1. ปุ่มเปิดแฟลช Pop-Up - กดเพื่อใช้แฟลชหัวกล้องในยามที่ต้องการ
2. สวิตช์ปรับโหมดโฟกัส - เลือก AF เพื่อใช้ระบบออโต้โฟกัส และ M สำหรับระบบแมนวลโฟกัส
3. ช่องต่อไมโครโฟน - แม้ว่าตัวกล้องจะมีไมโครโฟนแบบบิวท์อินอยู่แล้ว แต่ก็สามารถต่อกับไมโครโฟนแยก เพื่อคุณภาพเสียงที่ดีกว่าเดิม
4. พอร์ต USB - สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ เพื่อโอนย้ายไฟล์ภาพ
5. ช่องต่อหูฟัง - เสียบหูฟังเพื่อฟังเสียงจากการบันทึกวิดีโอ
6. พอร์ต HDMI - ใช้เพื่อต่อสาย HDMI จากตัวกล้องเข้าทีวีหรือคอมพิวเตอร์เพื่อชมภาพความละเอียดสูง
5. ด้านขวา
1. สล็อตใส่การ์ดความจำ - โดยกล้อง DSLR รุ่นเก่าจะมี 1 ช่อง ส่วนกล้องรุ่นใหม่ ๆ จะมีมาให้ 2 ช่อง
6. ด้านล่าง 1. ช่องแบตเตอรี่ - ใช้เพื่อถอดและเปลี่ยนแบตเตอรี่ ในกรณีที่ถ่ายภาพจนแบตเตอรี่หมด
2. ช่องต่อแบตเตอรี่กริป - แบตเตอรี่กริปสามารถใส่แบตเตอรี่ได้ 2 ตัว ช่วยให้ใช้งานกล้องได้นานยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลาถอดเปลี่ยน
3. ช่องใส่ขาตั้งกล้อง - กล้องถ่ายรูปทุกประเภทจะมีช่องเพื่อใส่ขาตั้งกล้อง ซึ่งมีลักษณ์เป็นลักษณะวงกลมสำหรับใส่สกรูของขาตั้ง
7. เลนส์ 1. เกลียวฟิลเตอร์ - สำหรับใส่ฟิลเตอร์ตามขนาดของหน้าเลนส์นั้น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเลนส์ได้รับความเสียหาย
2. วงแหวนปรับโฟกัส - ใช้เพื่อปรับโฟกัสแบบมือหมุนในกรณีที่ถ่ายภาพด้วยโหมดแมนวล
3. ตัวเช็กระยะโฟกัส - มีไว้เพื่อให้ผู้ใช้ดูระยะโฟกัสที่ตัวเลนส์
4. ชื่อเลนส์ - ชื่อและรายละเอียดของเลนส์ บอกทั้งระยะโฟกัสและความกว้างของรูรับแสง
5. สวิตช์ปรับโหมดโฟกัส - ปรับไปที่ M/A เพื่อใช้ระบบโฟกัสแบบกึ่งอัตโนมัติ ส่วน M จะเป็นการเลือกใช้ระบบแมนวลโฟกัสเท่านั้น
6. สวิตช์ VR - เลื่อนเปิดเพื่อใช้งานระบบกันภาพสั่นไหวของเลนส์
อย่างไรก็ดี ตำแหน่งการวางปุ่มของกล้องและเลนส์ของแต่ละแบรนด์จะวางแตกต่างกันไป สำหรับคนที่มีกล้องแบรนด์อื่น ๆ ก็สามารถนำไปเช็กดูได้เช่นกันครับข้อมูลจาก gizmag และ digitaltrends
ภาพจาก ephotozine, adorama, imaging-resource
//men.kapook.com/view147510.html