วัดคิโยมิซูเดระ
清水寺
ภาพวิกิพีเดีย
Kiyomizu-dera (清水寺) เป็นวัดอิสระในพุทธศาสนาทางตะวันออกของเกียวโต วัดแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ของเมืองเกียวโตโบราณ (เมืองเกียวโตเมืองอุจิและเมืองโอสึ) ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
สถานที่ไม่ควรสับสนกับ Kiyomizu-dera ใน Yasugi, Shimane ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง 33 วัดขอ งChūgoku 33 Kannon แสวงบุญผ่านทางตะวันตกของญี่ปุ่นหรือวัด Kiyomizu-dera ที่เกี่ยวข้องกับนักบวชชาวพุทธนิชิเรนปัจจุบันวิหารแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยโครงนั่งร้านกึ่งโปร่งใสในขณะที่อยู่ระหว่างการบูรณะเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2020อาคารหลักของวัดคิโยมิซูเดระในฤดูใบไม้ผลิ
วิกิพีเดีย
วัดคิโยมิซูเดระ (ญี่ปุ่น: 清水寺 โรมาจิ: Kiyomizu-dera ทับศัพท์: วัดน้ำใส) ตั้งอยู่บนเขาโอโตวะ (ญี่ปุ่น: 音羽山 Otowa-san) ทางตะวันออกของนครเกียวโต เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเกียวโต ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เกียวโตโบราณ (Historic Monuments of Ancient Kyoto) ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก อาคารหลักของวัดคิโยมิซูเดระได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น ชื่อของวัดซึ่งมีความหมายว่าน้ำบริสุทธิ์ มีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัดเสาไม้ตรงระเบียง
วิกิพีเดีย
ตำนานการสร้างวัดคิโยมิซูเดระกล่าวว่า ในค.ศ. 776 พระภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่าเค็นชิง (ญี่ปุ่น: 賢心 โรมาจิ: Kenshin) ซึ่งจำวัดอยู่ที่นครนาระ ฝันว่ามีชายชราคนหนึ่ง บอกว่าให้พระภิกษุเค็นชิงเดินทางออกจากนครนาระไปทางเหนือ เพื้อค้นหาน้ำตกซึ่งมีน้ำที่ใสสะอาด พระภิกษุเค็นชิงจึงออกจากนครนาระเดินทางไปทางเหนือ จนไปถึงเขาโอโตวะค้นพบน้ำตกซึ่งมีน้ำที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ และพบกับพระภิกษุอีกรูปหนึ่งชื่อว่า เกียวเอโกจิ (ญี่ปุ่น: 行叡居士 โรมาจิ: Gyōe-koji) พระภิกษุเกียวเอโกจิได้แจ้งแก่พระภิกษุเค็นชิงว่า เขาโอโตวะและน้ำตกน้ำใสแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิม และจงแกะสลักต้นไม้ให้เป็นรูปเซ็งจู คันนง หรือ เจ้าแม่กวนอิมพันมือ จากนั้นพระภิกษุเกียวเอโกจิก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พระภิกษุเค็นชิงเข้าใจว่าพระภิกษุเกียวเอโกจิคือเจ้าแม่กวนอิมจำแลงกายมา จึงแกะสลักต้นไม้เป็นรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และจำวัดอยู่บนเขาโอโตวะนั้นน้ำตก โอโตวะ
วิกิพีเดีย
