กุมภาพันธ์ 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
ชีวิตของผมในวัยเด็ก..!! ทำไมผมถึงเข้าใจชีวิตชาวนา..!! ทำไมผมจึงวิงวอนว่า อย่าเอาชาวนาเป็นตัวประกันทางการเมือง..!!
ชีวิตของผมในวัยเด็ก..!! ทำไมผมถึงเข้าใจชีวิตชาวนา..!! ทำไมผมจึงวิงวอนว่า อย่าเอาชาวนาเป็นตัวประกันทางการเมือง..!!
&&จันทร์-ศุกร์&&
@ ตื่นเช้าเอาควายออกจากคอกที่มีขี้เลน เพื่อเอาไปล้างน้ำ แล้วขี่ควายไปส่งพ่อที่นา
@ เดินกลับมาบ้าน อาบน้ำและกินข้าวที่แม่แบ่งไว้ให้ หลังจากที่แม่แบ่งใส่ปินโตเอาไปให้พ่อที่นา
@ ช่วงประถมศึกษาเดินไปเรียน ไป-กลับ 5 กม. มัธยมถีบจักยานไปเรียน ไป-กลับ 20 กม.
@ เย็นกลับถึงบ้าน หุงข้าวรอท่าพ่อแม่กลับจากทำนา เล่นกับน้องๆ และทำการบ้าน
@ ก่อนนอน นอนเล่นนอกชานบ้าน ดูเดือนดาว ฟังพ่อแม่คุยกันเรื่องทำมาหากิน ฟังเพลง ฟังนิยายคณะแก้วฟ้าหรือคณะนีริกานนท์จากวิทยุทรานซีสเตอร์ และรับฟังการสั่งสอนเป็นระยะในบางโอกาส
@ วันพระ ต้องไปวัดทำบุญทุกวัน
&& วันหยุดราชการหรือปิดเทอม&&
@ ฤดูทำนา ทำเหมือนทุกวันเป็นปกติวิสัย
@ กลางวันไม่ดูน้องก็ไปช่วยพ่อแม่ทำนา
@ ถึงนาตั้งแต่รุ่งสาง เอาคอม(ไม้ไผ่ดัด) คล้องคอควาย ผูกเชือกทำจากหนังควายสองข้างลากมาผูกแอกน้อยปลายคันไถ มีเชือกเล็กสนสะพายจมูกควาย เพื่อคอยบังคับให้เดิน เลี้ยวซ้ายขวา ไถกว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไป 09:30 น.
@ กินอาหารเช้า ริมคันนา ปลาหมอนาย่างน้ำ พริกดำ ผักต้มข้างบ้านอร่อยมาก บางวันมีไข่ต้มที่ไปล้วงเอามาจากอกแม่ไก่ในเล้า
@ ปล่อยควายหากินตามธรรมชาติ ไปช่วยพ่อแม่เตรียมแปลงนาในที่ลุ้ม ดึงหญ้า ผักตบชวา ฯลฯ
@ เย็นๆ ก็เอาควายกลับบ้าน หาบน้ำไปใส่คอกควายให้เป็นขี้เลน กันยุงกัด
@ ช่วงแรกที่นายังไม่ปฏิรูปทำปีละครั้งเป็นนาว่าน ไถแปล ไถดะว่านเลยรอน้ำฝน ช่วงนอกฤดูก็ปลูกผักปลูกหญ้าตามปะสา
@ ฤดูเก็บเกี่ยว ต้องนำฟ้อนข้าวใส่เกวียนขนมาที่ลานข้าว ให้ควายเดินวนย่ำจนเมล็ดข้าวหลุดจากซัง เอาไม้ตะขอแยกซังข้าว เอาข้าวใส่สีโบกมือหมุน เพื่อแยกข้าวดีกับข้าวลีบออกจากกัน นำข้าวไปใส่ยุ้งฉาก ส่วนหนึ่งใส่ชะลอมเป็นเมล็ดพันธ์ุ
@ วันไหนไม่ไปนาทำของเล่นเองจากวัสดุเหลือใช้ ทำว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ลูกข่าง ฯลฯ เองไม่ซื้อ
@ พอโตหน่อย ก็รับจ้างหาบข้าวใส่กระบุงจากยุ้งเพื่อนบ้านไปลงท่าเรือแม่น้ำน้อยถังละ 25-50 สตางค์
@ ฤดูน้ำหลาก เราก็เปลี่ยนอาชีพไปจับปลา ได้มากก็ถนอมอาหารด้วยการทำปลาย่าง น้ำปลา ปลาร้า ฯลฯ
@ นั่น คือ ชีวิตผมเมื่อวัยเด็ก..!!
&& โปรดฟังอีกครั้ง..!!! อย่าเอาชาวนาไปเป็นตัวประกันหรือเครื่องมือต่อรองทางการเมือง กราบตีนละ..!!



Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2557 17:01:47 น.
Counter : 736 Pageviews.

4 comments
  
สุขสันต์วันเกิดขอรับ

แวะมาทักทายขอรับ
โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:3:48:40 น.
  
สุขสันต์วันเกิดค่ะ
โดย: เจ้าหญิงแห่งความเหงา วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:19:28:02 น.
  
มาแปะใจ และ happy birthday ค่ะ
โดย: cyberlifenlearn วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:19:56:18 น.
  
สุขสันต์วันเกิดนะคะ
โดย: VioLentBlackMay วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:20:18:16 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

คนทำงานด้านเด็ก
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
เกิด 17 ก.พ.2502 จังหวัดชัยนาท เป็นบุตร นายสุเทพ-นางชิ้น ไทยเขียว
จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 โรเรียนวัดโพธิ์ทอง ต.บางขุด อ.สรรคบุรี แล้วมาเรียนมัธยมที่โรงเรียนคุรุประชาสรรค์ อ.สรรคบุรี จนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
"ตอนเรียนมัธยม เป็นช่วงปี 2515-2517 ผมต้องขี่จักรยานไปกลับวันละ 18 ก.ม. ลำบากมากโดยเฉพาะในหน้าฝน ผมเป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียน แต่ไม่เกเร พอผมเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยากทำนาเหมือนคุณพ่อคุณแม่ แต่ธรรมชาติช่วย จังหวะที่ผมเรียนจบ เกิดน้ำท่วมใหญ่ รวมถึงที่นา ผมต้องลงไปช่วยคุณพ่อ คุณแม่ยกฟ้อนข้าวขึ้นที่สูง เหนื่อยมาก รู้สึกลำบาก ไม่อยากทำนาอีกแล้ว เริ่มอยากเรียนหนังสือต่อ"
ผมจึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ พักอยู่กับญาติที่กองรักษาการณ์ทำเนียบรัฐบาล ตัวเลือดตามล่องกระดานกัดติดหลังเป็นแถวเลยอยู่ไม่ได้ น้าชายไปฝากอยู่กับแฟนของเพื่อนตำรวจเป็นหมอนวดแถวถนนเพชรบุรีอยู่อีก 1 สัปดาห์ ต่อมาจึงได้หาที่พักถาวรได้ที่วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ขณะนั้นมีน้าชายชื่อ นายวิชิต เรียนทัพ อดีตนายก อบต.บางขุด พักอาศัยอยู่ก่อน
"ผมสอบเข้าศึกษาต่ออะไรก็ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจ่าอากาศ ช่างฝีมือทหาร เตรียมทหาร หรือแม้แต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ภาคค่ำ ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่ตั้งใจเรียน มาเรียนต่อได้เพราะวิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ กิ่งเพชร ราชเทวี เปิดรับนักศึกษาภาคค่ำ ในขณะที่สถาบันการศึกษาอื่นๆ ได้เปิดเรียนไปแล้วเกือบหนึ่งเทอมแล้ว จึงมีที่เรียน"
"ช่วงที่อยู่วัดเห็นพระเณรนั่งดูหนังสือ ไม่นอน ผมจึงไม่นอน ผลการเรียนจึงเริ่มดีขึ้น โดยกลางวันทำงาน กลางคืนเรียน ไม่อยากใช้เงินคุณพ่อคุณแม่ เพราะรู้ว่าท่านลำบาก กระทั่งเรียนจบอนุปริญญา หรือปกศ.สูง เอกสังคมศึกษา ในระดับปริญญาไม่มีที่เรียนกลางคืน ต้องเรียนกลางวัน จึงไม่ได้ทำงานจนจบการศึกษาบัณฑิตหรือ กศ.บ. เอกสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตพลศึกษา"
"ช่วงนั้น ผมขอหลวงพ่อคุมศาลาเผาศพ และรับอาราธนาศีล บริการน้ำ-อาหาร รับจ้างจุดธูปเพื่อหาเงินเรียนจนจบปริญญาตรี สอบเข้าศึกษาต่อปริญญาโทได้ขณะที่เรียนเทอมสุดท้ายของปริญญาตรี จบปริญญาโท สังคมศาสตรมหาบัณฑิต (สค.ม.) อาชญาวิทยาและกระบวนการยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล รุ่นที่ 4 ทำงานภาคเอกชนอยู่ 4 ปี จึงเข้ารับราชการเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2529 โดยเป็นพนักงานคุมประพฤติ 3 จังหวัดชลบุรี"
