ทุกเรื่องเล่าที่อยากให้คุณรู้
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
13 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 

เรื่องย่อ ปู่โสมเฝ้าทรัพย์

ปู่โสมเฝ้าทรัพย์
บทประพันธ์ : บุราณ
บทโทรทัศน์ : ศัลยา
ผู้กำกับการแสดง : จรูญ ธรรมศิลป์
รายชื่อนักแสดง
สุวนันท์ คงยิ่ง - พิมาลา หรือมณี
สันติ วีระบุญชัย – สโรช หรือขุนพิชิตพล
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล – ปู่โสม หรือราชครู
ดวงดาว จารุจินดา – ทวดเพ็ง
รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ – โยธิน หรือหมื่นกล้า
รัชนีกร พันธ์มณี – ทวดเพียน
ดอกดิน กัญญามาลย์ – อาจารย์พุทธะ
สมบัติ เมทะนี – เจ้าพระยา
อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา – พลโทพิชัย
ตฤณ เศรษฐโชค – มนัส
ชัชฎาภรณ์ ธนันทา – เจี๊ยบ
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร – พระเจ้าเอกทัศน์
อมรม อัศวนนท์ – ยิปซี
ชาลีต้า กรีน – ซอนญ่า
บรรเจิดศรี ยมาภัย – ยาย
พิราวรรณ ประสบศาสตร์ – พิณทอง
ทัศวรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยธยา – อุบลวรรณ
ธรรมศักดิ์ สุริยน – เตี้ย
พอเจตน์ แก่นเพชร – พระศรีสรราช
ปิยะ ตระกูลราษฎร์ – หลวงไวยนาถ
อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา – แจ่ม
วรารัตน์ เทพโสธร – ยาใจ
ธรรมชาติ เฟร์เน็ท – โทนี่
Photo Sharing and Video Hosting at PhotobucketPhoto Sharing and Video Hosting at Photobucket

