สรุปก็คือ
NAT เป็นการแปลงหมายเลข IP แบบ Private IP ให้กลายเป็น Public IP เพื่อให้สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งหมายเลขเหล่านี้จะเป็นหมายเลขแบบสุ่มที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) จะเป็นผู้กำหนดเอาไว้ให้ อีกทั้งการทำ
NAT ยังช่วยในการรักษาความปลอดภัยให้แก่เครือข่ายภายในอีกด้วย คือสามารถใช้การทำ
NAT สำหรับการซ่อน
IP Address ของเครือข่ายแต่ละส่วนไว้ได้อีกด้วย
รูปแบบการทำ NATการทำ
NAT หลักๆ จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ดังต่อไปนี้
Static NATเป็นการแปลงหมายเลข
IP Address แบบ one to one คือ
IP Address ของเครื่องภายในหนึ่งหมายเลขจะทำการแปลงไปเป็น
IP Address ของเครือข่ายภายนอกหนึ่งหมายเลข ส่วนมากจะใช้งานกับเครื่อง Server ที่อยู่ในเครือข่ายภายใน ที่ต้องการเข้าใช้งานจากเครือข่ายภายนอก
จากในรูปจะเห็นว่า
การทำ Static NAT เป็น การจับคู่
IP Address แบบ Private เข้ากับ
IP Address แบบ Public แบบ one to one เช่น IP Address 192.168.1.21 จะถูกแปลงไปเป็น 201.108.10.31 และ 192.168.1.21 จะถูกแปลงไปเป็น 212.122.34.51 เสมอ เมื่อต้องการเข้าสู่ Public Network หรือ Internet
Dynamic NATเป็นการแปลงหมายเลข
IP Address แบบ many to many คือ
IP Address ของเครื่องภายในเครือข่ายหลาย ๆ เครื่องจะทำการแปลงไปเป็น IP Address ของเครือข่ายภายนอกหลาย ๆ หมายเลข โดยการแปลงหมายเลข
IP Address นั้นจะทำตามลำดับ คือ
IP Address ของเครื่องในเครือข่ายภายในที่มาก่อนก็จะทำการแปลงเป็น IP Address ของเครือข่ายภายนอกในอันดับต้น ๆ ก่อน โดยถ้ามี
IP Address ของเครือข่ายภายนอก 3
IP Address เครื่องในเครือข่ายภายในก็จะสามารถติดต่อสื่อสารได้เพียง 3 เครื่องในเวลาหนึ่ง ๆ เท่ากัน