เรื่องเล่าซึ้งๆ
ปัจจุบันนี้เพื่อนๆคงยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่ทำให้เราได้รับข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากมายนะคะโดยเฉพาะ ไลน์ และ เฟสบุค เราได้พบเจอเพื่อนๆที่จากกันไปนานมาก แม้แต่จขบ. เองจากกับเพื่อนๆตั้งแต่มัธยมต้นและไม่เคยได้ข่าวคราวกันเลยอยู่ๆเราก็ได้มาพบเจอกันใน ไลน์และเฟสบุค มันยอดเยี่ยมมากๆเลยค่ะ
และวันนี้ก็อยากจะนำเรื่องเล่าที่เคยได้ฟังมาก่อนแต่จำไม่ได้แล้วว่าอ่านที่ไหนแต่ได้มาอ่านอีกครั้งเมื่อเพื่อนในไลน์นำมาลงให้อ่าน ขอบอก อ่านกี่ครั้งๆๆๆๆก็ประทับใจมากค่ะ จึงอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆได้อ่านกันบ้างบางท่านอาจจะเคยอ่านมาแล้วท่านใดรู้ที่ไปที่มาช่วยบอกด้วยจะขอบคุณมากๆค่ะเพราะ จขบ.จำไม่ได้แล้วค่ะ แหะ แหะ
เรื่องเล่าซึ้งๆจากเกาหลี พี่สาวกับน้องชาย
เป็นเรื่องของเด็กเกาหลีสองพี่น้อง(พี่สาวกับน้องชาย)ที่เกิดมาในตระกูลยากจนบบสุดๆ แต่พี่น้องสองคนกลับกลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศเกาหลี เขาชื่อลี เบียงซอล ลองอ่านดูนะคะแต่อ่านแล้วอยากจะบอกว่าห้ามร้องไห้นะคะ
*********************************************
สวัสดี ฉันเกิดมาในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ
ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินพ่อ เพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกันจากนั้นพ่อก็รู้เรื่องพ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงโดยที่ในมือพ่อมีก้านไม้ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไปน้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า "ก็ได้ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั้นล่ะ"
พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้นน้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้.......แล้วพูดว่า "ผมขโมยเองครับ"
ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเองแกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีกแกน่าจะโดนตีให้ตาย หัวขโมย"
คืนนั้นฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมดแต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย
กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดังและนานมากน้องเอามือเล็กๆมาปิดปากฉันไว้แล้วพูดว่า "พี่ครับไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว " แต่ถึงอย่างไรฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้า จะบอกความจริงกับพ่อ
หลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่า เหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี
เมื่อตอนที่น้องชายของฉันกำลังจะจบม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลายว่า เขาสอบได้ ในขณะที่ ฉันใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยเช่นกัน
คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆพ่อ และพูดขึ้นว่า
"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน
ทันใดนั้นน้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อแล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อ ผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"
พ่อเหวี่ยงมือ ตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมคิดโง่ๆแบบนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนนพ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจบให้ได้"
คืนนั้นทั้งคืนพ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆเอามือประคบแก้มบวมๆของน้องชายเบาๆและคิดว่าต้องให้น้องชายได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากเรียนต่อไปได้
ใครจะรู้ได้.....วันต่อมา ในตอนเช้ามืดน้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าไม่กี่ชิ้นและถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉันขณะฉันกำลังหลับ "พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ไม่ใช่ง่ายๆนะ ....ผมจะไปหางานทำ...แล้วส่งเงินมาให้พี่"
ฉันนั่งนิ่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า....ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอนนั้น น้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี.....
************************************* ขอจบตอนที่ 1 ไว้เพี่ยงเท่านี้ก่อนนะคะ เรื่องมันยาวค่ะแหะ แหะ หวังว่าเพื่อนๆคงติดตามอ่านตอน 2 ต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันอยู่เสมอ ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบ เพลง ยามจน ชรินทร์ นันทนาคร
ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากทีมงานบล็อกแกงค่์ค่ะ
Create Date : 03 กรกฎาคม 2559 |
Last Update : 4 มีนาคม 2561 21:21:38 น. |
|
46 comments
|
Counter : 1595 Pageviews. |
|
|
ติดตามอ่านตอนสองอีก 555