Group Blog
 
 
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
แรมบรังด์

หลายปีก่อน ทุกเช้าวันอาทิตย์ ผมจะไม่ไปไหน เพราะไม่อยากพลาดการชมรายการทีวีรายการหนึ่ง คือการสอนวาดภาพเหมือนบุคคลด้วยสีน้ำมัน เป็นรายการเพื่อการศึกษาของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ออกอากาศทางโทรทัศน์ อาจารย์ผู้สอนเอาภาพเขียนของแรมบรังด์มาศึกษา แล้ววาดตามแบบภาพเขียนนั้น ท่านได้สอนเทคนิคต่างๆ ต่อเนื่องกันหลายตอน สอนถึงความซับซ้อนซ่อนเงื่อนต่างๆ กว่าจะมาเป็นภาพเขียน มีการจงใจ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะบังเอิญ และลงมือปฏิบัติให้ชมไปพร้อมกัน เป็นรายการที่ดีมากๆ ตอนนี้คงหาชมได้ยาก ถ้ามีคลิปนี้ผยแพร่คงเป็นประโยชน์กับเยาวชนคนที่สนใจการทำงานศิลปะอย่างยิ่ง


แรมบรังด์ ฮาร์เมนซูน ฟาน แรยน์ (Rembrandt Harmenszoon van Rijn) เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 1606 ที่เมืองไลเดน ( Leiden) เนเธอร์แลนด์ เป็นบุตรคนที่ 9 ของครอบครัวเจ้าของโรงงานและหุ้นส่วนโรงสีลม บิดาชื่อ Harmen Gerritsz van Rijn มารดาชื่อ Neeltje van Suijttbroeck แรมบรังด์ได้รับการศึกษาภาษาละตินตั้งแต่ปฐมวัย ต่อจากนั้นได้เข้ามหาวิทยาลัย เรียนด้านปรัชญาจากมหาวิทยาลัยไลเดน แต่เขากลับสนใจเรื่องของการฝึกฝนในงานศิลปะมากกว่า

ในปี ค.ศ. 1622-1624 เขาจึงเข้าเรียนศิลปะกับจาคอบ ฟาน สวาเนเบิร์ก ( Jacob van Swanenburgh) จิตรกรที่มีชื่อเสียงของเมืองไลเดน ซึ่งเคยใช้ชีวิตในอิตาลีมาก่อน อาจารย์ท่านนี้สอนแรมบรังด์ว่าจะถ่ายความทอดรู้สึกของมนุษย์ลงในภาพได้อย่างไร ใช้แสงและความมืดเพื่อแบ่งแยกองค์ประกอบสำคัญจากสิ่งเล็กน้อยอย่างไร

ต่อมาเขาได้เดินทางไปกรุงอัมสเตอร์ดัมเพื่อตามความฝันของตัวเอง ไปเรียนและฝึกงานวาดภาพกับจิตรกรชื่อลาสแมน ( Pieter Lastman) ซึ่งเป็นจิตรกรที่เคยศึกษาศิลปะมาจากประเทศอิตาลีเช่นกัน ลาสแมนได้รับอิทธิพลจากจิตรกรอิตาเลียนชื่อคาราวัจโจ (Michelangelo Merisi da Caravaggio มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1557-1610) ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกศิลปะบาโรกของอิตาลี ภาพวาดของคาราวัจโจมีลักษณะเฉพาะตัวคือ การสร้างแสงและเงาขึ้นเอง โดยไม่ต้องอาศัยแสงธรรมชาติ ทำให้ผลงานของเขามีแสงนุ่มนวลงดงาม ต่อมาเรียกผลงานจิตรกรรมแนวนี้ว่า Caravaggisti อิทธิพลของคาราวัจโจจึงตกทอดมาสู่แรมบรังด์ด้วย เขาน่าจะใช้เวลาไม่เกินหกเดือนกับลาสแมน





เจน ลีแวนส์เพื่อนแรมบรังด์ (Self Portrait)


