Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 
สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น






ภาพแกะสลักที่ปราสาทหินนครวัด


ภาพแกะสลักหินที่นครวัด คนที่ไปเห็นมักไม่เชื่อสายตาตัวเอง จึงใช้มือลูบคลำให้แน่ใจ ว่าที่เห็นนั้นเป็นของจริง เข้าทำนอง

"สิบปากว่า ไม่เท่าหนึ่งตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าหนึ่งมือคลำ"

ผมเคยได้ยินประโยคนี้มาตั้งแต่เด็กๆ อาจเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ในการเรียนรู้ของคนไทย ที่บอกต่อๆกันมา คนโบราณเขาคงบอกเราว่า การรับรู้ที่ตามองเห็น หูได้ยิน และกายสัมผัส ให้น้ำหนักความเชื่อไม่เท่ากัน หากแปลตามคำพูดนี้ ท่านให้ความสำคัญของกายสัมผัสมากกว่าตา และการเห็นทางตามากกว่าการได้ยิน

นี่พิสูจน์ว่าวิธีการคิดของไทยค่อนข้างเป็นวิทยาศาสตร์ หากเราย้อนกลับไปดูความเป็นมาของสิ่งมีชีวิตบนโลก ชีวิตแรกๆนั้น คงเป็นเพียงรูปกายที่ยังไม่ได้พัฒนาปราสาทสัมผัสอื่นๆ เมื่อสัตว์บางชนิดมีวิวัฒนาการสูงขึ้น จึงเกิดตามองเห็น ลิ้นรู้รส จมูกดมกลิ่น หูได้ยินเสียง

การใช้มือคลำ บอกถึงความหนา กว้าง ยาว หนัก เล็กใหญ่ ร้อน เย็น สัตว์ที่มีตา จะรู้ถึง ระยะทาง ขนาด เห็นของอยู่ไกลจะเล็ก เห็นการเคลื่อนไหลไปมา จึงเข้าใจเรื่องเวลา การลำดับเหตุการณ์ เป็นการรับรู้สิ่งที่อยู่นอกกายเกือบสมบูรณ์

พลังงานเสียงที่ส่งผ่านอากาศ หรือตัวกลาง รับรู้โดยโสตสัมผัส เมื่อรายงานให้ใจทราบ ใจก็คิดตาม ต่อมามนุษย์มีการเปล่งเสียงที่มีความหมายถึงวัตถุ หรือกริยาท่าทาง จึงเกิดเป็นภาษาพูด คนที่พิการทางหูแต่กำเนิดเขาคงคิดได้เป็นภาพ ส่วนคนปกติการคิดจะเป็นภาษาพูด การคิดเป็นภาพน่าจะน้อยลงตอนโตเป็นผู้ใหญ่

ลิ้นรับรู้รส ลิ้นจึงเป็นอวัยวะแรกๆของธรรมชาติที่ใช้สำหรับศึกษาวิชาเคมี แยกแยะสิ่งที่กายสัมผัสได้ให้ละเอียดขึ้น เพื่อพิสูจน์ว่าอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ ลิ้นทำให้สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนอยู่รอดได้ แต่ไม่แน่เสมอไป ไม่นานมานี้ได้ข่าวว่าหลายคนกินหน่อไม้ดองตายมาแล้ว

จมูก รับกลิ่นของสสารโดยตรง จึงคล้ายลิ้นที่จะแยกคุณสมบัติทางเคมีจากการดม กลิ่นของกรด ด่าง เกลือแร่ น้ำมันระเหย โดยธรรมชาติแล้ว การดมกลิ่นจะช่วยกรองขั้นแรก ก่อนที่ของหรืออาหารจะเข้าปากเพื่อให้ชีวิตรอด ในยุคที่ยังไม่มีกำหนดวันหมดอายุ เคยเห็นผู้ใหญ่ดมอาหารว่าบูดหรือยัง

