Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
24 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
เสก สรรค์ ปั้น 'สมอง' ตั้งแต่ในครรภ์

Smiley  ดีจ้า สำหรับคุณแม่มือใหม่ แนะนำ  Smiley



เสก สรรค์ ปั้น 'สมอง' ตั้งแต่ในครรภ์


โดย: ชุติมา


หลาย
คนเข้าใจว่ารอยหยักและจุดเชื่อมต่อของสมองลูกนั้นธรรมชาติเป็นผู้สร้าง
ส่วนพ่อแม่จะส่งเสริมได้อีกครั้งก็หลังคลอด แต่จริงๆ
แล้วสมองของทารกนั้นถูกสร้างขึ้นและมีการทำงานของระบบการเชื่อมต่อแล้ว
ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ค่ะ


สมอง
ของลูกจะมีการพัฒนาหลังการปฏิสนธิภายใน 8 สัปดาห์
ขณะที่อยู่ในครรภ์ของแม่นิวรอน (Neuron)
หรือเซลล์ประสาทของทารกจะเพิ่มขึ้น 250,000 เซลล์ต่อนาที
และวันที่ลูกคลอดจะมีเซลล์สมองถึงหนึ่งร้อยพันล้านเซลล์
เพราะฉะนั้นทุกนาทีจึงมีความหมายในการพัฒนาศักยภาพสมองของลูกซึ่งสามารถทำ
ได้ตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องเลยค่ะ

0-2 เดือน
คุณแม่

คุณ
แม่ควรกินโฟลิกแอซิก แต่ถ้าจะให้ดีควรเริ่มกินตั้งแต่ 3
เดือนก่อนตั้งครรภ์ และกินต่อเนื่องอีก 3 เดือนหลังตั้งครรภ์
เพราะโฟลิกแอซิคจะช่วยป้องกัน Ectoderm ให้โค้งเข้ามาหากันเป็น Neuron
Group ได้อย่างสมบูรณ์
ลูกน้อยในท้อง


เป็น
ช่วงสำคัญของการเพิ่มจำนวนของเซลล์สมอง
เพราะหลังการปฏิสนธิแล้วส่วนที่จะกลายมาเป็นสมองเรียกว่า Ectoderm
ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ (ช่วง 17 วันแรก)
หลังจากนั้นก็จะเริ่มโค้งมาชนกันคล้ายอุโมงค์เรียกว่า Neuron Group
และจะติดกันเรียกว่า Neuron Tube หรือหลอดประสาทเมื่อครบ 21 วัน


หลัง
จากนั้นหลอดประสาทส่วนหน้าสุดจะกลายเป็นสมอง
แล้วค่อยแยกออกไปเป็นสมองส่วนหน้า สมองส่วนกลางจะกลายเป็นไขสันหลัง
และส่วนปลายจะกลายเป็นเส้นประสาทและพัฒนาเป็นอวัยวะอื่นๆ ต่อไป



2-3 เดือน
คุณแม่

ช่วง
นี้การพัฒนาสมองของลูกขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของแม่ค่ะ
ฉะนั้นคุณแม่ควรมีสุขภาพจิตที่ดี กินอาหารดี
ไม่กินยาที่รบกวนการพัฒนาของสมองลูก
ไม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลภาวะ เลี่ยงสเปรย์ สี
หรือน้ำยาย้อมผมดัดผม เพราะสมองของลูกกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา
ลูกน้อยในท้อง


เซลล์สมองจะเริ่มเพิ่มมากขึ้น และทารกในครรภ์จะเริ่มรับรสของน้ำคร่ำได้ 4 รส คือ ขม หวาน เค็ม และเปรี้ยว



3-4 เดือน
คุณแม่

คุณ
แม่ต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะช่วงนี้การกระตุ้นจากภายนอกอาจจะยังไม่มีผลต่อสมองลูกสักเท่าไหร่
แต่ถ้าคุณแม่อยากฟังเพลงคลาสสิกก็ทำได้ค่ะ เพราะเพลงทำให้ผ่อนคลาย
เมื่อแม่สบายใจก็ส่งผลดีไปยังลูกด้วย
ลูกน้อยในท้อง


สมอง
จะมีการสร้างไขมันมาล้อมรอบ ตาและหูของลูกเริ่มทำงาน
เริ่มมีปฏิกิริยากับเสียงแต่จะเป็นเพียงการได้ยินเฉยๆ
ไม่สามารถจำหรือแยกแยะได้ว่าเสียงใคร