"หนักนักเอามั๊ย".....เสียงนี้กังวานก้องเข้าไปในโสตประสาทของคนโลภทุกคน นำให้คนเหล่านั้นพยายามเดินทางดั้นด้นเข้าไปในดินแดน ที่เชื่อว่าจะมีทรัพย์สมบัติที่ถูกฝังอยู่เมื่อเสียก รุง เพื่อขุดทะลุทะลวงแผ่นดินค้นหาสมบัติมาตอบสนองความโล ภของตน โดยหารู้ไม่ว่าทรัพย์แผ่นดินนั้นเป็นของควรคู่กับผู้ มีบุญบารมีที่จะนำไปกอบกู้อิสรภาพของชาติบ้านเมืองเท ่านั้น ผลก็คือความสูญเสีย ความพินาศล่มจม ความเจ็บปวดจนถึงความตาย และความตายนี่เองที่นำไปสู่การแลกเปลี่ยนวิญญาณของคน โลภกับผู้พิทักษ์สมบัติตามกฎของตัวตายตัวแทน
เมษายน พ.ศ .2312 อยุธยาล่มแล้ว แสงเพลิงแดงฉานจับท้องฟ้า ทั้งเมืองถูกเผาผลาญด้วยน้ำมือของศัตรูผู้รุกราน แม้น้ำตาของชาวอยุธยาทั้งหมดรวมกัน ก็ไม่สามารถดับไฟกระหายเลือดของพวกมัน ชาวเมืองต่างหอบลูกจูงหลาน หลบหนีซอกซอนไปแต่ตัว ทิ้งสมบัติมหาศาลฝังจมอยู่ภายใต้แผ่นดินที่ถูกทับถมด ้วยเถ้าถ่าน
กองเกวียนขบวนหนึ่งมุ่งออกจากประตูเมือง กองทหารพม่าตามมาติดๆ อย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ที่ชายป่าชานเมือง ฝ่ายติดตามที่ฮึกเหิมก็ทันกับฝ่ายหนีที่อ่อนล้าและหว าดกลัว อย่างไรก็ตามทุคนในกองเกวียนสู้ตาย ทหารพม่ากำลังมากกว่า แต่ต้านทานแรงฮึดสุดท้ายไม่ได้ล้มตายหมด ขบวนกองเกวียนเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังดินแดนที่ปลอดภ ัยสำหรับของที่บรรทุกมาในกองเกวียน ของสิ่งนั้นคือสมบัติของแผ่นดิน แก้วแหวนเงินทองจำนวนมหาศาลที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้ านพลูหลวง ผู้กำลังจะถึงวาระสุดท้าย มอบหมายให้นายทหารคู่ใจตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมนำไปเก็บ รักษาเพื่อให้ผู้มีบุญนำไปกอบกู้ชาติ
กองเกวียนเดินทางผ่านทุ่งผ่านป่าเข้าสู่หน้าผาสูงชัน แห่งเมืองกาญจนบุรี ใต้หน้าผานั้น คือถ้ำใหญ่ที่เหมาะจะเก็บสมบัติ สมบัติถูกขนอย่างเร่งรีบเข้าไปเก็บในถ้ำ นอกจากเจ้าพระยาเสนาบดีกลาโหม ยังมีราชครูโหรหลวง นางกำนัลผู้ซื่อสัตย์ 4 คน นางกำนัล 2 คนพี่น้องชื่อ เพ็ง และเพียน ขุนพิทักษ์นายทหารผู้ทรยศและชั่วร้ายด้วย
ทรัพย์แผ่นดินปลอดภัยแล้ว ต่อไปคือวางแนวกระสุนดินดำเพื่อระเบิดปิดปากถ้ำ ราชครูบอกกับทุกคนว่า สมบัติจำต้องมีวิญญาณปกปักษ์รักษา เราทุกคนนอกจากเจ้าพระยาขุนทหารที่ต้องกลับไปรบกับพม ่า ต้องสละชีวิตเพื่อชาติ หัวใจทุกดวงที่ได้ฟังคำนั้นต่างก็คิดไปต่างๆ กัน แต่ทุกคนพร้อมที่จะสละชีวิต ยกเว้น ขุนพิทักษ์ และชู้รักคือ นางเพียนที่ลักลอบหนีไปพร้อมสมบัติจำนวนหนึ่ง
เมื่อถึงนาทีสำคัญ แต่ละชีวิตถูกปลิดปลงลงเหมือนใบไม้ร่วง สีหน้าของทุกคนสงบยิ้มน้อยๆ เมื่อดาบคมกริบฟาดลงจนสุดแรง คนถือดาบเองน้ำตาเต็มหน้าเมื่อชีวิตแล้วชีวิตเล่าสิ้ นสุดลง คนสุดท้ายราชครูโหรหลวง “ท่านจงตัดหัวข้า เลือดของข้าจงขีดครอบแดนสมบัติไว้มิให้ใครมา กล้ำกราย หัวของข้า จงใส่พานนี้ตั้งไว้ แล้วหมุนพานไปรอบๆ เพื่อที่ข้าจะได้เห็นศัตรูที่เข้ามาทุกทิศ ต่อจากนั้น ท่านจงระเบิดฝังทุกสิ่งทุกอย่างไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์”
เจ้าพระยาประหารราชครูด้วยน้ำตานองหน้า ศีรษะบรรจงวางลงบนพาน นัยน์ตาปิดสนิท เจ้าพระยาเริ่มเลื่อนพานหมุนไปรอบๆ กระซิบเรียกชื่อราชครูเสียงแผ่วเบา ราชครูลืมตามองกวาดไปทุกทิศทางในขณะที่พานหมุนไป สายตาบอกถึงความเข้มแข็งแน่วแน่ สุดท้ายนัยน์ตาคู่นั้นมองเจ้าพระยาพร้อมกับยิ้มน้อยๆ เหมือนจะเอ่ยคำว่า “ลาก่อน” เจ้าพระยาก้มลงกราบร่างของราชครู ออกนาม “ข้าพเจ้ากราบลาท่านราชครู” ก่อนระเบิดจะดังขึ้น หน้าผาถล่มลงระลอกแล้วระลอกเล่า ปิดขังวิญญาณผู้พิทักษ์ไว้ชั่วกาลนาน
เมื่อเจ้าพระยากับทหารบางคนไปแล้ว คนทรยศทั้งสองหวนกลับมาเพื่อจะเอาสมบัติอีก และถ้ำสมบัติแห่งนั้นก็ได้วิญญาณผู้พิทักษ์เพิ่มเติม อีกสองดวง ด้วยน้ำมือของวิญญาณท่านราชครูผู้มีชื่อเดิมว่า “โสม” และใครๆ ในอยุธยาเรียกว่า “ปู่โสม”
สองร้อยกว่าปีผ่านไป พ.ศ. 2549 กรุงเทพมหานคร