ค.ศ. 1625 แรมบรังด์เดินทางกลับบ้านที่ไลเดน ต่อมาได้ร่วมงานกับเพื่อนชื่อ เจน ลีแวนส์ ( Jan Leivens มีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ. 1607-1674) สร้างห้องทำงานขึ้นเพื่อรับจ้างเขียนรูป ในระหว่างนั้นเขาได้เรียนรู้การเขียนภาพและพยายามพัฒนาฝีมือให้สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเขียนภาพเหมือนของตัวเอง ในขณะเดียวกันเขาก็สร้างงานภาพพิมพ์โลหะไปด้วย ช่วงเวลาไม่นานนักชื่อเสียงของแรมบรังด์ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

หลังจากบิดาถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1630 เขาได้เดินทางไปกรุงอัมสเตอร์ดัมอีกครั้ง ในยุคนั้นอัมสเตอร์ดัมเป็นท่าเรือใหญ่และศูนย์กลางทางการค้าของเนเธอร์แลนด์ เขาอาศัยอยู่กับพ่อค้างานศิลปะคนหนึ่ง ชื่อ เฮนดริค ฟาน อุยเลนเบิร์ก (Hendrik van Uylenburgh) สองปีถัดมา แรมบรังด์ได้สร้างผลงานชิ้นหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงมาก นั่นคือภาพ " การสาธิตกายวิภาพมนุษย์ของนายแพทย์ทัลพ์" ( Doctor Nicolaes Tulp Demonstrating the Anatomy of the Arm) โดยได้รับการว่าจ้างจากสมาคมศัลยแพทย์กรุงอัมสเตอร์ดัม เป็นภาพสีน้ำมันบนผ้าใบขนาด 169.5 x 216.5 เซนติเมตร (ปัจจุบันเป็นสมบัติของ The Hague, Maurithsuis)


Doctor Nicolaes Tulp Demonstrating the Anatomy of the Arm
ภาพนี้แสดงให้เป็นอัจฉริยภาพของการจัดองค์ประกอบ การจัดแสงและเงาของภาพตามแนวคิดของเขาคือ ให้แสงจับเฉพาะส่วนที่ต้องการให้เป็นจุดเด่น ได้แก่ เรือนร่างของศพ ใบหน้าของแต่ละคนแสดงความรู้สึกที่ต่างกันไป และยังแสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างคนที่มีชีวิตซึ่งผิวพรรณเต็มไปด้วยเลือดเนื้อต่างกับศพที่ซีดขาว รวมทั้งสามารถนำภาพเหมือนของบุคคลต่างๆ มาจัดเป็นกลุ่มได้อย่างเหมาะสม นอกเหนือจากคุณค่าทางศิลปะแล้ว ยังเป็นภาพบันทึกประวัติศาสตร์วงการแพทย์ของเนเธอร์แลนด์อีกด้วย งานวาดภาพชิ้นนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความรุ่งโรจน์ในชีวิตของแรมบรังด์ เพราะหลังจากนั้นได้มีผู้มาว่าจ้างให้เขาวาดภาพด้วยค่าจ้างที่สูงมากทำให้เขามีฐานะมั่นคั่งขึ้นอย่างรวดเร็ว





Saskia Van Uyleburgh


ในปี ค.ศ. 1634 แรมบรังด์ได้แต่งงานกับซาสเกีย ( Saskia van Uyleburgh) ซึ่งมีเชื้อสายผู้ดีเก่า ทำให้สถานภาพทางสังคมของเขาสูงขึ้นตามไปด้วย ต่อมาแรมบรังด์ได้ซื้อบ้านหลังหนึ่งเพื่อเอาใจภรรยา ในขณะเดียวกันเขาก็หันมาสนใจสะสมโบราณวัตถุ เงินที่ได้มาจึงหมดไปกับการซื้อสิ่งต่างๆ เช่น อาวุธโบราณ เครื่องดนตรี เครื่องประดับ และเสื้อผ้าโบราณ ทำให้แรมบรังด์มีหนี้สินมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องขายทรัพย์สินต่างๆ ที่สะสมไว้จนหมด แม้แต่บ้านก็ถูกยึดไป

