| |
ฤดูหนาวปีนี้ใครที่ชื่นชอบความหนาวเย็นคงรู้สึกสะใจไปตามๆกัน เพราะทั้งหนาวหนักและหนาวนานกว่าปีก่อนๆ ทำให้เส้นทางท่องเที่ยวบนแดนดอยของจังหวัดในภาคเหนือคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว คอลัมน์ถนนคนเดินทางฉบับนี้จะพาท่านไปเที่ยวชมเส้นทางท่องเที่ยวประเภทสามัญประจำบ้านของเชียงใหม่ที่ใครๆก็ไปเที่ยวกัน ประเภทนึกอะไรไม่ออกว่าจะไปไหนก็ต้องเส้นทางสายนี้ แม้จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวพื้นฐานแต่กี่ปีกี่ปีก็ความงามก็ไม่มีเสื่อคลาย นั่นคือเส้นทางไหว้พระธาตุดอยสุเทพ ชมพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ แล้วไปสิ้นสุดที่บ้านม้งดอยปุยไง สามัญประจำบ้านดีไหมครับ นับตั้งแต่ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาได้รวบรวมคณะศรัทธาร่วมกันสร้างถนนขึ้นสู่ดอยสุเทพสายนี้แล้วเสร็จปี พ.ศ. 2477 ดอยแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่เคยว่างเว้นจากผู้คนที่มาเยี่ยมเยือน ทั้งจากคนท้องถิ่นและแดนไกล บริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือบริเวณทางขึ้นดอยจึงมักเป็นจุดแวะจุดแรกเพื่อนมัสการน้อมรำลึกถึงบุญคุณของท่านและเพื่อเป็นสิริมงคล เสร็จแล้วยังสามารถเดินไปเที่ยวชมน้ำตกห้วยแก้วที่ขึ้นชื่อของเมืองเชียงใหม่ที่อยู่ใกล้ๆกันได้อีกด้วย จากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยขึ้นมาระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพก็ยังมีน้ำตกรายทางให้แวะเที่ยวชมกันเช่น น้ำตกวังบัวบาน ที่เคยมีตำนานเล่าขานเรื่องของความรัก "น้ำตกมณฑาธาร" ที่มีธรรมชาติสวยงามเป็นแหล่งดูนกดูผีเสื้อที่ดียิ่ง ขับรถชมป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้งผ่านเส้นทางคดเคี้ยวไต่ระดับขึ้นมาเรื่อย ๆ เส้นทางใกล้ถึงบริเวณวัดพระธาตุดอยสุเทพจะมีความชันหักศอกมาก ควรต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่อย่างสูงยิ่ง พระธาตุดอยสุเทพ ถือเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงใหม่ การจะขึ้นไปกราบไหว้พระธาตุจากบริเวณลานจอดรถมีให้เลือกได้สองวิธี คือจะเลือกนั่งรถรางที่ทางวัดมีไว้บริการคนละ 20 บาท หรือเดินขึ้นไปตามบันไดนาคที่ทอดยาวขึ้นไปบนดอย 306 ขั้น ซึ่งคนโบราณถือว่าการเดินเท้าขึ้นไปจะได้บุญกุศลแรงกล้า คนโบราณนั้นเขามีศรัทธาสูงยิ่งจนบางคนถึงกับเดินเท้าแสวงบุญจากเชิงดอยขึ้นมานมัสการพระธาตุก็ยังมีการปฏิบัติกันอยู่จนถึงปัจจุบัน เมื่อก้าวเข้าไปสู่เขตกำแพงแก้วก็จะเห็นพระเจดีย์ที่สูงเด่นสง่าเปล่งประกายสีทองวาววับ ภายในพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากจะมีความสำคัญทางศาสนาและทางประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่แล้ว ผู้ใดที่ได้มากราบไหว้บูชาก็ถือว่าเป็นสิริมงคลกับชีวิต เมื่อเดินทางมาเยือนเชียงใหม่ทีไร หากไม่ได้ขึ้นมานมัสการพระธาตุดอยสุเทพก็ให้รู้สึกเหมือนยังมาไม่ถึงเมืองเชียงใหม่ ในบางครั้งเมื่อไม่มีโอกาส ไม่มีเวลาจริงๆ เมื่อมองจากตัวเมืองขึ้นมาบนดอยสุเทพอันเขียวขจี มองเห็นองค์พระธาตุสีทองเด่นสง่า ผมก็ใช้วิธียกมือไหว้น้อมจิตนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต จากวัดพระธาตุดอยสุเทพขึ้นไปอีกราว 5 กิโลเมตรก็จะถึงทางเข้าพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นพระตำหนักที่ประทับในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงษานุวงศ์เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรมที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรในเขตภาคเหนือ ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 08.30 -16.30 นาฬิกา โดยจะมีการจำหน่ายบัตรค่าบำรุงสถานที่ทุกวันใน เวลา 08.30 -15.30นาฬิกา บัตรราคา 20 บาท ภายในบริเวณของพระตำหนักนับเป็นสถานที่ที่งดงามและน่าเที่ยวชมเป็นที่สุด ยิ่งช่วงเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เราจะมีโอกาสได้ชื่นชมไม้ดอกเมืองหนาว และกุหลาบอีกกว่า 274 สายพันธุ์จากทั่วโลกที่แข่งกันบานอวดสีสันและส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ นอกจากนั้น เราจะได้เห็นกุหลาบพระนามควีนสิริกิติ์สีเหลืองดอกขนาดใหญ่เบ่งบานล้อมรอบรูปปั้นกินรีอยู่ที่หน้าตำหนักใหญ่อย่างใกล้ชิด กุหลาบปิแอร์เดอรองซาร์ดและมารีโรสพุ่มใหญ่ที่บานโอบเลื้อยอยู่ตามเสาและกำแพงอย่างสวยงาม ส่วนกุหลาบพระนามจุฬาลงกรณ์และกุหลาบปาร์เตน็องสีชมพูก็ชูช่อเรียงรายอยู่ในแปลงใกล้ๆ บนพื้นที่กว่า 100 ไร่แห่งนี้ ถูกแต่งแต้มด้วยสวนไม้ดอกอยู่เกือบทั่วบริเวณ เราสามารถเดินชมดอกไม้และพระตำหนักต่าง ๆ เช่น พระตำหนักสิริส่องภูพิงค์ พระตำหนักพยัคฆ์สถิต พระตำหนักพฤกษาวิสุทธิคุณ พร้อมชมสวนสุวรีที่มีซุ้มกุหลาบโรซามัลติฟลอราที่สวยสุด ๆ พร้อมกับชมธรรมชาติโดยรอบได้อย่างไม่รู้เบื่อ นอกจากพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์แล้ว เส้นทางสายนี้ยังจะสามารถเดินทางต่อขึ้นไปชมวิถีชีวิตชาวเขาเผ่าม้งกันที่บ้านม้งดอยปุย โดยขับรถต่อมาราว 1 กิโลเมตรก็จะพบกับทางแยกมีป้ายบอกว่า "บ้านม้งดอยปุย 2 กม. ไปทางซ้าย" อีกป้ายจะเขียนว่า "ลานกางเต็นท์ดอยปุย 4 กม. ไปทางขวา" ตลอดเส้นทางจะร่มครึ้มด้วยร่มเงาของแมกไม้ทั้งสองข้างทางซึ่งทางช่วงนี้ค่อนข้างแคบ แต่ก็ไม่ขรุขระ นาน ๆ จะมีรถขับสวนออกมาบ้าง จึงควรขับด้วยความระมัดระวัง เข้ามาสัก 1.3 กิโลเมตรจะมีจุดชมวิวให้เราจอดลงไปแวะชมหลังคาของบ้านม้งดอยปุยกัน ก่อนที่จะขับลงไปเที่ยวชมภายในหมู่บ้าน ซึ่งบริเวณใกล้ๆกันมีลานกางเต็นท์ของทางอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย บริการนักท่องเที่ยวที่จะมาตั้งแค้มป์ ลานกางเต็นท์แห่งนี้เพิ่งจะเปิดบริการมาได้เพียง 3 ปี นักท่องเที่ยวจะนำเต็นท์มาเอง หรือจะมาเช่าเต็นท์ที่นี่ก็ได้ มีเจ้าหน้าที่และร้านอาหารบริการอยู่ตลอด ห้องน้ำสะดวกสบาย แถมมีศาลาชมวิวเมืองเชียงใหม่ยามราตรี บรรยากาศเหมือนดูดาวบนดินเลยทีเดียว ถ้าหากมีเต็นท์มาเองทางอุทยานฯ คิดค่าสถานที่เพียงคนละ 30 บาท ต่อคน ต่อคืนเท่านั้น ที่บ้านม้งดอยปุยนั้นมีร้านค้าขายหัตถกรรมชาวม้งประเภทผ้าปักลายสวยๆ เครื่องประดับเงิน และสินค้าอีกมากมาย เรื่องราคาก็ลองดูลองต่อรองกันเองนะครับ ส่วนสาวๆที่ขึ้นมาเที่ยวแล้วอยากจะแต่งชุดหญิงสาวชาวม้งเพื่อถ่ายภาพกลับมาเป็นที่ระลึกบริเวณสวนดอกไม้งดงามหลากสี ที่นี่เขาก็มีให้เช่าแต่งกัน ในขณะที่บรรดาหนุ่มๆที่อยากจะประลองฝีมือการยิงลูกดอกหน้าไม้แบบชาวม้ง ที่นี่เขาก็มีให้บริการ 3 ลูก 10 บาท ใครแม่นยำ 3 ลูกก็คงเข้าเป้า ใครที่ยิงเท่าไหร่ก็ยังควานหาเป้าไม่เจอก็อาจจะต้องควักกระเป๋ากันหลายเที่ยวหน่อย เส้นทางท่องเที่ยวง่ายๆสายสามัญประจำบ้านของเชียงใหม่สิ้นสุดลงที่บ้านม้งดอยปุย อากาศเย็นปลายฤดูหนาวในวันนี้ยังมีบรรยากาศของสายหมอก ดอกไม้บานให้เที่ยวชมกัน มีโอกาสก็ลองแวะขึ้นไปชมกันครับ.
โดย : วินิจ รังผึ้ง |