เมื่อตะวันยอแสง..เรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า..พักลงตรงนี่ที่เดิมแล้วหลับตา..
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
28 พฤษภาคม 2552
 
All Blogs
 
ธรรมะสำหรับผู้สูงอายุ หน้า ๒





จิตใจสูงได้เพราะรู้อย่างถูกต้อง


        สูงเพราะเหตุอะไร สูงเพราะรู้ รู้อย่างถูกต้องตามที่เป็นจริงว่าอะไรเป็นอย่างไร อะไรเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่ตื่นเต้นไม่อะไรหมด ไม่รักอะไร ไม่โกรธอะไร ไม่เกลียดอะไร ไม่กลัวอะไร ไม่ตื่นเต้นอะไร นี่ยังชอบไปดูของเล่น บางทีคนแก่ ๆยังไปชอบดูมวย ไปดูกายกรรมไปดูอะไรที่มันน่าตื่นเต้น นี่เพราะยังไม่เห็นว่าเช่นนั้นเอง ถ้าเขาไปโลกพระจันทร์ได้ก็ตื่นเต้น ที่จริงมันก็เช่นนั้นเองแหละ เมื่อทำถูกต้องเช่นนี้มันก็ไปโลกพระจันทร์ได้ ไม่น่าตื่นเต้นอะไรเป็นเรื่องธรรมดา ๆ


        นี่ความที่ว่าสูง สูง สูงจนอะไรท่วมไม่ได้ กิเลสท่วมไม่ได้ ความโลภท่วมไม่ได้ ความโกรธท่วมไมได้ ความหลงท่วมไม่ได้ ความทุกข์ก็เกิดไม่ได้ เพราะมันไม่ไปหลงรักหลงโกรธหลงเกลียด แล้วมันไม่เกิดกิเลส แล้วมันไม่เกิดความทุกข์ดอก ความทุกข์เกิดได้เพราะมีกิเลส กิเลสมันเกิดเพราะไม่รู้ตามที่เป็นจริงว่ามันเช่นนั้นเอง มันจึงโง่ไปว่าน่ารักน่าเกลียด ว่าได้กำไรว่าขาดทุน ว่าแพ้ว่าชนะ ว่าสวยว่าไม่สวย เป็นคู่ ๆไปทุกคู่ ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคู่ มันก็โง่เป็นคู่ ที่จริงมันเป็นเช่นนั้นเอง ในเรื่องเหล่านี้มันเช่นนั้นเอง เพราะมันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เป็นไปตามวิสัยโลกเป็นไปตามธรรมดาโลก
เพราะไม่เห็นว่ามันเช่นนั้นเองมันจึงเห็นเป็นดีเป็นชั่ว เป็นได้เป็นเสีย เป็นบุญเป็นบาป เป็นสุขเป็นทุกข์ เป็นแพ้เป็นชนะ เป็นมั่งมีเป็นยากจน เป็นอะไรต่าง ๆ ที่จริงมันก็คือเช่นนั้นเอง คือเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยของมันเช่นนั้นเอง เมื่อเราต้องการจะไม่ยากจน ก็ทำให้ถูกเรื่องเช่นนั้นเองของความไม่ยากจน อยากจะดีก็ให้ถูกต้องตามเรื่องของดีก็ดี แต่ว่า
ถ้าไปทำยึดมั่นเข้าแล้ว มันกัดเอาทั้งนั้นแหละ บุญก็ดีความสุขก็ดี อะไรก็ดีถ้าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเราของเราแล้ว มันหนักอกหนักใจ นอนไม่หลับทั้งนั้นแหละ



มีหรือเป็นไม่ถูกต้องเพราะความยึดมั่น


        ขอให้ไปดูในเรื่องนี้ว่า ถ้าไปยึดมั่นว่าเป็นตัวเราหรือของเราแล้ว มันก็หนักอกหนักใจนอนไม่หลับทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดมั่นถือมั่นเอามาเป็นเราเป็นของเราเลย ให้มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเช่นนั้นเอง ถ้าเราจะเอามากินมาใช้มาเกี่ยวข้องก็ให้รู้จักเช่นนั้นเอง ใช้อย่างเช่นนั้นเอง อย่าเอามาเป็นตัวกูเป็นของกู ให้มันเป็นเช่นนั้นเองตามธรรมชาติ


        เงินทอง ข้าวของ วัวควาย ไร่นา ก็มีอย่างเช่นนั้นเอง จะกินจะใช้ก็ทำไปอย่างเช่นนั้นเอง อย่าเอามายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวกูเป็นของกู เป็นตัวเราเป็นของเรา ให้มันเป็นไปเช่นนั้นเองไปตามธรรมชาติ วัวควายก็ให้มันอยู่ในทุ่งนา อย่ามาอยู่บนหัวของเจ้าของ นอนไม่หลับ เงินเอาไปฝากไว้ในธนาคารก็อยู่ในธนาคาร อย่ามาสุมอยู่บนหัวของเจ้าของแล้วนอนไม่หลับ ลูกหลานเหลนก็เหมือนกันแหละ ให้มันเป็นเช่นนั้นเอง ให้มันถูกต้อง อย่ามาสุมอยู่ในอกในใจคนแก่ ๆ จนนอนไม่หลับ นี่เพราะยึดมั่นถือมั่นแล้วมันเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น จะทำให้เป็นทุกข์ทรมาน เรียกว่ามันกัดเอา


