ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็เคยพิชิตฝรั่งเศส(ปารีส)-สวิตเซอร์แลนด์ วันที่ 1


 เท้าความนิดนึง เราคือผู้โชคดีได้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพ-ปารีส ฟรี 2 ที่นั่ง จากการเล่นเกมส์ในเฟสบุคของสายการบิน Airfrance อ่านว่าแอร์ฟร๊องส์(ต้องขอบคุณพี่แอมป์นะคะ ที่แนะนำเกมส์นี้มาให้เล่นกัน) ดีใจมากมาย และกังวลมากมายเช่นกัน ด้วยที่ภาษาอังกฤษง่อยยิ่งนัก ทำให้กลัวและกังวล 

     แต่ๆๆๆ โอกาสมาแล้วนิ จะไม่รับก็กะไรอยู่ มันต้องเดินหน้า ใช่ป่ะ ถึงได้มีบล็อกหัวข้อนี้ขึ้นมา ครั้งหนึ่งในชีวิต เราก็เคยพิชิตฝรั่งเศส(ปารีส)-สวิตเซอร์แลนด์มาแล้ว อิอิ ^_^

ตรงนี้เน้น ออกตัวเลยว่าภาษาอังกฤษง่อยมาก เกรด0 ทุกเทอม แก้เกรดยันจบมัธยม ส่วนป.ตรีไม่ต้องพูดถึงลงทะเบียนเรียนตั้งแต่ปี 1 ยันปี 8 ก็ยังคงลงทะเบียนภาษาประกิตอยู่ (เรียนม.รามคำแหง) คงรู้แล้วซินะ ว่าภาษาง่อยแค่ไหน ^_^

ณ.วันรับรางวัล
images by free.in.th

หลังจากรับรางวัลแล้ว เราก็เริ่มวางแผนเดินทาง โดยหาข้อมูลจากอินเตอร์เนต เว็บ Pantip เป็นหลักในการวางแผนเดินทาง (ขอบคุณเพื่อนสมาชิกพันทิบทุกท่านด้วยนะคะ โดยเฉพาะ น้องวี we-wee และพี่ x-file Happy Makers) เรากำหนดวันเดินทางเป็นวันที่ 8-16 ตุลาคม 2013 เป็นเวลารวมทั้งสิ้น 9 วัน 8 คืน

ส่วนขั้นตอนการขอวีซ่า เราได้เขียนบล็อกแยกไว้ต่างหากอีกหัวข้อ ตามไปอ่านกันได้นะคะ ที่ 
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kon-chob-tiew&month=08-2013&date=01&group=3&gblog=5

     มาถึงวันเดินทางเลยดีกว่า ตื่นเต้นมาก ถึงมากที่สุด ไม่เคยคิดว่าจะไปเที่ยวเองได้ไกลมากถึงเพียงนี้ ได้ประสบการณ์เยอะเลยสำหรับทริปนี้ จะค่อยๆ พิมพ์ให้อ่านกันนะคะ ^_^

วันที่ 8 ตค 2013 

     เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิแต่เช้า ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เลยแต่ไปถึงสนามบินเช้ามากกกกก 555 ไปเช็คอินกันค่ะ ตอนเช็คอินพนักงานก็ทำหน้างงๆ แล้วก็มีการสนทนาเกิดขึ้น

พนักงาน : จองตั๋วพนักงานมาหรือค่ะ 
เรา : ไม่ใช่ค่ะ เป็นตั๋วรางวัลค่ะ 

พนักงานคงเข้าใจ และก็ทำการเช็คอินต่อ น้ำหนักกระเป๋าของเราขึ้นชั่งได้ 20 ก.ก พอดีเป๊ะ อะไรจะแม่นปานนั้น ^^ ได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้วเราก็เข้าข้างในเลยค่ะ จะได้ไปเดินเล่นหรือหาอะไรรองท้องก่อนขึ้นเครื่องกันสักนิด