แม้แรมบรังด์จะมีฐานะยากจนอย่างไรเขาก็ยังวาดรูปต่อไป กลับเป็นผลดีต่อการสร้างงานของเขา เพราะแทนที่เขาจะวาดรูปตามใจผู้ว่าจ้างทั้งหมด กลับทำงานตามความรู้สึกนึกคิดของตนด้วย ทำให้ผลงานเป็นอิสระและมีชีวิตชีวา





The Night Watch

ค.ศ. 1642 แรมบรังด์ได้สร้างผลงานที่มีชื่อเสียงมากอีกชิ้นหนึ่งคือ ภาพชื่อ กัปตันแบนิงคอร์ดกับกลุ่มยามรักษาการณ์ (The Militia Company of Captain Frans Banning Cocc) หรือภายหลังรู้จักกันในชื่อ "ยามแห่งค่ำคืน" (The Night Watch) เป็นภาพสีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 359 x 438 เซนติเมตร งานภาพเขียนขนาดใหญ่นี้เป็นภาพของยามหรือผู้รักษาความปลอดภัยกลุ่มหนึ่ง โดยเทศบาลกรุงอัมสเตอร์ดัมเป็นผู้ว่าจ้างให้เขาวาด เพื่อบันทึกภาพของยามรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งกำลังเดินไปข้างหน้า มีกัปตันแบนิงคอร์ดเป็นผู้นำ แรมบรังด์สร้างจุดเด่นที่กับปตันแบนิงคอร์ด ส่วนคนอื่ๆมีความสำคัญลดหลั่นกันไป แต่ละคนมีแสงสว่างจับใบหน้า ฉากหลังมืดสลัวแสดงให้เห็นว่าเป็นบรรยากาศของกลางคืน การจัดวางองค์ประกอบ การจัดแสงของภาพงดงามตามลักษณะเฉพาะของแรมบรังด์

แม้ผลงานชิ้นนี้จะได้รับการยกย่องชมเชยมากก็ตาม แต่ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่กลับไม่มีใครสนใจนัก เพราะหลังจากที่นำผลงานไปติดตั้งที่ศาลาประชาคมกรุงอัมสเตอร์ดัมแล้ว ก็ไม่ได้รับความสนใจอีก ถูกปล่อยปละละเลย ขาดการดูแลรักษานานเกือบร้อยปี จนผลงานเสียหายชำรุดไปหลายแห่ง เมื่อมีการนำมาทำความสะอาดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ยังพบว่าขณะที่นำมาติดตั้งนั้น มีการตัดรูปคน ด้านขวามือของภาพออกไปสองคน ในปี ค.ศ. 1975 ชายวิกลจริตผู้หนึ่งใช้มีดโกนกรีดจนผ้าใบขาดเสียหายหลายแห่ง แต่ได้รับการซ่อมแซมจนมีสภาดีเช่นเดิม ปัจจุบันผลงานจิตรกรรมชิ้นนี้ตั้งแสดงอยู่ที่พิพิภัณฑ์ริจค์ กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์

Rembrandt and Saskia in the Scene of the Prodigal Son in the Tavern


แม้ว่าภาพเขียนชิ้นสำคัญๆ ของแรมบรังด์ จะเป็นผลงานที่ได้รับการว่างจ้างเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม แต่ก็มีภาพเขียนหลายชิ้นที่เขาวาดตามความพอใจของตัวเอง เช่น Rembrandt and Saskia in the Scene of the Prodigal Son in the Tavern เป็นภาพสีน้ำมันบนผ้าใบ วาดเมื่อ ค.ศ. 1635 ขนาด 161 x 131 เซนติเมตร เป็นรูปซาสเกียนั่งอยู่บนตักแรมบรังด์ แสดงให้เห็นความรักและความผูกพันระหว่างเขากับภรรยา