        ถ้าปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ มันก็ไม่ทำอันตราย มันเป็นเช่นนั้นเอง แต่พอเอามายึดถือว่าตัวกู-ของกูมันก็กัดเอาทันที เพราะยึดมั่นถือมั่นมันจึงกัดเอา เหมือนกับว่าถ้าเรายกขึ้นมาหิ้วไว้ มือมันก็หนัก ไม่หิ้วมันก็ไม่หนักมือ ถ้าเราปล่อยวางเสียมันก็ไม่หนักมือ พอเรามาหิ้วมาถือไว้มันก็หนักมือ นั่นแหละคือมันกัดเอา จะมีก็มีโดยที่ไม่ต้องยึดมั่นถือมั่น มีอย่างถูกต้องตามเช่นนั้นเองก็มีได้ มีเงินมีทอง มีอะไรก็มีได้โดยไม่ต้องหนักอกหนักใจ ถ้ามีไม่เป็นแล้วมันก็กัดเอา มันหนักอกหนักใจนอนไม่หลับ เป็นบ้าก็มี ฆ่าตัวเองตายก็มี เพราะมีเป็นตัวกูของกู นี้มันเกิดเข้าใจผิดเป็นตัวเป็นของตัวขึ้นมา มันก็เห็นแก่ตัว เมื่อยึดมั่นก็เกิดความเห็นแก่ตัว


        เมื่อเห็นแก่ตัวมันก็เกิดกิเลส เกิดความโลภ ความโกรธ ความหลง เมื่อเกิดกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง มันก็ต้องเกิดความทุกข์แหละ แล้วมันก็ไม่รักผู้อื่น มันก็ไม่ช่วยใครดอก เพราะมันเห็นแก่ตัวมันก็ไม่เห็นแก่ผู้อื่น เพราะเห็นแก่ตัวมันก็ไม่เห็นแก่ธรรมไม่เห็นแก่ความถูกต้อง มันเห็นแก่ตัวเรื่อยไป เดี๋ยวนี้ในโลกมีแต่คนเห็นแก่ตัวจึงเบียดเบียนกัน เบียดเบียนกัน ดูซิเบียดเบียนกันเท่าไหร่ ที่ไหนก็ตามเพราะเห็นแก่ตัวมันเบียดเบียนกัน เกิดเป็นคนมั่งมีกับคนยากจนเห็นแก่ตัว ต่อสู้กัน คนมั่งมีเป็นนายทุนก็เห็นแก่ตัว คนยากจนเป็นกรรมกรก็เห็นแก่ตัว เป็นคอมมิวนิสต์ นายทุนก็เห็นแก่ตัว คอมมิวนิสต์ก็เห็นแก่ตัว ก็ได้กัดกันไม่มีที่สิ้นสุด นี่มันเป็นเรื่องกิเลสเพราะไปยึดมั่นถือมั่เป็นตัวเป็นของตัว แล้วก็มีของสวยของงามของหอมของเอร็ดอร่อยเพิ่มขึ้น ๆ ส่งเสริมความเห็นแก่ตัว


        เดี๋ยวนี้ในโลกมันยิ่งเห็นแก่ตัว ก็เพราะมันมีการส่งเสริม มีเครื่องส่งเสริม มีของสวยของงามของเอร็ดอร่อยมาส่งเสริม มันก็ยิ่งเห็นแก่ตัวนี้ คนไม่รู้ความถูกต้อง ไม่รู้ความพอดี ไม่รู้ความสงบ รู้แต่ปรุงแต่ง ปรุงแต่ง ส่งเสริม ปรุงแต่งให้ยิ่ง ๆขึ้น ๆไป ไม่มีความถูกต้องในการกระทำ เลยไม่มีพอใจอะไร มีแต่ หิว หิว หิว ต่อไป ได้มาเท่านี้ก็หิวให้มากกว่านี้ แล้วก็หิวต่อไป ได้มาเท่านั้นก็อยากมากกว่านั้น ก็หิวต่อไป หิวเรื่อยไป ไม่มีวันหยุดหิว แล้วจะเรียกว่าผู้สูงอายุได้อย่างไร มันก็เท่าเดิมแหละ ถ้ารู้จักลดกิเลส ลดความหิว ลดความต้องการ เห็นว่า โอ๊ยมันเช่นนั้นเองแหละ มันก็เช่นนั้นเองแหละ นั่นแหละ เรียกว่า มีปัญญาสมกับเป็นผู้สูงอายุ รู้จักความถูกต้อง ว่าจะต้องทำจิตใจอย่างไร คิดอย่างไร พูดจาอย่งาไรให้มันถูกต้อง ก็คือธรรม ธรรมะก็คือความถูกต้อง


ธรรมะคือหน้าที่ ต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้อง


        หน้าที่ทุกหน้าที่ทำให้ถูกต้อง แล้วก็จะมีความสุข หน้าที่ ๆนั่นแหละคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ คนเหล่านี้ปากว่าเคารพพระพุทธเจ้า แต่ไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ พระพุทธเจ้าเคารพอะไรรู้ไหม ? พระพุทธเจ้าทรงเคารพธรรมะ ,ธรรมะคืออะไร? ธรรมะคือหน้าที่


        เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วใหม่ ๆท่านถามตัวเองว่า นี่จะเคารพอะไรต่อไปนี้ เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ใคร่ครวญไปใคร่ครวญมา โอ เคารพธรรมะ เคารพธรรมะ จึงประกาศออกว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบันล้วนแต่เคารพธรรมะ เคารพธรรมะคือหน้าที่ ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เป็นพระพุทธเจ้าก็ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ทำหน้าที่ของพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่พระพุทธเจ้าดอก


        เราทั้งหลายเหล่านี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่ทำหน้าที่ของคนก็ไม่เป็นคนดอก ถ้าทำหน้าที่ของเด็กก็เป็นเด็ก ทำหน้าที่ของวัยรุ่นก็เป็นวัยรุ่น ทำหน้าที่ของหนุ่มสาวก็เป็นหนุ่มสาว ทำหน้าที่พ่อบ้านแม่เรือนก็เป็นพ่อบ้านแม่เรือน ทำหน้าที่ของคนแก่ก็เป็นคนแก่ ทำหน้าที่อะไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ เพราะฉะนั้นหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ถูกต้อง อยากจะเป็นผู้พ้นทุกข์อยู่เหนือความทุกข์ ก็ทำหน้าที่ให้มันถูกต้อง


ความสุขหาได้เมื่อทำหน้าที่ถูกต้อง


        หน้าที่ของผู้สูงอายุ เกิดมานานล่วงผ่านวัยมานาน ทำให้ถูกต้อง ทำให้ถูกต้องในหน้าที่นั้น ๆแล้วก็พอใจ แล้วก็เป็นสุข ไม่ต้องมาเที่ยวภาคใต้ให้เสียสตางค์ ล้างถ้วยล้างจานกวาดบ้านถูเรือนอยู่ที่บ้านนั่นแหละ มีสติสัมปชัญญะทำให้ดีที่สุด ให้รู้สึกว่าถูกต้องที่สุด แล้วก็พอใจที่สุด จะมีความสุขที่แท้จริงอยู่เมื่อล้างถ้วยล้างจาม กวาดบ้านถูเรือน ท่านทั้งหลายคงไม่เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ขอให้เอาไปคิดเถิด ความสุขที่แท้จริงมันเกิดโดยไม่ต้องเสียเงินสักสตางค์หนึ่ง อะไรเป็นหน้าที่ทำให้ถูกต้อง แล้วก็พอใจ พอใจแล้วก็เป็นสุข ส่วนที่เอาเงินไปซื้อไปใช้นั้น เป็นเรื่องความเพลิดเพลินที่หลอกลวงทั้งนั้น ยิ่งใช้เงินมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งหลอกลวงมากเท่านั้น ยิ่งใช้เงินมากเท่าไหร่ยิ่งไม่ใช่ความสุขเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องใช้เงินเลย แต่ว่าทำให้ถูกต้องและพอใจ พอใจนี้เป็นความสุขที่แท้จริง


        ตื่นนอนขึ้นมา ล้างหน้าให้ดี ถูฟันให้ดี มีสติสัมปชัญญะให้ดี มีแปรงถูฟัน และฟันเป็นอารมณ์ของสมาธิ ทำด้วยจิตใจที่เป็นสมาธิถูกต้อง ถูฟันล้างหน้าพอใจ ถูกต้องพอใจ เป็นสุขตลอดเวลาที่ล้างหน้า ได้ความสุขที่แท้จริงตลอดเวลาที่ล้างหน้า แต่คนโง่มันทำไม่ได้ คนโง่ทำไม่เป็น บางทีมันไม่อยากจะล้างหน้าเสียด้วยซ้ำไป เมื่อล้างหน้าจิตใจมันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ โกรธใครรักใครอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีสติสัมปชัญญะสมาธิในการล้างหน้าและถูฟัน ก็ไม่ได้รับความพอใจและเป็นสุขในขณะที่ล้างหน้าและถูฟัน


        นี้ไปอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำ มีสติสัมปชัญญะรู้ว่าเป็นหน้าที่ ถูกต้องที่สุดทำให้ดีที่สุด จะเปิดก๊อกน้ำ จะตักน้ำอาบ จะถูขี้ไคล มีสมาธิอยู่ที่ขี้ไคล ขี้ไคลหลุดออกไปเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าเป็นความถูกต้องและพอใจ เลยเป็นสุขพอใจ เป็นสุขที่แท้จริงตลอดเวลาที่อาบน้ำ แต่คนโง่ทำไม่ได้ จิตใจมันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะอาบน้ำให้ดีที่สุด ไม่ทำปัญญาในการอาบน้ำให้ดีที่สุด มันก็ไม่มีความรู้สึกว่าถูกต้องและพอใจ มันก็ไม่ได้รับความสุขเมื่ออาบน้ำ ก็คิดว่าจะเอาเงินไปหากามารมณ์ ไปเล่นหัวสนุกสนานที่ไหนไปหากันที่นั้น นั้นมันความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ขอให้อยู่ที่หน้าที่ที่ต้องทำแต่ละวัน ๆให้ถูกต้องและพอใจ ทีนี้จะยกตัวอย่างเมื่อไปถ่ายอุจจาระปัสสาวะ เข้าในห้องน้ำเพื่อไปถ่ายอุจจาระปัสสาวะหรือที่ไหนก็ตาม ขอให้มีสติสัมปชัญญะ ทำหน้าที่ถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้ดีที่สุด ดีที่สุด ให้รู้สึกว่าพอใจ ๆก็เลยมีความสุขตลอดเวลาที่ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ แต่นี้คนโง่ทำไม่ได้ เพราะจิตใจมันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันไม่มีสติสัมปชัญญะ ที่จะทำหน้าที่อันนี้ให้ดีให้ถูกต้อง และพิจารณาด้วยสมาธิเลย