วันนี้เป็นวันหมั้นของ โยธิน และ พิมาลา โยธินรักพิมาลา อย่างคลั่งไคล้ ในขณะที่พิมาลา ไม่มีใจตอบรักโยธินเลย แต่ความที่เป็นลุกกตัญญู จึงยอมทำตามคำสั่งของ พิณทอง ผู้เป็นแม่ พิณทองแม้จะเข้าวัยกลางคนแต่ยังสวย เป็นคนฟุ้งเฟ้อจมไม่ลง หยิ่งยโสในชาติตระกูลผู้ดีเก่า และที่สำคัญพิณทองลักลอบเป็นชู้กับ พลโทพิชัย พ่อของโยธิน ขณะที่มนัส พ่อของพิมาลา ซึ่งเป็นคนดีไม่เคยระแวงสงสัยใดๆ เลย
ขณะที่กำลังทำพิธีกรวดน้ำ คุณยายของพิมาลา กล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้ทวดเพ็งและทวดเพียน พิมาลาถามคุณยายได้ความว่า ทวดทั้งสองคนเป็นบรรพบุรุษมีชีวิตในสมัยอยุธยา เป็นคนกล้าหาญ ยอมตายเพื่อเฝ้าทรัพย์แผ่นดินที่รอดพ้นจากการถูกพม่า เผาผลาญ
ณ ดินแดนดำราวขุมนรก วิญญาณสองดวงผวาขึ้น เสียงเรียกชื่อดังก้องกังวาน เสียงสวดมนต์ดังแว่วๆ มา ชื่อทวดเพ็งและทวดเพียนดังกึกก้อง วิญญาณสองดวงนั้นมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความหวังช่องทา งติดต่อกับสายโลหิตเปิดแล้ว นางเพียนบอกกับวิญญาณดวงอื่นว่าถึงเวลาแห่งการปลดปล่ อยของข้า ไม่ใช่ปู่โสมคนเดียวเท่านั้นหรอกนะที่ลูกหลานคิดถึง วิญญาณนางเพ็งที่สาวท้วงว่า เรามีหน้าที่เฝ้าทรัพย์แผ่นดิน ไปไปไหนไม่ได้ นางเพียนว่าเอ็งอย่าโง่นักเลย
ที่บ้านสวนที่สงบเงียบร่มรื่นแห่งนั้น อุบลวรรณ นิมนต์พระให้รับบาตร เธอหยิบอาหาร ดอกไม้ และธูปเทียนใส่บาตรด้วยหัวใจอ่อนโยนใบหน้าที่ผ่องแผ้ ว แจ่ม แม่ครัวเตรียมของสำหรับกรวดน้ำ อุบลวรรณ กรวดน้ำพร้อมเอ่ยนามผู้ที่อุทิศส่วนกุศลไปให้ และชื่อปู่โสมก็เปล่งออกจากปากของเธออย่างชัดเจน
ปู่โสมรับส่วนกุศลนั้นด้วยสีหน้าสงบ วิญญาณดวงหนึ่ง ถามว่าเหตุใดจึงไม่ไปเกิดเสียที ในเมื่อกุศลผลบุญที่มีผู้อุทิศให้เพียงพอแล้ว จากความอ่อนโยน สีหน้าปู่เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ชี้หน้าตวาดก้องว่า “กูมีหน้าที่ต่อแผ่นดินจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น จนกว่าจะพบผู้มีบุญที่สมควรจะได้สมบัติเหล่านี้ไปกู้ ชาติ”
อุบลวรรณ คือลูกหลานที่สืบทอดเชื้อสายมาจากปู่โสม มีบุตรชายคนหนึ่งชื่อ สโรช ขณะนี้ทำงานเป็นข้าราชการสถานทูตที่ประเทศสเปน สโรชเป็นคนหนุ่มนิสัยดี หัวสมัยใหม่ ไม่เคยเชื่อถือเรื่องลึกลับ ไสยศาสตร์หรือจิตวิญญาณใดๆ พ่อของสโรชเสียชีวิตแล้ว อุบลวรรณเลี้ยงลูกชายมาด้วยความอุตสาหะ สโรชเรียนสูงถึงระดับปริญญาโทในสาขาที่ถือว่าเรียนยา กสาขาหนึ่ง คือ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อรับราชการในกระทรวงต่างประเทศ จึงได้ไปประจำต่างประเทศอย่างรวดเร็ว
วิญญาณนางเพียนมาเข้าฝันพิมาลาให้ช่วยหาทางปลดปล่อยด ้วย เพราะทรมานมาถึง 200 ร้อยกว่าปีแล้ว ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียที พิมาลาไม่สนใจความฝันนั้นเลย แต่แล้วคืนที่สอง ที่สาม ที่สี่ เธอฝันติดๆ กันทุกคืน ในขณะที่วิญญาณทวดเพียนเริ่มจะสิ้นหวัง ที่ไม่มีสัญญาณตอบโต้ใดๆ จากพิมาลา นางคร่ำครวญกับวิญญาณดวงอื่นๆ ว่าพิมาลาเป็นลูกอกตัญญูไม่ช่วยแม่ คืนที่ห้า พิมาลาฝันว่าทวดเพียนมาข่มขู่อาฆาต ว่าถ้าไม่ช่วยจะทำให้ครอบครัววิบัติ นอกจากนี้ยังทวงบุญคุณให้พิมาลาตอบแทน พิมาลาตกใจตื่นและความที่ฝันนั้นเหมือนจริง จนพิมาลากลัว จึงต้องปลุกคุณยาย วันรุ่งขึ้นพิณทองพาพิมาลาไปหาหมอดู หมอดูว่าพิมาลากำลังมีเคราะห์ ถูกวิญญาณร้ายรังควาน พิณทองหวาดหวั่นมาก ปรึกษากับโยธิน โยธินรู้จักหมอผีคนหนึ่ง เป็นหมอผีสมัยใหม่ชื่อ เมธี เมธีให้เครื่องรางคือหนังเสือบริเวณหน้าผาก มาให้เป็นเครื่องป้องกันภัยอันตรายทั้งหมด รวมทั้งการถูกคุกคามจากวิญญาณด้วย แต่โยธินกลับขี้โกงเก็บไว้ใช้เอง เพราะเห็นอิทธิพลของเครื่องรางชิ้นนี้ด้วยตัวเอง คือถูกยิงและไม่เกิดอะไรขึ้นเลย ดังนั้นพิมาลากจึงอยู่ในภาวะที่จะโดนคุกคามจากวิญญาณ ทวดเพียนตลอดเวลา
ทวดเพียนซึมเศร้า แล้วกลายมาเป็นโกรธแค้นพิมาลา ซึ่งคือลูกสาวของนางในอดีตชาติ ชื่อ มณี นางกำนัลในพระมเหสีพระเจ้าเอกทัศน์ มณีรักกับ ขุนพิชิตพล ซึ่งเป็นบุตรชายของท่านราชครูโสม เมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะล่ม ขุนพิชิตพลสู้จนเลือดหยดสุดท้ายก่อนเสียกรุง

