พระอริยสงฆ์ผู้เป็นตนบุญ ผู้ที่มีความพรั่งพร้อมด้วยลาภยศ สรรเสริญ มาตั้งแต่เกิด ผู้มีชาติกำเนิดเป็นเจ้านายชั้นสูงทางเหนือ แต่มีจิตใจใฝ่ในพระธรรม จนต้องขอใช้ชีวิตที่เหลือภายใต้ร่มกาสาวพัสต์ จนได้รับการยกย่องเป็นพระอริยสงฆ์แห่งล้านนา เป็นเจ้าพระคุณท่านไหนไปไม่ได้ นอกจาก “หลวงพ่อเกษม เขมโก”
ปฏิปทาและจริยาวัตรที่โดดเด่นของหลวงพ่อเกษม เขมโก
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน
- ความกตัญญูรู้คุณ
- ความสันโดษ มักน้อย
- ความเมตตากรุณาต่อสรรพสิ่ง
- ความไม่ถือตัว อารมณ์ขัน
- ความกล้าแข็งของอำนาจจิต “แยกกายออกจากจิต”
- ความมุ่งมั่นตั้งใจและความอดทนอดกลั้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้พาเพื่อนๆไปนมัสการหลวงพ่อเกษมเขมโกที่สุสานไตรลักษณ์กันค่ะ
ก่อนอื่นมาอ่านประวัติของหลวงพ่อแต่พอสังเขปก่อนนะคะ ประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก
หลวงพ่อเกษม เขมโก กำเนิดเมื่อวันพุธที่ ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๕ เป็นบุตรชายคนแรกของเจ้าน้อยหนู และเจ้าแม่บัวจ้อน เมื่อให้กำเนิดลูกชายคนแรกจึงตั้งชื่อให้ว่า “เกษม” เนื่องด้วยเจ้าน้อยหนู และเจ้าแม่บัวจ้อน มีเชื้อสายของเจ้าผู้ครองเมือง จึงทำให้เด็กน้อยเกษมได้รับการยกย่องให้มีศักดิ์เทียบเท่ากับเจ้าชายทางเหนือ
ในวัยเด็กเจ้าเกษม เป็นเด็กรูปร่างเล็ก ผิวขาว แต่แข็งแรง เฉลียวฉลาด เรียนจบชั้นประถมที่ ๕ ของโรงเรียนบุญทวงศ์อนุกุล อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เริ่มบวชครั้งแรกเมื่ออายุได้ ๑๓ ปี ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าอาวาสวัดป่าดัวะ จังหวัดลำปาง มรณภาพ เป็นการบวชหน้าไฟเป็นระยะเวลา ๗ วัน
คำทำนายของครูบาศรีวิชัย
เมื่อราว ๆ พ.ศ.๒๔๖๗ นักบุญแห่งล้านนา ครูบาศรีวิชัย เดินทางไปวัดพระแก้วดอนเต้า จังหวัดลำปาง เพื่อไปบูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารหลวง ได้ทำนายเอาไว้ว่า “วันหน้า ตนบุญจะมาเกิดในเมืองเวียงละกอน บ่าเดียวยังน้อยอยู่” ชาวลำปางจึงเฝ้าคอยการมาของตนบุญอย่างใจจดใจจ่อ
คำว่า “ตนบุญ” หมายถึง นักบุญ นักบวช ที่มีความเคร่งครัด มีวัตรปฏิบัติน่าศรัทธาเลื่อมใส
อีกสองปีต่อมาเจ้าเกษมได้บวชบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบุญยืน โดยฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านครูบาเหมย (สุธรรม) เจ้าอาวาสวัดบุญยืน สามเณรเกษมมีปฏิปทา วัตรปฏิบัติที่งดงามเรียบร้อย ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย และพระปริยัติธรรม ทำให้สอบนักธรรมชั้นตรีได้ตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี
เมื่อย่างเข้าอายุ ๒๑ ปี สามเณรเกษมได้ขออนุญาตกับโยมแม่ อุปสมบทเป็นพระภิกษุศึกษาพระธรรมต่อ ได้รับฉายาว่า “เขมโก” หลังอุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ฝึกปฏิบัติวิปัสสนา เพื่อดำเนินตามรอยพระพุทธเจ้าเพื่อให้เข้าถึงพระธรรม