นอกจากนี้แล้ว แรมบรังด์ยังวาดภาพของภรรยาและบุตรชายของเขาไว้อีกหลายภาพ เช่น ภาพชื่อ Saskia as Flora วาดเมื่อ ค.ศ. 1641 เป็นภาพจิตรกรรมสีน้ำมันบนแผ่นไม้โอ๊คขนาด 97.7 x 82.2 เซนติเมตร ภาพชื่อ Titus at his desk วาดเมื่อ ค.ศ. 1655 สีน้ำมันบนผ้าใบขนาด 77 x 63 เซนติเมตร และภาพชื่อ Titus วาดเมื่อ ค.ศ. 1658 ขนาด 67.3 x 55.2 เซนติเมตรเป็นภาพสีน้ำมันบนผ้าใบเช่นเดียวกัน





Saskia as Flora



Titus at his desk

แรมบรังด์ได้รับการยกย่องว่าเป็นจิตรกรที่มีความสามารถในการวาดภาพรูปคนเป็นเลิศ มีผลงานภาพเหมือนทั้งที่เป็นกลุ่มและภาพเดี่ยวปรากฏอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าแรมบรังด์เป็นจิตรกรที่ชอบวาดภาพเหมือนตัวเองที่สุด มีภาพเหมือนของเขาที่วาดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ กันถึง 60 ภาพ ภาพเขียนเหล่านี้แสดงให้เห็นความเปลี่ยนแปลงทางสรีระของเขาในวัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น การวาดภาพเหมือนตัวเองยังเป็นการศึกษาและฝึกฝนการวาดรูปคนเหมือนของเขาไปด้วย
จากจิตรกรที่ร่ำรวยหรูหรามีชื่อเสียงกลับผกผันตกต่ำลง แรมบรังด์กลายเป็นศิลปินล้มละลายต้องอาศัยอยู่กับบุตรชายจนถึงวาระสุดท้าย ชีวิตของเขาเริ่มประสบกับความยากจนหลังจากที่ซาสเกียถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1642 หลังคลอดบุตรชายคนสุดท้องที่ชื่อติตุส (Titus) ได้เพียง 9 เดือน ซาสเกียเสียชีวิตเพราะความตรอมใจที่ต้องสูญเสียบุตรสามคนไปก่อนหน้านั้น
การจากไปของบุตรและภรรยานำความโศกเศร้ามาสู่แรมบรังด์อย่างใหญ่หลวง ในปีเดียวกันเขาก็ได้รับเฮนดริก สตรอร์เฟิล (Hendrichje Stoffels) เข้ามาช่วยทำงานบ้านและดูแลบุตรชาย และจากความใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสองคนอยู่กินกันฉันท์สามีและภรรยา เฮนดริกได้ให้กำเนินบุตรสาวคนหนึ่งชื่อคอร์เนเลีย (Cornelia)




Hendrickje Bathing in a River

ในปี ค.ศ. 1654 แรมบรังด์ได้สร้างงานจิตรกรรมที่น่าสนใจมากชิ้นหนึ่งคือ ภาพชื่อ Hendrickje Bathing in a River เป็นภาพสีน้ำมันบนแผ่นไม้ ขนาด 61.8 x 47 เซนติเมตร (ปัจจุบันอยู่ที่ The National Gallery กรุงลอนดอน อังกฤษ) ฐานะการเงินของแรมบรังด์ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนในที่สุดในปี ค.ศ. 1656 ถูกศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ทรัพย์สินของเขาถูกขายทอดตลาด เขาและเฮนดริกต้องไปอาศัยอยู่กับติตุสบุตรชาย ในขณะนั้นเขาได้อาศัยเงินค้าจ้างสอนนักเรียนที่สนใจการวาดภาพและรายได้จากการรับจ้างวาดภาพ ชื่อ The Syndics of the Clothmakers Guild เป็นภาพจิตรกรรมสีน้ำมันขนาด 191.5 x 279 เซนติเมตร ซึ่งเขาวาดค้างไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1662