การสัมผัสทางกาย การมองเห็นด้วยแสง หรือการได้รับรู้ทางเสียง จึงจัดเป็นเรื่องทางฟิสิกส์ ส่วนการรับรสทางลิ้น หรือกลิ่นทางจมูกนั้น เป็นเรื่องทางเคมี วิชาฟิสิกส์และเคมีจึงเป็นเรื่องใกล้ๆตัวนี่เอง

เราพบว่าการรับรู้โลกจาก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ มักได้ยินบ่อยๆว่า ใจเป็นประธาน น่าจะจริง เพราะการสัมผัสที่ต้องรายงานให้ใจ(หรือจิต) ทราบ แรกสุดของชีวิตนั้นเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด แต่เมื่อชีวิตพัฒนาการมาขึ้นขั้นนี้แล้ว ใจจึงทำหน้าที่ประมวลผลจากการรับรู้ทั้ง 5 ทาง ถูกบ้าง ผิดบ้าง ฟุ้งซ่านไปได้มากมาย ทุกข์สุข จากอารมณ์วันละไม่รู้กี่ครัง แต่การพิสูจน์ความผิดถูกของการคิด หรือมีเหตุให้ทุ่มเถียงกันนั้นต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ง นั่นคือเริ่มจาก "มือคลำ"

เมื่อเรามีภาษาพูด และภาษาเขียนต่อมานั้น ช่วยส่งเสริมจิตเกิดจินตนาการได้มากกว่าก่อน จนเกิดเป็นความรู้ของมนุยชาติ หลายยุคหลายสมัย เราพบว่าเกิดนักคิดที่ใช้ตรรก และความเชื่อในยุดสมัยของตนเอง จนวางระบบปรัชญาความเชื่อทีสะท้อนยุคสมัยนั้นๆไว้มากมาย การคิดทางคณิตศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน อาศัยตรรกสัญญาลักษณ์แทนสิ่งที่มี จาก 1+1=2 จนถึงความซับซ้อนทางคณิตศาสตร์ จนผู้เรียนนึกไม่ออกว่าเกิดจากการสมมุติจากสิ่งที่มีอยู่จริง

ปัจจุบัน เราพบว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบวิชาฟิสิกส์ หากไม่เรียนเสริมพิเศษ มักไม่ทันเพื่อน น่าเห็นใจ เพราะวิชาฟิสิกส์เป็นความรู้ที่สั่งสมกันมาอย่างยาวนานนับร้อยปี ต้องผ่านการทดลองมามาก หากสืบสาวราวเรื่องให้ดีแล้ว ฟิสิกส์ไม่ใช่อะไรอื่นไกล เป็นเพียงความรู้ที่เกิดจากการสัมผัสทาง กาย ตา และหู

สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น...จึงเป็นการคิดอย่างไทยที่ลึกซึ้ง แต่คำว่า "ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย" ไม่รู้มาได้อย่างไร


Create Date : 14 ธันวาคม 2551
Last Update : 9 มกราคม 2553 21:29:54 น. 46 comments
Counter : 3871 Pageviews.

 
เข้าใจเอาคำมาผูกกับภาพนะคะ เข้ากันได้อย่างลงตัว

เข้าใจว่า ผู้ที่ใช้มือสัมผัสหน้าอกของรูปสลักอัปสรานั่น น่าจะเป็นผู้ชายนะคะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:19:02:36 น.  

 
ของบางอย่างสัมผัสได้ด้วยตา ของบางอย่างสัมผัสด้วยมือ ของบางอย่างสัมผัสได้ด้วยใจ

แต่ถ้าเห็นเป็นพวกรูปแกะสลักแบบนี้ ชอบที่จะมองและจดจำ กับเก็บภาพมากกว่าคลำ ๆ ค่ะ





โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 14 ธันวาคม 2551 เวลา:22:05:13 น.  

 
อันนี้คือที่เรียกว่า เสียมกุก ใช่ไหมครับ


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:12:32:42 น.  

