เมื่อฉันเป็นอาจารย์เต็มตัวในวันเเรก
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันที่สอง แต่เป็นวันผมสอนเป็นวันแรก (เพราะผมสอนวันอังคาร กับ พฤหัส) ถึงแม้ผมจะมีประสบการณ์การสอนนักเรียนอเมริกันมาก่อนห้าปีแล้ว แต่ผมก็เพิ่งได้เป็น full-time, tenure-track professor วันนี้เป็นวันแรก เพราะฉะนั้นความรู้สึกก็รู้สึกต่างไปนิดหน่อย
อย่างแรกคือผมรู้สึกว่าตัวเองมี authority ในห้องเรียนขึ้น เนื่องจากคนส่วนใหญ่มองผมจากภายนอก และคิดว่าผมยังเป็นนักเรียนอยู่ อาจจะเพราะว่าผมตัวเล็ก และหน้าเด็ก (อิอิ) เพราะฉะนั้นเมื่อเราได้ title ว่า assistant professor มา ทำให้รู้สึกถึงความมี authority ขึ้นในชั้นเรียน สังเกตได้จากเด็กในชั้นจะถามเกี่ยวกับประวัติการศึกษาของผมว่าทำไมเรียนจบเร็วจัง ทำ dissertation หัวข้อไหน เป็นต้น เวลาเป็น graduate student และสอน ผมรู้สึก(ไปเองหรือเปล่า) ว่าเด็กไม่ค่อยฟังเราเท่าไร และไม่ค่อยตั้งใจเรียน อาจเป็นเพราะเด็กส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าวิชาไหนสอนโดยทีเอ จะให้เกรดไม่โหด (ซึ่งจริงๆกลับตรงกันข้าม ทีเอ โหดกว่าอาจารย์จริงๆซะอีก คงเพราะกำลังไฟแรง ต้องการให้ทุกอย่างถูกต้องตามหลักมั้งครับ)
จริงๆมันไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนหรอกที่มองว่าผมเป็นนักเรียน แม้แต่อาจารย์ในภาคภาษาอังกฤษบางคน(ที่ยังไม่รู้จักผม หรือรู้จักแล้วแต่จำไม่ได้) ก็ยังนึกว่าผมเป็นนักเรียนเลย อาทิตย์ก่อนเดินเข้าไปในห้องของภาคภาษาอังกฤษ เพื่อไปเอาหนังสือจากชั้นส่วนกลาง มีอาจารย์คนนึง เดินมาหาผม "can I help you?" ผมตอบ "Hi, Sandy, This is Krisda. We had lunch together when I came here for a visit"....เธอหยุดไป พร้อมกับพูดว่า "Oh...Krisda...I'm sorry. I thought you were a student..."
มันก็ดีหรอกนะที่ผมหน้าเหมือนนักเรียน เพราะใครๆก็ดีใจใช่ไหมครับว่า หน้าเด็ก แต่อีกนัยหนึ่งมันก็แปลกนะที่คนทั่วๆไปมักจะ make assumption based on how you look, how you speak, what car you drive, what clothes you wear, etc. เฮ้อ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า don't judge a book by its cover.
เทอมนี้ผมสอน สองวิชาที่แตกต่างกัน แต่มีสอนซ้ำ (นั่นคือ สอนสอง section ของวิชาเดียวกัน) สอนสองวิชาคือ วากยสัมพันธ์หรือไวยากรณ์อังกฤษ และ การเขียนภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกโอเคนะ กับการเตรียมตัวสองวิชา ไม่มากไป
ผมคงไม่สามารถเตรียมตัวสอนสามวิชาในเทอมเดียวได้ เพราะมันหนักเหลือเกิน ไม่เคยคิดเลยว่าเป็นอาจารย์จริงๆมันจะหนักขนาดนี้ เพราะตอนผมสอนขณะที่เป็น grad student มันแค่ตัวเดียวต่อเทอม (นั่นคือ half-time professor) แต่อาจเป็นเพราะผมอัดทุกอย่างภายในสองวันด้วยกระมัง จากแปดถึงห้าโมงเย็น อังคาร และพฤหัส (แต่ยังดีมีพักระหว่างคาบเรียน ชั่วโมงบ้าง สองชั่วโมงบ้าง ให้ผมได้พักทานข้าว ไปออกกำลังกาย ฯลฯ) ผมเลยมีวันหยุด จันทร์ พุธ ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
หลายคนอาจจะบอกว่า เป็นอาจารย์สบายจัง ทำงานแค่ สองวัน วันละเก้าชั่วโมง คนเค้าทำกันสี่สิบชั่วโมง แต่นี่เป็นเพียงแค่ภาพภายนอกเท่านั้น เพราะว่าจริงๆ แล้ว ต้องนับเวลาที่ผมเตรียมตัวสอน เวลาที่ผมถ่ายเอกสาร หรือ ทำชีทแจก เวลาที่ผมเขียนบทความส่ง เวลาที่ผมเข้าประชุม หรือ สัมนา และเวลาที่ผมทำหน้าที่บริการมหาลัยในด้านต่างๆ สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้นับเวลาได้โดยการตอกบัตรเหมือนพนักงานออฟฟิศ มันแค่ดีตรงที่มันเป็น flexible hours คือ ทำตอนไหนก็ได้ที่อยากทำ แต่ถ้านับจริงๆแล้ว ผมว่ามากกว่าสี่สิบชั่วโมง เพราะว่าบางทีอ่านหนังสือ เขียนบทความ ทำๆไปเพลินๆก็สี่ห้าชั่วโมง เพราะรู้สึกสนุกกับมันไงครับ
ปัญหาอย่างหนึ่งที่ผมเจอกับตัวคือ บางทีเราเข้าใจอ่ะ แต่ไม่ทราบจะอธิบายให้นักเรียนเข้าใจอย่างไร เช่น ยกตัวอย่างง่ายๆ In the book are grammar lessons. มองปั๊บรู้ทันทีว่า อะไรคือประธาน อะไรคือ กริยา แต่เด็กอเมริกันไม่เข้าใจอ่ะครับ บางทีไปตอบ book บ้าง ไปตอบ in the book บ้าง คือมันก็ยากเหมือนกัน มันคงเหมือนว่า ให้ผมไปสอน เอ บี ซี กับนักเรียนอนุบาล ผมคงทำไม่ได้หรอก เพราะว่าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรไงครับ เพราะทุกสิ่งมันดูเหมือนง่ายไปหมด
พรุ่งนี้ก็หยุดหนึ่งวัน ก่อนสอนอีกทีวันพฤหัส คืนวันพฤหัส เหมือนปล่อยผีเลยครับ ผมคงขอนอนก่อน แล้ววันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ค่อยทำงานเขียนบทความต่อไป....
Create Date : 22 สิงหาคม 2550 |
|
12 comments |
Last Update : 22 สิงหาคม 2550 10:22:55 น. |
Counter : 1432 Pageviews. |
|
|
|
In the book are grammar lessons เป็น Grammar lessons are in the book.
โชคดี และยินดีด้วยนะค่ะ คุณครูคนใหม่