        ทีนี้จะไปกินข้าว เข้าไปในห้องอาหาร ต้องมีสติสัมปชัญญะทำให้ดีที่สุด ตักข้าวใส่จาน ตักข้าวใส่ปาก เคี้ยวข้าวกลืน มีสติสัมปชัญญะทำให้ดีที่สุด ถูกต้องที่สุด พอใจที่สุด ก็มีความสุขตลอดเวลาที่กินอาหาร เดี๋ยวนี้ คำนี้ถูกปากมันก็บ้าไปเลย คำนี้ไม่ถูกปากมันก็ด่าเลย มันมัวแต่อร่อยไม่อร่อย ทะเลาะกับความไม่อร่อย ถ้ามีแม่ครัวเป็นลูกจ้างแล้วก็ด่าแม่ครัวเลย ไม่เคยคิดว่านี้มันเช่นนั้นเอง ที่มันไม่มีรสอร่อยก็เช่นนั้นเอง ที่มีรสอร่อยมันก็เช่นนั้นเอง ถ้าผลไม้ลูกนี้มันเปรี้ยวไปก็คิดว่ามันเช่นนั้นเอง เราก็กินของเปรี้ยว ทำไมจะต้องโกรธ ถ้าแตงโมนี้มันจืดไป ทำไมจะต้องโกรธว่ามันเป็นแตงโมชนิดนี้ เราก็กินได้ แล้วมันเป็นชนิดนี้นี่เอง ก็ไม่ต้องโกรธ แล้วยังได้รับประโยชน์ ที่ว่าปกติ ปกติ ปกติ กินอาหารด้วยสติสัมปชัญญะสมาธิและปัญญา มีความสุขว่าถูกต้องแล้วพอใจแล้ว ตลอดเวลาที่กินอาหาร ได้รับความสุขที่แท้จริงไม่ต้องเสียสตางค์สักสตางค์เดียว เพราะว่ามันทำถูกต้อง


        ทีนี้ก็จะมาถึงว่า ล้างถ้วยล้างจานกวาดบ้านถูเรือน จะล้างถ้วยล้างจานก็ได้ กวาดบ้านก็ได้ ถูเรือนก็ได้ จงมีสติสัมปชัญญะ ล้างถ้วยล้างจานกวาดบ้านถูเรือน ถ้าล้างจานก็มีสติอยู่ที่ถ้วยที่จานที่ล้าง ที่ของสกปรกที่ติดอยู่ที่ถ้วยที่จานหลุดออกไป ๆ หลุดออกไป รู้สึกว่าถูกต้อง ๆพอใจ ๆ ก็เป็นสุขในการกระทำอย่างนั้น แต่คนโง่ทำไม่ได้ มันทนทำไม่ได้ เพราะว่าจิตใจมันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ไม่มีสติสัมปชัญญะจะล้างถ้วยล้างจานให้เป็นสมาธิ ให้เป็นปัญยา ให้รู้ว่าถูกต้องแล้วก็พอใจ


        เมื่อกวาดบ้านขอให้จิตใจอยู่ที่ปลายไม้กวาด เป็นสมาธิที่ปลายไม้กวาด ขี้ฝุ่นที่อยู่ปลายไม้กวาดเป็นอารมณ์ของสมาธิ แล้วก็กวาดไป กวาดไปด้วยสติด้วยสมาธิ ถูกต้อง พอใจ ๆ เลยมีความสุขที่แท้จริงตลอดเวลาที่กวาดบ้าน หรือถูเรือนเหมือนกันแหละกับกวาดบ้าน ผ้าชุบน้ำติดอยู่ที่ของสกปรกเป็นอารมณ์ของสมาธิ ทำไป ทำไป เจริญสมาธิอยู่ที่นั่น จนเสร็จจนถูกต้องพอใจ พอใจ แต่แล้วคนโง่ไม่ทำ ทำไม่ได้ ไม่รู้จักทำ ต้องเอาเงินไปซื้อหาอะไรที่สวยงามหอมหวนสนุกสนาน เอร็ดอร่อยโน่น จึงจะว่าได้ความสุข เป็นความโง่ คือสิ่งที่ได้มานั้นไม่ใช่ความสุข มันเป็นความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ความสุขเป็นความโง่ คือสิ่งที่ได้มานั้นมันไม่ใช่ความสุข มันเป็นความเพลิดเพลินที่หลอกลวง ถ้าเป็นความสุขจริงต้องให้เกิดความรู้สึกว่าถูกต้อง ถูกต้องตามทางธรรมะ เป็นหน้าที่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าก็เคารพ พระพุทธเจ้าเคารพหน้าที่ เดี๋ยวนี้เราก็เคารพหน้าที่ ทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุดตรงกับพระพุทธเจ้า เราก็ยินดีพอใจเป็นสุข เป็นสุขแท้จริง เรียกได้ว่าความสุขแท้จริง ไม่ใช่ความเพลิดเพลินที่หลอกลวงที่เอาเงินไปซื้อไปหามามากมายเต็มบ้านเต็มช่อง หรือนอกบ้านนอกช่อง ต้องไปกินไปเล่นนอกบ้านนอกช่อง มันเป็นความเพลิดเพลินที่หลอกลวง เพราะฉะนั้นอย่าให้ความเพลิดเพลินที่หลอกลวงนี้หลอกลวงต่อไป อย่าให้ความหลอกลวงนี้หลอกลวงว่ามาทัศนาจร มาเที่ยวหาความเพลิดเพลินอย่างนี้ ซึ่งมันก็จะไม่คุ้มค่าเงินก็ได้ มันไม่ฉลาดขึ้น ถ้าฉลาดขึ้นต้องให้เห็นความเป็นเช้นนั้นเอง เช่นนั้นเอง ไปบ้านไหนเมืองไหนไปเที่ยวที่ไหน ไปทัศนาจรที่ไหนก็เห็นความเป็นเช่นนั้นเอง