ต่อมาพิมาลาเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศสเปน ที่นั่นพิมาลาพบสโรช พิมาลาเห็นเหตุการณ์ที่สโรชถูกผลักให้รถชน เดชะบุญที่ไม่เป็นอันตรายราวกับมีใครมาช่วย แต่คนที่ผลักสโรช พิมาลาเห็นถนัดชัดเจนว่าเขาสวมชุดสีดำสนิท ใบหน้าแข็งกระด้างราวใส่หน้ากาก เมื่อเขาผลักสโรชแล้วก็หายไปในพริบตา พิมาลาเห็นเต็มตาว่าเขาหายไปเหมือนหายตัวได้

ตัวสโรชเองรับรู้จาก โรซี่ ซึ่งเป็นยิปซีที่อยู่ในสเปน มีอาชีพหมอดูว่าเขากำลังถูกวิญญาณร้ายคุกคาม โรซี่มีบุตรสาวคนเดียวชื่อ ซอนญ่า ผู้ซึ่งหลงรักสโรชอยู่ สโรชไม่เชื่อโรซี่ แต่ต่อมาเขาก็เริ่มฝัน ฝันถึงเหตุการณ์วันอยุธยาล่ม ฝันเห็นนายทหารผู้หนึ่งต่อสู้ฟาดฟันป้องกันทหารพม่าไ ม่ให้ขึ้นไปพบหมู่มหามณเฑียร นายทหารผู้นั้นติดตามไล่ฆ่าทหารที่กรูเข้ากรุงศรีอยุ ธยา นายทหารผู้นี้ยืนมองกำแพงเมืองหนาแน่นสูงใหญ่ เหมือนป้อมปราการอันแข็งแรงร้าวปริแล้วถล่มทลายลงมาด ้วยใบหน้านองน้ำตา ในฝันเขาเห็นนายทหารผู้นี้สู้อย่างห้าวหาญ แม้เลือดจะท่วมร่าง สู้จนแรงสุดท้ายเหือดหาย ร่างซวนซบลงกับพื้นดิน สโรชตกใจตื่นเสียก่อนที่จะเห็นหน้าของนายทหารผู้นั้น ว่าคือใบหน้าของเขาเอง
นักเรียนไทยในสเปน จัดแสดงละครเกี่ยวกับการเสียกรุงศรีอยุธยา พิมาลาพบสโรชอีกครั้งหนึ่ง แต่การพบครั้งนี้ไม่ธรรมดา ทั้งสองคนรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับดึงดูดให้เข้าหากั นอย่างประหลาด เมื่อการแสดงเริ่มขึ้น ภาพบนเวที คือฉากที่นายทหารหนุ่มตัดคอหญิงคนรัก เพื่อให้เป็นวิญญาณรักษาทรัพย์แผ่นดิน เมื่อนายทหารฟาดดาบลงไป ไฟบนเวทีดับมืดลง เป็นอันจบการแสดง เสียงตบมือดังกราวในขณะที่พิมาลาเบิกตาโพลงมองไปที่เ วที สิ่งที่เธอเห็นคือคมดาบนั้นฟาดลงไปบนคอของทวดเพียนขา ดกระเด็น บนเวทีมีปู่โสม ขุนพิทักษ์ เพ็ง เพียน นางกำนัลอีก 4 คน ภาพที่พิมาลาเห็นก่อนหมดสติ คือใบหน้าของทวดเพียนที่หลุดกระเด็นอยู่กลางเวที ดวงตาเบิกกว้างจ้องมาที่พิมาลาอย่างวิงวอน น้ำตาเริ่มคลอและไหลพราก ปากขมุบขมิบเอ่ยคำที่พิมาลาได้ยินถนัดชัดเจน เพราะมันดังก้องในโสตประสาทของเธอว่า “ช่วยด้วย.......... ทรมานเหลือเกิน ช่วยแม่ด้วย” ทุกอย่างก็ลางเลือนหายไป ในขณะที่พิมาลาล้มฟาดลง และสโรชรับไว้ได้ทันท่วงที
โรซี่ หมอดูยิปซีบอกซอนญ่าลูกสาวให้ไปพาสโรชมาพบ เพราะมีเรื่องสำคัญจะบอก สโรชพาพิมาลาไปด้วย เพราะในช่วงหลังนี้ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขึ้น เมื่อไปถึงโรซี่วางแหวนวงหนึ่งลงบนฝ่ามือสโรช แหวนวงนั้นสลักเป็นรูปจันทร์เสี้ยว และฝ่ามือสโรชที่แบรับแหวนก็เป็นรอยสลักรูปจันทร์เสี ้ยวเช่นกัน ในเวลาเดียวกันนั้น วิญญาณปู่โสมกำลังลงโทษชายสองคนที่เข้ามาลักลอบขุดสม บัติในถ้ำร้าง บนฝ่ามือปู่โสมที่ผลักชายสองคนกระเด็นไปคนละทิศละทาง นั้นเป็นรูปสลักพระจันทร์เสี้ยวอย่างชัดเจน