     ถึงด่าน ตม.เห็นคนเยอะ เราเลยไปที่เครื่องตรวจอัตโนมัติที่ใช้สแกนนิ้วมือ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้การช่วยเหลือ ให้คนข้างบ้านทำการเข้าช่องตรวจก่อน ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา พอถึงคิวเรา(ทำใจไว้ละว่าไม่ผ่าน เพราะลองมาหลายที ไม่เคยจะผ่านสักที) 555  แต่ก็ทำมึนมาเข้าช่องอัตโนมัติ และก็เป็นดังคาด ไม่ผ่านนนนน 555 เจ้าหน้าที่ คงเห็นว่าคนข้างบ้านเข้าไปรอข้างในละ จะให้เราไปต่อแถวใหม่ ก็ยาวเอาเรื่อง น้องเค้าเลยส่งเราไปอีกห้องที่อยู่ติดกันนั้นละ แต่ต้องเปิดประตูเข้าไปนะ เราก็งงๆ เล็กน้อย แต่ก็เดินตามไปโดยดี 

     อุ้ย มีห้องตรวจ ตม. อีกห้องด้วย คิวไม่มีเลย แล้วเจ้าหน้าที่แสนสวยก็ให้เราเข้าไป เรายืนพาสปอร์ทให้จนท.ตม แล้วเจ้าหน้าที.ก็เคาะกระจก เราก็อุ้ย ลืมยื่นใบขาออก 555 จนท.รับไปก็เคาะกระจกอีก เราก็ยื่นบอร์ดดิ้งพาสให้ จนท.ก็ไม่พูดไร แล้วเคาะกระจกอีก เราก็ไม่รู้คุณพี่เค้าจะเอาไร เลยยื่นทั้งหมด ที่ถือในมือให้คุณพี่ไป คุณพี่ก็ยังเคาะที่กระจกอีก ทีนี่เราเลยมองตำแหน่งที่คุณพี่เคาะ อ่อๆๆ คุณพี่ต้องการบัตรอะไรสักอย่าง ประมาณไพโอริตี้พาส (หรือบัตรทางด่วนสักอย่าง) ซึ่งเราไม่มี T T ก็แจ้งจนท.ไปว่าเราไม่มี เจ้าหน้าที่ห้องโน่น ให้เรามาที่นี่ เท่านั้นละคุณพี่ ทำหน้าทำตาไม่พอใจ แล้วก็ปั๊บเสียงดัง พร้อมยื่นพาสปอร์ตคืนให้เราเลย หน้าไม่มียิ้มขอบอก T T

     พอเข้าข้างในแล้ว ก็เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย โดยเดินไปในทางที่จะไปเกทขึ้นเครื่อง ผ่านร้านค้ามากมาย นึกขึ้นได้มีของฟรีให้กิน โดยใช้สิทธิ์ทรูการ์ด ^^

แล้วเราก็ไปใช้กับแดรีควีน ได้น้ำอัดลมมา 1 แก้ว แบบ งงๆ เพราะไม่รู้ว่ากดใช้สิทธิ์ แล้วจะได้อะไร 555 แล้วก็ไปต่อที่เบอร์เกอร์คิงต่อ กดรหัส ได้ เบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมมาอีกแก้ว ^^ กินน้ำอัดลมจนพุงกางเลย เอิ๊กๆๆ ส่วนเบอร์เกอร์ เก็บใส่เป้ เผือหิวระหว่างทาง ^^ แล้วเราก็ไปนั่งรอขึ้นเครื่องที่หน้าเกทดีกว่า

เครื่องบินมาจอดรอเราแล้วววววว......... ดูท้องฟ้าจิ ท่าจะรักกันจริง ไม่ผิดคอนเซป 555

images by free.in.th

     ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13 ชม. อาหารบนเครื่องเสริฟ 2 มื้อ และจะมีของว่าง  และเครื่องดื่มไว้ให้ด้านหลัง ตรงส่วนจัดเตรียมของกิน วางไว้เป็นรอบๆ บริการตัวเอง อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีวางไว้ตลอดไหม แต่ที่สังเกตุ เหมือนวางเป็นรอบๆ ค่ะ

เครื่องมาลงที่ Paris-Charles de Gaulle Airport Terminal2E ถึงปารีส 16.55 น.(เวลาท้องถิ่น) ที่นี่ไม่มีใบ Immigration ของเราก็มีวีซ่าอยู่แล้ว และเจ้าหน้าที่ ตม.จะใช้คำถามพื้นๆ ในการตรวจสอบ เช่น มาเที่ยวหรือมาทำงาน มาอยู่กี่วัน พักที่ไหน และอาจมีการขอเอกสารใบจองเพิ่มเติมในการตรวจสอบ เตรียมไว้ให้พร้อมนะคะ

