอนแรกเซเบอร์เองนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ก่อนหน้านี้เธอตัดสินใจเรียกดาบแห่งพระจันทร์ซึ่งเป็นอาวุธขั้นต้นของตัวเองออกมาใช้ปกป้องตัวเองจากศรวิเศษของอาเชอร์แม้ว่าจะยังไม่ได้รับอนุญาติจากเจ้านายก็ตามที แต่กระนั้นกระบี่ทั้ง 7 ของเธอก็เห็นได้ชัดว่าแทบจะไม่อาจหยุดยั้งอาวุธที่ร้ายกาจของมือธนูได้เลย เพียงแต่โชคค่อนข้างดีที่ดาบแห่งพระจันทร์ของเธอนั้นสามารถเรียกมาใหม่ได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังมองเห็นพระจันทร์และไม่ถูกทำลายพร้อมกันหมดสิ้นในทีเดียว

นั่นก็เพียงพอสำหรับการถ่วงเวลา...ข้าคิดว่านะ...

แน่นอน, เซเบอร์ไม่หวังจะเอาชนะให้ได้เด็ดขาด ด้วยอาวุธธรรมดาเช่นนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็เอาชีวิตรอดได้อีกสักพักนึงแน่ หากอาเชอร์คิดจะสังหารเธอให้ได้จริงๆ เขาต้องทุ่มเทอาวุธวิเศษอีกหลายชิ้นทีเดียว

แต่ทำไมอาเชอร์ถึงหยุดโจมตีกระทันหัน?

คงไม่ใช่เพราะเขาคิดจะออมมือแน่ๆ แต่อาวุธวิเศษทั้ง 4 ที่ถูกระดมยิงใส่เธอราวกับสายลมกรรโชกนั้น อยู่ๆกับสูญเสียพลังเวทย์ของมันอย่างรวดเร็วและกลับกลายเป็นเพียงแค่ลูกธนูขนาดใหญ่ธรรมดาที่เธอสามารถปัดทำลายทิ้งได้ไม่ยาก แตกต่างจากตอนแรกที่พวกมันไล่ฆ่าฟันเธออย่างดุเดือด...ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับอาเชอร์แน่, เซอร์แวนท์สาวคิดในใจ


และก็คาดการณ์ไม่ผิด... เมื่อกระโดดกลับไปยังดาดฟ้าเดียวกับอาเชอร์...เซเบอร์มองเห็นคู่มือเก่าของตนทรุดตัวนั่งกับพื้นด้วยเลือดโซมกาย ขณะที่ผู้มาเยือนนั้นแทบไม่แสดงอาการใดๆหรือไม่แม้แต่ปรากฎตัวเลยด้วยซ้ำ ทว่าเซเบอร์เองก็สัมผัสถึงเงาโปร่งแสงที่ปรากฎตัวกลางแสงจัทร์สลัวๆนั้นได้เช่นกัน

แอสแซสซิน...เจ้ามาชุบมือเปิดจริงๆสินะ... เธอคิด

อันที่จริงเซเบอร์ไม่อาจมองเห็นตัวของแอสแซสซินหรอก แต่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกจางๆที่เซอร์แวนท์มักจะรู้สึกถึงพลังเวทย์ของเซอร์แวนท์ด้วยกันได้หากอยู่ใกล้พอ และเงาของแสงที่ตกกระทบเบื้องหน้าดูเหมือนจะถูกบิดเบือนไปจนผิดสังเกตเล็กน้อย ทำให้เธอพอจะประมาณตำแหน่งของคู่ต่อสู้เบื้องหน้าได้บ้าง


แต่นี้แหละคือโอกาศดีที่สุดในการจัดการอาเชอร์… หาฆ่าหมอนี่ได้แอสแซสซินย่อมไม่มีทางเทียบคลาสเซเบอร์อย่างเราได้แน่นอน เซอร์แวนท์สาวยิ้มมุมปากทันทีเมื่อเห็นสบโอกาศที่จะล้างบัญชีกับนักรบมือธนูที่ซัดเอาๆ ไม่ยั้งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา


ในความคิดของวีรชนมือสังหารนั้น... เสียดายจริงๆที่ฆ่ามันไม่ตาย...อันที่จริงแล้วแอสแซสซินเองก็หวังว่าจะสามารถสังหารอาเชอร์ได้ในการโจมตีครั้งเดียวถ้าเขาโชคดีพอหลังจากนั้นก็เพียงซ่อนพรางตัวหลบหนี, เซเบอร์ที่กำลังวุ่นวายกับอาวุธของอาเชอร์นั้นย่อมไม่มีทางไล่ติดตามเขาได้ทันแน่นอน – เพียงแต่ว่าเหมือนดวงของเขาจะยังมีไม่พอ นากินาตะอันแหลมคมนั่นพลาดเป้าจากกลางศรีษะไปโดนแถวทรวงอกของอาเชอร์แทน ซึ่งแม้จะสร้างบาดแผลสาหัสแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะเอาชีวิตของวีรชนแห่งสงครามจอกฯ

ช่วยไม่ได้...ข้าจำต้องปิดระบบควบคุมการยิงเกือบทั้งหมดเพื่อซ่อนพราง

อาเชอร์โยนหอกโปร่งแสงทิ้งไปข้างๆตัวโดยพยายามไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆออกมาให้คู่ต่อสู้ได้เห็น พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับมือ...ดาบสั้นคู่สีขาวดำปรากฎตัวในมืออีกครั้ง เมื่อเขาสัมผัสถึงคู่ต่อสู้ที่น่าจะตึงมือถึงสองคนพร้อมๆกัน ทำไมซวยแบบนี้นะ... วีรชนชุดแดงคิด