ต.ค. 2541 เติบโตมาเป็นเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 7 จ่าศาลจังหวัดปากพนัง รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานโครงการพัฒนาระบบงานศาล, 16 ก.พ. 2542 เป็นจ่าศาลจังหวัดอำนาจเจริญ, 18 มี.ค. 2542 ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน กระทรวงยุติธรรม คณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการพิจารณาจัดระเบียบกระทรวงยุติธรรม, 4 มิย. 2544 ได้รับเลือกตั้งเป็น อกพ. สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 8 มิย.2544 รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการศูนย์บริการข้อมูลตุลาการ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 15 ต.ค. 2544 ช่วยทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงาน โครงการส่งเสริมประสิทธิภาพสถานพินิจ สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม, 7 พ.ย. 2544 คณะกรรมการบริหารแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 9 พ.ศ.2545-2549, 12 มีค.2545 กรรมการและเลขานุการการเตรียมความพร้อมในการจัดทำโครงสร้างกระทรวงยุติธรรมตามมติคณะรัฐมนตรี, 3 ต.ค.2545 รักษาราชการแทนรองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
ขึ้นเป็นผู้บริหารระดับ 9 ในตำแหน่ง รองอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เมื่อ 25 เมย.2546
ย้ายไปเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ 1 ปี 8 เดือน ก่อนจะได้รับคำสั่งให้กลับมาทำงานในตำแหน่งรองอธิบดีพินิจและคุ้ม ครองเด็กและเยาวชนอีกครั้งและได้ขึ้นเป็นอธิบดีในที่สุด
ผลงานดีเด่นที่เป็นที่ยอมรับ คือ จัดทำมาตรฐานกลางการปฏิบัติงานธุรการศาล และนำวิธีการบริหารงานคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Management/ TQM) จนศาลจังหวัดนครราชสีมาได้รับ การประกาศรับรองด้านบริการ ISO 9000
การปฏิรูปกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเป็นคณะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการพิจารณาจัดระเบียบกระทรวงยุติธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรี จนสามารถรวบรวมหน่วยงานต่างๆ ในกระบวนการยุติธรรมเข้ามาอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน
ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณด้านการบำบัด ฟื้นฟู และพัฒนาผู้ติดยาเสพติด พ.ศ.2550 และได้รับเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น พ.ศ.2544 เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภาลูกเสือแห่งชาติ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 9 สค.2550
"ทุกอย่างที่ทําให้เรามาถึงวันนี้ ได้กรรมเป็นตัวกํากับทั้งหมด และอะไรที่เราเคยเสีย ใจแบบสุดๆ หรือว่าเศร้าใจอย่างสุดๆ ความรู้สึกนั้นมันไม่เคยเสถียรเลย มันลดลงมาหมด
วันนี้ดีใจที่ได้เป็นอธิบดี อาจจะดีใจจน ตัวลอย แต่ว่าไม่เท่าไหร่ก็ลดลง เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจเท่าทันโลก เข้าใจเรื่องกฎของไตรลักษณ์ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป มียศเสื่อมยศ มีลาภเสื่อมลาภ เพราะฉะนั้นอย่าไปยึดติด ที่สําคัญที่สุด คือเรามีหน้าที่ หน้าที่นั้นต้องทําให้ดีที่สุดในการที่จะมองไปที่ประชาชนและเด็กๆ
ผมเชื่อว่าผมอาจจะมีกรรมดีที่ได้มีหน้าที่การงานที่ดี แต่ส่วนหนึ่งผมว่า ผมก็อาจจะเคยทํากรรมอะไรไว้บางอย่างกับเด็กๆ ผมถึงต้องชดใช้อะไรมากมายถึงขนาดนี้ รู้สึกว่าต้องเป็นทุกข์เป็นร้อน เห็นอะไรไม่สบายใจต้องเข้าไปจัดการ ฉะนั้นเมื่อเป็นอย่างนี้ เราก็อยากเห็นสังคมมีคุณธรรม มีจริยธรรม เพราะทุกวันนี้เรื่องเหล่านี้มันตกต่ำไปมาก"
สมรสกับเบญจพร ไทยเขียว ซึ่งรับราชการครู มีบุตรชาย 2 คน นายชัชชล ไทยเขียว อายุ 25 ปี จบศึกษาด้านภาษาและวัฒนธรรม และศึกษาดนตรีและทำเครื่องดนิตรีกู่ฉินไปด้วยที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบอาชีพส่วนตัวสอนคนตรีกู่ฉิน และจำหน่ายเครื่องคนตรีจีนคุณภาพจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อาจารย์พิเศษ
และนายยิ่งคุณ ไทยเขียว อายุ 23 ปี จบศึกษาคณะวิศวศาสตร์คอมพิวเตอร์ สถาบันเทคโนโลยีไทยญี่ปุ่น ปัจจุบันกำลังศึกษา MBA มหาวิทยาลัยหอการค้า