        ในที่สุดมันก็จะบอกว่า โอ้ นี่ไม่ต้องมาก็ได้โว้ย นี้ไม่ต้องมาก็ได้ มันเป็นเช่นนั้นเอง หาดูได้ทั่วไป ที่บ้านก็มี หาพบเป็นเช่นนั้นเองแล้วก็หยุดทันที จิตมันไม่ปรุงแต่ง จิตมันไม่ฟุ้งซ่าน จิตมันไม่ยึดมั่นถือมั่น มันมีความสุข มีวิเวก มีความสงบที่นั่น ที่ตรงนั้น ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่สักสตางค์แดงเดียว อย่างนี้มันเก่งเท่าไหร่ มันถูกต้องเท่าไหร่มันมีเหตุผลเท่าไหร่ ขอให้ท่านทั้งหลายช่วยพิจารณากันดู


        หน้าที่ที่ถูกต้องพอใจนั่นแหละคือความสุขที่แท้จริง ชาวนาก็ทำนาให้ถูกต้องที่สุดพอใจที่สุด ชาวสวนก็ทำสวนให้ถูกต้องที่สุดพอใจที่สุด คนค้าขายก็ค้าขายให้ถูกต้องที่สุดพอใจที่สุด ทำราชการก็ทำราชการให้ถูกต้องที่สุดพอใจที่สุด เป็นกรรมกรแบกหามก็ทำให้ถูกต้องพอใจที่สุด ยิ่งเหงื่อออกมาก็ยิ่งรู้ว่ายิ่งถูกต้อง แม้ว่ามันอาภัพอับโชคมันต้องนั่งขอทาน ก็ขอทานให้ดีที่สุด ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หาเลี้ยงชีพให้ถูกต้อง ให้ดีที่สุดก็พอใจที่สุด แล้วก็บริหารร่างกาย อย่างว่าจะกินข้าวจะอาบน้ำ จะถ่ายอุจจาระปัสสาวะ บริหารอย่างนี้ก็ทำดีที่สุด จะคบหาสมาคมกับเพื่อน ญาติมิตรสหายทั้งหลาย ก็ทำดีที่สุดถูกต้องที่สุด มีความพอใจที่สุด พอใจเพราะความถูกต้อง ถูกต้อง นึกขึ้นมาก็พบแต่ความถูกต้อง ค่ำลงใคร่ครวญดูว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง ก็พบแต่ความถูกต้อง ๆทุกอิริยาบถ ยกมือไหว้ตัวเองได้ เข้าใจว่าเป็นคำพูดที่ท่านทั้งหลายยังไม่เคยได้ยิน ยกมือไหว้ตัวเองได้เมื่อไหร่เป็นสวรรค์เมื่อนั้น เกลียดน้ำหน้าตัวเองเมื่อไหร่เป็นนรกเมื่อนั้น ไม่ต้องไปหาที่ไหน ถ้าทำจนยกมือไหว้ตัวเองได้ที่ไหนก็เป็นสวรรค์ที่แท้จริงเมื่อนั้น ทำไม่ถูกต้อง เกลียดตัวเองรังเกียจตัวเองอยู่เสมอก็เป็นนรกเมื่อนั้น

พระพุทธเจ้าตรัส สวรรค์-นรก ที่นี่ เดี๋ยวนี้


          สวรรค์ต่อตายแล้วอยู่ข้างบนฟ้า นรกต่อตายแล้วอยู่ใต้ดินนั้น ยังไม่มีปัญหายังอยู่ไกล แล้วควบคุมไม่ได้ทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้ ควบคุมได้ทำได้ ให้เป็นสวรรค์ขึ้มาได้ เมื่อมีความถูกต้องในหน้าที่ที่กระทำ นี่พระพุทธเจ้าท่านตรัส คนก่อนพระพุทธเจ้าเขาถือว่า นรกอยู่ใต้ดินสวรรค์อยู่บนฟ้า ทำบูชายัญทำอะไรแล้วก็ไป พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเขาเชื่อกันอย่างนี้อยู่แล้วนะ เมื่อพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาประชาชนเขาเชื่ออย่างนี้อยู่แล้ว พระพุทธเจ้าก็ไม่ขัดคอ ไม่ขัดแย้ง ไม่ขัดขวาง เมื่อเชื่ออย่างนี้ก็ทำ แต่ตรัสว่า ถ้าอยากไปสวรรค์ก็ทำอย่างนี้ ๆ รักษากุศลกรรมบถ อยากไปนรกก็ทำอกุศลกรรมบถ แต่ว่าฉันเห็นแล้ว นรกอยู่ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อทำผิดพลาดไม่ถูกต้อง สวรรค์ก็อยู่ที่ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจเมื่อกระทำที่ถูกต้อง นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องนรกเรื่องสวรรค์ที่ท่านสอน นรกใต้ดินสวรรค์บนฟ้านั้นเขาสอนอยู่ก่อนพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเขาเชื่ออย่างนั้นอยู่แล้ว ท่านก็ไม่ยกเลิกของเขา ก็ไม่ขัดคอเขา แต่บอกว่าต้องรักษาความถูกต้องจึงจะไปสวรรค์ ถ้าทำผิดพลาดก็ต้องไปนรก เดี๋ยวนี้ฉันจะบอกให้มันชัด อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ว่าอยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นแหละ ทำให้ถูกต้อง ๆเถิด เป็นสวรรค์ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่นี่และเดี๋ยวนี้


