i.am.not.korr
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
6 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add i.am.not.korr's blog to your web]
Links
 

 
Moderndog and the Postmodernist

วันนี้ผมดู MV เพลง นิยาย (Novel) ของ Moderndog มา
//www.clipmass.com/movie/26239537984814
ทำให้ผมนึกถึง concept ประจำตัวของผมคือ postmodernism

โลกในยุค modern เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารที่ซัดสาดผ่านสื่อ (media) มากมาย เลยทำให้เด็กๆในยุคนี้ เติบโตมาพร้อมๆกับข้อมูลข่าวสารก้อนใหญ่มหึมา ทั้งที่มีประโยชน์ และ ไม่มีประโยชน์

มันทำให้คนในยุค modern เป็นโรคๆนึงโดยไม่รู้ตัว (ไม่รู้ตัวจริงๆ) คือโรค information overload อาการของโรคนี้คือ ไม่รู้ว่า สิ่งไหนดี สิ่งที่ไม่ดี สิ่งไหนจริง สิ่งไหนไม่จริง จีดลำดับความสำคัญของข้อมูลไม่ได้เลย

คนที่เป็นโรค information overload มีอาการคล้ายคนเป็นโรคสมาธิสั้น ขาดสกิลการคัดกรองข้อมูลข่าวสารเบื้องต้น จนทำให้ perception ของที่เป็นโรคนี้ ไม่กว้างพอ (ไม่เฉียบแหลมพอ)

พอ perception ไม่กว้างพอแล้ว ก็เหมือนคนสายตาสั้น

ผลข้างเคียงของโรคนี้คือ ต่อต้านการรับสื่อที่ดี มีสาระ และ มีประโยชน์ สื่อที่เสนอความจริง เช่น สารคดี ที่ไม่มีการปรุงแต่ง บิดเบือน เป็นต้น

หรือเรียกสั้นๆ แบบตรงๆ ก็คือ โง่

ทางแก้ทางเดียวก็คือ ใช้สื่อที่มีความเป็น postmodern เข้ามาแก้

ทีนี้ก็มาเข้าเรื่อง เข้า MV กันดีกว่า

ใน MV นี้ part แรก จะเป็นตาคนนึง แบกผู้หญิงที่เหมือนจะตายแล้วเป็นซากศพ หรือ ยังไม่ตาย ก็ยังไม่สามารถรู้ได้ ภาพที่สื่อออกมา ทำให้ผู้ชมรับรู้ถึงความรู้สึกของความยากลำบาก ความรู้สึกของชีวิตจริง ความรู้สึกของคนจริง สังคมจริง สถานการณ์จริงๆ และ ทำให้ผู้ชมเกิดคำถามว่า กำลังแบกไปไหน แบกมาจากไหน แล้วแบกทำไม เป็นต้น

จุดตัดของเอ็มวี อยู่ในช่วงที่ ตาแก่ เดินผ่านร้านขายชุดแต่งงาน ผู้ชมก็สามารถรับรู้และตอบคำถามบางอย่างในใจได้ หรือ พอเดาได้ว่า ผู้ชาย กับ ผู้หญิง คู่นี้ น่าจะเป็นแฟน หรือ สามีภรรยากัน

จากนั้น ไม่กี่วินาที หลังจากที่ผู้ชมได้รับคำตอบได้อย่างสมใจอยากแล้ว ก็มีฉาก peak ที่สุดของเรื่องคือ อยู่ๆผู้หญิงจะเอามีดมาแทงผู้ชายคนนั้นกันซะดื้อๆ

และนี่คือจุดที่สำคัญที่สุด

คนเราปกติ จะต่อต้านคนที่อกตัญญู อาจจะรู้สึกอะไรบางอย่างที่ขัดแย้ง คือมันไม่เป็นธรรมชาติของคนปกติทั่วไป จะเรียกว่าผิดศีลธรรมอะไรก็ตามแต่

ถ้าเปรียบเทียบก็คือ กำลังทานข้าวกลางวันอยู่ดีๆ ทานไปได้ครึ่งจานเจอขาแมลงสาป อะไรอย่างนั้น

ฉากนี้ ถูกแทรกด้วยเสียง "คัทททท" ของโหน่ง ชะชะช่า ตลกชื่อดัง ที่แค่เห็นหน้าก็ฮาแล้ว

ทีนี้ คนดูก็จะรู้สึกว่า ชิบหาย อุตส่าบิ้วความ drama (ชีวิตจริง) กันมาตั้งแต่แรก มาตัดบทเอาซะดื้อๆแบบนี้เลยหรอ ตลกกันแบบดื้อๆ comedy กันแบบดื้อๆ

ผมขอเรียกช่วงนี้ว่าช่วง stunning

แล้วผู้กำกับ ก็ช่วงชิงช่วง stunning ของคนดู อัดความไร้สาระแบบสุดขีดเข้าไป ใน part หลังสุดของเพลง อัดๆๆๆเข้าไป จนคนงง แล้วก็งงเข้าไปใหญ่ จนคนลืม part แรกไปเลยว่า เป็นอย่างไร ลืม mood ของ part แรกไปเลย

แต่นี่แหละครับ คือวิถีทางของ postmodernist คือสื่อสารอะไรบางอย่างออกไป โดยที่ผู้รับสารไม่รู้ตัวว่าได้รับสื่อนั้นไปแล้ว และ แน่นอน postmodernist ทุกคน ย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่สื่อสารไปในฐานะที่เรา เจาะเข้าไปในจิตใต้สำนึกของคนดู หรือ คนรับสารได้แล้ว ต้องเป็นสิ่งที่ดีเสมอ

สรุปก็คือ mv นี้จะสื่ออะไรก็ตามแต่ อยุ่ที่ระดับการรับรู้ของผู้รับสาร ว่าจะรับได้มากน้อยแค่ไหน

แต่ในมุมมองของผู้สร้าง เขาได้ทำสำเร็จบรรลุความเป็น postmodernist แล้วครับ







Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2555 3:19:30 น. 0 comments
Counter : 593 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.