4-6 เดือน
คุณแม่

ช่วง
นี้คุณแม่เริ่มการกระตุ้นจากภายนอกได้แล้วค่ะ เริ่มด้วยการฟังเสียง
คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นพูดคุยกับลูก ซึ่งเสียงของคุณแม่ลูกจะได้ยินอยู่แล้ว
ส่วนคุณพ่อนั้นอาจจะเข้ามาคุยใกล้ๆ ท้องคุณแม่ ระยะห่างประมาณ 1 ฟุต
หรือใกล้กว่านั้น แต่ถ้าไกลกว่า 1 ฟุตลูกจะไม่ได้ยิน คุยกับลูกเป็นจังหวะ
พูดซ้ำๆ โทนเสียงกลางๆ ในเวลาเดิม
คุณแม่จะสังเกตได้ว่าเวลาที่เราพูดคุยกับลูก เขาจะโต้ตอบด้วยการดิ้น
นอกจากพูดแล้วคุณแม่ก็ฟังเพลงคลาสสิก หรือเพลงอื่นๆ
ที่ท่วงทำนองไม่เร็วเกินไปด้วยนะคะ
ลูกน้อยในท้อง


ลูก
จะไวต่อการสัมผัสและมีการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้
เริ่มดิ้นอย่างมีพลังงานมากขึ้น
ซึ่งการดิ้นหรือการขยับก็เป็นการทำงานของสมอง
ช่วงนี้ลูกจะเรียนรู้และแยกแยะรสชาติอาหารได้ดี
ซึ่งการรู้รสชาติที่แตกต่างกันช่วยพัฒนาเซลล์สมองและการเชื่อมต่อของสมองค่ะ

6-7 เดือน
คุณแม่

คุณ
แม่ควรเริ่มกระตุ้นการมองเห็นของลูก ด้วยการใช้ไฟฉายส่องท้องห่างประมาณ 1
ฟุต และเคลื่อนที่ไปมาช้าๆ
จะช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ประสาทให้มีการแตกแขนงและเชื่อมต่ออย่างมี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
ซึ่งการแตกแขนงเหล่านี้จะทำให้เด็กเรียนรู้และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วเมื่อโต
ขึ้นค่ะ แต่ต้องระวังอย่าให้แสงที่จ้าเกินไปนะคะ
เพราะอาจจะเป็นอันตรายกับจอประสาทตาของลูกค่ะ
ลูกน้อยในท้อง


สมองลูกยังคงเรียบและไม่มีรอยหยัก แต่จะมีการสร้างเซลล์สมองเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งประสาทตาจะเริ่มทำงานอย่างจริงจัง


และตอบสนองของแสงมากที่สุดคือในช่วง 28 สัปดาห์ขึ้นไป คุณแม่ก็จะช่วยโดยการเอาไฟส่อง แต่ว่าส่องห่างประมาณสักฟุตหนึ่งก็พอ




7-9 เดือน
คุณแม่

ช่วง
นี้การกระตุ้นด้วยแสงและเสียงยังคงต้องทำต่อเนื่อง
แต่อาจจะปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย
เพราะเมื่อลูกได้ยินเสียงเหมือนกับเด็กแรกเกิดแล้ว
คุณแม่ควรฮัมเพลงหรือเปิดเพลงเดิมๆ วันละแค่ 1-2 ชั่วโมง
ในช่วงเวลาเดิมจะทำให้ลูกจำเสียงเหล่านั้นได้ และหลังคลอดถ้าลูกร้อง
คุณแม่ก็ฮัมเพลงหรือร้องเพลงนั้น ลูกก็จะเงียบฟังค่ะ
ลูกน้อยในท้อง


ช่วง
นี้สมองของลูกจะเริ่มมีรอยหยัก เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวของสมอง
เพิ่มพื้นที่ในการเก็บข้อมูลให้มากขึ้น
และการได้ยินของทารกวัยนี้จะมีประสิทธิภาพเท่าเด็กแรกเกิด
และลูกจะจำเสียงของพ่อแม่ได้แล้วล่ะ


ช่วง
ที่ตั้งครรภ์มักจะหงุดหงิดง่าย
ตัวช่วยสำคัญอย่างคุณพ่อจำเป็นต้องเข้ามามีบทบาทในการดูแลทั้งสุขภาพกายและ
สุขภาพใจของคุณแม่นะคะ
เพราะอารมณ์และสภาพแวดล้อมรอบตัวล้วนมีผลต่อพัฒนาการของลูกค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลวิชาการและภาพประกอบจาก : พญ.กันดาภา ฐานบัญชา สูติแพทย์


จาก:นิตยสาร Modern Mom


Smiley


Smiley










Create Date : 24 กรกฎาคม 2552
Last Update : 24 กรกฎาคม 2552 16:44:59 น. 0 comments
Counter : 1619 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Kokanpue
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพิ่งจะเริ่มหัดทำ blog ก็ตอนที่มีลูก นี่แหละ อยากจะเก็บภาพและความทรงจำของลูกชายไว้ (แต่แม่ไม่ค่อยมีเวลาเล้ย ) ตอนนี้แม่ปุ๊มี ลูกชายเพิ่ม เป็น 2 คนแล้วจ้า

Friends' blogs
[Add Kokanpue's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.