โรซี่บอกสโรชว่าแหวนวงนี้เป็นสมบัติของสโรช ที่บรรพบุรุษของสโรชฝากไว้กับบรรพบุรุษของซอนญ่า เพราะแท้ที่จริงแล้วซอนญ่ามีพ่อเป็นคนไทย ที่สืบเชื้อสายยาวนานขึ้นไปถึงสมัยอยุธยา ภาพย้อนในอดีตที่ซ้อนทับกับแหวนในมือสโรช คือแหวนวงเดียวกันที่ปู่โสมยื่นให้แก่เจ้าพระยาสีหเด ชา พร้อมทั้งฝากให้มอบแก่ขุนพิชิตพลลูกชาย ก่อนที่เจ้าพระยาผู้นั้นจะลงดาบตัดหัวปู่โสมจนขาดกระ เด็น
โรซี่บอกสโรชให้รักษาแหวนไว้ให้ดี เพราะจะเป็นเครื่องรางประจำตัวคุ้มครองไม่ให้มีอันตร าย สโรชไม่อยากรับไว้ เพราะเขาไม่เชื่อถือเรื่องอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่พิมาลาเชื่อเต็มที่ และความคิดเห็นขัดแย้งกันนี้ ทำให้พิมาลาและสโรชต้องถกเถียงกันเรื่อยมา
ต่อมาทั้งพิมาลา และสโรชมีเหตุที่ต้องกลับประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ซอนญ่าขอตามเพื่อมาหาญาติฝ่ายพ่อด้วย โรซี่ขัดขวางสุดฤทธิ์ เพราะรู้ดีว่าซอนญ่าจะพบกับอันตรายอย่างใหญ่หลวงที่เ มืองไทย โดยเฉพาะถ้าไปยุ่งเกี่ยวกับสโรช แต่เหตุผลข้อนี้ยิ่งทำให้ซอนญ่าขัดแย้งรุนแรงกับแม่ถ ึงขนาดทะเลาะตัดขาดแม่ลูกกัน เพราะลึกๆ แล้วซอนญ่าจะไปเมืองไทย เพราะจะตามสโรชมานั่นเอง อย่างไรก็ตามโรซี่ไม่อาจขัดขวางกรรมเก่าของซอนญ่าได้ ซอนญ่าเดินทางพร้อมพิมาลามาถึงประเทศไทย

เมื่อกลับถึงเมืองไทย โยธินเร่งรัดการแต่งงาน แต่พิมาลาตอบว่ายังไม่พร้อม เพราะพ่อเจ็บหนัก คุณยายก็แก่มากแล้ว โยธินหาทางบีบพิมาลาผ่านทางพ่อคือ พลโทพิชัย และพ่อไปบีบพิณทองผู้เป็นชู้รักอีกที แต่วันหนึ่งพิมาลาจับได้ว่าพิณทองกับพลโทพิชัยลักลอบ ได้เสียกัน พิมาลาเสียใจมากจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป สโรชอยู่เคียงข้างคอยปลอบโยน ชี้แจงให้พิมาลามองหาเหตุผลในมุมของพิณทองบ้าง ความสัมพันธ์ของสโรชและพิมาลาใกล้ชิดกันมากขึ้นจากเห ตุการณ์นี้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้ทั้งสองคนจะรู้ซึ้งในความรู้สึ กของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี แต่ทั้งสองคนรู้ว่ารักนี้เป็นรักต้องห้าม สโรชไม่มีสิทธิที่จะรักพิมาลา ส่วนพิมาลานั้นไม่มีสิทธิแม้แต่จะคิด ศีลธรรมในใจของทั้งสองคนเป็นประหนึ่งกำแพงกั้นไม่ให้ กรายใกล้กัน แม้ว่าหัวใจของทั้งสองจะเหมือนใจเดียวกันแล้วก็ตาม
โยธินไม่ใช่คนตาบอด เขาตระหนักดีว่าเขาไม่เคยแม้แต่จะเฉียดใกล้หัวใจของพ ิมาลา จึงเป็นเหตุให้โยธินเกลียดสโรชเข้ากระดูกดำ แผนสังหารถูกกำหนด มือสังหารรับเงินรับงานไปทำ วันต่อมามีผู้พบมือสังหารตายในสภาพที่น่าสยดสยองที่ส ุด ในขณะเดียวกับวิญญาณปู่โสมกลับไปถึงที่ทั้งเหน็ดเหนื ่อยทั้งเศร้าหมองต่อการทำผิดบาป เพื่อคุ้มครองสโรชผู้เป็นสายโลหิต

พิมาลาฝันร้ายอีก วิญญาณทวดเพียนยังคงพยายามสื่อสารถึงพิมาลาด้วยกุศลบ ุญที่คุณยายใส่บาตรอุทิศให้บรรพบุรุษเสมอมา ทวดเพียนผงาดขึ้น มีพลังขึ้น โดยปู่โสมไม่สามารถขัดขวาง หรือแม้แต่ทวดเพ็งผู้เป็นพี่สาวก็ตาม สิ่งที่ปู่โสมทำได้ คือห้ามไม่ให้ทวดเพียนใช้อำนาจความเป็นแม่ในชาติก่อน บีบบังคับลูกสาวในชาตินั้นคือ “มณี” เพราะเป็นการผิดบาปอย่างร้ายแรง ทวดเพียนอ้อนวอนพิมาลาด้วยน้ำตานองหน้า พิมาลาเชื่อโดยไม่มีข้อแม้ เพราะจำได้ว่าคือใบหน้าของคนที่ถูกตัดคอในการแสดงที่ สเปน ในฝันพิมาลาบอกทวดเพียนว่า ถึงแม้จะอยากช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยด้วยวิธีใด ทวดเพียนว่าไม่ยาก เพียงแต่พิมาลาพาสโรชเดินทางไปหาสมบัติกรุงแตกเท่านั ้น รับรองว่ามีสมบัติจริงซ่อนอยู่ในถ้ำในป่าลึกแห่งหนึ่ ง