       ระวังให้ดีที่ตา หูจมูก ลิ้น กาย ใจ อย่าทำอะไรที่มันผิด มันจะเป็นนรกขึ้นมาที่นี่และเดี๋ยวนี้ แล้วก็ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ถูกต้องและพอใจเหมือนอย่างที่ว่ามาแล้ว ทำหน้าที่ถูกต้องไปเสียหมด ในการหาเลี้ยงชีวิตก็ดี ในการบริหารชีวิตประจำวันก็ดี ในการคบหาสมาคมก็ดี ถูกต้องไปหมด มันก็เป็นสวรรค์ที่นี่และเดี๋ยวนี้ไม่มีนรกเลย นึกถึงทีไรยกมือไหว้ตัวเองได้เดี๋ยวนั้น


       ค่ำลงคิดบัญชีดู โอ๊ะ เต็มไปด้วยความถูกต้อง ยกมือไหว้ตัวเอง อย่างนี้คือ ไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่แท้จริง พระพุทธเจ้าท่านทรงเคารพหน้าที่ ท่านค้นพบเรื่องหน้าที่ สอนเรื่องหน้าที่อันสูงสุด พระธรรมก็คือตัวหน้าที่ที่ท่านสอนนั่นแหละ พระสงฆ์ก็คือผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จจนมีความสุขนั่นแหละ ฉะนั้น ทั้งพระพุทธ ทั้งพระธรรม ทั้งพระสงฆ์ เกี่ยวกันอยู่กับหน้าที่ทั้งนั้น ทำให้ถูกต้องในเรื่องหน้าที่ ถูกต้องพอใจ ถูกต้องพอใจ แล้วก็จะเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์พร้อมกันไปในตัว จึงกล่าวได่ว่ายกมือไหว้ตัวเองเมื่อไรเป็นการไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พร้อมกันไปเมื่อนั้น เพราะเป็นความถูกต้องในเรื่องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่ คำว่าหน้าที่มันมีความสำคัญอย่างนี้ พระพุทธเจ้าจึงเคารพ แล้วคนที่เคารพพระพุทธเจ้านี้มันยังโง่ ไม่เคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าเคารพ


การทำหน้าที่ถูกต้องจะช่วยให้รอด


        ฉะนั้น ขอให้เราทุกคนเคารพสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงเคารพ คือ หน้าที่-หน้าที่ หน้าที่ถ้าเรียกเป็นไทยก็เรียกว่าหน้าที่ ถ้าเป็นถาษาอินเดียโบราณ ก็คือ ธรรมะ ธรรมะ พระธรรม ธรรมะคือหน้าที่ คำเดียวกับคำว่าหน้าที่ในภาษาไทย หน้าที่คือสิ่งที่ที่จะช่วยให้รอด เพราะฉะนั้นจึงเป็นสิ่งเดียวกัน คุณไม่ทำหน้าที่ลองดูซิ ลองไม่ทำ-หน้าที่ดู จะตายทันทีแหละ ที่อยู่ได้เพราะทำหน้าที่ถูกต้อง ฉะนั้นหน้าที่ที่ถูกต้องนั่นแหละคือ ธรรมะ ธรรมะคือหน้าที่ที่ถูกต้องแล้วช่วยให้รอด พอไม่ทำหน้าที่มันก็คือตาย คนก็ตายลองไม่ทำหน้าที่ สัตว์เดรัจฉานก็ตาย ต้นไม้ต้นไร่ก็ตาย ถ้าไม่ทำหน้าที่ เดี๋ยวนี้มันทำหน้าที่อยู่อย่างถูกต้องมันจึงรอดอยู่ได้ มีธรรมะคือการทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ถ้าไม่ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง ไม่มีธรรมดอก ต่อให้ในโบสถ์ โบสถ์ไหนก็ตาม มันไม่ทำหน้าที่ มันมีแต่นั่งสั่นเซียมซี จุดธูปจุดเทียนพูดอ้อนวอนขอร้อง มันไม่ทำหน้าที่อะไร อย่างนี้ในโบสถ์นั้นไม่มีธรรมะเลย ธรรมะไปอยู่กลางทุ่งนา ไถนาอยู่โครม ๆนั่น กลับมีธรรม เพราะว่ามันทำหน้าที่ ฉะนั้นในโบสถ์ต้องทำหน้าที่ ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องทุกกระเบียดนิ้ว ในโบสถ์จึงจะมีธรรมะ ในวัดจึงจะมีธรรมะ แล้วมันก็รอด -รอด ไม่มีหน้าที่ก็ไม่มีความรอด ไม่มีพระเจ้าไหนมาช่วยได้ดอก ให้จุดธูปจุดเทียนบูชาอ้อนวอนขอร้องสักเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าไม่ทำหน้าที่มันไม่รอดดอก มันตาย พระเจ้าสักฝูงหนึ่งก็ช่วยไม่ได้ถ้าไม่ทำหน้าที่ ถ้าทำหน้าที่ หน้าที่นั่นแหละกลายเป็นพระเจ้าขึ้นมา แล้วก็ช่วยให้รอดทันที คงจะเคยได้ยินที่เขาพูดกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ว่าพระเจ้าไม่ช่วยคนไม่ทำหน้าที่นั้นคือความจริงที่สุด เมื่อคนไม่ทำหน้าที่พระเจ้าก็มาช่วยไม่ได้ ตั้งใจจะช่วยก็ช่วยไม่ได้ ทำหน้าที่ หน้าที่ก็กลายเป็นพระเจ้า แล้วก็ช่วย แล้วก็ช่วย ก็ช่วยได้สิ เพราะมันทำหน้าที่นี่ หน้าที่มันก็ช่วย ธรรมะนั่นแหละช่วย หน้าที่นั่นแหละช่วย