 
ประสาทสัมผัสที่ดี ต้องมีสมาธิในการรับรู้ขณะสัมผัสที่ดีด้วย และยังต้องใช้ประสบการร์กับความรู้เดิมในเรื่องนั้น ๆ เพื่อการแปลความหมายสิ่งที่สัมผัสนั้นออกมา แต่ถ้าเอาในแง่ความรู้สึกคิดว่าใจที่รับรู้นั้นน่าจะสำคัญกว่าข้อมูลความรู้ใด ๆ
นักเรียนเรา มีตา มีหู มีร่างกายสมบูรณ์ดีแต่ขาดทักษะในการซึมซับสัมผัสอย่างละเมียดละไม อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร เป็นยุคของการเร่งรีบแข่งขัน การมาสอนให้เด็กค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ดู ค่อย ๆ รู้สึก ครูคงคิดว่าไม่ทัน(กิน)แน่ ๆ เลยอัดกระหน่ำข้อมูลไป
เห็นเด็ก ๆ สมัยนี้เรียนหนังสือก็ให้คิดสงสาร เรียนพิเศษกันจนทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้................
ปล. แต่วิชาฟิสิกส์กะเคมีนี่มันยากจริง ๆ นะ


โดย: อันต้า วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:15:20:57 น.  

 
ปีใหม่นี้ได้ไปเยือนแน่นอนแล้วค่ะ
แต่คงไม่กล้าไปลูบคลำแล้วล่ะเพราะว่า
มีคนออกมาพูดออกทีวีทำนองว่าใครที่ไปลูบคลำมา
ต้องกลับไปขอขมาค่ะ(เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ)
แต่เป็นเฉพาะบางคน ไม่เกิดกับทุกคน

แต่คนที่ได้ฟังก็คิดจะไปขอขมากันค่ะ
เพราะคิดว่าทำแล้วไม่เสียหาย
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่

เอาวิวเขาใหญ่มาฝากค่ะ



โดย: Fullgold วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:15:33:06 น.  

 
มีรูปปั้นเทวดาผู้ชายบ้างมั้ยคะ อิอิ...
คิดว่ามี...แต่คงไม่ค่อยมีใครคลำ...

.....................


ตั้งใจจะไปเที่ยวเหมือนกันค่ะ
นครวัด นครธม...
ตั้งใจหลายสิบรอบแล้ว แต่แหยงๆเขมรพิกล
แล้วก็ชอบคิดว่าตัวเองเดินชมปราสาทไม่ไหว เพราะความใหญ่โตของมัน


ไม่เหมือนลาวค่ะ...อันนั้นสะดวกใจ สบายใจที่จะไปมากกว่า



โดย: ทากชมพู วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:17:25:12 น.  

 
ภาพข้างบนนั่น ถูกคลำจนมันเลยนะคะ
บางคนยิ่งกว่านั้น เล่นขัด และถู เหมือนจะให้มีเลขออกมา ให้ได้

เวลาไปที่นั่น แล้วรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อลังการ บวกกับอำนาจ ความเหนื่อยยากของผู้คน และวันเวลาที่ผ่านไปกับงานฝีมือเหล่านี้
ให้ความรู้สึกทึ่ง แกมเศร้า
สงสัยเราจะเคยเกิดมาแบกก้อนหินมาสร้างปราสาท


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:18:50:07 น.  

 
เพื่อนสมาชิกถามถึง "เสียมกุก" หรือ "ห้องสยาม" ผมจึงได้ถ่ายภาพมาจากหน้าปกหนังสือเรื่อง ความเป็นมาของ คำสยาม,ไทย, ลาว และขอม โดยจิตร ภูมิศักดิ์ พิมพ์ครั้งที่ 2 เมื่อ ปี 2522 ครับ



