รถไฟฟ้ามาหานะ...โยม เฮ้ย!!! มาหานะเธอ

อิอิ...เรื่องนี้พิเศษสักหน่อยก็ตรงที่ ไม่ได้ดูที่เจียงใหม่เหมือนที่น่าจะเป็น


เพราะตอนหนังเข้า ไปแรดอยู่สมุยกับเพื่อน ๆ กันซะงั้น...ตังค์ก็ม่ะมี ยังกระแดะไรเที่ยวอีกกรู...


ก็ยัยเพื่อนแอ๊บแบ๊วของเราอีกนั่นแหละ อยากให้ไปด้วยจนเล่นมัดมือชกซื้อตั๋วให้เฉย  ตอนนี้ยังเป็นหนี้คุณแม่ยัยแอ๊บอยู่เล้ยยย






 

จำได้ว่าไปดำน้ำที่เกาะนางยวนกับเกาะเต่าเสร็จ กลับมาเม้าท์ ๆ กันสักพักก็ว่า ถ้ากลับไปดูเชียงใหม่มันคงออกพอดีแน่เลย ดูจากสภาพเพื่อน ๆ ยังสามารถอยู่ เลยถ่อไปดูหนังที่เฉวงมันซะเลย (เพิ่งรู้ว่าเมเจอร์เหมือนกัน ราคาตั๋วที่นี่แพงกว่าเชียงใหม่อีก เชียงใหม่ 140 ที่นี่ 170 แหน่ะ แพงโคตรรรร)





ดูเสร็จก็...ตามสไตล์ ฝันหวานกันปายยยตามเรื่อง เหอะๆๆๆ





พอกลับมาถึงบ้าน มีเมลล์ฉบับนึงรออยู่พอดี


ปรัชญามาม่า...จากรถไฟฟ้ามาหานะเธอ



ทำไมมาม่าต้องต้ม 3 นาที?

สังเกตว่าภายในเรื่องตัวละครจะมีความสัมพันธ์กับมาม่า
2 ครั้ง คือ ตอนที่พระเอกจะต้มมาม่าให้นางเอกกินรองท้องก่อนขึ้นรถแท็กซี่ และตอนที่นางเอกผิดหวังเรื่องพระเอกต้องไปเรียนต่อเมืองนอก จึงกลับมาต้มมาม่าที่บ้านคนเดียว

หนังกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่า
? ผมว่าเขากำลังจะบอกเรื่องสาระของ ”การรอคอย” และ "ความอดทน"

ครั้งแรกในรถแท็กซี่ นางเอกเปิดกินในขณะที่เพิ่งใส่น้ำร้อนไปแค่
1 นาที พระเอกก็บอกว่า “ก็ข้างถ้วยเขาเขียนให้รอ 3 นาที” นางเอกก็เถียงว่าชอบกินแบบนี้ เส้นกรอบๆแบบนี้

ถ้า เรามองแบบเปรียบเทียบ ม่าม่ากับความรัก .. เหมือนหนังกำลังบอกว่า ทั่วไปตามสากลโลก ความรักมันมีเวลาของมัน การบ่มเพาะเส้นของความรักให้นุ่มพอดี พอเหมาะเข้าปากนั้น ต้องใช้เวลา แม้นางเอกอาจจะชอบเส้นกรอบๆ ที่ใช้เวลาน้อย แต่ความรักเป็นเรื่องของคน
2 คน จะตัดสินด้วยความชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ และเวลาอีก 2 ปีที่พระเอกจะไม่อยู่ ก็คือช่วงเวลาที่จะบ่มเพาะความรัก ให้สามารถกินได้ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง

มาม่ามักถูกใช้เป็นตัวช่วยของคนที่
“ไม่มีเวลา” ไม่มีเวลาทำกับข้าว ไม่มีเวลาไปหาอาหารกินข้างนอก เหมือนในเรื่องนี้ นางเอกคิดว่าตนเอง”ไม่มีเวลา”จะรอพระเอกแล้ว เพราะอายุก็มาก เหงาก็เหงา กินข้าวคนเดียว แต่จะให้ทำอย่างไร แม้แต่มาม่ายังมีเวลา 3 นาทีของมัน แล้วความรักล่ะ?  

