Kross (เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง~
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Fate of Astray: Chapter1.1 - วันแรกของสงคราม

Chapter1: วันแรกแห่งสงคราม

บัดนี้ขอให้เราได้เล่าถึงสิ่งหนึ่ง อดีตอันแสนอ่อนโยนและโศกเศร้าของสาวน้อยผู้เป็นหนึ่งโลหิตที่หลั่งชโลมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้

กาลครั้งหนึ่งไม่นานนัก..
เด็กหญิงตัวน้อยผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี..
มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตอันเรียบง่ายในวัยประถม..
ทว่า..เด็กคนนั้นกลับได้พบเหตุบังเอิญจากโลกต่างมิติ..
สหายและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นก่อเกิดระหว่างสองโลก..
ชักนำให้เธอเข้าสู่ดาวเคราะห์มิดชิลด้า..แดนแห่งเวทย์มนต์
แล้วหญิงสาวผู้เยาว์วัย กลับกลายเป็นจอมเวทย์มนต์ไร้ผู้เปรียบ
.
.
แต่ทว่า แม้สาวน้อยจะเติบใหญ่ ฤาแข็งแกร่งขึ้นสักเพียงใด..
ผู้คนที่เธอต้องปกป้องก็มิได้ลดจำนวนลงแม้แต่น้อย..
แม้ปัจจุบันทั้งสองโลกยังคงเผชิญกับภัยพิบัตินับไม่ถ้วน..
หากมีสิ่งใดก็ตามที่สามารถปกป้องโลกได้อย่างถาวร..
เธอเองก็ยินดีที่จะร่วมไขว่ขว้า..
.
.
เราทั้งคู่คือ “ทาคามิจิ นาโนฮะ” ผู้รับตำแหน่งคาสเตอร์...วีรชนแห่งเวทย์มนต์



----------------------------------
----------------------------------


Day 1[8.30 PM]
Location: 40,000 ฟิต,
เหนือมหาสมุทรแปซิฟิค


ผ่านไปมากกว่า 6 ชั่วโมงจากสนามบินนาริตะ, ท่าอากาศยานนานาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่น เครื่องแอร์บัส A-300 กำลังเดินทางด้วยความเร็วคงที่มุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย

มันก็เหมือนเที่ยวบินปกติที่บินอยู่ทุกวัน ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวญี่ปุ่นพร้อมทั้งมีธุรกิจตั้งรกรากกันทั้งสองประเทศเป็นจำนวนไม่น้อย การที่ชาวอาทิตย์อุทัยจะเดินทางไปประเทศนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใจเลยในสายตาของกัปตันและลูกเรือ ยกเว้นก็แต่... สองผู้เดินทางที่อยู่ในห้อง VIP-First Class ที่ทำให้เหล่าแอร์โฮสเตสผู้ให้บริการรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

“ขออีกแก้วค่ะ”
เสียงใสเจื้อยแจ้วของเด็กสาวตัวเล็กเรียกหาบริกรข้างๆ ด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสา พร้อมกับโบกขวดนมเปล่าไปมา
“รบกวน..ขออีกแก้วค่ะ”
และแทบจะเป็นเสียงเดียวกันแต่น้ำเสียงที่สองนั้นดูสุขุมเยือกเย็นกว่ามาจากสาวร่างสูง ที่กำลังโบกแก้วกาแฟดำที่พึ่งหมดไปหมาดๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทางเหมือนเด็กน้อยข้างๆไม่ผิดเพี้ยน

บริกรสาวประจำเครื่องปราดเข้ามารับออร์เดอร์อย่างว่องไว...แน่นอนว่าผู้โดยสารระดับ First-Class ที่ค่าตั๋วเครื่องบินราคาเฉียดแสนบาทต่อเที่ยวย่อมต้องได้รับบริการอย่างเต็มที่ ซึ่งเหล่าผู้โดยสารทั้งหลายก็มักไม่พลาดที่จะเรียกร้องขอบริการแพงๆ อย่างไวน์ชั้นเลิศหรืออาหารหรูหราเสมอ


