Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
..Blueragon : อภินิหารหัวใจมังกร ตอนที่17..

คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือ หากนำเรื่องไปเสนอต่อสำนักพิมพ์ ถือเป็นการเสนอขาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์



************************
Blueragon : อภินิหารหัวใจมังกร
ตอนที่ 17

************************




.
.
.
.
สายน้ำไหลเลาะตามโขดหินก้อนน้อยใหญ่...น้ำใสเย็นสดชื่น สร้างความรื่นรมย์ให้กับผืนป่าโดยรอบ




สายลมพัดผ่านแนวไม้ จากป่าสูงบนเทือกเขา และลัดเลาะมาตามแนวไม้เรื่อยๆ ส่งเป็นเสียงเพลงไพเราะ ชวนเคลิบเคลิ้มใจยิ่งนัก




ใบไม้ปลิดตัวปลิวลอยล่องมาตามสายลม จากแนวกิ่งสูงใหญ่ด้านบน หล่นลงมากระทบกับผิวน้ำด้านล่าง สายน้ำพัดพาใบไม้ใบน้อยสีเหลืองเข้ม ลอยระร่องไปตามลำธารใส




ที่ริมตลิ่งน้ำใสเย็นนั้น มีร่างหนึ่งกำลังก้าวเท้าลงไปยังผืนน้ำ....




ร่างงามขาวผุดผ่องค่อยๆ จมลงไปใต้สายน้ำที่เย็นฉ่ำ เรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มถูกสายน้ำพัดผ่านเป็นระรอกคลื่น....และแล้ว ร่างนั้นก็ค่อยๆ จมหายลงไปใต้สายน้ำ....




"ฮูวววห์..."



เพียงชั่วครู่ หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างที่ขาวผุดผาดก็โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง ด้วยสีหน้าสบายใจ




"ดีจังเลย ไม่มีใครอยู่ค่ายในคืนนี้...เราจะได้อาบน้ำให้สมใจสักคืน"
พาทิเซียกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายใจอย่างที่สุด




เพราะหลายวันแล้วที่นางเดินทางมากับกองทัพ และมิได้อาบน้ำอย่างเต็มที่เลยสักครั้งเดียว บางวันนางถึงกับต้องนอนทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำ แต่ก็ไม่ได้สร้างความแปลกประหลาดใจใดๆ ให้กับ แซมมัว นักรบตัวเตี้ยเพื่อนร่วมเต้นท์นอนของนาง เพราะการไม่อาบน้ำนอนนั้นเป็นเรื่องปรกติของบุรุษนักรบอยู่แล้ว




พาทีเซียดำผุด ดำว่ายอยู่ในลำธารยามราตรีอย่างสนุกสนาน...นางกวักน้ำใสเย็นสดชื่นขึ้นมาลูบใบหน้า และยังจุมเรือนผมยาวลงไปในน้ำเพื่อทำความสะอาดอยู่หลายรอบ




หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อได้อยู่กับตัวตนจริงๆ ของตัวเอง..ไม่ใช่อยู่ในคราบนักรบหนุ่มน้อยนาม พาทริส...




มือขาวๆ ยกสูงขึ้น แล้วพรางมองร่างกายตัวเอง ตั้งแต่ต้นแขน เรื่อยไปถึงปลายนิ้วมือ....และในตอนนี้ ในนิ้วมือทั้ง 10 นิ้วของนางไร้ซึ่งแหวนสีมรกตวงน้อย




สายลมพัดโชยเอื่อยมาอีกระรอก....




ความเย็นของน้ำ ผสานกับความเย็นของสายลม ทำเอาหญิงสาวหดมือลง และสั่นเทิ้มเพียงเล็กน้อย




"อะไรกัน ทำไมรู้สึกเย็นขึ้นนะ แหม ยังเล่นน้ำไม่สะใจเลย"
หญิงสาวร่างบางบ่นอุบอิบ แต่ก็ไม่วายยังคงเล่นน้ำต่อ




"เอาน่า...อีกสักพักค่อยขึ้นก็แล้วกัน"
พูดจบ ก็ดำลงไปใต้น้ำอีกครั้ง





"หึหึ..."




