ตำนาน เบ็นโต อาหารญี่ปุ่น ซึ่งมักตกแต่งเหมือนตัวละครยอดนิยมจากแอนิเมชั่นหรือ การ์ตูน

ขอบคุณของแต่งบล็อกโดย...

ไลน์สวยๆโดย...ญามี่  / ภาพกรอบ กรอบ goffymew / โค๊ตบล็อกสำหรัมือใหม่ กุ๊กไก่ / เฮดบล็อก เรือนเรไร /ไอคอน ชมพร / สีแต่งบล็อก Zairill /ภาพไอคอนRainfall in August /  แบนด์..การ์ตูน ไลน์น่ารักๆๆจาก... oranuch_sri  Mini Icon goragot

เครดิต บีจี...ญามี่

เครดิตภาพแต่งบล็อก... oranuch_sri



เครดิตบทความ และภาพจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี





เบนโตะเป็นอาหารแบบซื้อกลับบ้านหรือห่อกลับบ้านที่มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่น นอกประเทศญี่ปุ่นมักพบในอาหารจีน (รวมถึงไต้หวัน) และอาหารเกาหลีรวมถึงอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งข้าวเป็นอาหารหลัก



เบนโตะแบบดั้งเดิมอาจประกอบด้วยข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวที่มีปลาหรือเนื้อสัตว์มักมีผักดองและปรุงสุกในกล่อง ภาชนะบรรจุมีตั้งแต่ของใช้แล้วทิ้งที่ผลิตจำนวนมากไปจนถึงเครื่องเขินที่ทำด้วยมือ เบนโตะหาซื้อได้ง่ายในหลาย ๆ ที่ทั่วญี่ปุ่นรวมถึงร้านสะดวกซื้อร้านเบนโตะ (弁当屋เบนโตะยะ) สถานีรถไฟและห้างสรรพสินค้า




อย่างไรก็ตามแม่บ้านชาวญี่ปุ่นมักใช้เวลาและพลังงาน ไปกับอาหารกลางวันที่จัดเตรียมไว้อย่างระมัดระวังสำหรับคู่สมรสบุตรหรือตัวเอง Bentos สามารถจัดเรียงอย่างประณีตในรูปแบบที่เรียกว่า "kyaraben" ("character bento") ซึ่งโดยปกติแล้วจะได้รับการตกแต่งให้ดูเหมือนตัวละครยอดนิยมจากแอนิเมชั่นของญี่ปุ่น (อะนิเมะ) หนังสือการ์ตูน (มังงะ) หรือวิดีโอเกม



อีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ "oekakiben" หรือ "รูปภาพเบนโตะ" สิ่งนี้ได้รับการตกแต่งให้ดูเหมือนคนสัตว์อาคารและอนุสาวรีย์หรือสิ่งของต่างๆเช่นดอกไม้และพืช การแข่งขันมักจะจัดขึ้นโดยผู้จัดทำเบนโตะแข่งขันกันเพื่อจัดเตรียมที่สวยงามน่าดึงดูดที่สุด





ภาพ วิกิพีเดีย
ภายในร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น


นิรุกติศาสตร์

ในญี่ปุ่น "เบนโตะ" เขียนว่า弁当 คำนี้มีต้นกำเนิดมาจากศัพท์แสลงเพลงใต้便当 (便當 (pinyin: biàndāng)) แปลว่า "สะดวก" หรือ "สะดวก" เมื่อนำเข้ามาในญี่ปุ่นจะเขียนด้วย ate และ弁道

ในญี่ปุ่นคำว่า "เบนโตะ" ถูกนำมาใช้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และภาชนะนั้นเรียกอีกอย่างว่า "เบนโตะ" เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

ในยุคปัจจุบันมักใช้เบนโตะในประเทศตะวันตกและเอเชียตะวันออก ในจีนแผ่นดินใหญ่ฮ่องกงและไต้หวัน "เบนโตะ" เขียนว่า便當 (พินอิน: biàndāng)






