Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

มองตัวเอง: A Critical Look At Myself

คงเป็นตามธรรมเนียมใช่ไหมครับว่าพอสิ้นปีเก่าและเริ่มต้นปีใหม่ เราก็จะควรจะมีการมองย้อนกลับไปและมองไปข้างหน้าเพื่อจุดประสงค์ในการพัฒนาตัวเอง ผมว่าการทำแบบนี้มีประโยชน์นะ อย่างน้อยก็ไม่ให้สิ่งที่ผ่านไปมันผ่านไปเปล่าๆ หันกลับไปมองมันและพยายามกำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ก็ยังดี (ถึงจะได้ทำหรือไม่ได้ทำ และหรือทำได้หรือทำไม่ได้ก็ตามทีเถอะ)

ปีที่ผ่านมาผมทำอะไรไปบ้างและหวังว่าจะพัฒนาตัวเองอย่างไร:

1) งานด้านวิชาการ ก็ทำได้เยอะอยู่ ไปเสนอผลงานหลายที่เลย และทยอยแก้ๆงานเขียนส่งไปที่ต่างๆ อันนี้เป็นที่พอใจ และได้ประสบการณ์เยอะมากในการพัฒนาตัวเอง​ ดังนั้นถ้าจะมีอะไรให้แก้ไข ก็อยากเอาเวลาว่างๆไปใช้ทำงานให้คุ้มค่ามากขึ้น แทนที่จะไปนั่งคิดฟุ้งซ่านในเรื่องไม่เป็นเรื่อง อาจจะได้ผลงานมากกว่านี้

2) งานด้านการสอน สอนวิชาที่ไม่เคยสอนเพ่ิมขึ้น แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่ข้อเสียของตัวเองคือ ไม่ค่อยง้อเด็ก นั่นคือ ถ้าเด็กไม่เรียน ผมก็ไม่สน ไม่คิดที่จะติดตาม หรือทวงถามงาน ผมคิด(เอาเอง)ว่าถึงระดับนี้แล้ว ถ้าไม่อยากเรียน ผมก็ไม่สน ผมสอนคนที่อยากจะเรียน อันนี้อาจจะเป็นทรรศนคติที่ไม่ดี ก็ต้องค่อยๆแก้กันไป เพราะเด็กบางคนก็เหลือที่จะเข็น ผมจึงเฉื่อยๆชาๆที่จะแก้ไขตัวเองในด้านนี้...

3) ชีวิตส่วนตัว อันนี้มีหลายด้าน คงต้องแยกเป็นด้านๆ

3.1) ด้านความรัก เขียนไปแล้วในบลอคที่แล้ว ขอไม่พูดซ้ำ แต่ที่ต้องแก้ไขคือ ต้องรู้จักปล่อยวาง (ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่แค่ "เข้าใจ" แต่ทำไม่ได้)

3.2) ด้านการใช้เงิน อันนี้ค่อนข้างแย่ เนื่องจากรายได้หาได้พอสมควร (ไม่ได้มาก แต่ก็ไม่ได้น้อย) และที่บ้านยังสนับสนุนเรื่องการเงินอยู่ จึงเก็บเงินไม่ค่อยได้ นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบแต่งตัว ชอบเทคโนโลยี ชอบดูแลตัวเอง ชอบอ่านหนังสือ ชอบกิน จึงเสียเงินเบี้ยบ้ายรายทางไปเยอะ เช่น ทำรถ ซื้อเสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หนังสือ ที่เสียเยอะที่สุดน่าจะเป็นการดูและตัวเองกับเสื้อผ้า ต้องยอมรับว่าเป็นคนที่"ละวาง"ไม่ค่อยได้ ไปหาพวกศูนย์ผิวหนังเสียตังค์ทำพวกเลเซอร์เยอะมาก แต่มันก็เห็นผลนะ ซื้อเสื้อผ้าบ่อยมากกกกกก...บางตัวก็แพงเว่อร์ ซื้อจนใส่ไม่หมด แต่ก็ยังซื้อที่เห็นว่าสวย อิอิ

แต่ตอนนี้ลดลงมาบ้างแล้ว คือ พยายามเลิกซื้อเสื้อผ้า (หวังว่าจะทำได้ต่อไป) และจะลองเก็บตังค์ให้มากขึ้นครับ

3.3 ด้านสุขภาพ ออกกำลังกายทุกวัน (หรืออย่างน้อยๆ หกวันต่ออาทิตย์) มาติดต่อกันเป็นปีที่สอง ขึ้นปีที่สาม รูปร่างเปลี่ยนไปในทางที่พอใจ สุขภาพดีขึ้น และทานอาหารได้มากขึ้น (ไม่ต้องอดๆอยากๆ) แต่พยายามเลือกทานของที่มีประโยชน์เท่านั้น อันนี้จะเดินหน้าทำต่อไปครับ

3.4 ด้านความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง ก็มีรุ่นพี่ที่สนิทมาก คอยเป็นที่ปรึกษา กำลังใจ และเป็นเพื่อนคุย เพื่อนเล่น เพื่อนทาน เพื่อนทุกข์ อันนี้ผมโชคดีครับ ก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ไว้ต่อไป...