นี่เป็นภาพของกองทัพไทย ที่ดูท่าทางองอาจ สมชายชาตรี เดินขบวนอย่างอกผายไหล่ผึ่ง พวกเขาเอาผ้ามาพันรอบตัวเป็นกระโปรงสั้นเพียงเข่า คาดเข็มขัด มีแผ่นกลมๆห้อยอยู่ข้างหน้า มีสายระโยงระยางรอบเข็มขัด ปลายเป็นลูกตุ้ม ห้อยทับผ้านุ่ง สวมเสื้อสนอบแขนสั้น มีเครื่องประดับที่คอและบนหน้าอกหลายอย่าง สวมรัดข้อมือและข้อเท้า ไว้ผมยาวปะบ่า กลางกระหม่อมเป็นรูปมวยผม

อาวุที่คนไทยถือนั้นมีด้ามยาวเหมือนหอก แต่ปลายหอกเป็นรูปเดียวกับปิ่นที่ปักบนศีรษะ

หากเพ่งให้ดีๆ จะมีความรู้สึกว่า คนไทยเมื่อพันปีที่แล้วก็หน้าตาเหมือนอย่างเราๆท่าน สมัยนี้นี่เอง


โดย: Insignia_Museum วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:20:58:35 น.  

 
ไปเห็นของจริงมาแล้วล่ะค่ะ และสังเกตได้ว่าถ้านางอัปสรรูปไหนอึ๋มๆละก็ ร่องรอยสิบตาเห็นไม่เท่าหนึ่งมือคลำ เย๊อะมากๆ


โดย: pim(พิม) วันที่: 15 ธันวาคม 2551 เวลา:21:33:30 น.  

 
ขอบคุณที่แนะนำให้ไปชมห้องสยามนะคะ



โดย: Fullgold วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:13:58:43 น.  

 
ภาพกองทัพเสียมกุก ดูสง่างาม มีวินัยดีนะคะ


หน้าตาคงไม่แตกต่างกับปัจจุบัน...
ส่วนเกียรติศักดิ์นักรบ ...ไม่รู้ว่าจะยังคงเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือยังอะค่ะ...

กาลเวลา...ไม่ย้อนคืน...


โดย: ทากชมพู วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:15:45:57 น.  

 
แอบเข้ามาโหวตค่ะ
บล็อกคุณ Insignia อาจจะเป็นบล็อกที่อ่านยากสักนิด เพราะสาระความรู้คับคั่งไปหมด แต่มีคุณค่ามากมาย

คงเขียนยากด้วยนะคะ ให้ป้าเดซี่เขียนอะไรแนวนี้ เขียนไม่ได้แน่ ๆ แค่สารนิพนธ์หนึ่งเล่มตอนจบปริญญาตรีนี่ก็แทบกระอักเลือดแล้ว

ป้าเดซี่คิดว่าบล็อกนี้น่าจะอยู่ในประเภท Education Blog นะคะ ขอให้โชคดีค่ะ

จะเข้ามาชวนไปทานข้าวกันด้วย วันพฤหัสฯหน้า 25 ธันวา ช่วงเย็นย่ำ เรามีมีตติ้งกันค่ะ พ่อพยัคฆ์ร้ายส่ายสะโพกเม้นท์ข้างบนก็ไป ถ้าว่างขอเรียนเชิญนะคะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 16 ธันวาคม 2551 เวลา:16:38:47 น.  

 
ลูบบ่อยๆ
จนเงาเลยน่ะครับแถมลูบนานๆเข้าก็ชำรุดสึกได้เหมือนกัน

ใครหนาช่างมือซนเหลือเกิน


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:1:26:45 น.  

 
เรียนฟิสิกส์ในบล็อกนี้ทำไมมันง่ายจัง..?


โดย: kangsadal วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:11:20:08 น.  

 
จับกันจนขึ้นมันเชียวนะคะ


โดย: Em-emiley วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:20:01:52 น.  

 
มายามดึก

ฝันดีนะคะ



โดย: Fullgold วันที่: 17 ธันวาคม 2551 เวลา:22:51:29 น.  

