Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
5 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ความรู้พื้นฐานสำหรับการลงทุนในตลาดอนุพันธ์ (ตอนที่3) Options1 : ภาพรวม

และแล้วเราก็มาถึงกำแพงที่สูงที่สุดในการเรียนรู้เรื่องการลงทุนอนุพันธ์ คือเรื่อง Options ผมรู้จัก Options มาประมาณ 6 ปี โดยในช่วงแรกได้แต่อ่านตำราภาษาอังกฤษเท่านั้น กว่าจะได้ trade จริงก็ประมาณ 2 ปีให้หลัง ผมได้รู้จักกับนักลงทุนหลายรายที่มีความสนใจในการลงทุนอนุพันธ์ พยายามที่จะเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ตรงที่ options เพราะรู้สึกว่ามันยาก และไม่เข้าใจ และก็รู้สึกท้อ คิดว่ากลับไปเล่นหุ้นง่ายกว่า รวยกว่า

เรามาคุยกันเรื่อง motivation หรือแรงจูงใจในการเล่น options กันก่อน จากประสบการณ์ที่ได้สัมผัส ตั้งแต่เปิดการซื้อขาย options ตัวเลขผลตอบแทนอยู่ที่ 30% ต่อ 3 เดือน (รอบสัญญา) ไม่ได้โม้ครับ และไม่ได้บอกนะครับว่าผมได้กำไร 30% ทุกรอบ ขาดทุนก็มี แต่ ตัวเลข 30% หมายถึงว่า ถ้าเราวางเป้าและเลือกกลยุทธ์ที่ถูกต้อง และเมื่อจบสัญญา เราควรจะได้ผลกำไรประมาณ 30% ของเงินลงทุน ไม่ต้อง trade ทุกวัน ไม่ต้องมาดูกราฟแนวรับแนวต้าน (แต่ต้องดู movement ของตลาดกรณีที่ต้องทำ repaired strategy นะครับ) rate ผลตอบแทนนี้ รวมถึง การที่ตลาดไม่มีสภาพคล่องแล้ว และ size ของ port ที่อยู่ในเงื่อนไขที่จะทำได้คือประมาณ 20,000 ไปจนถึง 2 ล้านบาท (มากกว่านั้นอาจมีปัญหาเรื่องของไม่เพียงพอ)

เงื่อนไขเดียวที่จะทำให้ port เราได้กำไรในอัตราดังกล่าวคือ เป้าหมายเป็นไปตามที่เราคาดหวัง เป้าหมายของการลงทุนใน options มีแค่ 3 อย่างครับ ขึ้น ลง และอยู่นิ่ง ๆ แค่นี้ครับ (แต่ก็ไม่ง่ายใช่ไหมครับ ที่จะคาดเดาได้ว่าอีกประมาณ 3 เดือนจะเป็นอย่างไร) แค่คาดการณ์ถูก เข้าใจเครื่องมือ(หมายถึงคุณสมบัติของ options) ในการลงทุน 30% เป็น rate ที่ทำได้สบาย ๆ ในตลาดปกติ ในตลาดที่ไม่ปกติ เช่นอย่างกรณีที่ดัชนี swing วันละ 100 จุด ถ้าเป้าหมายถูก กำไรต้องมากกว่านั้นครับ แต่เราเอาสถานการณ์ปกติก็แล้วกัน ย้ำนะครับ ผมไม่ได้บอกว่าทุกคนจะได้กำไรคนละ 30% ต่อรอบ เพราะแม้แต่ผู้ที่อ่านบทความนี้ 2 คนพร้อมกัน อาจมีมุมมองต่อตลาดในอีก 3 เดือนไม่เหมือนกัน เผลอ ๆ กลายเป็นคู่สัญญา (ลงทุนในทิศทางตรงกันข้ามกัน คนนึงมองขึ้น อีกคนมองลง) ก็ได้ และแน่นอนว่าตอนจบ return ของทั้ง 2 คนก็ไม่เท่ากัน และไม่จำเป็นว่า loser จะขาดทุนเท่ากับจำนวนที่ winner ได้กำไร เพราะเมื่อการลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง options ก็มีกระบวนการในการ stop loss ที่ดีกว่า การปิดสถานะ เพราะถ้าเทียบกับลงทุนในหุ้น หากผิดทาง ก็ขายรับขาดทุนไป แต่ options ทำได้ดีกว่านั้น ขึ้นอยู่กับจินตนาการของผู้ลงทุนเลยครับ