     งานนี้ของเราผ่านฉลุย ไม่เจอคำถามใดๆ ผ่าน ตม.มาแล้ว ก็เดินตามๆ คนอื่น มารับกระเป๋า

images by free.in.th

เราได้เจอเพื่อนใหม่บนเครื่อง น่ารักสุดๆ เป็นคนไทยที่ใช้ชีวิตที่โน่น ชื่อแอน ค่ะ เทคแคร์เราเป็นอย่างดี พาไปรับกระเป๋า พาไปซื้อตั๋วรถ Roissy Bus ด้วย ถามโน่น นี่ นั้น กับพนักงานให้เราอีก นางน่ารักจริง ขอบคุณนะคะ ^_^

     ได้กระเป๋าแล้ว เราก็จัดการหยิบเอกสารนำเที่ยวต่างๆ ตอนแรกให้น้องแอนถามซื้อตั๋วกาเน่ t+ ที่นี่ด้วย แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าในสนามบิน ไม่มีตั๋วรถไฟขายนะเราต้องไปซื้อที่สถานีรถไฟในเมืองเลย เลยได้แค่ซื้อตั๋วรถเข้าเมือง โดยนั่ง Roissybus ราคา €10,00 ต่อคน ไปลง Paris(Opéra) 

images by free.in.th

รถจอดด้านข้าง Opera ให้เดินมาทางด้านหน้าของโอเปร่า ก็จะเห็นทางลงเมโทร

images by free.in.th

images by free.in.th

TIP: ในการเข้าหรือออกจากรถไฟในสวิส หรือปารีส เค้าจะมีปุ่มกลมๆ สีเขียวหรือสีอื่น อยู่ตรงประตู บางขบวนจะเป็นคันโยกขึ้น หากจะเข้า หรือออกให้"กด" หรือโยกขึ้น ย้ำว่าต้องกดหรือโยกขึ้นนะ ไม่งั้น ประตูรถไฟมันไม่เปิด ^^ ในรูป จะเป็นแบบคันโยกขึ้น

images by free.in.th

เราต้องแบกกระเป๋าอันหนักอึ้ง ลงบันไดเพื่อไปขึ้นรถไฟใต้ดิน(บางสถานีจะมีบันไดเลื่อน) บันไดก็หลายขั้นมาก(พอจะนึกภาพออกนะ รถไฟใต้ดิน มันก็ต้องอยู่ลึกมากใช่ป่ะ 555) หลายสเต็ปด้วยนับขั้นกันไม่ถูกเลย กล้ามโตขึ้นเยอะเลย แหะๆๆ และแล้วเราก็มาถึงหน้าทางเข้าเมโทร 

ช่วงกำลัง งงๆ กับประชากร ที่เดินกันให้ขวักไขว่ แล้วก็เห็นห้องขายตั๋วที่มีเจ้าหน้าที่ขายอยู่ด้วย เห็นมีนักท่องเที่ยวเข้าคิวซื้อตั๋วอยู่ก่อนหน้าแล้ว เราก็งงๆ ต่อแถวบ้าง 555 (เราจะต้องซื้อตั๋วรถไฟ Carnet t+ 10 (€13,30 ) เป็นตั๋ว 10 เที่ยว) ตั้งใจจะพูดว่า“อะการ์เน่ซิลวูเปล” แปลว่า “ตั๋วคาร์เน่ต์หนึ่งชุดพลีส” พอถึงคิว ลืมมมม555 แล้วพูดบอกไปว่า Carnet 10 tickets (กาเน่ เทนติ๊กเก็ท) พนักงานงงเลย 555 แต่เหมือนพนักงานจะเดาทางออก เธอก็ชี้ๆ มาที่จอเครื่องคิดเงิน ว่าราคานี้ป่ะ (13.30 ยูโร) เดาว่าพนักงานพูดและความหมายแบบนี้ เราก็ตอบ yes เพราะทำการบ้านมาแล้วว่า 10 ใบ ราคาตามนี้ (เข้าใจตรงกันนะ)^^ จ่ายตังค์ แล้วก็ได้ตั๋วมา 10 ใบ 555 ยิ้มในใจ กูเก่งจริง ^^