แล้วเมือพาทีเซียโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง นางต้องรู้สึกแปลกใจ ที่ได้ยินเสียงหัวร่อเบาๆ




"ใครกัน..."
หญิงสาวใช้สองมือ โอบรอบตัวที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำ แล้วมองหาที่มาของเสียง...แต่ก็ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิตใดๆ




"หรือว่า....."
นางขมวดคิ้วน้อยๆ พรางใช้ความคิด




"เจ้าใช่มั้ย นางพราย...ออกมาซะดีๆ ออกมาหาเรา"
พาทีเซียตะเบ็งเสียงดังขึ้น พร้อมกับมองกวาดสายตาไปรอบๆ อีกครั้ง




สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านมาอีกครั้ง พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ
"หึหึ...หึหึหึ..."




หญิงสาวอ้าปากจะตวาดเสียงอีกรอบ แต่ก็ไม่ทันจะได้กล่าวอะไร สิ่งที่ปรากฏอยู่บนผิวน้ำนั้นทำให้นางเงียบเสียงลง




"ทำไมคืนนี้เจ้าไม่ไปร่วมงานที่ปราสาทโน้น...ล่ะ"
น้ำเสียงเย็นเยียบ ดังอย่างแผ่วเบา จากร่างกึ่งโปร่งแสงที่ยืนลอยตัวอยู่บนผิวน้ำ




เส้นผมสีขาวเงิน ทอแสงระยิบระยับยามต้องแสงจันทร์ ปลิวไสวไปมาตามแรงลมที่พัดผ่าน ผิวสีซีดกึ่งโปร่งใส ทำให้มองทะลุเห็นต้นไม้ฝั่งตรงข้ามได้แม้ไม่ชัดเจนนัก .....ดวงตาสีเขียวมรกตบนใบหน้าสีซีดจ้องมองดูหญิงสาวที่อยู่ใต้ผิวน้ำ รอยยิ้มเลือนลางปรากฏอยู่บนใบหน้านั้น....




"ก็เราไม่อยากไปนิ มีแต่สุรา นารี...ไม่เห็นมีอะไรสนุก สู้อยู่ค่ายเล่นน้ำสบายใจอย่างนี้ไม่ได้เลยสักนิด"
พาทีเซียกล่าวน้ำเสียงไม่ใส่ใจ





"เจ้าไม่รู้รึไงว่า....ในปราสาทนั่น มีใครอยู่"
นางพรายกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็นเช่นเคย นางสะบัดหน้าไปทางทิศที่ปราสาทสีทองตั้งตระหง่านอยู่




พาทีเซียเผลอมองตามนางพรายชั่วครู่ ก่อนจะหันหน้ากลับ พรางกวักน้ำใสๆ เล่น




"รู้สิ ก็ ราชินีนาโดบา ผู้ลือเลื่องในเรื่องความงามหาที่เปรียบมิได้..."
เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนตอบคำถามของนางพราย




นางพรายหันกลับมาจ้องหน้าพาทีเซียอีกครั้ง นางยิ้มน้อยๆ ก่อนพูดว่า..
"ใช่ ราชินีผู้งามเลิศ...."




พาทีเซียยักไหล่น้อยๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวของนางพราย




"แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าพระนาง....เก่งกาจเรื่องมนตรา โดยเฉพาะทำให้บุรุษหนุ่มลุ่มหลง"
นางพรายกล่าวเสริม น้ำเสียงเยือกเย็นกังวาลอีกครั้ง




"รู้..."
หญิงสาวตอบเสียงสูง แต่ก็ยังคงมีอาการไม่ใส่ใจ





"แล้วเจ้ารู้รึไม่ว่า จุดประสงค์ของนางในคืนนี้คืออะไร"
นางพรายกล่าวซักถามอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงยิ้มน้อยๆ ดวงตาสีมรกตยังคงจ้องมองไปที่มนุษย์สาว