โยธินรู้ว่าสมบัติมีจริงจากพิณทอง ความโลภเข้าครอบงำเต็มหัวใจ โยธินพยายามทุกวิถีทางที่จะหาข้อมูลการไปหาสมบัติ ในที่สุดเรื่องก็รู้ถึงหูเมธี เมธีมีเพื่อนชื่อโทนี่ ซึ่งเป็นนักโบราณคดี ศึกษาเรื่องกรุงแตกมาอย่างทะลุปรุโปร่งโทนี่รู้จักกั บ จาม ชาวอยุธยาอีกคนหนึ่งซึ่งมีความเชื่อว่าสมบัติกรุงแตก ส่วนหนึ่งเป็นของบรรพบุรุษของตน คนชั่วร้ายพอๆ กัน มารวมกลุ่มกัน แผนการณ์ล่าสมบัติจึงเป็นความจริง
ขบวนล่าสมบัติได้ฤกษ์ออกเดินทาง ในจำนวนนี้มีคนสามคนที่ไม่ได้อยู่ในแผนร่วมเดินทางไป ด้วย คือ พิมาลา สโรช และซอนญ่า พิมาลาไปเพราะเสียใจจากแม่ที่มีชู้ สโรชตามไปเพราะเป็นห่วงพิมาลา ส่วนซอนญ่าตามไปเพราะอ้างว่าจะไปสืบเรื่องราวบรรพบุร ุษตัวเอง ทั้งๆ ที่ความจริงตามสโรชไป

ระหว่างการเดินทาง โยธินขอให้เมธีใช้ไสยศาสตร์กำจัดสโรช แต่ปู่โสมช่วยเอาไว้ได้ทุกครั้ง ทำให้เมธีเริ่มรับรู้ว่า มีดวงวิญญาณที่มีวิชาอาคมกล้าที่จะเป็นคู่ต่อสู้กับเ ขาแล้ว ระหว่างเดินทางในป่า จามก็คอยหาทางทำร้ายสโรช แต่แหวนของปู่โสมที่สโรชสวมอยู่ก็ช่วยสโรชไว้ได้ทุกค รั้ง
ระหว่างการเดินทาง ทั้งหมดได้หลงเข้าไปในเมืองลับแล และที่นั่นหญิงที่เป็นหัวหน้าอยู่ก็คือ นางรำ ที่ถูกพม่ากวาดต้อนไปเป็นเชลย แต่หนีกลับมาได้ จนมาตั้งหมู่บ้าน กลายเป็นหมู่บ้านลับแลขึ้น และที่นี่สโรชกับพิมาลาเริ่มมองเห็นอดีตชาติของตนว่า เคยรักกันมาก่อน แต่ทั้งสองก็ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้มากนัก เพราะโยธินจะคอยก่อกวนอยู่เสมอ ต่อมาทั้งหมดได้ออกจากเมืองลับแล และถูกวิญญาณทวดเพียนพามาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง และที่นั่นทุกคนก็ได้เจอสมบัติที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ โดยวิญญาณทวดเพียนเอาออกมาล่อให้ทุกคนพอใจ ทวดเพียนบอกว่าสมบัติมีมากมายมหาศาลกว่านี้เป็นสิบๆ เท่า ณ ที่ที่ปู่โสมซ่อนไว้ ตนเองไม่สามารถพาไปได้เพราะนอกเหนืออำนาจ แต่มีบุคคลอยู่หนึ่งที่พาไปได้ เพราะคนผู้นั้นมีพุทธคุณคุ้มกาย และได้ประพฤติปฏิบัติจนได้ญาณแก่กล้าเป็นเวลาถึงยี่ส ิบปี ทวดเพียนพาไปหาคนผู้นั้น คืออาจารย์ชื่อ พุทธะ เคยมาตามหาเหล็กไหล แต่มาถูกปู่โสมกักขังไว้ถึง 20 ปี จนฝึกฝนปฏิบัติธรรมจนสามารถมองเห็นเหตุการณ์ได้ อาจารย์พุทธะบอกกับทุกคนว่า ปู่โสมเคลื่อนย้ายสมบัติหนีการคุกคามของผู้คนไปยังเท วาลัยร้างชายแดนเขมร แต่อย่าตามไปเลย เพราะนั่นคือสมบัติของแผ่นดิน จะตกอยู่กับมือผู้มีบุญเท่านั้น และคนๆ นั้นจะปรากฏตัวต่อเมื่อเมืองล่มถึงสามครั้งเสียก่อน

