รำลึกถึงซึ้งค่าครู
ครูคือผู้ชี้ทางสว่างไสว จำใส่ใจให้ลึกซึ้งถึงภพหน้า แม้แต่วันเดือนปีที่ผ่านมา ควรสักคราหรือศิษย์คิดลืมลง
ฉลาดล้ำเพียงใดในวันนี้ ครูล้วนมีส่วนเสริมให้อย่าได้หลง สรรพ์วิชาความรู้ใดใครทะนง ครูบรรจงสั่งสอนศิษย์เลิศวิชชา
ความสำเร็จทั้งมวลล้วนครูนี้ ช่วยบ่งชี้ปูแนวทางวันข้างหน้า บ่มเพาะให้ก่อนก้าวไปในมรรคา เพื่อเติมต่อปรารถนาฐานะตน
ศิษย์ทั้งมวลขอคารวะ ณ ครานี้ ครูผู้ที่ดั่งไฟพร่างสว่างหน ในกลางห้วงดวงจิตศิษย์ทุกคน ไม่มืดมนมีความรู้คู่ปัญญา
ให้อะไรหรือเล่าเท่าความรู้ ดั่งที่ครูผู้ให้ความเลิศล้ำค่า แม้ทรัพย์สินอื่นใดไร้ราคา เมื่อนำมาเปรียบความรู้เชิดชูตน
ความสำเร็จใดใดในชีวิต ล้วนลิขิตเองได้ในทุกหน เมื่อมีความลึกรู้อยู่ทุกคน ย่อมคิดค้นหนทางสว่างไป
โอ้บุญคุณครูที่รักประจักษ์แล้ว ดั่งดวงแก้วส่องทางสว่างให้ แม้ในมืดยังสว่างกระจ่างใจ ควรหรือใครไม่คิดถึงซึ้งค่าครู.
เกรียงไกร หัวบุญศาล ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕
.............เมื่อวันที่๑๑ มกราคมที่ผ่านมา เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งสมัยเรียนอยู่มัธยมศึกษาในจังหวัดบ้านเกิดซึ่งปัจจุบันเป็นครู ได้ส่งอีเมล์เข้ามา บอกว่าอยากจะได้คำกลอนเกี่ยวกับวันครู ตอนแรกไม่รู้ว่าจะเขียนในมุมมองไหนดี เพราะการเขียนอะไรที่เป็นการประกวด หรือข้อกำหนดหัวข้อมา ผมมักจะเขียนไม่ออก มันเกร็งอย่างไรไม่รู้ ในที่สุดจึงตอบเพื่อไปว่า ขอเขียนตามมุมมองของตัวเองก็แล้วกัน
.............เพื่อนบอกว่าจะส่งให้คุณครูที่เคยสอนอยู่ที่โรงเรียนเดิม ซึ่งมีคุณครูท่านหนึ่งที่ยังสอนหนังสืออยู่ที่นั่น หากนับเวลาตั้งแต่ปี ๒๕๓๑ ที่ก้าวผ่านพ้นจากประตูโรงเรียน รวมเวลาถึง ๒๔ ปีแล้วที่จบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาที่บ้านเกิด
...............เมื่อนึกทบทวนดู วันเวลามันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วนัก เท่าที่ทราบข่าวของเพื่อนๆร่วมห้อง มีเพื่อนร่วมห้องจากโลกนี้ไปแล้วหลายคน เพื่อนคนหนึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก เคยถามถึงความฝันของกันและกันขณะเรียนอยู่ชั้นปีสุดท้าย ความฝันของเพื่อนคนนั้นช่างงดงาม เขาอยากเรียนต่อและเป็นครูสอนหนังสือ ใช้ชีวิตที่สงบๆ อยากมีมุมที่อยากเขียนเรื่องราว แต่เขาจากไปขณะที่จบชั้นมัธยมศึกษาไม่นาน และเขาก็ยังไม่ได้เรียนต่อเพราะฐานะทางบ้านไม่อำนวย เช่นเดียวกับผมที่ยังไม่ได้เรียนต่อ ต้องใช้เวลาถึง ๓ ปี กว่าจะทำงานและเริ่มเรียนต่อ
..............ทุกคนต่างก็มีความฝัน ครูคือผู้ประสิทธิ์วิชาให้ ไม่ว่าลูกศิษย์จะก้าวไปสู่ความสำเร็จของชีวิตในจุดไหนก็ตาม
..............คำพูดของครูคนหนึ่งซึ่งผมยังจำได้ดี คุณครูคนนั้นคือคุณครูพิมลรัตน์ (แต่จำนามสกุลของท่านไม่ได้แล้ว)ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของผมในชั้น ม.๖ วันนั้นใกล้สอบเทอมสุดท้ายหรือว่าระหว่างสอบเทอมสุดท้ายผมก็ไม่แน่ใจ คุณครูได้เดินเขามาพูดกับผมขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่คนเดียวในช่วงพักระหว่างวัน คุณครูพิมลรัตน์นั่งพูดกับผมที่โต๊ะเรียนสองต่อสองว่า ให้ผมสู้ และหาหนทางเรียนหนังสือต่อไปให้ได้ อย่าท้อแท้ ผมตอบคุณครูไปว่า ผมคงเรียนต่อไม่ได้ เพราะทางบ้านผมคงไม่มีเงินส่งให้เรียน แต่ครูบอกว่า การเรียนนั้นเรียนที่ไหนก็ได้ ขอให้เรียนให้จบ ความรู้จะนำไปสู่อนาคตที่ดี
...............ผมซึ้งในน้ำใจของคุณครูพิมลรัตน์จนตื้นตันใจ ก่อนคุณครูจะลุกเดินไป คุณครูยังบอกว่า ขอให้เข้มแข็ง ความจริงแล้ว ในความคิดผมในขณะที่เรียนอยู่มัธยมนั้นผมคิดอยู่เสมอว่าจะต้องหาโอกาสเรียนให้ได้ แต่เมื่อคุณครูพิมลรัตน์เข้ามาพูดให้กำลังใจนั้น ทำให้มีพลังขึ้นมากมาย
................การที่เพื่อนส่งอีเมล์มา ทำให้ผมได้ระลึกถึงวันเก่าๆ ซึ่งมีเรื่องราวมากมายที่ไม่อาจจะบรรยายได้หมด และได้ระลึกถึงคุณครูที่เคยสอน
................จึงได้เขียนถึงคุณของคุณครูทุกๆท่านที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้เนื่องในโอกาสวันครูในวันที่ ๑๖ มกราคม ปีนี้ โดยได้นำมาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วย ดังนี้
Create Date : 15 มกราคม 2555 |
|
2 comments |
Last Update : 19 มกราคม 2555 14:11:26 น. |
Counter : 1021 Pageviews. |
|
|
|