อ๊ะ....อ๊ะ....อย่าแอบดูอย่างเดียวจิ เข้าไปทักทายกันที่ "หน้าเกริ่นนำ" หน่อยนะจ๊ะ
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

ไตเติล ตอนที่328 ลองขัด-ทำสีเฟอร์ กันดู

อย่างที่ ผมเคยเขียนไว้ใน เรื่อง ไตเติล ตอนที่2 ชนิดของสี ที่ใช้งานเฟอร์ฯ ไม้


ประเภทของสี นอกจากจะมีหลายชนิดแล้ว

ยังมีอีกหลายโนฮาวน์ มาจากหลายทิศหลายทาง

ซึ่งจะมีเทคนิคแตกต่างกันบ้าง

แล้วแต่แหล่งที่มา ของสารเคมี ที่นำเข้า มาเป็นส่วนผสมการผสมสี


เช่น สีจากสายญี่ปุ่น ไทโดโน่, VSV, ไทโยเพ้นท์

ก็จะแตกต่าง จากสีจากอัคโซ่, วิลเลียม, หรือไมโรโทน ที่มาจากฝาหรั่ง

( โอ๊ยโหย เฉพาะทางเกินไปปล่าวเนี่ย เอาว่า เป็นแบรนด์สีแล้วกันครับ )





แต่................ถึงแม้ จะมีที่มาที่ไปต่างกัน ก็มิใช่แตกต่างโดยสิ้นเชิง

ขั้นตอน, กรรมวิธี, วัสดุส่วนใหญ่ ยังคงมีทักษะการใช้งานเหมือนกัน



ถ้างั้น เรามาลองดู ขั้นตอนการทำสี ตามที่ผมทำอยู่แล้วกันนะครับ



ขั้นตอนที่ 1. เตรียมไม้ให้พร้อม สำหรับทำสี

โดยการขัดไม้ดิบ ด้วยกระดาษทราย เบอร์ #120

เพื่อลบร่องรอยตำหนิของไม้ ที่เกิดจากการขึ้นรูป

และขัดตัดเสี้ยนหยาบของไม้เบื้องต้นออก


(แนะนำว่า เมื่อขัดเสร็จแล้ว ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 4 ชม. ก่อนทำสี

มิฉะนั้น เสี้ยนไม้ที่ขัดตัดออกไปหมดแล้ว จะเกิดขึ้นมาใหม่อีก

เนื่องจาก ความชื้นในอากาศ สัมผัสไม้ดิบ ทำให้เสี้ยนฟูขึ้นมาอีกครั้ง)






ขั้นตอนที่ 2 ลงสีย้อม ในลักษณะการลงลูกประคบ


(สีย้อม ที่ผมเรียก คือ สีที่ผสมพิคท์เมนท์

ได้โทนสีตามต้องการแล้ว สามารถใช้งานพ่นได้

แบ่งนำมาผสมแป้งลงไป เพื่อให้ได้น้ำสีเพิ่มขึ้น

ทำให้ประหยัดลง, ช่วยปรับสีไม้ใกล้เคียงสีจริง และช่วยถมเสี้ยน ให้เต็มเร็วขึ้น

ซึ่งเพื่อนๆ อาจจะใช้สีย้อมสำเร็จ ที่มีขายตามท้องตลาด มาแทนก็ได้ครับ)


โดยใช้แปรงจุ่มสีย้อมทาลง ใช้ผ้าขาวเช็ดตาม

ซึ่งขั้นตอนนี้ เราจะตรวจสอบตำหนิไม้ด้วย

ว่ายังหลงเหลือจากการขัดเก็บหรือไม่





ขั้นตอนที่ 3 หลังจากสีย้อมแห้ง พ่นซิลเลอร์ทับ

(ส่วนนี้แหละครับ พ่นเพื่อกันยางไม้

ไม่ให้ขึ้นมาทำปฏิกริยา กะสีทับหน้า ที่ทำให้สีเปลี่ยนไป เมื่อใช้งานนานๆ )






ขั้นตอนที่ 4 หลังจากซิลเลอร์แห้ง

ให้ใช้กระดาษทราย เบอร์ #240 ขัดผิวบางๆ






ขั้นตอนที่ 5 พ่นสีจริง ปรับสีให้เข้มขึ้น

(ปกติ สีจริง ที่นำมาพ่น ควรจะถูกแต่งโทนสี ให้อ่อนกว่าสีที่ต้องการ

เพื่อจะช่วยในขั้นตอนการพ่น ที่สามารถค่อยๆ ปรับเฉดขึ้นได้)






ขั้นตอนที่ 6 ขัดผิวด้วยกระดาษทราย เบอร์ #240

ก่อนพ่นสีจริงซ้ำ โดยสลับขั้นตอนไปเรื่อยๆ

จนกว่าจะได้โทนสี ตามต้องการครับ






ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อได้โทนสีตามต้องการแล้ว

ใช้กระดาษทราย เบอร์ #400 ขัดผิว

ก่อนจะพ่นด้วยสีใส (เนื้อสีล้วนๆ ที่ไม่ได้มีการผสมแม่สี) ตามประเภทสีที่ใช้


เช่น ....ถ้าสีจริงผสมแลคเกอร์ ก็นำแลคเกอร์มาใช้

ซึ่งขั้นตอนพ่นสีขั้นสุดท้ายนี่ จะเป็นตัวกำหนดความเงา-ด้าน

ของสีที่ต้องการ ว่าต้องการให้เป็นเนื้อเงา ขนาดไฮกรอส

หรือเป็นเนื้อด้าน แบบงานแอนทิคครับ






เอาล่ะครับ อันนี้ คือ ขั้นตอนการทำสีโดยรวม

ซึ่งอาจจะมีบางที่, บางแห่ง หรือบางท่าน อาจจะคุ้นเคยขั้นตอน ที่ผิดแปลกไปจากนี้บ้าง