คนโลภคือคนโลภ สมบัติมหาศาลที่รออยู่ข้างหน้า จุดประกายความอยากได้ในใจของคนโลภ จนลืมนึกถึงบาปบุญคุณโทษ คณะคนชั่วบังคับอาจารย์พุทธะให้พาไปเทวาลัยร้าง อาจารย์จำต้องพาไป ระหว่างทางทั้งหมดได้พบกับอันตรายนานาประการ เช่น งูหลามยักษ์ ไฟป่า มนุษย์กินคน ช้างงาเดียว ฯลฯ แต่ก็รอดปลอดภัย หลังจากผจญภัยกันจนล้มลุกคลุกคลาน
เทวาลัยร้างอยู่ข้างหน้าไม่ไกล เหล็กไหลของอาจารย์พุทธะก็เป็นที่ต้องการของคนหลายคน ในขณะที่ตัวของอาจารย์นั้นไม่มีประโยชน์แล้ว อาจารย์รู้ตัวว่าชะตาขาด จึงมอบเหล็กไหลให้สโรช ก่อนที่จะถูกโยธินลอบฆ่าด้วยความร่วมมือของเมธีและโท นี่ แต่ไม่มีใครเอาเหล็กไหลไปจากสโรชได้ เพราะปู่โสมคุ้มครองอยู่
สโรชกับพิมาลาเริ่มมองเห็นภาพในอดีตชาติของตนเอง จนปะติดปะต่อได้ความแล้วว่าสโรชเป็นลูกของราชครูปู่โ สม และพิมาลาเป็นลูกของนางเพียนที่เป็นคู่เวรกันมา เพราะราชครูฆ่านางเพียน สโรชได้รับรู้ถึงความกล้าหาญของบรรพบุรุษของตนเอง ในขณะที่พิมาลากลับต้องเสียใจที่รู้ว่าบรรพบุรุษของต นต้องมีจุดจบอย่างไร พิมาลาพยายามอ้อนวอนให้ดวงวิญญาณทวดเพียนและขุนพิทัก ษ์บรรพบุรุษของโยธิน ให้เสียสละต่อแผ่นดินเฝ้าสมบัติต่อไป แต่ไม่สำเร็จ เพราะทั้งสองวิญญาณต้องการจะเป็นอิสระจากปู่โสมให้ได ้
ทั้งหมดถึงเทวาลัย ปู่โสมรักษาสมบัติของชาติอย่างถวายวิญญาณ นางกำนัลทั้ง 4 คนต่างคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ แต่ปู่โสมไม่ใช่มีศัตรูจากภายนอกเท่านั้น ภายในขุนพิทักษ์และนางเพียนพร้อมที่จะลอบกัดปู่ตลอดเ วลา จนในที่สุดคณะหาสมบัติที่ถูกปู่โสมเล่นงานจนสะบักสะบ อมก็เริ่มท้อ ไม่รู้จะหาวิธีการเอาชนะปู่โสมได้อย่างไร ทวดเพียนมาเข้าฝันพิมาลา ให้โจมตีปู่ในวันพระใหญ่ที่ปู่ต้องจำศีล วันนั้นจะเอาชนะปู่ได้ แต่พิมาลาเก็บข้อความนั้นเงียบไว้ ไม่บอกใครเลย ขุนพิทักษ์อยากฆ่าพิมาลาโทษฐานทรยศ แต่ทวดเพียนขอไว้ ขุนพิทักษ์จึงถามทวดเพียนว่าทำอย่างไรจะบอกให้พวกล่า สมบัติรู้ว่าจะต้องสู้กับปู่โสมในวันพระใหญ่ จึงจะเอาชนะปู่ได้ นาทีชีวิตมาถึง
ปู่โสมมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า ผู้สืบเชื้อสายสองคนกำลังถึงจุดวิกฤติของชีวิต แต่ปู่ทำอะไรไม่ได้ ปู่มีแต่วิญญาณที่ทำได้เพียงลงโทษผู้กระทำผิดต่อทรัพ ย์แผ่นดิน แต่สำหรับผู้มีหัวใจรักที่บริสุทธิ์ต่อกัน เป็นเรื่องนอกเหนืออำนาจของปู่ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกรรม
ขุนพิทักษ์ไม่สามารถติดต่อโยธินผู้เป็นสายเลือดได้ เพราะโยธินไม่เคยทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เลย คณะล่าสมบัติอ่อนเพลียลงทุกวัน ปู่เริ่มจะทนไม่ได้ อยากหาทางเผด็จศึก ในที่สุดขุนพิทักษ์คิดออกให้นางเพียนเข้าฝันคุณยายผู ้ซึ่งอาการหนักใกล้จะสิ้นใจ คุณยายสงสารนางเพียนที่ครวญคร่ำรำพันในฝัน จึงรับปากจะบอกพิณทองให้ใส่บาตรไปให้ เมื่อพิณทองใส่บาตรให้นางเพียน นางเพียนจึงสามารถสื่อสารกับพิณทองให้ไปบอกพลโทพิชัย ด้วย ให้ใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้โยธิน
ในที่สุดโยธินก็ได้ความลับนี้ เมื่อถึงวันพระใหญ่ กลุ่มของเมธีใช้เวทย์มนต์เข้าไปถึงสมบัติ แล้วพากันหนีข้ามแดนไปเขมร เมธีได้ขอความช่วยเหลือจากเหล่านางอัปสรา ที่ดูแลบริเวณเทวาลัยในเขมร ให้ช่วยป้องกันการติดตามของปู่โสมด้วย นางอัปสราตกลงจะร่วมมือกับเมธี
ปู่โสมกับบริวารตามมาถึงแดนเขมร แต่ก็ไม่สามารถจะเข้าไปได้ เพราะเหล่านางอัปสราพากันตั้งรับอย่างแข็งขัน ปู่โสมจึงขอเปิดการเจรจา ภาพที่น่าดูที่สุดคือ ณ เส้นแบ่งกั้นเขตแดนสองประเทศ วิญญาณต่อวิญญาณเผชิญหน้ากัน ทั้งสองฝ่ายให้เกียรติกัน รับฟังซึ่งกันและกันอย่างสันติ