The Syndics of the Clothmakers Guild

ความเลวร้ายในชีวิตของแรมบรังด์มิได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้นเพราะในปี ค.ศ. 1663 เฮนดริกถึงแก่กรรม เขาปล่อยตัวปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม ไม่สนใจการรับจ้างวาดรูป แต่กลับทำงานตามใจชอบทำให้เขาค้นพบการเขียนภาพเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์มากขึ้น ในช่วงนี้เขาได้รับการอุปการะจากติตุสซึ่งได้รับเงินมรดกจากผลงานของเรมบรันต์ชุดหนึ่ง

ค.ศ. 1668 ติตุสได้แต่งงานกับแมกดาเลนา ฟาน ลู (Magdalan van Loo) หลังจากนั้นเพียงหกเดือนติตุสก็ถึงแก่กรรม เขาจึงต้องอาศัยอยู่กับลูกสะใภ้ ในที่สุดแรมบรังด์ก็จบชีวิตลงเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1669 อายุ 63 ปี หลังจากได้หลานสาวเพียงไม่กี่เดือน เรมบรันต์ทิ้งมรดกศิลปกรรมไว้ให้เป็นสมบัติของโลกจำนวนมากเป็นจิตรกรรมสีน้ำมันเกือบ 800 ภาพ ภาพพิมพ์ประมาณ 500 ภาพและวาดเส้นประมาณ 100 ภาพ

แรมบรังด์ถูกฝังที่เวสต์เตอร์เคิร์ค (Westerkerk) ในอัมสเตอร์ดัมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2212

นำมาฝากด้วย คลิปจาก BBC กล่าวถึงภาพวาดของแรมบรันด์อย่างละเอียด









สร้างเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1936




Create Date : 14 ตุลาคม 2555
Last Update : 3 สิงหาคม 2556 13:07:36 น. 22 comments
Counter : 7848 Pageviews.

 
ขอเจิมนะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:20:13:28 น.  

 
นั่งอ่านประวัติท่านจนเพลินเลยค่ะ
ส่วนใหญ่ศิลปินจะไม่มีค่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่
หลังจากชีวิดหาไม่เราเพิ่งจะได้เห็นคุณค่าของผลงานนะคะ

ขอวกเข้าเรื่องตัวเองหน่อย
อย่างที่คุณ IM พูดแหละค่ะ
อยู่กรุงเทพแม้ว่าจะสุขสบายใกล้ลูก
แต่ก็ยังคิดถึงบ้าน
คิดถึงความหลัง คิดถึงสิ่งเก่าๆในชีวิต
คิดถึงเพื่อนๆที่คบหากันมานาน

แต่ทำไงได้ชีวิตก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพยายามปรับตัวเองเพื่อความสุขของตัวเองค่ะ



โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 14 ตุลาคม 2555 เวลา:20:17:30 น.  

 
nulaw.m Food Blog ดู Blog
moresaw Education Blog ดู Blog
Insignia_Museum Diarist ดู Blog

คนเขียนภาพ มักจะลำบากยากจนนะคะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:17:45:58 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

+++++++++

กิจกรรมความชอบของแต่ละคนแตกต่างกันไปแล้วแต่ใจชอบนะค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:21:15:17 น.  

 
รู้จักชื่อท่านมานานมาก แต่เพิ่งจะได้รู้ประวัติโดยละเอียดนี่แหละค่ะ ฝีมือวาดภาพของท่านสุดยอดมากก น่าเสียดายที่บั้นปลายชีวิตของท่านต้องตกอับ ต่างไปจากผลงานอันทรงคุณค่า ไม่น่าเชื่อว่าจะมีเป็นพันภาพเลย

ขอกราบดวงวิญญาณศิลปินคนสำคัญของโลกด้วยจิตคารวะค่ะ


โดย: haiku วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:23:15:50 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับคุณอิม


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:10:06:55 น.  