แต่สองสาวที่นั่งอยู่นี้กลับไม่ใช่แฮะ...
ในวันธรรมดาซึ่งมีผู้โดยสารไม่คับคั่งนักเหล่าแอร์โฮสเตสและสจ๊วตมักไม่วุ่นวายนักและยินดีบริการพวกเธออย่างเต็มใจ แต่ทว่าเหมือนพวกเธอจะสนใจกับเรื่องอื่นๆรอบตัวซะมากกว่าในตอนนี้ หรือถ้าจะพูดให้ถูกดูเหมือนสองสาวไม่คุ้นกับการเดินทางด้วยอากาศยานซักเท่าไหร่เลย แล้วได้พาสปอร์ตพิเศษกับที่นั่ง VIP ได้ยังไง?

“นาโนฮะๆ ดูซิๆ มีเมฆรูปกระต่ายด้วยหละ...” เด็กสาววัยประถมชี้ไปทางหน้าต่างนอกเครื่องบินอย่างตื่นเต้น

“เออจ้า...ฉันรู้แล้ว…นาโนฮะ ทำเหมือนเด็กไม่เคยเห็นเมฆไปได้ ฉันว่าเธอเคยบินผ่านมาเป็นร้อยเที่ยวแล้วไม่ใช่รึ?” สาวใหญ่ข้างๆขานรับอย่างเหนื่อยหน่ายตลอดเที่ยวบิน 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา นี่น่าจะเป็นครั้งที่สิบแล้วกระมั้งที่นาโนฮะสะกิดเรียกนาโนฮะให้ดูก้อนเมฆทุกก้อนที่เครื่องแอร์บัสบินผ่านทีเดียวแม้จะเป็นเวลามืดค่ำแล้วก็ตามที


แต่ด้วยสายตาของจอมเวทย์ที่เฉียบคมและเซ็นเซอร์ของอาวุธเวทย์มนต์ที่พวกเธอครอบครอง ความมืดรอบตัวยามราตรีนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดเลยหากพวกเธอต้องการจ้องมองสิ่งใดๆรอบตัว แม้มันจะถูกขวางด้วยกำแพงตะกั่วก็ตามที


“จะกินจะดื่มอะไรของให้เรียบร้อยนิดนึงสินาโนฮะ เลอะเทอะหมดแล้ว” นาโนฮะร่างผู้ใหญ่เอ็ด พลางวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่าน แล้วหยิบกระดาษทิชชู่แผ่นเล็กมาซับคราบนมที่เลอะแก้มนาโนฮะตัวน้อยอย่างอ่อนใจ


“แหม...ก็นี้เป็นครั้งแรกที่นาโนฮะได้บินบนเครื่องบินเหมือนคนทั่วๆไปเขานิหน่า...คราวนี้กลับญี่ปุ่นเมื่อไหร่จะได้ไปคุยให้พวกอริสะจังมั่ง...” เด็กน้อยยิ้มแฮะๆ อย่างใสซื่อก่อนหันกลับไปจ้องมองวิวทิวทรรศน์ภายนอกชนิดไม่วางตา


รู้งี้บินมากันเองดีกว่า...เร็วกว่าด้วย
นาโนฮะบ่นในใจพลางหันกลับไปสนใจข่าวสารบนหนังสือพิมพ์หลายเล่มรายวันที่พาดหัวข่าวแปลกประหลาดหลายเรื่อง โชคดียิ่งที่เธอได้รับพรอเนกประสงค์หลายอย่างจากการอัญเชิญเช่น ทักษะเรื่องภาษาต่างๆ ทำให้เธอไม่ลำบากนักในการอ่านบทความจาก นสพ.ไทยรัฐ ที่พาดหัวอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งแน่นอนเธอไม่รู้จักหรอก...แต่มันคงเป็นสถานที่สำคัญสักแห่งของคนในท้องถิ่นนั้นๆที่เธอก็ควรจะใส่ใจไว้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันอาจจะเกี่ยวพันกับคู่ต่อสู้หรือภัยคุกคามต่างๆ


