โครงการตะพาบที่ 148"นอกหน้าต่าง
เสียงดังเหมือนคนพูดคุยกันดังจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ทำให้ฉันต้องลืมตาตื่นขึ้นมามองไปนอกหน้าต่างรถถึงไหนแล้วนะ อ้อถึงตลาดในเมืองๆหนึ่งแต่ยังไม่รู้ที่ไหน ผู้คนในรถต่างลุกขึ้นเตรียมตัวที่จะออกท่องเที่ยวกันตามที่เจ้าของรถประกาศให้ลงไปช้อปปิ้งซื้อของใช้ของกินได้ ให้เวลา 20 นาที รถจอดริมฟุตบาธใต้ร่มไม้ใหญ่มีม้านั่งริมทางไว้ด้วย ฉันมองไปมองมาเฮ้อไม่อยากลงเวลาน้อยนิดจะไปหาซื้ออะไรทัน ฉันจึงเตรียมที่จะนั่งหลับพักสายตาต่อไป
"บอกให้รีบๆเดินเร็วๆก็ช้ักช้าอยู้นั่นแหละ แม่ เร็วหน่อยได้มั๊ย"
เสียงเด็กสาววัยรุ่นนางหนึ่งตวาดแม่ของเธออย่างฉุนเฉียว ฉันจึงมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ก็เห็นสาวน้อยนางหนึ่งแต่งตัวสวยสดใสตามวัยแต่หน้าตาบูดบึ้งยืนรอแม่ของเธออยู่ข้างรถ ฉันกวาดสายตามองไปด้านหลังของเธอเห็นหญิงวัยกลางคนแต่งตัวปอนๆเดินงกๆเงิ่นๆขากะเผลกๆตามมา เห็นแล้วสะท้อนในอกเหลือเกิน นี่แม่นะ ทำไมเธอทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดเธอถึงขนาดนี้ พูดจากับแม่ไม่ดีเลย น่าสงสารผู้เป็นแม่ขาไม่ดีแต่ก็รีบเดินตามลูกไป
"บอกแล้วไม่ให้มาๆยังจะมาอีก มาทำไมเนี้ย อายเค้าเปล่าๆ"
เสียงลูกสาวบ่นว่าแม่อย่างไม่พอใจ
" แม่ก็อยากมาส่งลูกแม่เป็นห่วง "
เสียงแม่บอกลูกอย่างเกรงใจ
"มาก็เปลืองตังค์อีกเดี๋ยวก็ต้องให้ค่ารถกลับบ้านอีก" ลูกสาวบ่น
"ไม่เป็นไรลูกค่ารถไม่กี่บาทไม่ต้องเอามาแม่มี"
"มีๆเอาไปจ่ายค่ารถเดี๋ยวก็ขอมาอีกไม่มีจะให้แล้วนะ"
เสียงลูกสาวบ่นๆว่าแม่ผ่านพ้นไปแล้ว ฉันมองผู้เป็นแม่อย่างสงสารเดินตามหลังลูกต้อยๆขากะเผลกๆไปลูกสาวก็ไม่สนใจจะเหลียวหลังมาจูงแม่เลย นี่มันอะไรกันมันยุคไหนกันหนอทำไมลูกถึงทำกับแม่ได้ถึงขนาดนี้ แม่กลายเป็นภาระของลูกไปแล้วหรือ ฉันสลดหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
"แม่บอกแล้วให้ตั้งใจเรียนๆทำไมถึงทำตัวแบบนี้ฮะ แล้วจะเอาไงเนี่ยต้องเสียเงินไปลงเรียนใหม่อีกแล้ว"
เอ้า เสียงมาใหม่แว่วมาในหูอีกขณะที่ฉันจะหลับตาลง จึงลืมตามองออกไปนอกหน้าต่างรถอีก หนุ่มน้อยในชุดนักศึกษาแต่งกายพอจะรู้อยู่ว่าน่่าจะเฮี้ยวสุดๆ เดินมากับแม่ตามแขนและลำคอมีรอยสักเป็นรูปอะไรก็มองไม่ชัด หน้าตาบอกบุญไม่รับ แม่ก็เดินตามใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไปด้วยฉันจึงแอบมองทางหน้าต่างอย่างสนใจ สงสัยเรียนไม่ผ่านแน่ๆ หนุ่มน้อยยืนพักอยู่ใกล้ๆกับหน้าต่างรถเพราะรถจอดใต้ร่มไม้และหน้าต่างเป็นกระจกติดฟิล์มมืดพอดีรถจอดฉันจึงแอบเลื่อนออกหน่อยเพื่อระบายอากาศ เค้าคงไม่เห็นว่าฉันกำลังมองอยู่