จึง มาสู่ตอนที่นางเอกเครียดในการต้มมาม่าคนเดียวที่บ้าน อยากกินเร็วๆแต่อะไรก็ขัดใจไปหมด น้ำก็ไม่ได้ต้มไว้ ฉีกซองเครื่องปรุงก็ลำบาก เนื่องจากความ
”ใจร้อน” มองแต่”เป้าหมาย” แต่ลืมมอง”ระหว่างทาง” การจะกินมาม่า ต้องต้มน้ำ ต้องค่อยๆเตรียมเครื่องปรุง เหมือนความรัก หากจะมองแต่เป้าหมายว่าฉันกับเขาจะต้องรักกัน แต่ลืมใส่ใจ”ระหว่างทาง” ภาพนั้นคงไม่เกิด

มา ม่า ก็เป็นตัวแทนหนึ่งของคนในสมัยนี้ ที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ ทุกๆอย่างต้องแข่งกับเวลา จนลืมไปว่า เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างความรัก มันเร่งรีบไม่ได้หรอก


สรุป คือ ผมคิดว่า หนังใช้มาม่าสอนเราในเรื่องความรัก ถ้าคิดจะรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรอ ต้องอดทน คนสมัยนี้มักขาดความอดทนครับ แลกเบอร์กันไม่กี่วัน ก็อยากให้อีกฝ่ายเรียกเราว่าแฟนแล้ว น่าจะมองดูว่า แม้สิ่งที่จะช่วยเราประหยัดเวลามากแค่ไหน อย่างมาม่า มันก็ยังมีเวลาของมัน แล้วกับความรัก ก็เช่นกัน

---



-----------------------------------------------------------


เราอ่านแล้วก็...เอ่อ หว่ะ ตอนดูไม่ได้ใส่ใจสองฉากนี้เท่าไหร่เล้ย จริง ๆ ด้วยแฮะ "ปรัชญามาม่า" ว่าจะซื้อ DVD มาเก็บอยู่ อิอิ





Free TextEditor



Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2552 12:02:32 น.
Counter : 1615 Pageviews.

6 comments
  
ความรัก คือไร ?
โดย: RageMachine วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:59:19 น.
  
ดูหนังเรื่องนี้ที่สมุยเหมือนกันคะ พี่เคนหล่อทะลุแป้งเลยคะ
โดย: momoiloveu วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:01:28 น.
  
555 ยังดีนะที่หล่อทะลุแค่แป้ง ถ้าหล่อทะลุจอคงต๊กกะใจพิลึก
โดย: คมไผ่ วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:32:16 น.
  
ได้ดู ดีวีดี หลังหนังออกจากโรง
เป็นปีเหมือนกัน

ชอบ พี่เคนอะ น่ารัก... คนไร
ถ้ามีพี่ช่างแบบนี้ เป็นแฟน ...โอ๊วววว รองเท้าในฝัน...ของผู้หญิง ค่อนประเทศไทย...
แต่ไม่มีใครสวมใส่ได้ นอกจากพี่หน่อย...555
โดย: NongPenquin วันที่: 19 มกราคม 2555 เวลา:17:13:48 น.
  
มาม่าผมเข้าเวฟ 2 นาทีครับ ต้มแล้วมันเละ ไม่ชอบ อิอิ

ชอบเส้นมาม่าแข็งนิดๆให้พอสู้ฟัน ไม่อยากเคี้ยวแค่สองสามที่แล้วกลืนเลย เคี้ยวนานๆให้ได้รสชาติ ชีวิตจะได้มีแอ็คชั่น
โดย: PAEstudio วันที่: 17 มิถุนายน 2555 เวลา:4:11:08 น.
  
ขอกด like ให้ท่านสัก 10 ครั้งค่ะเขียนได้เยี่ยมมากโดนใจอะไรเยี่ยงนี้55555
โดย: ฟ้า (ฟ้าหลังฝนบนถนนชีวิต ) วันที่: 27 มิถุนายน 2555 เวลา:11:49:29 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คมไผ่
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]



Q ; เป็นคนแบบไหน
A ; เป็นได้ทุกแบบ ขึ้นอยู่ที่ว่า...เป็นกับใคร และเป็นเมื่อไหร่ แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ เป็นนางฟ้าก็ได้ นางมารก็ได้ แล้วแต่ว่าใครจะมาด้วยแบบไหน

Q ; ให้นิยามกับตัวเองว่าอะไร
A ; ทะเล...(มั้ง) ได้บรรยากาศหลากหลายดี นิ่ง ๆ สงบ ๆ ก็ได้ ชิว ๆ ก็ได้ แต่...ถ้ามีองค์ประกอบอื่นก็...ตามนั้น

Q ; เหมือนจะน่ากลัวนะเนี๊ยะ
A ; อย่ากลัวเล้ย บ้าบอไปงั้นแหละ ฉีดยาเรียบร้อยแล้ว ไม่นิยมกัดใครก่อนอยู่แล้น หุหุ โพสต์ได้ เม้นท์ได้ ด่าได้(แต่อาจมีสวนเล็ก ๆ คริๆ)
New Comments
พฤศจิกายน 2552

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
Friends Blog
[Add คมไผ่'s blog to your weblog]