โรงแรมที่เราจองสำหรับคืนแรก Mövenpick Hotel Paris Neuilly

images by free.in.th

เรานั่งเมโทร สาย3 ไปลงสถานีAnatoie France (ปลายทาง Pont de Levallois) โผล่ขึ้นมาฟ้ายังสว่างอยู่เลยพอจะงมทางไปโรงแรมได้ไม่ยากนัก เนื่องจากดูแผนที่จากกูเกิ้ลสตรีทมาบ้างแล้ว สบายไป^^ ทำการบ้านมาดี มีชัยไปกว่าครึ่ง 555 เส้นทางที่ปริ้นมา ตอนดูในคอมฯ เหมือนไกล แต่จริงๆ ไม่ไกลเลย เดินสบายๆ อากาศเย็นๆด้วย เลยเดินชิลๆชมวิวไปเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็ถึง  

     แถมเดินเข้าโรงแรม ดันเข้าประตูที่ไม่ใช่ทางเข้าอีก 555 หน้ามึนๆ ทำเป็นชะโงกไปมา รอคนมาเปิดประตู แล้วก็มีคนมาเปิดจริงๆ^^ และถามคนนั้นว่าฟร๊อนไปทางไหน คุณก็ชี้ๆให้เดินไปข้างหน้า ตรงรีเซฟชั่น ฮาดี ก็คิดในใจ โรงแรมไรฟร่ะ ล็อคประตูทางเข้า จริงๆ ตรงที่เราเข้า มานเป็นผับหรือบาร์ ซึ่งประตูนี้เค้าไม่เปิดใช้งานค่ะ(ด้านข้างโรงแรม) แต่ก็มีคุณใจดีมาเปิดให้เข้าแต่โดยดี อิอิ

เช็คอินไม่อยากนัก แค่ยื่นใบจองที่ปริ้นมา พนักงานพูดอังกฤษได้เราฟังเข้าใจ ก็โอเคแล้วเนอะ 555  

ถ่ายรูปในห้องมานิดหน่อย 

images by free.in.th

images by free.in.th

images by free.in.th

คืนนี้ ไม่ได้ออกไปไหนต่อละ เพราะฟ้าเริ่มมืด กลัวหลง ^^ กะจะรีบพักผ่อนเพราะเวลาไทย ณ ตอนนั้น ราวๆ ตี 1 ได้ แถมพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อเข้าสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่วายดิ้นรน หาอินเตอร์เนตใช้ ติดเฟสบุค 5555 ลงไปถามพนักงานโรงแรม ว่ามี ฟรีไวไฟไหม พนักงานตอบ No เศร้าจุง(T T) แต่ยังชี้ทางสว่างมาว่า ใช้คอมฯ ของโรงแรมได้นะ อยู่โซน บิสซิเนส ชี้ๆ ทางไป เราก็โอเค ไปงมๆ ดู แม่เจ้า คีย์บอร์ดก็ไม่เป็นภาษาประกิต อีก งมจนโง่เลย เอิ๊กๆๆๆ เนื่องจากคีย์บอร์ด ไม่เป็นสากลอ่ะ ตำแหน่งอักษรไม่เหมือนบ้านเรา มีคุณพี่ใจดี มาช่วยเปลี่ยนคีย์ให้เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ สรุปเลยไม่ได้เล่น แถมเฟสบุคโดนล็อคอีก เพราะล็อคอินจากไอพี ไม่คุ้นเคย(ตปท) แงๆๆๆๆๆ  

จำต้องลาไปนอนอย่างอาลัย เก็บแรงไว้พรุ่งนี้ละกัน ส่วนมื้อค่ำก่อนนอนวันนั้นเราก็จัดการเบอร์เกอร์คิงที่หิ้วมาจากเมืองไทย รอดไปอีก 1 มื้อ

พรุ่งนี้เราจะเข้าสวิตเซอร์แลนด์กัน โดยรถไฟ TGV


โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ บายยยยยยยย ^_^






Create Date : 05 มิถุนายน 2557
Last Update : 24 ธันวาคม 2559 12:15:00 น.
Counter : 1160 Pageviews.

0 comments

ฮุยเฉง
Location :
พิษณุโลก  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



มิถุนายน 2557

1
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
28
29
 
 
All Blog