ในใจของอาเชอร์นั้นครุ่นคิดอยู่...ว่าสถานการณ์นั้นกลับไม่เป็นใจกับวีรชนทั้งสามที่จะทุ่มเทกำลังเข้าต่อสู้เลย... ในแง่กลยุทธ์แล้วเมื่อกำลังรบในพื้นที่มีสามส่วน แต่ละส่วนนั้นย่อมมีการคะคานอำนาจกันเองซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคุมเชิงกันอย่างระมัดระวังยิ่ง หากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสดงความอ่อนแอหรือจุดอ่อนใดๆ นั้นอาจเป็นฝ่ายที่ถูกรุมโจมตีอย่างหนักหน่วงทันที และผู้ที่เริ่มโจมตีก็ต้องหวาดระแวงว่านักรบคนที่สามจะเข้าแทรกแซงด้วยหรือไม่


ศึก 3 เส้า
สำหรับอาเชอร์เอง เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบไม่น้อย, ด้วยที่ว่าต่อสู้กับเซเบอร์มาแต่แรก ใช้ทั้งพลังเวทย์และอาวุธวิเศษไปไม่น้อยแถมยังได้บาดแผลฉกรรณ์จากอาวุธล่องหนของผู้มาเยือนอีก หากเขาต้องสู้กับเซเบอร์ต่อแล้วแอสแซสซินให้ความช่วยเหลือเซเบอร์เพียงเล็กน้อยเขาก็อาจถูกพิชิตได้อย่างไม่ยากเย็นเลย แล้วหลังจากนั้นเซเบอร์ผู้บาดเจ็บก็คงไม่พ้นเป็นเหยื่อของแอสแซสซินในท้ายสุด

“วันนี้เจ้าไม่มีดวงเลยนะอาเชอร์!” เซเบอร์คำราม
“อืมมม ข้าเห็นด้วยกับเจ้าเรื่องนั้น” อาเชอร์ตอบทันควันโดยไม่มองเธอ
“งั้นก็ดีที่เข้าใจ...อย่ามาตำหนิข้าเรื่องนี้ละกัน...” เซเบอร์พุ่งเข้าใส่ทันที
“ฮู่มมมมม ฮู่มมมมม ฮู่มมมมม....” พร้อมกับเซเบอร์ที่เริ่มโจมตี วีรชนล่องหนก็คำรามตอบแล้วพุ่งเข้าใส่ราวกับนัดกันไว้ก่อน เสียง ‘ชิ้งง’ เบาๆปรากฎขึ้นจากบริเวณสองมือที่มองไม่เห็นของมัน


เสียงปะทะเริ่มขึ้นอย่างดุดัน ดาบคู่สีขาวดำถูกยกมาปัดป้องกันฟาดฟันใส่สองวีรชนครั้งแล้วครั้งเล่า ประกายแสงวาววับของดาบและเงาสลัวที่ว่องไวพุ่งทะยานไปรอบบริเวณทิ้งร่องรอยปะทะไปทั่ว แต่เพียงไม่กี่นาทีหากมีบุคคลอื่นมองก็จะเห็นได้ไม่ยากเลยว่าอาเชอร์นั่นเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด


ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพละกำลังและความแข็งแกร่งของร่างกายที่ปกติเซเบอร์คลาสจะเหนือกว่าเขา... อันที่จริงต้องบอกว่าวีรชนประเภทมือธนูเช่นเขานั่นไม่ควรจะออกรบในแนวหน้าลักษณะนี้ด้วยซ้ำ, แต่สิ่งที่ทำให้เขาลำบากมากที่สุดขณะนี้กลับไม่ใช่เซเบอร์ที่ร่ายรำดาบอย่างงดงามตรงหน้า แต่เป็น...แอสแซสซิน


ไม่ว่าเซเบอร์จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม หรือดาบจะมีดาบมาใช้โจมตีแค่ไหน อาเชอร์ก็มั่นใจตัวเองได้พอตัวว่าจะสามารถรับมือได้ ทว่าสำหรับการโจมตีที่ล่องหนนั้นยากยิ่ง...และอาเชอร์ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีวีรชนคนใดต่อสู้ได้ทั้งที่ยังคงสภาพล่องหน


“ลำบากจริงๆแฮะงานนี้” อาเชอร์บ่นออกมาดังๆ เมื่อดาบคู่คันโชและบาคุยะโดนเซเบอร์ฟาดหักกระจายตรงหน้าพร้อมกับคมอาวุธลึกลับของแอสแซสซินฟาดเฉี่ยวหลังเขาไปนิดเดียวแต่ก็ยังเรียกเลือดซิบๆมาได้พอตัว
“เฮ้ๆ เดี๋ยวเซ่ แอบอัดกันข้างหลังได้ไง...ลูกผู้ชายรึเปล่า...อุ๊บบบบ” อาเชอร์เหลือบไปตะโกนด่าแอสแซสซินพร้อมกับเรียกดาบคู่ออกมาอีกรอบ…ทว่า...อยู่ๆก็มีฝ่าเท้าเล็กๆฟาดเข้ากลางขมับเขาเต็มที่