นางอัปสราผู้เป็นใหญ่เมื่อฟังเหตุผลของปู่โสมที่ว่าส มบัตินั้น แม้นบางส่วนจะเคยเป็นของเขมรมาก่อน แต่ด้วยกติการะหว่างประเทศช่วงทำสงคราม เมื่อฝ่ายใดเป็นฝ่ายแพ้ สมบัติก็ต้องตกเป็นของผู้ชนะ นั่นเป็นหลักของความยุติธรรมในการศึกสงครามแล้ว หัวหน้านางอัปสราจึงเข้าใจ และยอมให้ปู่โสมผ่านด่านเข้าไปเล่นงานเมธีได้
ณ ชายแดนระหว่างไทยกับเขมร จึงได้กายเป็นสมรภูมิรบระหว่างคนกับผี และในที่สุดราชครูหรือปู่โสมก็เป็นฝ่ายมีชัย เมธี โทนี่....ตายตกไปตามๆ กัน รวมทั้งซอนญ่าที่พยามยามช่วยสโรชจากเงื้อมมือของเมธี ด้วย
ในขณะที่ปู่โสมกำลังติดพันอยู่ในสงครามกับมนุษย์ วิญญาณสองดวงที่จมอยู่กับความพยาบาทที่ยังไม่ยอมจนมุ ม คือ ขุนพิทักษ์และนางเพียนผู้ที่ถูกปู่โสมฆ่าตายเพื่อเฝ้ าทรัพย์แผ่นดินเมื่อกรุงแตก สองร้อยกว่าปี นานเกินที่ทั้งสองคนจะยอมทนทุกข์ทรมาน นางเพียนบังคับโยธินให้จับสโรชไป พิมาลาตามไปด้วย สโรชสู้กับโยธิน โยธินสู้กับเหล็กไหลไม่ได้จึงเสียชีวิต เหลือสโรชและพิมาลา ช่างพอดีเหลือเกินที่จะเป็นตัวตายตัวแทนของขุนพิทักษ ์และนางเพียน ทั้งสองวิญญาณเริงร่ากับอิสรภาพที่อยู่แค่เอื้อม แต่แล้วเสียงหัวเราะก็หยุดลง เพราะว่าใครจะเป็นคนฆ่าใคร มีเพียงคนหนึ่งเท่านั้นที่จะตายเพราะน้ำมืออีกคน เพราะวิญญาณสังหารใครไม่ได้ สโรชต่อรองเพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ต้องตาย เพราะฉะนั้นขอแลกด้วยชีวิตเดียว ขุนพิทักษ์กับนางเพียนจำต้องยอม หลังจากถกเถียงกันเพราะไม่มีทางเลือก อยู่ที่ว่าวิญญาณดวงใดจะได้รับการปลดปล่อย
สโรชยอมตายโดยให้พิมาลาฆ่า ส่วนพิมาลาเช่นกัน เธอเต็มใจเป็นผู้ถูกแลกเปลี่ยนวิญญาณโดยให้สโรชเป็นผ ู้ฆ่า พิมาลาอ้างหน้าที่ลูกต่อแม่ สโรชว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องรักษาชีวิตผู้หญิง ที่เขารักเหมือนกัน สโรชถือปืนจะฆ่าตัวเอง พิมาลาแย่งปืนด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด และหนึ่งชีวิตก็ล้มลงในขณะที่เสียงหัวเราะอย่างปรีดา ปราโมทย์ของวิญญาณหนึ่งดังก้อง
วันเวลาผ่านไป ภิกษุรูปหนึ่งยืนรับบาตรด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แฝงความเศร้าสะเทือนใจอยู่ลึกๆ แต่ยังมีรอยยิ้มบางๆ ให้หญิงวัยกลางคนที่ใส่บาตรเสร็จ พลางเปล่งวาจาอวยพร “เจริญพรโยมแม่” อุบลวรรณกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ชื่อหนึ่งเปล่งออกจากปากอย่างชัดเจนคือ “พิมาลา”
ภิกษุหนึ่งเปิดฝาบาตร ของใส่บาตรถูกวางลงอย่างนุ่มนวล ภิกษุปิดฝาบาตร สบตากับผู้ใส่บาตรอึดใจหนึ่ง สายตาอาลัยอาวรณ์ลึกซึ้ง แต่แล้ววูบหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นสงบสำรวมของผู้ทรงศีล หันหลังกลับเดินจากไป พร้อมๆ กับร่างของผู้ใส่บาตรจางลง....จางลง จนไม่เหลือรอย
ปู่โสมวางมือเหนือศีรษะของวิญญาณพิมาลาที่ก้มลงกราบ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาปู่ ในความมืดปู่ยังมองเห็นน้ำตาที่คลอเต็มตา หยาดหยดลงพร่างพรายเต็มหน้า “ลูกเอ๋ย” ปู่เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ ่ต่อแผ่นดินเช่นพวกเรา” จบ

ขอขอบคุณเวบกบ สุวนันท์ ด้วยนะคะสำหรับเรื่องย่อ




 

Create Date : 13 มีนาคม 2550
1 comments
Last Update : 13 มีนาคม 2550 0:54:57 น.
Counter : 1922 Pageviews.

 

ต้องดู ต้องดูเรื่องนี้อ่ะ แหมม อ่านเรื่องย่อแล้วมันส์น่าดูเลย ขอบคุณจ้า

 

โดย: Ben´s mom (Surayo ) 16 มีนาคม 2550 3:27:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


รักแล้วรักเลยนะจะบอกให้
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add รักแล้วรักเลยนะจะบอกให้'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.