พ.ศ. 2479 ท่านสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ท่านเรียนรู้ภาษาบาลีจนสามารถเขียนและแปลได้ รวมทั้งสามารถแปลเป็นภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี แต่ท่านไม่ยอมสอบเอาวุฒิ จนครูบาอาจารย์ทุกรูปต่างเข้าใจว่าพระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก ไม่ต้องการมีสมณะศักดิ์สูง ๆ เรียนเพื่อจะนำเอาวิชาความรู้มาใช้ในการศึกษาค้นคว้าพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาเท่านั้น
เมื่อสำเร็จทางด้านปริยัติธรรมแล้ว ท่านแสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ที่มีความรู้และมีความเชี่ยวชาญในด้านวิปัสสนา จนกระทั่ง ท่านทราบข่าวว่ามีพระเกจิรูปหนึ่งมีชื่อเสียงในด้านวิปัสสนา คือ ครูบาแก่น สุมโน ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้ตามครูบาแก่น สุมโน ออกท่องธุดงค์ไปแสวงหาความวิเวกและบำเพ็ญเพียรตามป่าลึก จนถึงช่วงเข้าพรรษาซึ่งพระภิกษุจำเป็นต้องยุติการท่องธุดงค์ชั่วคราวท่านจึงต้องแยกทางกับพระอาจารย์ และกลับมาจำพรรษาที่วัดบุญยืนตามเดิม พอครบกำหนดออก ก็ติดตามอาจารย์ออกธุดงค์บำเพ็ญภาวนา
ต่อมา เจ้าอธิการคำเหมย เจ้าอาวาสวัดบุญยืน มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์ได้ประชุมกันเพื่อหาเจ้าอาวาสรูปใหม่และต่างลงความเห็นพ้องต้องกันเห็นควรว่า พระภิกษุ เจ้าเกษม เขมโก มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้รับเลือกเป็นเจ้าอาวาสวัดบุญยืน ท่านก็ไม่ยินดียินร้าย แต่ท่านก็ห่วงทางวัดเพราะท่านเคยจำวัดนี้ ท่านเห็นว่าถือเป็นภารกิจทางศาสนาเพราะท่านเองต้องการให้พระศาสนานี้ดำรงอยู่ จึงยอมรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบุญยืน หลังจากนั้นท่านก็ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสหลายครั้งเนื่องจากท่านอยากจะออกธุดงค์ แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ดังนั้น ท่านจึงออกจากวัดบุญยืนไปที่ศาลาวังทานพร้อมเขียนข้อความลาออกจากการเป็นเจ้าอาวาสไว้ด้วย
โดยการถือวัตรปฏิบัตรธุดงควัตร เมื่อการปฏิบัติก้าวหน้า หลวงพ่อจึงออกธุดงค์กับท่านครูบาแก่น อดีตเจ้าอาวาสวัดประตูป่อง ส่วนในช่วงที่ไม่ได้ออกธุดงค์ จะฝึกปฏิบัติโสสานิกธุดงค์ (การถืออยู่ในป่าช้าเป็นวัตร)
หลวงพ่อเกษม เขมโก ออกเดินธุดงค์ไปปฏิบัติในป่าช้าหลาย ๆ ที่ มีเรื่องอัศจรรย์มากมาย จนกระทั่งออกธุดงค์มาจนถึงที่ป่าช้าประตูม้า เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศเงียบสงัด สงบ ทำให้หลวงพ่อเกษม เขมโก ตัดสินใจเลือกเป็นสถานที่ปฏิบัติโสสานิกธุดงค์สมถกัมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานเรื่อยมา