แน่นอนเจ้าของฝ่าเท้านั้นไม่ใช่ใครอื่น...เซเบอร์นั่นเอง...ทันทีที่ทำลายดาบคู่ของอาเชอร์ได้เธอก็หมุนตัวสะบัดแข้งด้วยลักษณะคล้ายจระเข้ฟาดหางใส่อาเชอร์เต็มรัก...โดยไม่มีจังหวะเสียเปล่าหรือช่องว่างให้ตอบโต้แม้แต่น้อย การโจมตีผสานของเธอกับแอสแซสซินนั่นเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ... การโจมตีนั้นส่งอาเชอร์ลอยกระเด็นไปติดรั้วลูกกรงเหล็กของดาดฟ้าทีเดียว


ดูไม่ดีแน่ ดูแย่แน่ๆ อาเชอร์เริ่มคิดลังเลว่าจะถอนตัวกลับไปหาเจ้านายตนดีหรือไม่... แต่การกลับไปหามาสเตอร์ที่อยู่ใกล้ๆโดยมีเซอร์แวนท์ศัตรูถึงสองคนไล่จี้ติดอยู่ ก็ออกจะเป็นการเสี่ยงอันตรายไม่น้อยทีเดียว ข้าต้องหยุดมันให้ได้สักคน หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้มันตามเจอมาสเตอร์ของข้า


แต่ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ, แสงสีแดงก็ทาบทับที่ตัวเขา... สัญชาติญาณเตือนภัยของอาเชอร์ร้องดังลั่นในหัว ส่งให้เขารีบกระโจนออกจากตรงนั้นโดยทันทีทั้งๆที่ยังไม่หายมึนงงจากลูกเตะของเซเบอร์ด้วยซ้ำ


จากร่างกายของนักรบล่องหน... บางสิ่งยืดขึ้นจากส่วนเกราะบริเวณไหล่ทั้งสองของมัน...อาวุธที่จะเล็งเข้าใส่พิกัดของเลเซอร์สีแดงเสมอ, เทคโนโลยีลึกลับที่กลายเป็นเขี้ยวเล็บของวีรชน อาวุธวิเศษ – Paulse cannon

“แฟ๊ดด ครึ้มมม แฟ๊ดดด ครึ้มมม...” ประกายแสงสีฟ้าอมขาวสว่างจ้าพุ่งออกจากสองบ่าของวีรชนที่มองไม่เห็น ตรงดิ่งเข้าใส่อาเชอร์ซึ่งหลบเกือบไม่พ้น จุดที่เขาพึ่งวิ่งผ่านไปนั่นระเบิดเป็นเสี่ยงๆราวกับถูกยิงด้วยปืนจรวด RPG ทีเดียว

“แฟ๊ดด ครึ้มมม แฟ๊ดดด ครึ้มมม... แฟ๊ดด ครึ้มมม แฟ๊ดดด ครึ้มมม...” อย่างไม่ยอมเลิกลา แอสแซสซินวิ่งตามอาเชอร์ไปติดๆพร้อมสาดแสงสีแดงเพื่อล็อคเป้าหมายของมันสู่ปืนโฟตอนอันทรงพลัง... ซึ่งมันทำเอาอาเชอร์ต้องหนีแบบหัวซุกหัวซุนเช่นเดียวกับตอนที่เขาไล่ยิงเซเบอร์เมื่อครู่ทีเดียว


ข้าต้องหาโอกาศตอบโต้ให้ได้ วีรชนชุดแดงคิดพร้อมกับยกมือขวาขึ้น
“จงมา...วงแหวนทั้ง 7 ชั้นที่เป็นโล่ห์พิทักษ์สรวงสวรรค์…”
“Rho Aias!”


อีกครั้งหนึ่งโล่ห์วิเศษ 7 ชั้นที่เคยปกป้องอาเชอร์จากศรวิเศษของเซเบอร์ก็ปรากฎกายขึ้น สนามพลังทรงกลมสีแดงอ่อนแผ่ประกายปกป้องอาเชอร์จากห่ากระสุนของปืนใหญ่โฟตอนอย่างไม่สะทกสะท้าน


แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้แอสแซสซินยั้งมือ...ปืนโฟตอนทั้งสองสลับกันระดมยิงใส่โล่ห์อันแข็งแกร่งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน พร้อมทั้งวีรชนล่องหนก็ขยับสองมือ

อาวุธวิเศษ...Smart Disc, วัตถุทรงกลมคล้ายจานร่อนปรากฎขึ้นในมือซ้ายของนักรบมือสังหาร วงแหวนสังหารที่ตามล่าเป้าหมายด้วยความคมยิ่งกว่าดาบนับพัน
อาวุธวิเศษ...Naginata, อาวุธที่ได้ชื่อว่าเป็นเกียรติยศแห่งผู้นำ Clan มือสังหารแห่งกาแลคซี่แอนโดรมิด้าปรากฎขึ้นในมือขวา ในรูปลักษณ์ของหอกแหลมที่สามารถล่องหนได้จากทุกสายตา