สมัยคามาคุระ
ต้นกำเนิดของเบนโตะสามารถย้อนกลับไปได้ในช่วงปลายสมัยคามาคุระ (1185 ถึง 1333) เมื่อข้าวที่หุงสุกและแห้งเรียกว่าโฮชิอิอิ (糒หรือ干し飯เรียกว่า "อาหารแห้ง") ได้รับการพัฒนาเพื่อนำไปทำงาน Hoshi-ii สามารถรับประทานได้ตามที่เป็นอยู่หรือต้มกับน้ำเพื่อให้ข้าวสุกและเก็บไว้ในถุงเล็ก ๆ ในสมัย Azuchi-Momoyama (1568–1600) จะมีการผลิตกล่องเคลือบไม้เช่นปัจจุบันส่วนเบนโตะจะรับประทานในช่วงฮานามิหรืองานเลี้ยงน้ำชา







ในสมัยเอโดะ (1603–1867) วัฒนธรรมเบนโตะได้แพร่กระจายและได้รับการขัดเกลามากขึ้น นักท่องเที่ยวและผู้พบเห็นจะพกโคชิเบนโตะ (腰弁当, "เบนโตะคาดเอว") ซึ่งประกอบด้วยโอนิกิริหลายชิ้นห่อด้วยใบไผ่หรือในกล่องไม้ไผ่สาน หนึ่งในรูปแบบเบนโตะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเรียกว่า makuno-uchi bentō ("between-act bento") ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในช่วงเวลานี้ ผู้คนที่มาดูโนห์และคาบูกิกินเบนโตะที่เตรียมไว้เป็นพิเศษระหว่างมากุ (การแสดง) มีการตีพิมพ์ตำราอาหารจำนวนมากซึ่งมีรายละเอียดวิธีการทำอาหารวิธีการบรรจุและสิ่งที่ต้องเตรียมสำหรับโอกาสต่างๆเช่นฮานามิและฮินามัตสึริ








สมัยเมจิ
ในสมัยเมจิ (พ.ศ. 2411-2455) มีการจำหน่ายเอกิเบนโตะหรือเอกิเบน (駅弁当หรือ駅弁, "เบนโตะสถานีรถไฟ") เป็นครั้งแรก มีบันทึกหลายฉบับที่อ้างว่ามีการขายเอกิเบนครั้งแรก แต่เชื่อกันว่าขายเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2428 ที่สถานีรถไฟอุสึโนะมิยะในภูมิภาคคันโตทางตอนเหนือของญี่ปุ่นและมีโอนิกิริสองชิ้นและตะกวนห่อด้วย ใบไผ่ เนื่องจากโรงเรียนในยุคแรกไม่มีอาหารกลางวันนักเรียนและครูจึงถือเบนโตะเช่นเดียวกับพนักงานหลายคน เบนโตะสไตล์ยุโรปพร้อมแซนวิชก็วางขายในช่วงนี้







สมัยไทโช
ในสมัยไทโช (พ.ศ. 2455-2469) กล่องเบนโตะอะลูมิเนียมกลายเป็นสินค้าหรูหราเนื่องจากทำความสะอาดง่ายและมีลักษณะคล้ายเงิน นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวในการยกเลิกการทำเบนโตะในโรงเรียนกลายเป็นประเด็นทางสังคม ความแตกต่างในความมั่งคั่งที่แพร่กระจายในช่วงเวลานี้หลังจากการส่งออกที่เฟื่องฟูในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และความล้มเหลวของการเพาะปลูกในภูมิภาคโทโฮคุในเวลาต่อมา เบนโตะมักสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของนักเรียนบ่อยเกินไปและหลายคนสงสัยว่าสิ่งนี้มีอิทธิพลที่ไม่เอื้ออำนวยต่อเด็กทั้งทางร่างกายจากการขาดอาหารที่เพียงพอและในทางจิตวิทยาจากเบนโตะที่ทำอย่างเงอะงะหรืออาหารที่อุดมสมบูรณ์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การปฏิบัติในการนำเบนโตะไปโรงเรียนค่อยๆลดลงและถูกแทนที่ด้วยอาหารในเครื่องแบบสำหรับนักเรียนและครูทุกคน