3.4 ด้านความสัมพันธ์กับคนในสังคม อันนี้พยายามจะทำให้มากขึ้น ตอนนี้อยู่กทม.​ตั้งใจไว้ว่าจะรับอุปการะเด็กหนึ่งคน เพราะเห็นบางคนจบไปได้เป็นดร.บ้าง เป็นครูบ้าง เป็นตำรวจบ้าง ฯลฯ ทำให้คิดว่าถ้าผมช่วยสละเงินช่วยเหลือได้ คงสร้างคนได้ครับ ชีวิตนี้ผมทำเพื่อตัวเอง (ย้อนไปข้อ 3.2 ข้างบน) มาเยอะมากๆแล้ว หรือทำเพื่อคนรอบข้าง เพื่อนสนิท มิตรสหาย ญาติ มาก็พอสมควร ดังนั้นเลยคิดจะ "ขยายวง" ให้มันกว้างขึ้น ที่ทำเพื่อจะลดกิเลสตัวเองลง กิเลสที่ทำเพื่อตัวเองและคนที่เรารักครับ ให้มันสละไปให้คนอื่นบ้าง... เห็นมูลนิธิศุภนิมิตรเค้ามีรายละเอียดว่า ช่วยเด็กปีละห้าพันกว่าบาท (คิดเป็นเงินดอลล่าร์สหรัญคงจะประมาณ ร้อยแปดสิบเหรียญ) ซึ่งจริงๆถือว่าไม่แพงเลย ​(ถ้าเทียบกับการทำเลเซอร์ที่หน้าผมครั้งนึง หรือกางเกงยีนส์ของผมตัวนึง) แต่นี่ช่วยเด็กได้ตั้งทั้งปี ถือว่าคุ้มมากๆครับ

อืมม์ ตอนนี้คิดได้เท่านี้แฮะ จริงๆอยากกลับมาเมืองไทยถาวรแล้วแหละ ประการหนึ่งก็เพราะความรักด้วยมั้ง เป็นคนที่ว่าถ้ารักใคร จะทุ่มให้หมดตัวและรักสุดหัวใจ (ซึ่งก็เป็นข้อเสียด้วย) อีกอย่างรู้สึกรักเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ไม่สบาย(กายและใจ)เท่าอยู่บ้านน่ะครับ

แต่​ด้วยสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทุกทีที่ผมกลับมา ผมก็พยายามทำประโยชน์ให้ประเทศเท่าที่ตัวผมจะทำให้ได้นะ เช่น ไปเลคเชอร์ให้คณะอักษร ส่งบทความเข้าตีพิมพ์ในวารสารของคณะอักษร ณ ตอนนี้ผมทำได้เท่านี้ แต่ผมก็จะทำเรื่อยๆนะครับ และหวังว่าสักวันหนึ่งคงได้กลับไทยอย่างถาวร ที่ยังไม่อยากกลับและกลับไม่ได้ เพราะคิดว่าตอนนี้คิดว่าตัวเองยังไม่เก่ง (ทางวิชาการ) และการอยู่ที่เมกาจะได้รับโอกาสในการพัฒนาตัวเองมากกว่า เนื่องด้วยทรัพยากรพร้อมกว่า เช่น หนังสือ สื่อการสอน เทคโนโลยีในการทำวิจัย เงินทุน ได้เจอคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน ฯลฯ ผมอยากจะออกหนังสือให้ได้สักเล่มก่อน ตอนนั้นผมคงเก่งพอที่จะทำงานวิจัยได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก และก็พร้อมที่จะกลับมาเมืิองไทยอย่างถาวรแล้วครับ...

็สุขสันต์วันปีใหม่ครับ




 

Create Date : 30 ธันวาคม 2551
6 comments
Last Update : 30 ธันวาคม 2551 1:03:07 น.
Counter : 799 Pageviews.

 

Comment Hi5 Glitter

 

โดย: แค่ฟ้ามีดาว ^^ 30 ธันวาคม 2551 1:25:12 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: ANGEL_CS 30 ธันวาคม 2551 2:49:42 น.  

 

Happy new year 2009 .

 

โดย: แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า 30 ธันวาคม 2551 3:59:11 น.  

 

พามาอยู่ที่เมกา ใช้ชีวิตร่วมกันสักพักก็อาจเป็นอีกรูปเเบบหนึ่ง เเต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินของทั้งสองฝ่าย

ปีใหม่นี้ขอให้คุณ krisdauwมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์
ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คิดอะไรสมความปรารถนาทุกประการค่ะ

 

โดย: ยูกะ (YUCCA ) 30 ธันวาคม 2551 6:05:21 น.  

 

 

โดย: CrackyDong 30 ธันวาคม 2551 18:43:30 น.  

 



HAPPY NEW YEAR 2009
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงดลบรรดาลให้คุณ krisdauw
ประสบเเต่ความสำเร็จ คิดอะไรก็สมความปรารถนาทุกประการค่ะ


ขอบคุณสำหรับข้อคิดที่ดีๆที่กรุณาเเนะนำค่ะ การใช้ชีวิตอยู่อเมริกานานพอสมควร เมื่อกลับไปเริ่มที่เมืองไทย ใช้เวลาปรัปตัว สักวันก็อยากกลับมาอเมริกาอีกครั้ง คุณ krisdauwก็ทราบดีอยู่เเล้ว

เเต่ทุกคนย่อมมีเหตุผลส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น ขอให้ความรักอย่าได้มีอุปสรรคใดเกิดขึ้น คุณ krisdauw ให้ความใจจริง ไม่มีสตรีมองข้ามไปเเน่ค่ะ

 

โดย: ยูกะ (YUCCA ) 31 ธันวาคม 2551 1:58:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


krisdauw
Location :
Washington, Seattle United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




Friends' blogs
[Add krisdauw's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.