"จุดประสงค์?......ก็คงจะเจ้าชายบาโอซีลอนมั้ง"
พาทีเซียทำท่าขบคิดชั่วครู่ ก่อนจะตอบออกมาพร้อมเลิกคิ้วน้อยๆ มองตอบนางพราย




"...หึหึ"
นางพรายหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะปล่อยตัวให้ลอยหมุนวนรอบตัวพาทีเซีย





"เจ้ารู้รึไม่ว่า พระนางร้ายกาจแค่ไหน......พระนางสามารถทำให้ชายที่นางต้องใจลุ่มหลง และรักพระนางได้ ต้องยอมทำทุกอย่างที่พระนางต้องการ.....ความงามของนางที่ใครๆ ต่างก็พึ่งปราถนาอยากได้ชื่นชมนั้น แท้จริงแล้ว นางได้มาจากไอมนุษย์ของชายหนุ่มเหล่านั้นทั้งสิ้น....ดวงวิญญาณของแต่ละคนจะตกเป็นของนาง และเค้าก็จะค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ....."




คำกล่าวของนางพราย ทำเอาพาทีเซียรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ นางว่ายน้ำเข้าหาตลิ่งอย่างรวดเร็ว และคว้าเอาผ้ามาคลุมกายไว้แน่น





"นั่นมัน..พฤติกรรมของ......แต่นางเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ..."
พาทีเซียเงยหน้าถามนางพราย ซึ่งลอยล่องไปมาอยู่เบื้องหน้านาง





"ใช่ พระนางเป็นมนุษย์...เหมือนเจ้า เหมือนเจ้าชาย..."
นางพรายตอบ พร้อมรอยยิ้มมุมปาก




"แต่พระนางได้ศึกษามนตรามาจากแม่มดอาจารย์ของนาง...."





สิ้นคำของนางพราย พาทีเซียรู้สึกเย็นวูบเข้าไปถึงภายในร่างกายของนาง หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกแน่น




"พระนางกำลังจะเป็นแม่มดเหมือนอาจารย์ของพระองค์ใช่มั้ย...นี่คือสิ่งที่ท่านจะบอกเรา"
พาทีเซียกล่าวถามน้ำเสียงตื่นเต้นร้อนรน




"หึหึ...."
นางพรายหัวร่อเบาๆ อีกครั้ง แล้วร่างของนางก็ลอยละล่องสูงขึ้น แต่ดวงตาสีมรกตของนางยังคงจ้องมองมายังพาทีเซียไม่กระพริบ




"ว่าแต่...ท่านมาบอกเราทำไม..."
หญิงสาวเงยหน้าถามนางพราย ด้วยความสงสัย




"หึหึ..."
นางพรายยังคงหัวร่ออีกครั้ง นางมีรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมดวงตาสีเขียวมรกต




"เราบอกเจ้าแล้วรึไม่ว่า.......เจ้าคือผู้ที่จะปราบเจ้ามังกรร้ายได้"
นางพรายกล่าว น้ำเสียงเยือกเย็น แผ่วเบา




"ใช่ เจ้าบอกเรา...แล้วเจ้าก็ให้สิ่งนี้กับเรามา"
พาทีเซียล้วงเอาแหวนมรกตออกมาจากเสื้อคลุม นางชู้มันขึ้นมาให้นางพรายดู




"เราจะปราบเจ้ามังกรร้ายด้วยมือเราเอง"
น้ำเสียงของหญิงสาวดูเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว





"หึหึหึ....."




นางพรายยังคงหัวเราะไม่หยุด ร่างใสโปร่งของนาง ลอยอยู่ในอากาศ และบินร่อนไปมา รอบตัวหญิงสาว




"เจ้าหัวเราะอะไรนักหนา....เจ้าหัวเราะเราตั้งแต่แรก จนตอนนี้ก็ยังไม่เลิก ขำอะไรนัก"
ขมวดคิ้วแน่น กระชากเสียงถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ




นางพรายยังคงหัวเราะไม่หยุด นางบินไปรอบๆ ตัวพาทีเซีย.....ชุดสีขาวที่ยาวระพื้นของนาง ปลิวไปตามลมเป็นระรอกคลืน....ผมสีขาวเงินของนาง ทอแสงระยิบระยับอยู่บนผิวน้ำใส