ในชั่วพริบตาอาวุธทั้งสองชิ้นก็ถูกซัดเข้าใส่อาเชอร์จากสองทิศทางเพื่อทำให้มือธนูไขว้เขว...วงจักรอัจฉริยะพุ่งอ้อมไปทางด้านหลังขณะที่นากินาตะพรางตัวจากสายตาแล้วกระแทกเข้าใส่โล่ห์สวรรค์ 7 ชั้นตรงๆ... บังคับให้อาเชอร์ต้องใช้มือซ้ายของตนเรียกโล่ห์พร้อมกันสองด้านและสิ้นเปลืองพลังเวทย์เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในการคงสภาพอาวุธวิเศษเพื่อป้องกันตนเอง

“เพล้ง..... เพล้ง...” สองจากเจ็ดชั้นของโล่ห์สวรรค์ที่ล้อมเขาอยู่ถูกทำลายจากพลังทะลุทะลวงของอาวุธวิเศษจากนักรบมือสังหาร




อาวุธวิเศษ...ดับเบิ้ลโฟตอนแคนน่อน, โดยไม่ให้พลาดโอกาศนักรบล่องหนถอดปืนโฟตอนทั้งคู่ออกจากไหล่และประกบปืนประจำกายทั้งสองกระบอกเข้าด้วยกัน และมันผสานเป็นหนึ่งเดียวในพริบตาเป็นอาวุธชิ้นใหม่ในมือขวาให้กับแอสแซสซิน


“แฟ๊ดด ครึ้มมมม...เพล้งง...” ด้วยพลังทำลายที่มากเป็นทวีคูณของปืนใหญ่พลังงานส่งผลให้ Rho Aias ชั้นที่ 3 แหลกกระจายในพริบตา ซึ่งตามมาด้วยสีหน้าหนักใจยิ่งกว่าเดิมของอาเชอร์ บัดนี้เขาเหลือโล่ห์วิเศษเพียง 4 ชั้น แต่กระนั้นความโชคร้ายของเขาในวันนี้ก็ดูเหมือนไม่ยอมจบสิ้นสักที


ในที่สุด เซเบอร์ก็เข้าถึงตัว “เอ๊ะ เอ...ข้าว่าโล่ห์นี่กันอะไรระยะใกล้ๆไม่ได้กระมั้งเนี่ย...” เธอพูดเจือรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ไม่น้อยเลยหากไม่ใช่ในสถานการณ์เช่นนี้

ดาบคมกริบในมือเซเบอร์ตวัดอย่างรวดเร็วจากบนขวาสู่ล่างซ้าย...แม้จะพยายามหลบหลีกอย่างสุดกำลังและเรียกดาบคู่มาป้องกันแต่ก็ไม่ทันการ...ดาบนี้ของเซเบอร์เรียกเลือดจากร่างของอาเชอร์ได้เป็นสายน้ำพุพร้อมกับส่งอาเชอร์ไปติดกำแพงอีกด้าน... ไม่มีช่องโหว่ให้ตอบโต้หรือแม้แต่จะตั้งหลักเลยแม้แต่น้อย


I am the bone of my sword....
(ตัวข้าคือแกนแห่งปวงดาบ...)


================================

ในอาคารห้างสรรพสินค้า

จะเป็นใครก็ได้โผล่มาให้แก้เซ็งหน่อยเถอะ...แลนเซอร์คิดในใจ
ตอนนี้วีรชนแห่งหอกได้คืนสภาพร่างของตนสู่สถานะกายหยาบเพื่อเตรียมตัวรับมือคู่ต่อสู้แล้ว และพร้อมต่อสู้กับศัตรูไม่ว่าจะเป็นมาสเตอร์หรือเซอร์แวนท์ก็ตาม แม้จะเป็นเรื่องเสี่ยงอันตรายอยู่บ้างที่ออกห่างจากนายของตัวเองแต่ก็เป็นจุดดีที่เขาจะสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงว่าเจ้านายมือใหม่จะโดนลูกหลงไปด้วย...แต่ก็อย่างว่าข้าเองไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอก



นามของข้าคือ เฟิ่งเซียน, แม้นามเรียกขานของข้าจะถูกกล่าวขานในแง่มุมเยี่ยงไรแต่ตำนานที่ข้าสร้างไว้ก็ไม่อาจมีผู้ใดปฎิเสธ...เทพสงคราม, ในยุคสมัยครั้งที่ยังเป็นคนเป็นไม่มีผู้ใดเลยที่จะหาญกล้าเผชิญหน้ากับจอมคนผู้เช่นข้าในสมรภูมิ ข้าเองก็หวังอยู่เหมือนกันว่าในบรรดาวีรชนจากอนาจักรทั่วโลกในสงครามจอกฯครั้งนี้ คงจะมีนักรบอย่างน้อยสัก 2-3 ตนละมั้งที่คู่ควรให้ข้าประฝีมือด้วย

ประตูห้องด้านหน้าเปิดออก, คมง้าวอันเลื่องลือในยุคสมัยที่แผ่นดินฮั่นถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนนั้นถูกกระชับแน่นในมือของยอดขุนศึกผู้เกรียงไกร พร้อมรับมือกับคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบ แต่ทว่า


“เฮ้ย! แกเป็นใครเนี่ย! ไอ้หนุ่ม! แกคิดจะมาขโมยอะไรงั้นเรอะ!” ลุงสมเกียรติตะโกนพร้อมชูกระบองเหล็กข้างเอวขึ้นมาตั้งท่า

แน่นอนจากสายตาของชายกลางคนผู้ทำหน้าที่ยามกับอาคารแห่งนี้มาหลายต่อหลายปี นี่ย่อมไม่ใช่เหตการณ์ปกติแน่ๆที่อยู่จะมีบุรุษท่าทางน่าเกรงขามถืออาวุธโบราณมาเดินเพ่นพ่านยามค่ำคืนเช่นนี้ บางทีมันอาจเป็นพวกลักลอบหรือขโมยแหงๆ ยามผู้มากประสบการณ์คิดในใจ

อีกด้าน เฟิ่งเซียนถึงกับอึ้งไปแว้บนึงทีเดียว, มาสเตอร์เขาพึ่งบอกอยู่หลัดๆว่า พบปฎิกิริยาของมาสเตอร์หรือเซอร์แวนท์ข้างหน้าแล้วให้เขามาตรวจสอบ ซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดี เพียงแต่...