"แม่ก็ลงเรียนไม่กี่ตัวเอง เดี๋ยวก็ผ่านแล้ว" ลูกชายบอกแม่
" ลงไม่กี่ตัวก็จริง แต่มอสก็รู้นี่ลูกบ้านเราไม่ค่อยจะมีเหมือนคนอื่นเค้า แล้วแม่จะหาเงินที่ไหนมาให้ลงล่ะ"
เสียงแม่พยายามบอกลูกให้เข้าใจ
" ไม่มีก็ไม่เรียนไม่เรินมันแล้ว "เสียงลูกชายบอกอย่างห้วนๆพร้อมกับเดินหนีแม่ไปอย่างรวดเร็ว
" อ้าวมอสๆๆๆมาคุยกะแม่ก่อน แม่เตรียมมาให้แล้วมอสๆๆ"
ผู้เป็นแม่รีบร้องเรียกพร้อมวิ่งตามลูกไป ฉันมองอย่างสลดใจ นี่มันอะไรกันแค่รถจอดพักให้ลงซื้อของกันแต่ฉันไม่ลงนั่งอยู่ในรถคนเดียวก็เจอภาพของแม่กะลูกนอกหน้าต่างถึงสองภาพและแต่ละภาพเป็นภาพที่รับไม่ได้เลยจริงๆ เฮ้อ...
"5555 แม่ต้องไปกะหนูนะ เพื่อนๆเค้าอยากรู้จัก แม่นะ"
"ได้ๆลูกแล้วแม่จะไป จะไปดูว่าลูกแม่แสดงอะไรน้า "
"ไม่บอก แม่ต้องไปดูเองแล้วต้องบอกให้ได้นะว่าหนูแสดงอะไร อิอิ "
เสียงมาอีกแล้วแต่คราวนี้เป็นเสียงที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นเสียงเด็กหญิงน้อยๆราวชั้นประถม กำลังเดินจูงมือแม่มาหยุดตรงหน้าต่างรถพอดี ฉันมองออกไปอย่างขำๆคราวนี้จะเป็นเรื่องอะไรอีกน้อ แต่น่าจะเรื่องดีเพราะเด็กน้อยดูน่ารักร่าเริงจูงมือแม่พูดคุยสนุกสนาน
"หนูอยากให้เพื่อนๆรู้จักแม่หนูเพื่อนๆจะได้อิจฉาหนูที่มีแม่สวย
"ภาพที่เห็นแม่ดึงเด็กน้อยเข้ามากอดหอมแก้มฟอดใหญ่
"ชื่นใจจังลูก ไม่อายแม่เหรอที่แม่เป็นแม่ค้าน่ะ"
เสียงแม่ร้องถามพร้อมดึงหางเปียไปมา
"จ้างก็ไม่อายใครๆก็เป็นแม่ค้าได้ทั้งนั้นทำไมหนูต้องอายล่ะแม่หนูรักแม่ที่สุดเลย"
"ชื่นใจจังแม่ก็รักหนูจ้า"
เสียงสองแม่ลูกพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ข้างหน้าต่างรถ ฉันมองดูอย่างมีความสุข ทำให้ได้คิดโลกนี้มีทั้งสุขทั้งทุกข์จริงๆ ผู้คนเริ่มทยอยกันเดินมาขึ้นรถบางคนหอบของมาพะรุงพะรังจนแทบไม่มีที่เก็บ อ้อ..ลืมบอกไปเลยว่าฉันกำลังไปทัวร์เล็กๆกับรถตู้ในบรรดาหมู่เพื่อนๆซี้ๆกันทั้งนั้นเราจัดทัวร์ท่องเที่ยวกันเองแล้วจ้างรถตู้มาพาเราไปคิดราคาเท่าไหร่เราหารกันเองจ่ายไปกันทั้งหมด 10 คนเต็มรถพอดี รถจะแวะจอดตามที่ๆเราต้องการได้ตลอดเวลาก็สนุกไปอีกแบบไม่ต้องไปตามทัวร์ที่จัดต้องฟิกซ์เวลาเป๊ะๆแบบนั้นเที่ยวไม่สนุกเลย