        ฉะนั้น อย่ามัวบนบานศาลกล่าวอ้อนวอนให้เป็นไสยศาสตร์ เป็นคนหลับอยู่เลย ไสยศาสตร์แปลว่าเป็นศาสตร์ของคนหลับ พุทธศาสตร์แปลว่าเป็นศาสตร์ของคนตื่น ไสยะ ๆนั้นแปลว่าหลับ ไสยศาสตร์ก็ศาสตร์ของคนหลับ ไม่รู้ ไม่มีปัญญา งมงายไปตามธรรมเนียมประเพณี บนบานศาลกล่าวไปตามธรรมเนียมตามประเพณี มันเป็นไสยศาสตร์อย่างนี้ช่วยไม่ได้ดอก ถ้าไม่ทำหน้าที่ มันต้องทำหน้าที่ พระเจ้าจึงจะเกิดขึ้นและช่วยได้ พุทธศาสตร์มีสติปัญญารู้เรื่องหน้าที่ว่ากรณีนี้ควรทำอย่างไร กรณีนี้ควรทำอย่างไร ก็ทำถูกต้องหมด มันก็ช่วยในตัวมันเอง


        เราเป็นพุทธบริษัทนะ จะต้องถือพุทธศาสตร์นะ เป็นพุทธบริษัทต้องถือพุทธศาสตร์ เป็นพุทธบริษัทอย่าถือไสยศาสตร์เลย มันเป็นศาสตร์หลับ ไม่มีสติปัญญา มันยังหลับอยู่ ได้แต่บนบานศาลกล่าว ขอร้องอ้อนวอน ที่รอดอยู่ได้บ้างเพราะมีการทำหน้าที่ ส่วนนั้นเป็นพุทธศาสตร์นั่น ส่วนที่บนบานศาลกล่าวขอร้องอ้อนวอนนั้นเป็นไสยศาสตร์ เป็นลม ๆแล้ง ๆที่แท้จริงคือหน้าที่ เมื่อทำหน้าที่ถูกต้องก็ช่วยได้ นี้ก็เป็นพุทธศาสตร์


ผู้สูงอายุควรศึกษาปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้อง


        ขอให้มีพุทธศาสตร์มากขึ้น ให้ไสยศาสตร์ลดลง ให้พุทธศาสตร์มากขึ้น ให้ไสยศาสตร์ลดลง นั่นแหละจึงจะเรียกว่าผู้สูงอายุ มีไสยศาสตร์มาแต่เด็ก ๆก็ช่วยไม่ได้เพราะไม่รู้ เดี๋ยวนี้มันอายุมากเข้า ๆเป็นผู้ใหญ่ผู้เฒ่าไสยศาสตร์ควรจะลดลง พุทธศาสตร์ควรจะเพิ่มขึ้น รู้ธรรมะอย่างถูกต้อง ทำได้ถูกต้องไปหมด สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง สัมมาสังกัปโป ปรารถนาถูกต้อง สัมมวาจา พูดจาถูกต้อง สัมมากัมมันโต ทำการงานถูกต้อง สัมมาอาชีโว ดำรงชีวิตถูกต้อง สัมมาวายาโม พากเพียรถูกต้อง สัมมาสติ กำหนดสติถูกต้อง สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นถูกต้อง ถูกต้อง ชอบ ถูกต้อง นั่นแหละรอดได้ นั่นแหละถูกต้อง นั่นแหละรอดได้ ให้หน้าที่ของเราถูกต้อง ๆ ถูกต้องไปทุกหน้าที่ เมื่อทำหน้าที่อะไรขอให้รู้ว่าธรรมะคือหน้าที่ สมมุติว่าคัน คันที่หลังจะเอื้อมมือไปเกา มีสติสัมปชัญญะ ทำหน้าที่เป็นธรรมะให้ถุกต้อง เพียงเท่านี้ก็มีธรรมะแล้ว มีความสุขแท้จริงแล้ว มีความพอใจ มีสติสัมปชัญญะ มีสมาธิ มีปัญญา เพราะว่าเอื้อมมือไปเกาที่คัน นี่ยกตัวอย่างอย่างเล็กที่สุดแล้ว ว่าต้องทำให้ดีที่สุดไม่ว่าหน้าที่อะไร