 
แม้แต่ปราสาทในเมืองไทย ถ้ามีนางอัปสรที่ไหน ตรงส่วนนั้นจะมันว๊าบขึ้นมาทุกที่ค่ะ

ขอบคุณที่ไปเยี่ยมเยียนกันที่บ้านนะคร๊า


โดย: nLatte วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:9:23:44 น.  

 
มาเยี่ยมนางอัปสราค่ะ

ไม่รู้ว่าอัปสราของเค้า กะ กินรีของเรา ใครสวยกว่ากัน...

...............................

ใกล้ๆสิ้นปี จขบ.ยุ่งป่าวคะ

ดูเงียบๆไปนะ....


โดย: ทากชมพู วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:18:22:58 น.  

 
"ดูแต่ตา มืออย่าต้อง ของจะเสีย" คำโบราณโดยแท้ ด้วยว่าของนั้นคงมีราคาสูงมากๆ เด็กจับต้องโดยไม่ระมัดระวังอาจเกิดเสียหาย จึงให้ดูแต่ตา น่าจะได้สัมผัสนะ ก็สัมผัสทางตาไง ได้ดู ดูแบบพินิจพิจารณาก็แล้วกัน ตามที่กล่าวว่า "สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น" เป็นเพียงความคิดส่วนตัวนะคะ

ที่เข้าบล็อกนี้นอกจากจะมารับความรู้แล้ว...ฮะแอ่ม...จะมาชวนไปเที่ยวตลาดลาดชะโดค่ะ รอต้อนรับอยู่ที่บล็อก

อากาศเย็นลงทุกวัน รักษาสุขภาพนะคะ



โดย: nathanon วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:19:11:02 น.  

 
เป็นคนนึงที่ไม่ถนัดวิชาฟิสิกข์เอามากๆ ...
ถึงว่า รู้สึกทักษะการใช้ชีวิตและวิธีการคิดของตัวเองดูขาดๆ เกินๆ

-____-"


โดย: MollyJinx วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:4:16:17 น.  

 


มุมมองจากข้างบน

เหมือนมนุษย์ต่างดาวมาสร้างไว้เหมือนกันนะเนี่ย...อิอิ


โดย: ทากชมพู วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:17:47:16 น.  

 
สวัสดีครับ.....มีความสุขในวันหยุดมากๆน่ะ


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:9:38:04 น.  

 
ท่าจะจริงคับ อิอิ
มิน่าล่ะ น้องนางอัปสราที่อังกอร์วัด
โดนคลำปทุมถันบ่อย ๆ จนเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็พูดถึง เวลา
เอ่ยถึงรูปสลักที่นั่น


โดย: Nagano วันที่: 20 ธันวาคม 2551 เวลา:13:18:22 น.  

 
สร้างกันนานมั๊ยคะกว่าจะเสร็จ คนมือบอนนนนเนาะ


โดย: Jolisa วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:10:02:31 น.  

 
แวะมาทักทายครับ


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:20:41:10 น.  

 

วันหลังค่อยมาอ่านนะคะ ดึกแระ


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 21 ธันวาคม 2551 เวลา:20:43:02 น.  

 
ดูซิ พากันลูบจ้น แต่ละข้างไม่เท่ากันแล้ว สงสาร เทวรูปจัง


โดย: Bowking วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:11:15:39 น.  

 
ขอบคุณในคำชมนะคะ...
ชอบเรื่องราวที่คุณพี่เล่าจังเลยค่ะ...
ช่างเขียนเรื่องราว...ได้เหมาะเจาะเหมาะเหม็ง..
จังเลยค่ะ...แล้วความเป็นจริงก็คงเป็นอย่างนั้นแหล่ะนะคะ
ถูกต้องที่สุดเลยค่ะ...อ่านแล้วได้ความรู้และเพลินดีด้วยค่ะ


โดย: คนชุมแสง วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:13:31:16 น.  