"คืนนี้เจ้าต้องไปช่วยเจ้าชาย....ถ้าเจ้าต้องการชนะ บลูรากอน"
เสียงเย็นเยียบดังขึ้น...ดวงตาสีมรกตจับจ้องที่หญิงสาวเบื้องล่าง




"ทำไมเราต้องไป ก็ในเมื่อเจ้าบอกเองว่า....เราเท่านั้นที่ปราบมังกรร้ายนั่นได้"
พาทีเซียขมวดคิ้วแน่นอีก นางโต้กลับน้ำเสียงไม่เข้าใจ





"เราบอกให้เจ้าไปช่วยเจ้าชาย.....ไปซิ ไปช่วยเจ้าชาย"
นางพรายกล่าวย้ำ ดวงตาสีเขียวมรกตยังคงจ้องใบหน้าขาวใสของหญิงสาว





"ไปทำไมกัน ป่านนี้พระองค์คงมีความสุขไปแล้ว..."
พาทีเซียยังคงดื้อดึง ไม่สนใจกับคำพูดของนางพราย




"เราบอกเจ้าแล้วนะ.....เจ้าต้องไปช่วยเจ้าชาย"




ร่างกึ่งโปร่งใส กำลังค่อยๆ เลือนหายไปกับสายลม...




"ทำไมเราต้องไปช่วยด้วย ก็เค้ากำลังไปมีความ....สุข..."
พาทีเซียยังคงพยายามเถียง แต่แล้วนางก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อร่างนางพรายได้เลือนหายไป จนไม่เห็นอะไรอีกแม้แต่ดวงตาสีมรกต




"จะให้เราไปทำไมกัน เค้ากำลังมีความสุขกับสาวงาม"
บ่นพึมพำอย่างรำคาญใจ




ลมวูบใหญ่พัดโชยแนวไม้มาอีกครั้ง และพัดผ่านร่างบางที่อยู่ริมตลิ่งจนหญิงสาวต้องจับเสื้อคลุมไว้แน่น




"ถ้าเจ้าไม่มีเจ้าชาย .....เจ้าก็มิอาจปราบมังกรร้ายได้.....เจ้าชายจะช่วยเจ้า.............เจ้าชายเท่านั้นที่จะช่วยเจ้าได้...."
เสียงแผ่วเบาล่องลอยมากับสายลม....




พาทีเซียขมวดคิ้วแน่นกว่าครั้งใด นางไม่เข้าใจถึงคำพูดของนางพรายเลย เพราะก่อนหน้านี้ นางพรายเองที่บอกว่า นางเท่านั้นที่จะปราบมังกรร้ายได้ แต่มาตอนนี้ นางพรายกลับมาบอกว่า เจ้าชายเท่านั้นที่จะช่วยนางปราบมังกรได้......สรุปแล้ว มันคืออะไรกัน




พาทีเซียนั่งนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ด้วยเพราะกำลังใช้ความคิด....แต่แล้ว นางก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมกับ หยิบแหวนในมือ สวมเข้าไปที่นิ้วของนาง.....แสงสีเขียวอมฟ้าเฉิดฉายเปล่งประกายจ้าออกมา .....แล้วทุกอย่างก็กลับมืดมิดอีกครั้ง




ร่างหนุ่มน้อยวัยกระเตาะยืนอยู่ริมตลิ่งลำธาร.....เค้าสาวเท้าก้าวเดินอาดๆ ไปที่กองเสื้อผ้า แล้วคว้าเอาเสื้อผ้ามาสวมใส่แทนเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่ใส่อยู่เมื่อครู่....คันธนูดูจะใหญ่ และสะดุดตาเกินไปหากพกเข้าไปในงานเลี้ยง เค้าจึงคว้าเอามีดสั้นปลายแหลมที่พกติดตัวตลอดมาเหน็บไว้ที่ด้านหลังแทน...






************






Create Date : 04 ธันวาคม 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 19:13:12 น. 0 comments
Counter : 299 Pageviews.

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.