        ฉะนั้นจงปฏิบัติหน้าที่ในการทำมาหากินให้ถูกต้อง ในการบริหารร่างกายประจำวันให้ถูกต้อง ในการคบหาสมาคมให้ถูกต้อง เรื่องคบหาสมาคมก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน ให้ปฏิบัติหน้าที่ เบื้องหน้าบิดามารดา ทุกคนมีบิดามารดา แม้แก่เฒ่าแล้วก็มีบิดามารดา ปฏิบัติต่อบิดามารดาให้ถูกต้อง ปฏิบัติเบื้องหลังบุตรภรรยาให้ถูกต้อง ปฏิบัติเบื้องซ้ายมิตรสหายให้ถูกต้อง ปฏิบัติเบื้องขวาครูบาอาจารย์ให้ถูกต้อง ปฏิบัติเบื้องบนผู้ที่อยู่เหนือทั้งหมดให้ถูกต้อง ปฏิบัติเบื้องล่างคือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดให้ถูกต้อง นี้เป็นหน้าที่เหมือนกัน หน้าที่ทางสังคมทางสมาคม อย่าได้พร่องเลย ทำมาหากินถูกต้อง บริหารชีวิตถูกต้อง ทำการคบหาสมาคมถูกต้อง ก็เลยถูกต้อง ๆๆเต็มไปหมด


        นี่ผู้สูงอายุที่แท้จริง มีความถูกต้องเพิ่มขึ้น มีความผิดพลาดลดลง มีความผิดพลาดลดลง ถูกต้องมากขึ้น ถูกต้องมากขึ้น จนถูกต้องถึงที่สุด ยกมือไหว้ตัวเองได้ เรื่องก็จบ


        นี้อาตมาขออภัยบ้างที่กล่าวอะไรตรง ๆมันจะเป็นการกระทบกระเทือนบ้าง ก็ขอให้คิดว่ากล่าวด้วยความหวังดี ด้วยความหวังว่า จะเลื่อนชั้นกันขึ้นไปเร็ว ๆจะเลื่อนชั้นเป็นผู้สูงอายุกันขึ้นไป ๆ ๆอย่างถูกต้อง แล้วจะได้ชื่อว่า เป็นผู้สูงอายุโดยแท้จริง คือสูงด้วยคุณธรรมในจิตใจ มีธรรมะมีความถูกต้องอยู่ที่เนื้อที่ตัว ที่กาย ที่วาจา ที่ใจ แล้วเป็นอยู่อย่างสงบสุข ชนิดที่เรียกว่า ว่าง เหนือชั่วก็คือดี เหนือสุขก็คือว่าง เหนือทุกข์ก็คือสุข เหนือสุขก็คือว่าง เหนือบาปก็คือบุญ เหนือบุญก็คือว่าง ว่างไม่มีอะไรมากระทบกระทั่งมารบกวนแม้แต่ประการใด เพราะว่าไม่มีตัวกูไม่มีของกู ไม่มีอะไรยึดมั่นเป็น ตัวกู-ของกู มันก็มีความว่าง อยู่เหนือสิ่งที่มันยั่วยวนล่อหลอกทั้งหลาย ต่อไปนี้อย่าได้มีความรัก อย่าได้มีความโกรธ อย่าได้มีความเกลียด อย่าได้มีความกลัว อย่าได้มีความตื่นเต้น อย่าได้มีความวิตกกังวลอาลัยอาวรณ์ อย่าได้มีความอิจฉาริษยาหึงหวง อย่าได้มีการยกตนข่มท่าน อย่าได้มีการขัดแย้งใด ๆในระหว่างกันและกัน แล้วก็เห็นสิ่งทั้งปวงว่าเป็นเช่นนั้นเอง ไม่เกิดความหวั่นไหวไปตามสิ่งใด ๆ แล้วก็จงมีความสุขเย็น หลุดพ้นจากกองทุกข์อยู่ทุกทิพาราตรีกาลเทอญ.


ขอยุติธรรมบรรยายเรื่องผู้สูงอายุไว้เพียงเท่านี้


(ลานหินโค้ง สวนโมกขพลาราม สุราษฎร์ธานี ๒๒ มีนาคม ๒๕๓๐)


อ้างอิงจาก//olddreamz.com






Free TextEditor


Create Date : 28 พฤษภาคม 2552
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 23:53:25 น. 0 comments
Counter : 926 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาว17
Location :
ลูกสาวเมืองสิงห์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Color Codes ป้ามด







เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตครอบครัว
มีบางครั้งที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
มีบ้างบางครั้งที่เราต้องเลิกทำในสิ่งที่ชอบ
เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตครอบครัว
มีบ่อยครั้งที่เราต้องรู้จักใช้สติ
ต้องรู้จัก อดทน และให้อภัย
ดูอย่างต้นไม้ซิ
มันไม่เคยที่จะผืนลิขิตของฤดูกาล
มันไม่คิดจะขัดธรรมชาติ
เมื่อถึงคราวต้องทิ้งใบก็ยินยอมแต่โดยดี
อดทนและอดทน
เพื่อผลิใบ และดอกผลเมื่อฝนมา
เพราะเมื่อเวลามาถึงทุกสิ่งจะดำเนินไป
ชีวิตที่เรียบง่ายคือชีวิตที่มีสุข








Free Hit Counter ทีเว็บมาสเตอร์ รวมพลคนทำเว็บ
Google
New Comments
Friends' blogs
[Add สาว17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.