ลุงแก่ๆคนนี้เนี่ยนะ เป็นมาสเตอร์ของศัตรู? แลนเซอร์คิดแบบไม่อยากเชื่อ
แน่นอนว่ามนุษย์เบื้องหน้าเขายังไงๆ ก็ไม่มีทางเลยที่จะเปรียบฝีมือได้กับเหล่าวีรชนแห่งสงครามจอกฯ... และยิ่งเทียบกับแลนเซอร์ผู้ปราดเปรื่องในการรบแบบบุคคลด้วยแล้ว ต่อให้ลุงเบื้องหน้าเขามีมือถือกระบองเพิ่มอีกร้อยข้างก็ไม่มีวันสู้ได้

“วางอาวุธเร็ว ยอมให้จับซะดีๆไอ้หนุ่ม!” ยามประจำตึกตะโกนสั่งยกอาวุธชิ้นน้อยในมือขึ้นขู่เซอร์แวนท์

ให้ตายสิ สงครามจอกฯครั้งนี้ข้าต้องสู้มากับลุงแก่ๆรึเนี่ย? แลนเซอร์ถอนหายใจขณะที่ลุงสมเกียรติควงกระบองเหล็กกับกระบอกไฟฉายวิ่งเข้าใส่นักรบผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นมือทวนแห่งแผ่นดิน

ตูมมมมม ตูมมมมมม ครืนนนนนนน.....
เสียงระเบิดกัมปนาทดังลั่นขึ้นทั่วทั้งตึกและตามด้วยแรงสั่นสะเทือนที่น่ากลัวจนโยกอาคารทั้งหลังราวกับแผ่นดินไหวน้อยๆ ซึ้งทำเอาแลนเซอร์ที่กำลังคิดจะน็อคลุงเบื้องหน้าให้น่วมถึงกับสะดุ้งสุดตัว ส่วนคุณยามใจกล้านั่นถึงกับหกล้มหน้าทิ่มหัวคะมำกลิ้งหลุนๆไปติดกำแพงทีเดียว, พร้อมกับมีเสียงเรียกของวิทยะผู้เป็นมาสเตอร์ดังขึ้นในหัวของวีรชนมือทวน

แลนเซอร์ แลนเซอร์...กลับมาเดี๋ยวนี้!
เจ้านั่น! เบอร์เซอร์เกอร์มันอยู่ที่นี้!


=======================================

ณ สนามรบของ 3 วีรชน

การโรมรันของเซอร์แวนท์ทั้งสามเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งแอสแซสซิน เซเบอร์ต่างประเคนอาวุธของตนเข้าใส่อาเชอร์อย่างไม่ยั้งมือ แต่มือธนูผู้ร้ายกาจก็ไม่ยอมสิ้นใจโดยง่ายแม้จะเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม ซึ่งความมุ่งมั่นนั้นเริ่มทำให้เซเบอร์รู้สึกเฉลียวใจแปลกๆขึ้นมา หมอนี่มันพึมพำอะไรอยู่?

Steel is my body, and fire is my blood.
(เหล็กกล้าคือกาย, แลเปลวไฟคือสายโลหิต)


แอสแซสซินซึ่งดูเหมือนไม่สนใจต่อคำพูดของอาเชอร์สะบัดแขนของมันทั้งสองข้างแสดงกรงเล็บสีเงินคมกริบวาววับ ด้วยร่างล่องหนของมันแต่มีอาวุธแวววับงอกออกจากสองมือนั้นดูราวกับมีดาบแสงติดอยู่ที่สองมือของมันก็ไม่ปาน

I have created over a thousand blades
(ข้าจักรังสรรค์คมดาบนับหมื่นพัน)


โดยที่ไม่หยุดพูดแต่อย่างใด, ด้วยร่างที่อาบเลือดดาบสั้นคู่สีขาวดำก็ถูกยกขึ้นมารับมือกับการฟาดฟันด้วยกรงเล็บของแอสแซสซินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงปะทะของอาวุธวิเศษจากสองวีรชนดังสนั่นไปทั่ว แรงเหวี่ยงศาสตราของทั้งคู่ส่งผลเป็นคลื่นลมพายุพัดโหมไปทั่วบริเวณ

Unknown to death, Nor known to life
(ไม่ตระหนักนึกถึงความตาย ฤา พานพบชีวี)