ผมเริ่มที่พื้นฐานก่อนนะครับแล้วค่อยลงไปในรายละเอียด ไปช้า ๆ ถ้าไม่เข้าใจกลับมาอ่านซ้ำ พิมพ์ไปอ่านก็ได้ ยังงงอยู่ถามได้ตลอด อย่าลืมว่า ผมตั้งใจเขียนให้เพื่อนที่ไม่มีพื้นด้านการลงทุนเลย ไม่ได้เขียนให้โปรในการลงทุนที่แสวงหาทางเลือกในการลงทุน ดังนั้นหากติดตรงไหน ถามได้ตลอดครับ

Options มี 2 ประเภทคือ Call options และ Put options และธุรกรรมที่เราทำได้มี 2 ประเภทคือ ซื้อ(หรือ long) และขาย(หรือ short) ดังนั้นกลายเป็นว่าเรามีกิจกรรมในการลงทุนได้ 4 แบบ คือ ซื้อหรือขาย call ซื้อหรือขาย put เราทำความรู้จักกับการซื้อก่อน เพราะเข้าใจง่าย แล้วค่อยมาดูเรื่องขาย

การซื้อ call ถ้าให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนการซื้อใบจอง เหมือนที่ผมอธิบายในตอนที่ 1 หรือหากท่านที่มีประสบการในตลาดหุ้น ก็อาจนึกถึง warrant ก็ได้ครับ เหมือนกันเลย คือพอซื้อแล้ว ถ้าราคาดัชนีขึ้น ราคา call ก็จะขึ้นตาม แต่ถ้าราคาดัชนีตก มันก็จะตกไปถึงจุดนึง แล้วก็ตกต่อไปไม่ได้ เพราะมันจะมีค่าเป็น 0 หรือใกล้ ๆ 0 ในกรณีที่ยังไม่หมดอายุ ต่อให้ตกไปเป็น 100 จุด เราก็จะไม่ขาดทุนไปมากกว่าเงินที่เราซื้อ call option ซึ่งต่างจาก การซื้อ futures ที่ถ้าดัชนีตก 100 จุด เราก็ต้องขาดทุนตามส่วนต่างที่เราซื้อมา หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากยอมปิดสถานะ

การซื้อ put จะอธิบายได้ยากกว่า การซื้อ call เล็กน้อย แต่ ให้เปรียบเทียบกับการซื้อประกัน เช่นประกันสุขภาพ เวลาเราซื้อประกัน เราก็จ่ายเงินไป หากไม่เจ็บป่วย เราก็ไม่ได้เงินจากบริษัทประกัน หรือเราเสียเบี้ยไปเต็ม ๆ แต่ถ้าเราเจ็บป่วย เราก็จะเบิกเงินจากบริษัทประกันได้ ยิ่งป่วยมาก ยิ่งได้มาก (ในชีวิตจริง เราคงไม่ต้องการ แต่มองในมุมการได้รับเงิน หมายความว่า เมื่อสถานการณ์ไม่ดี เรายิ่งได้ประโยชน์มากขึ้น)

ถ้ามองในมุมการอ้างอิงดัชนี การซื้อ put หมายถึงว่า เมื่อดัชนีปรับตัวลดลง เราจะได้กำไร ยิ่งลดลงมากเท่าไร จะยิ่งกำไรมาก แต่ถ้าดัชนีปรับขึ้นหลังจากซื้อ สิ่งที่เราขาดทุนก็คือราคา put ที่เราซื้อเท่านั้น ไม่มากไปกว่านั้น

จบตอนที่ 3 ครับ ตอนหน้าจะลงใน รายละเอียดของคุณสมบัติของ options เพิ่มขึ้น อย่าเพิ่งท้อนะครับ ถ้ายังไม่เข้าใจแสดงว่าผมเขียนไม่ดีครับ มันไม่ได้ยากอย่างที่เรากลัวหรอกครับ และเหมือนเดิม อยากได้คำถาม comment หรืออย่างน้อยลงชื่อหน่อยก็ยังดีครับจะได้มีกำลังใจ



Create Date : 05 มกราคม 2554
Last Update : 5 มกราคม 2554 11:21:18 น. 22 comments
Counter : 1760 Pageviews.

 
ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ ขออนุญาตนำความรู้ไปเผยแพร่ต่อนะครับ


โดย: WinE IP: 58.137.36.195 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:9:40:34 น.  

 
สนใจคับ ติดตามอยู่ ขอบคุณมากครับ


โดย: วิชัย IP: 58.11.39.50 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:18:41:20 น.  

 
เท่ากับว่า ตัวอย่าง(คอนโด)ในตอนที่ 2 คือการซื้อขาย call option ใช่หรือเปล่าครับ


โดย: totobest IP: 180.210.216.131 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:18:50:32 น.  

 
ขอบคุณคับ


โดย: kitti IP: 110.49.205.36 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:19:28:43 น.  