 
ดูภาพสลักแต่ละภาพแล้ว คนละสีกันเลยนะคะ
คงเป็นเพราะการถ่ายรูป ที่ต่างกรรม ต่างวาระ ต่างเทคนิคนั่นเอง

แต่ยังไงก็คงโทนสีซีเปียไว้ สวยทุกรูปเลย

.......................

วันนี้อัพบล้อกแล้วนะคะ...



โดย: ทากชมพู IP: 58.136.52.103 วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:18:03:26 น.  

 
สวยมากเลยของเก่าๆ


โดย: boatboat วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:10:15:35 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณชาวคลอง ฮิฮิ ยังไม่ลืมชื่อ

แวะมาอ่านมาชมเพิ่มเติมค่ะ

"หากเพ่งให้ดีๆ จะมีความรู้สึกว่า คนไทยเมื่อพันปีที่แล้วก็หน้าตาเหมือนอย่างเราๆท่าน สมัยนี้นี่เอง"

พยายามเพ่งอยู่ค่ะ แต่ตาลายจัง มองไม่ค่อยเห็น หรืออาจจะตาไม่ถึงก็เป็นได้มั๊งคะ

แต่ดูจากลวดลายละเอียดดีค่ะ


โดย: วันวานที่ผ่านมา วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:11:05:13 น.  

 
สวยเหลือเกิน....
ขอบคุณมากๆน๊า ที่แวะไปทักทายกัน มีความสุขมากๆค๊า...




โดย: Why England วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:15:47:27 น.  

 
สุขสันต์วันคริสมาสต์น่ะครับ


โดย: อนันต์ครับ วันที่: 23 ธันวาคม 2551 เวลา:20:51:56 น.  

 


โดย: nathanon วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:7:12:44 น.  

 
เคยไปดูที่เสียมเรียบค่ะสวยงามมากมาย
มาตามไปรับของขวัญจ้าาา
คลิกที่ภาพมีเสียงเพลงค่ะ


โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:18:17:24 น.  

 
สุขสันต์วันคริสต์มาส

อัพบล็อกแล้วนะคะ...อิอิ...แวะไปหน่อยน้า...


โดย: ทากชมพู วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:19:57:55 น.  

 




merry x'mas and happy new year

ขอให้มีความสุขทั้งครอบครัวเลยค่ะ



โดย: Fullgold วันที่: 24 ธันวาคม 2551 เวลา:22:31:54 น.  

 


ขอบคุณมากที่แวะไปโหวตให้นะคะ

Merry Christmasค่า


โดย: haiku วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:8:50:21 น.  

 
อื้มม หินหรอคะ ดูเหมือนโลหะเลย
คณิต วิทย์ ... ไม่เข้าทางเลยค่ะ บวกเลขยังผิดๆ ถูกๆ เลย


แวะมาส่งยิ้มต้อนรับปีใหม่ค่ะ


โดย: แม่ส้มแป้น วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:15:56:19 น.  

 


โดย: จีบนก วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:21:36:49 น.  

 
เคยไปมาแล้วครั้งนึง และก็อยากไปอีกค่ะ โดยเฉพาะนครธม ไม่ได้แช่งนะคะ แต่มีความรู้สึกว่าศิลปะที่นครธมอาจจะอยู่ให้เราได้ชื่นชมกันอีกไม่นาน เหมือนว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่ค่อยให้ความสำคัญเท่าที่ควร


โดย: NoiseN วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:7:30:39 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ... มาทักทายจ้า มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: sansook วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:9:50:26 น.  

 
สวัสดีตอนเย็นค่ะ



โดย: Fullgold วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:16:10:41 น.  

 
ขอบคุณที่แวะมาที่ blog ของหนิงนะคะ..


โดย: pp_ning วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:9:36:12 น.  

 
ขอบคุณมากน๊าที่แวะไปทักทายกัน...มีความสุขมากๆจ๊า



โดย: Why England วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:20:10:03 น.  

 





โดย: นู๋หญิงจ๋า วันที่: 27 ธันวาคม 2551 เวลา:23:06:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.