 
แม้ว่าจะเคยเรียนประวัติศาสตร์ศิลป์มาบ้างแต่ก็ขอบคุณคุณ IM ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เคยไปดูทีี่บ้านของแรมบรันด์และได้ไปดู the night watch ของจริงมาแล้วค่ะ เห็นแล้วก็ได้แต่สะท้อนใจ อานิสสงค์ของศิลปินในอดีตที่ไม่ได้รับการเหลียวแลทำให้ปัจจุบันฮอลแลนด์เอาใจใส่ศิลปินดีมากๆ เลยค่ะ จนตอนนั้นชักอยากอยู่เป็นศิลปินที่นั่นจริง ๆ แต่สู้อากาศทึม ๆ แบบนั้นไม่ไหว........กลับบ้านเราโลดมาตากแดดที่เมืองไทยดีกว่า


โดย: อันต้า วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:10:44:51 น.  

 


แวะมาทักทายคุณอิม และชมภาพศิลปะงามๆด้วยค่ะ
มีความสุขกับการทำงานนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:14:38:39 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอิม
แวะมาส่งกำลังใจค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ปลายแป้นพิมพ์ Food Blog ดู Blog
Insignia_Museum Diarist ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: pantawan วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:17:51:32 น.  

 
ภาพวาดเขาวาดได้สวยจริงๆ ครับ

คำกล่าวที่ว่า บางคนตายแล้วแต่เขายังมีชีวิตอยู่ (ถูกกล่าวถึง) อาจจะใช้กับกรณีแบบนี้ได้ ก็เป็นได้กระมัง

+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:23:55:05 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

บล็อกนี้มีความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจการวาดภาพเป็นอย่างมากเลยครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:0:11:09 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
Don't try this at home. Funniest Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
มาทักทายให้หายคิดถึงค่ะคุณIm


โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:16:23:34 น.  

 


แวะเอาหอยทอดมาฝากคุณอิมค่ะ น้ำมันน้อย แป้งน้อย หอยเยอะ ไม่อ้วนค่ะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:20:09:18 น.  

 

แหล่มเลยค่ะคุณอิม
ขอบคุณที่นำมาฝากให้อ่านได้ความรู้เพียบ


โดย: อุ้มสี วันที่: 17 ตุลาคม 2555 เวลา:22:53:13 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เกศสุริยง Education Blog ดู Blog
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
อิ่มใจสบายพุง Food Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
----------------------------
แวะมาทักทายค่ะคุณim


โดย: เรือนเรไร วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:8:27:29 น.  

 


แวะมาทักทายคุณอิม และเอามื้อเย็นมาฝากด้วยค่ะ มีความสุขมากๆนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:18:38:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอิม
ทานอาหารเจหรือป่าวคะ
วันนี้มีเย็นตาโฟเจมาฝากค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:20:40:41 น.  

 
วันนี้แวะมาโหวตหมวดศิลปะให้ค่ะ แวะมาดึก ส่งคุณIMเข้านอนเลยละกัน หลับฝันดีค่า


โดย: haiku วันที่: 18 ตุลาคม 2555 เวลา:22:49:45 น.  

 


แวะมาทักทายคุณอิมยามเย็น และเอาเมนูยำมาฝากอีกครั้งค่ะ เริ่งขี้เกียจแล้วค่ะ 555
(เบื่อยำ) ขอให้คุณอิมและครอบครัวมีความสุขกับวันหยุดพักผ่อนมากๆนะคะ ^_^


โดย: andrex09 วันที่: 19 ตุลาคม 2555 เวลา:17:00:54 น.  

 
เศร้าจัง......


โดย: buraneemeo วันที่: 20 ตุลาคม 2555 เวลา:7:00:00 น.  

 


โดย: Insignia_Museum วันที่: 7 เมษายน 2556 เวลา:21:40:50 น.  

 
Your means of telling everything in this post is really good, all can easily understand it, Thanks a lot.
Discount Louis Vuitton //www.trufill.co.uk/


โดย: Discount Louis Vuitton IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:15:22:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.