 
@totobest ใช่ครับตัวอย่างในตอนที่ 1 เรื่องใบจองคอนโด จะมีลักษณะเช่นเดียวกับ call option


โดย: krit587 IP: 110.168.35.40 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:19:31:46 น.  

 
ติดตามอ่านอยู่ค่ะ


โดย: colafirst IP: 125.25.102.210 วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:20:13:22 น.  

 
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่พยายามที่จะเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ตรงที่ options เพราะรู้สึกว่ามันยาก และไม่เข้าใจ

ตอนนี่เริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ Thanks


โดย: NaNoMat^^ วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:20:18:29 น.  

 
@nanomat^^ ติดตรงไหนถามได้นะครับ อยากให้เข้าใจและไปด้วยกัน


โดย: krit587 วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:21:44:28 น.  

 
น่าสนๆๆ แล้วเวลาลงสนามจริงๆ ต้องซื้อ set50 futures คู่กับ options หรือซื้อ options เดี่ยวๆครับ


โดย: U1000 IP: 58.8.153.69 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:20:23:54 น.  

 
@U1000 2 ปีแรกที่ผมเล่น ผมเล่นแต่ option เลยครับ หลัง ๆ ถึงเอา future มาร่วมด้วย
ก็คิดว่าน่าจะแล้วแต่ style ครับ

ตอนเปิดตลาด option
TFEX เคยมีการจัดแข่งขัน โดยวัดผลประกอบการของ พอร์ทจริง ๆ (ไม่ใช่ port จำลอง เหมือนที่เป็น simulation นะครับ) 10 คนที่ได้ผลตอบแทน(ในรูป % สูงสุด จะได้ไปดูงานที่เกาหลี
ผมเป็นคนเดียวที่ใช้ option ล้วน ๆ ใน port ที่เหลือเล่นแต่ future
แสดงว่า option ก็มี power ในการสร้างผลตอบแทนที่ไม่แพ้ future ถ้าเอามาใช้ได้อย่างเหมาะสมครับ


โดย: krit587 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:21:44:19 น.  

 
มาลงชื่อว่ามาอ่านต่อแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: 3am IP: 183.89.205.126 วันที่: 23 มกราคม 2554 เวลา:18:19:25 น.  

 
ลงชื่อเข้าห้องเรียนค่ะ เปงนักเรียใหม่ จะตามไประดับ intermediate level ให้ได้เร็วๆๆ นี้จ๊ะ



โดย: genie (จีนี) IP: 10.0.2.208, 125.25.252.14 วันที่: 22 มิถุนายน 2554 เวลา:4:44:08 น.  

 
กำลังศึกษา Options อยู่ค่ะ อ่านแล้วได้ประโยชน์มากๆค่ะ
ขอบคุณนะคะสำหรับการแบ่งปัน


โดย: mixmax IP: 124.120.246.61 วันที่: 2 สิงหาคม 2554 เวลา:13:33:55 น.  

 
ขอบคุณมากครับ เขียนบรรยายได้ดีครับ เข้าใจง่าย


โดย: seenin IP: 183.89.126.146 วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:12:25:45 น.  

 
มาแว้วววๆๆๆ


โดย: kenkoong IP: 58.9.6.137 วันที่: 15 มกราคม 2556 เวลา:17:17:46 น.  

 
จะติดตามไปเรื่อยๆค่ะ อ่านแล้วเข้าใจง่ายมากเลยค่ะ


โดย: G IP: 115.87.213.163 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:14:36:37 น.  

 
เยี่ยมมากค่ะ ขอเป็นกำลังใจค่ะ


โดย: Latte IP: 110.171.34.65 วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:7:58:48 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: เจ้าปิ้ง IP: 110.171.33.2 วันที่: 24 เมษายน 2556 เวลา:11:33:38 น.  

 
กำลังเรียนอยู่เลยค่ะ เรื่อง Option นี่ท้อใจจริงๆค่ะ พอได้มาอ่านบทความเริ่มเห็นภาพมาขึ้น ขอบคุณมากค่ะๆ :)


โดย: WS IP: 188.6.125.94 วันที่: 28 เมษายน 2556 เวลา:15:23:56 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับความรู้ดีๆ


โดย: Kang IP: 49.230.255.41 วันที่: 12 ธันวาคม 2557 เวลา:7:54:35 น.  

 
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับความรู้ดีๆ


โดย: Kang IP: 49.230.255.41 วันที่: 12 ธันวาคม 2557 เวลา:7:54:35 น.  

 
ขอบคุณมากๆค่ะ


โดย: finradell IP: 223.204.118.188 วันที่: 18 ธันวาคม 2557 เวลา:22:09:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

krit587
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add krit587's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.