ฉ๊วะ....
ทว่า, ไม่ว่าอาเชอร์จะพยายามต้านทานแค่ไหน ด้วยร่างกายที่บาดเจ็บเช่นนั้น เพียงแค่แอสแซสซินคนเดียวก็เรียกได้ว่าเต็มกลืนแล้ว ดังนั้นเลิกคิดไปได้เลยถึงการหลบหนีจากคมดาบพระจันทร์ของเซอร์แวนท์สาว... ดาบที่สองของเธอฟาดฟันจากด้านหลังของวีรชนชุดแดงลึกไปถึงกระดูกเรียกสายเลือดให้สาดกระเซ็นไปทั่ว จนชุดมิโกะสีฟ้าขาวของเธอบัดนี้กลายเป็นสีฟ้าแดงไปเสียแล้ว


เสียงกระดิ่งดัง...แสงจันทร์คร่ำครวญ...
“อย่าคิดหนีไปเลยอาเชอร์ ยอมตายซะดีๆดีกว่าตอนนี้!” เซเบอร์ร้องพร้อมชี้ดาบในมือขวาไปหาเซอร์แวนท์มือธนู
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ....ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ....” ดาบอีกหกเล่มพุ่งทะยานเข้าใส่อาเชอร์ตามทิศทางที่เซอร์แวนท์สาวชี้ราวกับถูกยิงจากคันศรที่มองไม่เห็น


Have withstood pain to create many weapons
กล้ำกืนฝืนทนเจ็บปวดเพื่อสร้างสรรค์พันศาสตรา


อาเชอร์นั่นจัดเป็นผู้เชี่ยวชาญยิ่งในอาวุธระยะไกล ดังนั้นดาบทั้ง6 ของเซเบอร์จึงยากนักที่จะเรียกเลือดจากเขาได้ แต่การถูกรุกไล่ต่อเนื่องจากสองวีรชนนั้นก็ทำให้เขาแทบไม่มีโอกาศตอบโต้เลยแม้แต่น้อย... พูดให้ถูกคือแค่เอาชีวิตรอดก็ยากเย็นแสนเข็ญอย่างยิ่ง, อีกสักนิด...ร่างกายข้า ทนให้ได้อีกสักนิด...


“ถ้าจะไม่ดีแล้ว ข้าไม่รู้หรอกว่าหมอนั่นคิดจะทำอะไร... แต่จัดการมันให้ได้ก่อนเป็นดี” เซเบอร์หันไปพูดกับแอสแซสซินที่บัดนี้ยืนอยู่ข้างกายเธอ
“ฮู่มมมม ฮู่มมมมม” วีรชนมือสังหารขานรับ
“เฮ้ นี่เจ้าพูดภาษามนุษย์ไม่ได้รึไง... ข้าว่าจอกฯ ให้พรพวกเราที่จะเข้าใจภาษามนุษย์ได้หมดแล้วนะเนี่ย” หญิงสาวหันไปบ่นว่าวีรชนผู้ดูเหมือนจะเป็นใบ้ในภาษาของคนบนโลกนี้... แต่เวลามีไม่มากนักที่จะบ่นเธอจึงพูดต่อ
“ไปพร้อมกันนะคราวนี้...” หญิงสาวจับจ้องไปยังวีรชนชุดแดงที่กำลังยืนโงนเงนจากสภาพที่สาหัสเอาเรื่อง
“ฮู่มมมม” แอสแซสซินตอบรับอีกครั้ง คราวนี้มันพยักหน้าที่ล่องหนมันเป็นเงาลางๆให้เห็น ซึ่งก็ช่วยให้เซเบอร์รู้สึกอุ่นใจขึ้นนิดหน่อยว่าอย่างน้อยหมอนี่ก็ฟังภาษาเธอรู้เรื่อง

Yet, those hands will never hold anything
(กระนั้น สองมือนั่นกลับไม่หยุดยั้งรั้งรอใดๆ)


ด้วยการนับในใจพร้อมกัน 3...2...1 ทั้งเซเบอร์และแอสแซสซินก็จะพุ่งเข้าใส่วีรชนมือธนูพร้อมกันจากสองด้านเพื่อประสานการโจมตีขั้นเด็ดขาดก่อนที่อาเชอร์จะได้ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการสำเร็จ...ทว่า


“สต้อปปปปปป! อย่ามารังแกอาเชอร์ของเค้านะ!”
เสียงกังวานหวานใสดังลั่นมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ในจังหวะที่นักรบทั้ง 3 กำลังจะทะยานเข้าตัดสินชะตาชีวิตกันนั่นเอง เสียงหวานใสนั้นทำเอาวีรชนทั้งสามชะงักเพราะผิดจังหวะชนิดเบรคหน้าทิ่มทีเดียว


“ในนามพันธมิตรแห่งความยุติธรรม...ผู้ขจัดความชั่วร้าย....
...Twinkle Sabre! ปรากฎกาย!....”


โดยมิได้นัดหมายทั้งเซเบอร์และแอสแซสซินต่างเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาผู้มาใหม่และกล้าปรากฎกายขึ้นกลางสนามรบของวีรชนโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อทั้งสองได้เห็นร่างของผู้มาเยือนชัดๆ จากแสงจันทร์ที่สาดส่องชัดเจนก็ถึงกับอึ้งและพูดไม่ออกไปหน่อยนึงทีเดียว พร้อมๆกับอาเชอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับเอามือกุมหน้าด้วยความอายปนเหนื่อยใจกับเจ้านายของตน




ภาพที่ทาบทับอยู่กับแสงจันทร์ให้เหล่าเซอร์แวนท์ทั้งสามเห็นนั้นคือ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนอยู่บนปลายแหลมของสายล่อฟ้าที่สูงลิบบนดาดฟ้าโรงแรม ซึ่งการยืนในที่แบบนั้นนั้นยิ่งทำให้การปรากฎตัวของเธอยิ่งโดดเด่นขึ้นไปอีกหลายต่อหลายเท่า


แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดนั่นไม่เพียงแค่รูปลักษณ์และกิริยาท่าทาง... สิ่งที่เธอสามารถบังคับให้ยอดนักรบทั้งหลายต้องจับจ้องไม่วางตากับเรือนร่างของเธอนั้นคืออาวุธที่กำลังแผ่รัศมีอย่างแปลกประหลาด... อาวุธที่ยอดอัลเคมิสต์ภาคภูมิใจอย่างที่สุดในการทุ่มเทอำนาจวิเศษและการศึกษาอันแสนทารุณจนอุบัติเป็นศาสตราที่แม้แต่วีรชนแห่งสงครามจอกฯก็มิอาจดูแคลนได้แม้แต่น้อย ชุดเกราะสีขาวที่เปล่งประกายราวกับดวงดารายามราตรี

Mystic Suit: Star’ Corona

สำหรับวีรชนทั้งหลายเมื่อได้เห็นตัวจริงของมาสเตอร์ของอาเชอร์, ไม่มีใครคิดมาก่อนเลยว่าเด็กสาวที่วัยไม่น่าเกิน 14-15 ปีเช่นนี้จะเข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วย, เรือนผมยาวสีน้ำตาลเข้ม – แววตาใสซื่อ – รอยยิ้มแสนบริสุทธิ์นั้นไม่ว่าใครจะมองยังไงก็ย่อมไม่เหมาะที่จะมาจับอาวุธวิเศษแล้วยืนหยัดในสนามรบอันโหดร้ายเช่นนี้เลยสักนิด...ซึ่งเรื่องนี้แม้แต่อาเชอร์เองก็ไม่ปฎิเสธและอดคิดไม่ได้ว่าองค์กรไหนกันแน่นะที่ส่งเด็กเช่นนี้เข้าสู่สงคราม


นามของเราคือตัวแทนแห่งพราฮา ผู้เป็นราชาแห่งอัลเคมิสต์ทั้งปวง...


To be Continue....


Create Date : 24 มกราคม 2553
Last Update : 30 มกราคม 2553 0:43:03 น. 3 comments
Counter : 1376 Pageviews.

 
ตารางอบรมและสอบนักวิทยุสมัครเล่น ประจำปี2553
10 มกราคม 2553
จังหวัดราชบุรี
Tel.032-232-272,089-741-4778
30 มกราคม 2553
จังหวัดพังงา
Tel.081-891-6361,081-397-8878
13 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัดจันทบุรี
Tel.081-723-5175,039-313-528
27 กุมภาพันธ์ 2553
จังหวัดประจวบคิรีขันธ์
Tel.032-688-625
20 มีนาคม 2553
จังหวัดกาฬสินธ์
Tel.081-975-4027, 085-012-5963
3 เมษายน 2553
จังหวัดกรุงเทพฯ
Tel.02-455-9700-3
11 เมษายน 2553
จังหวัดเพชรบุรี
Tel.085-112-7885, 032-472-444
24 เมษายน 2553
จังหวัดระนอง
Tel.081-788-7272,081-090-3000
15 พฤษภาคม 2553
จังหวัดลพบุรี
Tel.089-452-7878,084-137-9594
5 มิถุนายน 2553
จังหวัดยะลา
Tel.089-463-2444,089-876-5209
26 มิถุนายน 2553
จังหวัดนครสวรรค์
Tel.056-220-099
17 กรกฎาคม 2553
จังหวัดชลบุรี
Tel.038-249-162-3,081-781-4360
7 สิงหาคม 2553
จังหวัดนราธิวาส
Tel.085-797-4001,081-678-2427
28 สิงหาคม 2553
จังหวัดฉะเชิงเทรา
Tel.081-935-7469
18 กันยายน 2553
จังหวัดยโสธร
Tel.045-709-103
9 ตุลาคม 2553
จังหวัดลำปาง
Tel.054-219-367,081-603-4739
30 ตุลาคม 2553
จังหวัดสมุทรปราการ
Tel.081-830-1556,089-822-2384
13 พฤศจิกายน 2553
จังหวัดเพชรบูรณ์
Tel.081-727-3138,086-680-1968
27 พฤศจิกายน 2553
จังหวัดเชียงราย
Tel.081-468-3928,084-610-2732
18 ธันวาคม 2553
จังหวัดสระบุรี
Tel.036-312-785


โดย: อุบลวรรณ วารีกุล IP: 114.128.35.142 วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:15:02:58 น.  