หญิงสาวผู้เป็นวีรชนเปิดหนังสือพิมพ์อีกเล่ม, Times ของสหรัฐอเมริกานั้นก็พาดหัวข่าวอีกเรื่องเช่นกัน ถึงโรคระบาดลึกลับบนเกาะแมนฮัตตัน และข้อสงสัยเรื่องการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพที่น่าสยดสยอง...นาโนฮะอ่านแล้วก็ได้แต่หวังว่าผู้คนที่นั่นจะปลอดภัยโดยเร็ว...


หากฉันได้ครอบครองจอกฯ จะขอพรเพื่อคนที่กำลังลำบากพวกนั้นด้วยละกัน... เธอคิดในใจ...หากทำได้นะ

การเข้าร่วมศึกครั้งนี้จากสายตาของจอมเวทย์ผู้ผ่านประสบการณ์มากมาย เธอพอจะประเมินได้ชัดเจนทีเดียว กับ “ทะเลแห่งแอสเตรย์”, นามของเครือข่ายจอมเวทย์ผู้ก่อตั้งสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ไม่ว่าองค์กรเหล่านี้จะมีใครอยู่เบื้องหลัง แต่ศักยภาพทางการเงินและการเมืองของพวกเขาต้องสูงส่งไม่น้อยทีเดียว แถมทั้งยังให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่นักเวทย์ที่เข้าร่วมการต่อสู้เป็นอย่างดีทีเดียว


ทั้งเครื่องบิน ที่พัก ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องทุกอย่างเธอมีอิสระที่จะเรียกร้องได้เต็มที่หากต้องการซึ่งในตอนแรกนาโนฮะ (9 ขวบ) เองก็ถามนาโนฮะ (25 ขวบ) ว่าควรทำยังไงดีตอนเธอได้รับบัตรเครดิตที่มีวงเงิน 50 ล้านเยนอยู่ข้างใน...ด้วยนิสัยปกติของนาโนฮะทั้งคู่ที่ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย นาโนฮะคนโตก็เสนอแนะแค่ว่าพวกตนต้องการขอพาสปอร์ตสักชุดกับเที่ยวบินสักเที่ยวให้นาโนฮะเดินทางไปสู่ประเทศไทยอันเป็นสนามประลองของวีรชนแค่นั้น


แต่กลับผิดคาดของนาโนฮะทั้งคู่, พวกเธอได้รับตั๋วเครื่องบินระดับVIP ถึงสองชุด พาสปอร์ตสีน้ำเงินอันเป็นสัญลักษณ์ของบุคคลพิเศษจากกระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นถึงสองชุด...และรายชื่อบนพาสปอร์ตนั้นก็เหมือนกันเป๊ะทีเดียวว่า “ทาคามิจิ นาโนฮะ” ต่างกันเพียงแค่รูปถ่ายและอายุที่ระบุไว้แค่นั้นเอง


นาโนฮะอดหวั่นใจไม่ได้ว่าชื่อบนพาสปอร์ตที่ผิดปกติแบบนี้ จะทำให้ตัวเองมีปัญหาตอนเข้าเช็คอินหรือตรวจคนเข้าเมืองรึเปล่า แต่คิดไปก็เท่านั้น หากมีปัญหาจริงๆเธอคงใช้วิธีคืนสภาพร่างเธอเป็นวิญญาณวีรชนแทนที่กายหยาบทั่วไปเพื่ออำพรางสายตาของเจ้าหน้าที่พวกนั้นไม่ยากนัก