ช่วงShōwaและ Heisei

Bentos ได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษที่ 1980 ด้วยความช่วยเหลือของเตาอบไมโครเวฟและการแพร่หลายของร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนกล่องไม้และโลหะราคาแพงที่ร้านเบนโตะส่วนใหญ่ด้วยกล่องโพลีสไตรีนแบบใช้แล้วทิ้งราคาไม่แพง อย่างไรก็ตามแม้แต่เบนโตะที่ทำด้วยมือก็ยังกลับมาและเป็นอีกครั้งที่พบเห็นได้ทั่วไปแม้ว่าจะไม่เป็นสากล แต่ในโรงเรียนญี่ปุ่น คนงานยังคงใช้เบนโตสเป็นอาหารกลางวันแบบแพ็คกล่องโดยครอบครัวในการเดินทางวันปิกนิกในโรงเรียนและวันกีฬาเป็นต้นเบนโตะที่ทำเองที่บ้านห่อด้วยผ้าฟูโรชิกิซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งกระเป๋าและพรมเช็ดเท้า

สนามบินยังมี ekiben ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกันนั่นคือเบนโตะที่เต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นให้รับประทานระหว่างรอเครื่องบินหรือระหว่างเที่ยวบิน




ในประเทศอื่น ๆ

เบนโตะมาถึงไต้หวันในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ในช่วงที่เป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นและยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบัน ชื่อภาษาญี่ปุ่นยืมมาว่าเบนตง (ไต้หวัน: piān-tong) หรือภาษาจีนกลางbiàndāng (便當)





วัฒนธรรม

ในญี่ปุ่นเป็นเรื่องปกติที่คุณแม่จะทำเบนโตะให้ลูกนำไปโรงเรียน เนื่องจากการทำเบนโตะอาจใช้เวลาสักครู่คุณแม่บางคนจะเตรียมส่วนผสมในคืนก่อนจากนั้นจึงรวบรวมและบรรจุทุกอย่างในเช้าวันรุ่งขึ้นก่อนที่ลูกจะไปโรงเรียน

มักเป็นความคาดหวังทางสังคมของคุณแม่ที่จะจัดหาเบนโตะให้กับลูก ๆ เพื่อสร้างทั้งอาหารที่สมดุลทางโภชนาการและมีความสวยงาม กิจกรรมนี้เป็นที่คาดหวังของผู้เป็นแม่และได้รับการเน้นย้ำจากสังคมโดยรวมและเป็นเรื่องปกติในสถาบันโรงเรียนอนุบาล



เบนโตะมีหลายประเภท เบนโตะแบบดั้งเดิมก่อนอื่นซึ่งรับประทานที่โรงเรียนหรือที่ทำงาน จัดทำโดยแม่หรือภรรยา นอกจากนี้ยังสามารถซื้อได้ใน konbini (ตลาดขนาดเล็ก) หรือจากผู้ขายริมถนนที่ปรากฏตัวตามมุมถนนในช่วงกลางวัน สำหรับผู้ที่เร่งรีบที่ต้องใช้เวลารับประทานอาหารกลางวันบนชินคันเซ็นก็ยังมีเบนโตะเอกิเบนซึ่งตามชื่อของมันวางขายในสถานีของหมู่เกาะ เบนโตะยังมีอยู่ในช่วงเวลาที่เคร่งขรึมมากขึ้นเช่นในตารางปีใหม่ของญี่ปุ่น จากนั้นเรียกว่า osechi มีสองหรือสามระดับและมีอาหาร - ราคาแพงแม้ราคาแพงมาก - สามารถรับประทานได้ที่จุดสูงสุดของปฏิทินญี่ปุ่นเท่านั้น







TOPคลิ๊กกลับขึ้นบน

 

Create Date : 13 ตุลาคม 2563		0 comments
Last Update : 13 ตุลาคม 2563 16:39:39 น.
Counter : 810 Pageviews.
Share Tweet