1.3. ตอน โกวเปียพาเข้าหอเจดีย์เหลยฟง "ยอดเขาฟ้าคำรณ"
ตอน โกวเปียพาเข้าหอเจดีย์เหลยฟง "ยอดเขาฟ้าคำรณ" (หังโจว)
นอกจากสะพานต้วนเฉียว โกวเปียขอพาเดินไปทางทิศใต้ เราจะเห็นหอเจดีย์เหลยฟงได้จากทะเลสาบซีหู ยิ่งยามพระอาทิตย์จะอัสดง หอเจดีย์เหลยฟงยิ่งมีความงดงาม หอเหลยฟง แปลว่า หอยอดเขาฟ้าคำรณ หอพระเจดีย์ที่เห็นในปัจจุบัน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2002แทนที่หอเดิมซึ่งทรุดพัง ไปเมื่อปี ค.ศ.1924 หอเหลยฟงเดิมชื่อว่าหอหวงเฟย (皇妃塔หอพระสนม) แต่ไม่ค่อยมีคนนิยม เรียกชื่อนี้ ส่วนใหญ่เรียกว่าหอเหลยฟง ด้วยอิทธิพลจากนิทานเรื่องนางพญางูขาว
ประวัติอันยาวนานของหอเหลยฟงเริ่มตั้งแต่สมัยอาณาจักรอู่เอวี้ย(吴越國) หรือราชวงศ์สุดท้ายก่อนราชวงศ์ซ่ง หอเดิมนั้นสร้างขึ้นในราวคริสตวรรษที่ 10 เป็นหอที่กษัตริย์เฉียนหงชู่ (錢弘俶)กษัติรย์องค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรอู๋เอวี่ย ทรงสร้างขึ้นเป็นพุทธบูชาเพื่อขอพรให้บ้านเมืองสงบสุข โกวเปียอ่านประวัติของกษัตริย์องค์นี้แล้ว ก็อยากสรรเสริญพระองค์ ปกติฮ่องเต้องค์สุดท้ายของราชวงศ์จีนส่วนใหญ่ มักจะสูญสิ้นชาติไปด้วยความไม่ใส่ใจชาติบ้านเมือง ทิ้งขว้างประชาชน มักจะหลงใหลฟุ้งเฟ้อกับความสุขแต่เพียงในวัง แต่กษัตริย์เฉียงหงชู่ไม่ใช่ เพราะส่งห่วงใยราษฎร ประกอบกับรู้พระองค์ว่าไม่สามารถจะต่อต้านกับภัยจากผู้รุกรานได้ จึงยอมรวมอาณาจักรกับราชวงศ์ซ่ง เพื่อลดการสูญเสียเลือดเนื้อ (ที่กล่าวประวัติศาสตร์ช่วงนี้ขึ้นมา เพื่อจะได้เข้าใจว่าทำไมอาณาจักรของพระองค์ถึงสลายหายไป ทั้ง ๆ ที่พระองค์ทรงเป็นพุทธมามกะที่ดีพระองค์หนึ่ง)
มีอีกประวัติว่าไว้ว่าทรงสร้างหอนี้ในโอกาสที่พระสนมหวง (黄妃) ทรงประสูติพระโอรส จึงเรียกหอนี้ว่า หอพระสนม หรือหอพระสนมหวง หอหวงเฟยหรือหอเหลยฟงเก่านั้นเป็นหอทรงแปดเหลี่ยม มีห้าชั้น ตัวหอสร้างด้วยอิฐ แต่ชายคา ระเบียง ชานบันได และราวบันไดสร้างด้วยไม้ เนื่องจากกษัตริย์เฉียนหงชู่ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จึงได้นำหินสลักพระไตรปิฎกมาประดิษฐานอยู่ที่กำแพงชั้นในของหอเหลยฟงเก่านี้ด้วย ยังมีรูปปั้นของพระวชิรอรหันต์ทั้ง 16 รูปเก็บอยู่ที่ฐานหอ ก่อนจะย้ายไปที่วัดจิ้งฉือ (净慈寺) การสูญสลายขอหอเหลยฟงเก่าเริ่มจากที่ในปีศตวรรษที่16 สมัยราชวงศ์หมิง โจรสลัดญี่ปุ่นใน สมัยนั้นเข้าปล้นสดมภ์แล้วเผา หอเจดีย์ส่วนที่สร้างด้วยไม้ ไม่ว่าจะเป็นประตูทางเข้า ชายคา ราวบันได แม้แต่ยอดพระเจดีย์ยังถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน เหลือไว้แต่โครงสร้างอิฐ ต่อมาก็ค่อย ๆ ถูกชาวบ้าน ที่มีความเชื่อว่าอิฐพระเจดีย์นั้นถ้าบดเป็นผงสามารถเป็นยารักษาโรคได้ พากันไปรื้อไปแกะออกมา คงค่อย ๆ กลายเป็นรูโบ๋ แล้วทรุดลงไปทีละน้อย และที่น่าเศร้าใจคือ พระไตรปิฏกที่เก็บไว้อยู่ก็ถูกขโมยไปขาย จนในที่สุด หอเหลยฟงเก่าก็พังทลายลงไปในปีค.ศ. 1924
และหอเหลยฟงใหม่ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็ได้มีมติจากทางการจีนให้สร้างขึ้นทดแทนหอเก่าตรงสถานที่เดิม ด้วยเหตุผลที่เป็นสถาปัตยกรรมโบราณที่มีค่าทางโบราณคดี หอใหม่นั้นสร้างเสร็จในปีค.ศ.2002 คราวนี้คงจะแข็งแรงไปอีกนาน เพราะโครงสร้างเป็นเหล็ก ไม่ใช่อิฐแบบสมัยโบราณ สร้าง 5 ชั้นเหมือนเดิม แถมคราวนี้ มีบันไดเลื่อนด้านหน้าหอเจดีย์ ส่งไปถึงหน้าประตูเลย ประหยัดแรงไปเยอะ แต่ต้องจ่ายเงินนะ ด้านในมีลิฟต์ขึ้นลงไป ไม่ต้องกลัวเหนื่อย งานนี้
(โปรดติดตามตอนต่อไป ตอน นางพญางูขาว ภาคสาม) ข้อมูลที่ศึกษาและภาพจาก 白度百科,ChinaDaily, Wikipedia,搜搜百科 Kowpia-in-shanghai
Pang-Pouille/Dec 15, 2011
Create Date : 07 ธันวาคม 2554 |
|
1 comments |
Last Update : 16 ธันวาคม 2554 6:37:50 น. |
Counter : 2976 Pageviews. |
|
|
|