ไม่น่าจะมีเพียงแค่พวกเธอที่ได้รับสิทธิพิเศษ... มาสเตอร์และเซอร์แวนท์ของทีมอื่นๆก็น่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกเช่นนี้เหมือนกัน และเมื่อคำนึงถึงความกล้าหาญในการจัดพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่อย่างจัดตั้งสงครามในยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่สะพัดง่ายดายเช่นนี้แล้ว


ทั้ง EGO และ Wizdom นั้นจะต้องมั่นใจในศักยภาพทางการเมืองของตนเอาเรื่องไม่น้อยทีเดียวแฮะ
นาโนฮะเองอดคิดในใจไม่ได้ว่า สองสมาคมนี้ที่รับหน้าที่เป็นตัวแทนสังเกตการณ์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มย่อยหนึ่งในเครือข่ายสหพันธ์จอมเวทย์อย่าง “ทะเลแห่งแอสเตรย์” นั้นจะมีบทบาทสักเพียงไหนในสงครามจอกฯครั้งนี้



แต่ก็นั่นแหละเธอเองก็ไม่คิดมาก่อนเหมือนกัน, ณ โลกคู่ขนานอีกมิติหนึ่งนั้น หลังจากเธอเสียชีวิตไปแล้วในอนาคตพร้อมกับเกียรติประวัติมากมายระหว่างทำภารกิจให้ดาวมิดชิลด้าและสภาแห่งเบลก้า แต่เธอก็เป็นมนุษย์ที่มีอายุขัยที่เมื่อยามสิ้นใจชื่อเสียงของเธอได้เป็นสิ่งที่ส่งให้วิญญาณเธอนั้นได้ถูกจัดขึ้นสู่ทำเนียบของ “บัลลังก์วีรชน”



ณ ดินแดนแห่ง “บัลลังก์วีรชน” มิติที่ผู้เก่งกล้า เปี่ยมชื่อเสียง หรือได้ทำพันธะสัญญากับจิตวิญญาณแห่งโลก เมื่อพวกเขาสิ้นชีวิตในยุคสมัยของตน ไม่ว่าจะจากจักรวาลหรือโลกคู่ขนานใดๆก็ล้วนถูกบันทึกไว้ทั้งสิ้น, ตัวตนของนาโนฮะจอมเวทย์ผู้แข็งแกร่งแห่งมิดชิลด้าก็ถูกรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอเองก็ควรหลับใหลอยู่ตลอดไปในฐานะตำนานเฉกเช่นวีรบุรุษ/สตรีท่านอื่นๆ



แต่ไม่นานก่อนหน้านี้ ตัวตนของเธอได้ถูกเรียกขึ้นมาอีกคำรบ เสียงเรียกร้องของจอมเวทย์น้อยจากโลกภายนอกผ่านพิธีอัญเชิญนั้นได้เชื่อมต่อไปสู่บัลลังก์วีรชน เพื่อเรียกหายอดวีรบุรุษและสตรีไปร่วมต่อสู้โดยมีจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงอำนาจเป็นรางวัลแก่ผู้ที่สามารถชิงชัยในการสัประยุทธ์ครั้งนี้


มาช่วยฉัน...มาร่วมสู้กับฉันที...
เสียงที่เรียกร้องมาสู่นาโนฮะผู้หลับใหลในทำเนียบวีรชนนั้นคุ้นหูและรู้สึกคุ้นเคยกับตัวเธอเป็นเป็นอย่างยิ่งราวกับเป็นคนที่ใกล้ชิดเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต เธอรู้สึกสงสัยอย่างยิ่งและตัดสินใจตอบรับคำเชื้อเชิญอันนั้นสู่สงครามครั้งใหม่


แล้วเธอก็ต้องถึงกับตะลึงเมื่อผบว่าจอมเวทย์ผู้อัญเชิญตัวเธอข้ามกฎเกณฑ์แห่งกาลเวลา กลับกลายเป็น “ทาคามิจิ นาโนฮะ” เด็กน้อยวัย 9 ขวบเศษ ผู้เป็นตัวเธอเองในอดีตนั่นเอง