วันนี้รถจอด 20 นาทีแต่ฉันไม่ลงปล่อยให้เพื่อนๆเค้าลงไปเพราะบางคนมีคู่มาด้วยฉันไม่มีก็ไม่อยากจะลงเดินตามเค้าเกะกะ ไว้ลงเที่ยวเลยทีเดียวดีกว่า แต่ฉันก็ได้อะไรหลายอย่างนอกหน้าต่างรถตู้คันนี้นับว่าคุ้มแล้วที่ไม่ลงรถแต่ได้รู้ชีวิตหลากหลายของผู้เป็นลูกและผู้เป็นแม่ โบราณกล่าวไว้เสมอมาว่าใครมีลูกที่ดีเหมือนมีบุญฉันว่าเป็นความจริงทีเดียว
นอกหน้าต่างวันนี้ ได้ 3 ครอบครัวแตกต่างกันไปฉันได้แต่หวังว่าเด็กๆที่หลงผิดลืมพ่อแม่คงได้คิดและกลับมาดูแลพ่อแม่ตัวเองบ้างอยากให้ได้คิดสักนิดว่าอย่างน้อยที่เกิดมามีชีวิตนี้ได้ก็เพราะพ่อและแม่หากพ่อแม่ไม่เลี้ยงดูลูกจะเติบใหญ่มาได้อย่างไร ยิ่งพ่อแม่แก่เฒ่าก็หวังจะพึ่งลูกเท่านั้นถ้าลูกไม่ดูแลพ่อแม่จะอยู่อย่างไร
ขอนำบทกลอนสอนใจอ่านแล้วประทับใจทุกครั้งเป็นกลอนของท่าน อ.สุนทรเกตุ มาลงไว้ให้ได้อ่านกันนะคะ
อยากให้ทุกๆ คน คิดถึงบุญคุณของพ่อแม่ และพยายามเอาใจใส่ท่านให้มากๆ เพราะด้วยภาวะทางสังคม และเศรษฐกิจในเมือง ความวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ นอกบ้าน อาจทำให้ท่านหลงลืมคนที่อยู่ข้างหลัง
พ่อแก่-แม่เฒ่า พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน แต่ชีพมิทนนาน ย่อมร้าวรานสลายไป ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน หวังเพียงจะได้ยล เติบโตจนสง่างาม ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้ วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง
จากกันเท่านี้ก่อนนะคะไว้พบกันใหม่บล็อกหน้าค่ะ แหะ แหะ ตะพาบเดินช้าไปหน่อยค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจพร้อมแปะใจให้กันจนพองโตค่ะ
ขอขอบคุณเพลงประกอบจากยูทูบเพลงใครหนอ คุณเศรษฐา ศิระฉายา
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2559 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2559 2:58:59 น. |
|
84 comments
|
Counter : 3115 Pageviews. |
|
|
อ่านไปยิ้มไปเลย
กลอนก็เพราะซึ้งมากๆค่ะ
แปะใจมัดจำไว้ก่อนนะคะ
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ กิ่งฟ้า เรียบร้อยแล้วนะคะ
คุณเหลือ อีก 2 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ
ไว้ค่อยมาโหวตค่ะ