ป้ายสุสานไตรลักษณ์ลำปาง ตั้งอยู่ที่ ถนนลำปาง-แจ้ห่ม ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง 52000
หลวงพ่อเกษม เขมโก เป็นพระสายวิปัสสนาธุระ ไม่ยึดติดแม้แต่สถานที่ ท่านได้ปฏิบัติธรรม ณ สุสานไตรลักษณ์ตลอดชนชีพ ท่านปฏิบัติศีลบริสุทธิ์ตามพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยไม่ติดยึดในกิเลสทั้งปวง ท่านเป็นพระที่เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปางและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ
หรือแม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ก็ทรงมีความเคารพศรัทธาในความที่ท่านเป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการท่านหลายครัง
ในสถานที่แห่งนี้หลวงพ่อเกษม ได้ให้ชื่อใหม่ว่า “สุสานไตรลักษณ์” และที่นี่เองเป็นที่หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ละสังขารลงเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๙ ในเวลา ๑๙.๔๐ น. สิริรวมอายุ ๘๓ ปี ๑ เดือน ๑๗ วัน ๖๓ พรรษา ศิษยานุศิษย์ได้เก็บรักษาสังขารของหลวงพ่อเกษม เขมโก ไว้ที่ ณ สุสานไตรลักษณ์ เพื่อให้ศิษยานุศิษย์และญาติโยมที่เคารพศรัทธาได้เข้ามากราบนมัสการ
สรีระของหลวงพ่อถูกบรรจุไว้ภายในโรงแก้วเพราะไม่เน่าไม่เปื่อย
"ท่านเขมโกภิกษุ หลวงปู่เกษม หรือหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่เราท่านเคารพบูชา และรำลึกภาวนาขอ บารมีจากท่านช่วยคุ้มครอง ปกป้องจากอันตรายยามเมื่อเกิดความทุกข์ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เพราะบารมี หลวงพ่อที่เพียรเจริญวิปัสสนากรรมฐานด้วยความมานะบากบั่นยากที่จะมีผู้ปฏิบัติได้เสมือนนั้น สร้าง ศรัทธาและความเชื่อมั่นสูงยิ่งนัก" หลวงพ่อเกษมท่านเจริญวิปัสสนาด้วยถือสันโดษเป็นที่ตั้ง ใช้อำนาจจิต ควบคุมร่างกายเข้าสู่สมาธิภาวนา เบื้องหน้าเชิงตะกอน ท่านไม่ติดรสอาหารเมื่อมีผู้นำมาถวาย แม้อาหาร จะเสียจนราขึ้น ถ้าหลวงพ่อท่านยังมิได้แผ่เมตตาท่านก็จะรับประเคนบาตรแล้วแผ่เมตตาให้ หลวงพ่อ เป็นผู้มีศีลอันบริสุทธิ์ และเมตตาธรรมสูงส่ง ท่านหมดสิ้นแล้วกิเลสและเปี่ยมล้นด้วยบารมี ทุกวันนี้ หลวงพ่อยังเป็นดุจร่มโพธิ์ร่มไทรที่ให้ความร่มเย็นแก่พวกเราทุกคน "
ด้านหน้าของสถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษมเขมโก
ด้านหน้าของมณฑปทรงไทยประยุกต์
มณฑปทรงไทยประยุกต์รูปปั้นท้าวเวสสุวรรณอยู่ทางด้านหลังขอจากกันด้วยภาพนี้นะคะไว้พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยือนและให้กำลังใจค่ะ
ขอขอบคุณประวัติและภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ขอขอบคุณเพลงบรรเลงประกอบจากยูทูบ
ขอขอบคุณบีจีสวยๆจากบล็อกแกงค์
พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ
สวัสดี
ความรู้ทั่วไป
แต่ก็นานมากแล้ว
ตอนนี้น่าจะต่อเติมไปอีกหลายจุดเลยนะครับพี่
ปล.ที่บล็อกวันนี้เป็นดอกโมกครับพี่