ดังเช่น ขั้นตอนในส่วนของการขัดไม้ดิบ ก่อนทำสี

เคยมีผู้รู้ท่านนึง แย้งผมมาว่า ปกติ จะจบด้วยการใช้กระดาษทราย เบอร์ #240

มิฉนั้น เวลาทำสี ยังจะเห็นรอยกระดาษทรายอยู่



ถ้างั้นก็ หมายความว่า การใช้กระดาษทราย เบอร์ #120

ตามที่ผมแนะนำไว้ เป็นสิ่งที่ผิดงั้นหรือ


คำตอบ คือ "ไม่ผิด"



ถ้าการใช้เบอร์ #120 ไม่ผิด ก็แสดงว่า เบอร์ #240 ผิดน่ะสิ

ก็ "ไม่ผิด" อีกเช่นกัน



( เอ๊ะ ไอ้_า กวนประสาทน่าดู )



อย่าเพิ่งงง หรือด่าผมในใจนะครับ

ที่ผมบอกไม่ผิด ทั้ง 2 อย่าง

เหตุเพราะว่า เทคนิคในการทำงาน ของแต่ละคน อาจจะมีแตกต่างกันบ้าง

ในมุมมอง ของผู้รู้ท่านนั้น เห็นว่าเบอร์ #120 อาจจะมีรอยกระดาษทรายขวางเสี้ยนอยู่


แต่สำหรับผม เบอร์ #120 เม็ดทรายละเอียดกว่าเกรนเนื้อโดยธรรมชาติ ของไม้เบญจพรรณ

ที่เรานิยม มาใช้ในงานเฟอร์อยู่แล้ว เน้นวิธีขัด ให้ตามเสี้ยน

ดีกว่าใช้เบอร์ละเอียด ขัดไม่ดี กลายเป็นเสียดสีเนื้อไม้

เกิดความร้อน เป็นมันบางจุด สีจะซึมเข้ายากกว่าตำแหน่งอื่น

เพราะอย่างไร ผมมีขั้นตอน ให้ไปตรวจสอบตอนย้อมสีอีกทีอยู่แล้ว







มีเสริมตัวช่วยสุดท้ายเพิ่มไว้นิดหน่อยแล้วกัน


ในกรณี ที่ทำสีขั้นสุดท้ายแล้ว ปรากฏว่า

ผิวหน้าสีที่ เราทำเสร็จแล้ว มีความสาก

เพราะ มีเม็ดฝุ่นละอองตกลงไป ระหว่างรอสีแห้ง

ไม่ว่าจะเป็นละอองสี หรือละอองสิ่งสกปรก


ยังไม่ต้องตกใจนะครับ

ให้ลองนำกระดาษทราย ที่ตกเรี่ยราดตามพื้นนั่นแหละครับ


( ต้องมีแหละ คงไม่ทำงานไป เก็บไปหรอกน่า )

พวกเบอร์ #240 หรือ #400 ยิ่งผ่านการใช้งานมาแล้ว อย่างโชกโชนยิ่งดี


ให้ใช้ด้านหลัง ที่เป็นกระดาษ

( เน้นด้านหลัง ที่เป็นกระดาษนะครับ ไม่ใช่ด้านที่เป็นเม็ดทราย )

นำมาลูบเบาๆ วนบนพื้นผิวดู

ถ้าละอองฝุ่น ไม่ใหญ่มาก ผิวพื้นสี จะหายสากครับ

โดยที่ไม่ต้องทำสีใหม่อีกครั้ง






เช่นเคยครับ เข้ามาแล้ว อย่าลืมแวะทักทายกันบ้างนะครับ




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2551
0 comments
Last Update : 20 สิงหาคม 2558 1:02:43 น.
Counter : 1342 Pageviews.


ko7vasan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




มี 2-3 เรื่อง ที่อยากจะขอบอกเล่าเก้าสิบกันไว้ก่อน


1.ภูมิปัญญาที่เห็นในนี้ มาจากประสบการณ์การทำงานส่วนตัว

ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับทฤษฎี ที่มีอยู่เป็นแนวทางในการศึกษาเท่านั้น


2.เพื่อป้องกันปัญหา ที่อาจจะเกิดขึ้นขอสงวนสิทธิ ในบทความ และภาพถ่ายทั้งหมด ที่มี

ถ้าผู้ใด จะนำไปเผยแผ่ขอให้ได้รับการอนุญาติ จากผมก่อน


3.การตอบปัญหา ทั้งหมด ที่มีขอให้เข้าใจนิดส์ส์ส์ส์ส์นึงว่า

ทางผม ไม่ได้เห็น,จับต้อง ชิ้นงาน หรือเฟอร์นิเจอร์

เพราะฉนั้น คำตอบที่ได้ไปพอใช้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้

แต่........ ต้องอาศัยการสังเกตุ การศึกษาของตนเองด้วยนะครับ

Google
Friends' blogs
[Add ko7vasan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.