ในอีกแง่นึง นาโนฮะเด็กน้อย-ผู้เป็นจอมเวทย์อัจฉริยะมือใหม่ เมื่ออัญเชิญนาโนฮะวัยมากกว่า 20 ปีมาก็ออกจะงุนงงเช่นกันเพราะเธอแค่หวังจะอัญเชิญนักรบที่เก่งกาจสักคนและสามารถร่วมมือและมีอุดมการณ์เหมือนตัวเองที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องความถูกต้อง... แล้วใครหละจะมีอุดมการณ์เหมือนตัวเธอเองมากไปกว่าตัวเธอเอง นี่เป็นคำตอบดีที่สุดเท่าที่จะหาได้กระมั้งสำหรับสถานการณ์เช่นนี้


“คุณนาโนฮะค่ะ” เสียงบริกรสาวดังขึ้นข้างๆตัวเธอที่กำลังครุ่นคิด
“ค่า, ค่ะ....” นาโนฮะทั้งคู่ต่างขานรับพร้อมกัน
“เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ...” แอร์โฮสเตสสาววางขวดนมกับแก้วกาแฟดำหอมกรุ่นลงบนถาดด้านหน้าอย่างคล่องแคล่ว


“แปลกจังนะค่ะ ที่ทั้งคู่มีชื่อเดียวกันเป๊ะๆเลย เป็นคุณแม่กับคุณลูกที่น่ารักจริงๆเลย...” สาวบริกรยิ้มให้เมื่อเห็นนาโนฮะตัวน้อยกำลังใช้สองมือประคองขวดนมกินอย่างน่ารักน่าเอ็นดู

แต่นาโนฮะคนโตกลับถึงกับสะอึกกาแฟดำของตัวเอง... แม่ลูกอะไรกันเล่า! ชั้นไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย เธออดคิดไม่ได้ สงสัยก่อนหน้าจะไปสู้…ต้องมาคุยกันก่อนแล้วว่าจะเรียกใครว่านาโนฮะดี…สับสนชีวิตตัวเองน่าดู

เธอบ่นในใจ พร้อมทั้งอดเหน็บแนมจอกศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ที่ประทานความสามารถเรื่องภาษาต่างๆบนโลกให้กับวีรชนที่มาจุติในสงคราม... นั่นทำให้เธอได้ยินและเข้าใจเสียงซุบซิบของเหล่าแอร์โฮสเตส กับผู้โดยสารรอบข้างทุกคนอย่างที่ไม่ต้องการสักเท่าไหร่นัก


เฮ้ออออออออ.....
นาโนฮะครุ่นคิดไปพร้อมๆกับถอนใจแรงๆอีกรอบ...การที่ถูกตัวเองอัญเชิญมาเป็นข้ารับใช้ของตัวเองนี่ ยิ่งเธอคิดเท่าไหร่นาโนฮะก็ยิ่งมีแต่งุนกับงงอย่างบอกไม่ถูก

อีกไม่ถึง 3 ชั่วโมงเครื่องบินจะเข้าเทียบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ...ศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


Next Chapter
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=kross&month=12-01-2010&group=17&gblog=6



Create Date : 12 มกราคม 2553
Last Update : 12 มกราคม 2553 6:39:13 น. 0 comments
Counter : 1188 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kross_ISC
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 79 คน [?]




Blog จับฉ่ายของ Kross ครับ เทคโนโลยี, การทหาร,Military Expert, การ์ตูน, Anime, Manga, Review, Preview, Game, Bishojo Game, Infinite Stratos (IS), Hidan no Aria, Light Novel (LN)

ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Twitter ที่ @PrameKross
New Comments
Friends' blogs
[Add Kross_ISC's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.