 
จังหวัดเพชรบุรีเปิดอบรมและสอบใบอนุญาตวิทยุสมัครเล่น
วันที่ 11-13 เมษายน 2553
ผู้ดูแลการสอบ
คุณชญานิษฐ์ พิชิตศัตรู
สถานที่สอบ
บริษัท โรงแรมลองบีชชะอำ จำกัด
225/75 ถนนร่วมจิตร ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี 76120
เวลาสอบ
9.00น.-15.00น.
รายละเอียดสถานที่สอบ
โรงแรมลองบีช ชะอำ ตั้งอยู่บริเวณชายหาดชะอำ

จังหวัดเพชรบุรี อยู่ระหว่างเส้นทางสายเพชรบุรี-หัวหินระยะทางจากกรุงเทพ ฯ

ประมาณ 160 กิโลเมตร

ใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางโดยรถยนต์

หรือทางเครื่องบิน 25 นาที ณ สนามบินหัวหิน

วันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติของหาดชะอำ

โรงแรมลองบีช ชะอำ ขอต้อนรับท่านด้วยมิตรภาพอันอบอุ่น

พร้อมความหรูหรา สะดวกสบายด้วยห้องพัก193 ห้อง

ทุกห้องมีระเบียงส่วนตัว สามารถชมทิวทัศน์ทะเล และภูเขางดงาม

บริการสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บริเวณล็อบบี้และส่วนต่างๆของโรงแรม

ท่านจะได้สัมผัสเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมไทย

ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก

การตกแต่งที่ลงตัวอย่างกลมกลืนตามแบบ" พระนครคีรี " (เขาวัง) จังหวัดเพชรบุรี

พระราชวังที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในอดีต

ลักษณะของห้องพัก :

โรงแรมลองบีช ชะอำ จัดเป็นโรงแรมระดับเดอะลุกซ์

ของชายหาดชะอำ โรงแรมเป็นอาคารสูง 11 ชั้น

มีห้องพักทั้งหมด 193 ห้อง รวมทั้งห้องชุดใหญ่

ห้องชุดแบบครอบครัว และห้องชุดแบบฮันนีมูน

ทุกห้องมีระเบียงส่วนตัวสามารถชมทิวทัศน์ทะเลและภูเขา

และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ครบครัน

โรงแรมลองบีช ชะอำ เป็นเลิศด้านบริการจัดเลี้ยง

และการจัดประชุมสัมมนา ห้องประชุมที่รองรับได้มาก

ถึง 1,000 คน ห้องสัมมนาย่อย 12 ห้อง

และอุปกรณ์การประชุมสัมมนาทันสมัย

ตามที่ท่านต้องการ อิ่มอร่อยกับอาหารรสเลิศหลากหลายรูปแบบ

ที่ห้องอาหารทรายแก้ว เปิดบริการ 24 ชั่วโมง

หรือพบกับบรรยากาศสบายๆ ที่ ห้องอาหารริมหาด

และลานชมทะเล พักผ่อนหย่อนใจที่สระว่ายน้ำ

ห้องออกกำลังกายและห้องสนุ้กเกอร์ ห้องเสริมสวย

ห้องคาราโอเกะ ล็อบบี้เล้านจ์

ศูนย์นวดเพื่อสุขภาพกรีนฉัตร
สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ
คุณชญานิษฐ์ พิชิตศัตรู โทร.085-112-7885
หรือ บริษัท โรงแรมลองบีชชะอำ จำกัด
225/75 ถนนเลียบชายหาด ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 76120
โทร.032-472-444 แฟ็กซ์ 032-472-287
E-mail : contact@longbeach-chaam.com
//www.longbeach-chaam.com/
รายละเอียดนิติบุคคลผู้ให้เช่าสถานที่สอบ
:: ทะเบียนเลขที่ : 0765536000024
(เลขทะเบียนเดิมคือ บอจ.พบ.144)
ประเภท : บริษัทจำกัด
วันที่จดทะเบียน : 28/01/2536
สถานะ : คงอยู่
1 ชื่อบริษัท โรงแรมลองบีชชะอำ จำกัด
2 กรรมการบริษัทมี 6 คน ตามรายชื่อดังต่อไปนี้
1. นาย สินชัย พิบูลวาณิช
2. นาง สุภาพ พิบูลวาณิช
3. นางสาว ปัทมา พิบูลวาณิช
4. นาย ภาณุชัย พิบูลวาณิช
5. นางสาว พรทิพย์ พิบูลวาณิช
6. นางสาว วไลภรณ์ พิบูลวาณิช/
3 กรรมการซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้คือ
นางสุภาพ พิบูลวาณิช
หรือ นางสาวปัทมา พิบูลวาณิช
หรือ นางสาววไลภรณ์ พิบูลวาณิช
หรือ นายภาณุชัย พิบูลวาณิช คนใดคนหนึ่ง
ลงลายมือชื่อและประทับตราของบริษัท/
4 ทุนจดทะเบียน 120,000,000.00 บาท
5 ที่ตั้ง 225/75 ถนนร่วมจิตร ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
6 นิติบุคคลนี้ได้ส่งงบการเงินปี 2542 2543 2544 2545 2546 2547 2549 2550 2551
7 วัตถุประสงค์ (55101) โรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม


โดย: อุบลวรรณ วารีกุล IP: 114.128.35.142 วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:15:03:31 น.  

 
นายจีรวัฒน์ อำพานทอง
ขอแจ้งให้ทุกท่านตรวจสอบบุคคลชื่อ
น.ส.พิมพ์ประภา จิตรยมนานันท์
ว่าโกงใครมาบ้าง


โดย: จีรวัฒน์ อำพานทอง IP: 49.237.18.201 วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:18:39:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kross_ISC
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 79 คน [?]




Blog จับฉ่ายของ Kross ครับ เทคโนโลยี, การทหาร,Military Expert, การ์ตูน, Anime, Manga, Review, Preview, Game, Bishojo Game, Infinite Stratos (IS), Hidan no Aria, Light Novel (LN)

ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Twitter ที่ @PrameKross
New Comments
Friends' blogs
[Add Kross_ISC's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.