อีกสองปีต่อมาค.ศ. 778 ซามูไรชื่อว่าซากาโนอูเอะ โนะ ทามูรามาโระ (ญี่ปุ่น: 坂上田村麻呂 โรมาจิ: Sakanoue no Tamuramaro) เดินทางมาเพื่อล่าสัตว์ยังเขาโอโตวะ ได้พบกับพระภิกษุเค็นชิงซึ่งได้ร้องขอให้ซากาโนอูเอะหยุดการปาณาติบาตในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่กวนอิมพันมือ และเทศนาพระธรรมคำสอนให้แก่ซากาโนอูเอะ ซากาโนอูเอะมีความประทับใจในพระธรรมคำสอนและปาฏิหาริย์ขององค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ จึงสร้างวัดประดิษฐานรูปเจ้าแม่กวนอิมพันมือที่แกะสลักจากไม้ไว้เพื่อเป็นการบูชา และตั้งชื่อวัดว่า วัดคิโยมิซูเดระ แปลว่า วัดที่มีน้ำใสสะอาดบริสุทธิ์ประตูศาล จิชู
ตลอดประวัติศาสตร์การก่อตั้งวัด หนึ่งพันสองร้อยปีของวัดคิโยมิซูเดระนั้น วัดคิโยมิซูเดระสังกัดนิกายฮซโซ (ญี่ปุ่น: 法相 โรมาจิ: Hossō) หรือนิกายโยคาจาร และอยู่ภายใต้การปกครองของวัดโคฟูกุเมืองนาระอันเป็นวัดศูนย์กลางของนิกายฮซโซ จนกระทั่งค.ศ. 1965 วัดคิโยมิซุได้แยกออกมาตั้งนิกายของตนเอง เรียกว่า นิกายคิตาฮซโซ (ญี่ปุ่น: 北法相 โรมาจิ: Kita-Hossō) หรือ นิกายฮซโซเหนือเจดีย์
อาคารหลักของวัดคิโยมิซูเดระเป็นที่รู้จักจากระเบียงขนาดใหญ่สูง 13 เมตร มีเสาไม้กว่าร้อยต้นรองรับ สร้างยื่นออกจากด้านข้างของเนินเขา จากระเบียงนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเกียวโตได้ วลีที่กล่าวว่า "กระโดดจากระเบียงวัดคิโยมิซูเดระ" ซึ่งหมายความว่า ตัดสินใจกะทันหัน หรือกล้าตัดสินใจ วลีนี้มีที่มาจากความเชื่อในสมัยเอโดะที่ว่า หากผู้ใดสามารถกระโดดจากระเบียงวัดแล้วสามารถรอดชีวิตได้ ความปรารถนาของผู้นั้นจะสัมฤทธิ์ผลรูปสลักหินปกคลุมด้วยต้นเฟิร์น
วิกิพีเดีย
คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้ในการรอดชีวิตจากการกระโดดระเบียงคือ ด้านล่างของระเบียงมีต้นไม้ขึ้นอยู่หนาแน่น ซึ่งอาจจะชะลอแรงจากการตกได้บ้าง ในปัจจุบันทางวัดห้ามมิให้มีการกระโดดระเบียง แต่ในสมัยเอโดะมีการบันทึกไว้ว่า มีผู้มากระโดดถึง 234 คน และรอดชีวิตได้คิดเป็นร้อยละ 85.4 ของทั้งหมดวัดคิโยมิซูเดระ ในปี พ.ศ. 2452
วิกิพีเดีย
ข้างใต้อาคารหลักคือ น้ำตกโอตาวะ ซึ่งเป็นสายน้ำ 3 สายไหลลงสู่บ่อน้ำ ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยถ้วยโลหะ ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึงสุขภาพ ความรัก และความสำเร็จในการศึกษาฤดูใบไม้เปลียนสี
วิกิพีเดีย
ภายในบริเวณวัดเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอื่น ๆ จำนวนมาก ที่เป็นที่รู้จักดีคือ ศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อสักการะเทพโอกูนินูชิโนะ มิโกโตะ (Okuninushino Mikoto) เทพแห่งความรักและเนื้อคู่ ภายในศาลเจ้ามี "ก้อนหินแห่งความรัก" 2 ก้อน ตั้งอยู่ห่างกัน 18 เมตร เชื่อกันว่า หากสามารถหลับตาเดินจากก้อนหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งได้ จะสมปรารถนาในความรักยามค่ำคืน แสงอร่าม
วิกิพีเดีย
อาคารในบริเวณวัด
วัดคิโยมิซูเดระเป็นสถานที่ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัด จึงมีพ่อค้านำสินค้ามาขายในบริเวณวัดมากมาย สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องราง เครื่องหอม ธูป เทียน หรือกระดาษเสี่ยงทายโชคชะตา ภาพและบทความ วิกิกพีเดียเครดิตเพลง
ยูทูบ