ภาพของความจริงที่มนุษย์หลงลืม
.................ภาพของน้ำท่วมทางภาคเหนือ ผมเห็นเพียงผ่านสื่อ และรับรู้จากการบอกเล่าจากเพื่อนรุ่นน้องที่บ้านอยู่จังหวัดเชียงใหม่ และรุ่นพี่ที่อยู่จังหวัดเชียงรายที่ยังไม่ได้กลับมากรุงเทพฯ
................เป็นภาพที่สะท้อนถึงความทุกข์ยากของผุ้ที่ประสบภัยจากอุทกภัย เป็นภาพที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในที่ใดๆของประเทศไทย และไม่อยากให้เกิดขึ้นในที่ใดๆในโลก
................ทั้งน้ำท่วมและโคลนดินที่ถล่มลงมาจากที่สูง สร้างความสูญเสียอย่างมหาศาล เหมือนกับการจ่ายค่าราคาที่แพงแสนแพง
...............มันเป็นภัยธรรมชาติที่ทุกข์ทรมานต่อผู้ที่ประสบเหตุ แต่มันก้เป็นภัยธรรมชาติที่สืบเนื่องมาจากการกระทำของน้ำมือมนุษย์ส่วนหนึ่ง
................ป่าไม้ที่อยู่บนเขาหรือที่สูงถูกตัดลงไปมาก ทำให้หน้าดินไม่อาจจะดูดซับน้ำหรือชะลอการไหลของน้ำได้ เมื่อฝนตกหนัก น้ำจึงไหลบ่าลงมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโคลนดิน
.................สมัยเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษา ผมได้อ่านตำราเรียน ได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องการรักษาป่า ได้อ่านเกี่ยวกับเรื่องของต้นไม้ช่วยซับน้ำ ช่วยบังลมฝนพายุ และให้ร่มเงาที่แสนร่มรื่น ช่วยให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
...............แต่ตอนนั้น ต้นไม้มากกว่าทุกวันนี้ หลายคนซึ่งก้เคยอ่านตำรานี้เช่นกันอาจจะมองไม่เห็น สิ่งที่มองไม่เห็นจำไม่สามารถมองไปถึงอนาคตได้ การตัดไม้ทำลายป่าจึงมีอยู่ทั่วไป
...............ความเห็นแก่ตังของคนบางกลุ่มบางพวกที่มุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ การมองอะไรที่สั้นๆของคนบางกลุ่ม ได้ย้อนกลับเข้ามาสู่ปัญหาอันหลากหลายที่เกี่ยวเนื่องกับวีถีธรรมชาติ
.................วิชาการและความเจริญที่ออกห่างและย่ำยีธรรมชาติ เป็นสิ่งที่จะนำมาซึ่งภัยพิบัติที่น่ากลัวในอนาคต สิ่งเหล่านี้ล้วนแจ้งประจักษ์อยู่ในปัจจุบัน
................มนุษย์เมื่อเจริญขึ้น วิทยาการสูงส่งขึ้น หากละลเยลืมเลือนต่อวิถีของธรรมชาติย่อมจะบทกับเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว
................แท้จริงแล้ว ..............วิถีชีวิตของมนุษย์ไม่ได้ออกไปจากวิถีธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ความเจริญและวิชาการที่สูงขึ้นของมนุษย์ได้ปิดบังความจริงบางด้านไป เพราะดวงตาและดวงใจอันมืดบอดของมนุษย์เอง
..............ก่อนที่เป็นป่าเขา ทุ่งหญ้าเนินเขา กลับกลายเป็นเมืองเป็นชุมชน คนรุ่นต่อมาแทบจะไม่รู้ว่า ณ ที่ที่เขายืนอยู่ก่อนี้เป็นอย่างไร มันเคยถูกธรรมชาติสร้างความสมดุลย์มาก่อนที่มนุษย์จะเหมาเอาว่าเป็นผู้กำหนด
...............จะมีสักกี่คนที่จะมองเห็นความจริงในความจริง จะมองเห็นวิถีชีวิตของตัวเองที่ยังคงแนบเนาอยู่กับธรรมชาติ แม้ว่าวิถีชีวิตมนุษย์จะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
..............ธรรมชาติยังคงเป็นธรรมชาติอยู่เช่นนี้ตลอดไป ตราบเท่าที่มนุษย์ยังอาศัยอยู่ในโลกใบนี้
เกรียงไกร หัวบุญศาล ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๙
Create Date : 22 สิงหาคม 2549 |
|
8 comments |
Last Update : 22 สิงหาคม 2549 10:29:55 น. |
Counter : 798 Pageviews. |
|
|
|
ธรรมชาติบอบช้ำ
ก็เพราะจากการซ้ำเติมของมนุษย์
เราจึงเห็นภาพภัยธรรมชาติ ที่รุนแรง และ บ่อยขึ้น
น่าใจหายจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำทักทาย
คุณเกรียงไกร สบายดีเช่นกันนะคะ