Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
รำลึกถึง "เดินอากาศไทย"




หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สายการบินที่กำลังก่อร่างสร้างตัวของประเทศในแถบเอเชียตะวันออก มักใช้เครื่องบินดาโก้ต้าชนิดสองเครื่องยนต์มาเป็นเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งเป็นเครื่องที่เหลือใช้จากสงคราม ผู้ที่โดยสารสายการบินด้วยเครื่องบินเหล่านี้จึงเหมือนนั่งไปในพาหนะที่ทำด้วยสังกะสีตอกตะปูพออยู่ได้ โดนลมแรงๆจะสะเทือนทั้งลำ เหมือนชิ้นส่วนจะหลุดออก เมื่อบินสูงๆ การควบคุมความกดอากาศคงไม่ดีนัก เล่ากันว่าผู้โดยสารจะเกิดอาการแสบหู แสบตา แสบจมูก การโดยสารโดยเครื่องบินสมัยก่อนจึงไม่สบายเหมือนสมัยนี้

ช่วงเวลานั้น ราว พ.ศ. 2490 และ 2491 ประเทศไทย เกิดบริษัทธุรกิจการบิน 3 บริษัท
1. บริษัทเดินอากาศ จำกัด ชื่อย่อ บดอ. ภาษาอักกฤษ ชื่อ Siam Airways Co., Ltd. (S.A.C.) อนุมัติโดยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม เมื่อ 1 มีนาคม 2490 ตามนโยบายของรัฐบาล
2. Pacific Overseas Airline (SIAM) Co., Ltd. (P.O.A.S.) โดยรัฐบาลไทยร่วมทุนกับบริษัทการบินของอเมริกัน Pacific Overseas Airline(Coorporation of Oakland)
3. Trans Asiatic Airlines (SIAM) Co., Ltd. (T.A.A.C.) เป็นบริษัทขนส่งทางอากาศร่วมทุนกันระหว่างอเมริกันและเอกชนไทย ใช้เครื่องบิน DC3 3 เครื่อง ขนทองระหว่างกรุงเทพฯ ฮ่องกง และมะนิลา


ตารางบินของ Pacific Oversea Airline




ในช่วงเริ่มตั้นนั้นบริษัทเดินอากาศ มีเครื่องบินหลายแบบ ได้แก่ DC3 (ดาโกต้า) 3 เครื่อง, C45 2 เครื่อง, L-5 6 เครื่อง, Fairchild 3 เครื่อง และแบบ Rearwin 2 เครื่อง เปิดเส้นทางบินสายแรก กรุงเทพ-พิษณุโลก-ลำปาง-เชียงใหม่ และ เชียงใหม่-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน เดือนธันวาคมในปีเดียวกัน เปิดเส้นทางบินต่างประเทศครั้งแรก กรุงเทพ-สงขลา-ปีนัง

4 ปีต่อมา รัฐบาลมีมติให้รวมบริษัท Pacific Overseas Airline (SIAM) Co., Ltd. กับบริษัทเดินอากาศ จำกัด เพื่อยุติการแข่งขันกันเอง ใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัทเดินอากาศไทย จำกัด (บดท.) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thai Airways Co., Ltd. (T.A.C.)

พ.ศ. 2506 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อเครื่องบินกังหันใบพัดแบบแอฟโร 748 จากอังกฤษ จำนวน 3 เครื่อง เริ่มบินในเดือนพฤศจิกายน 2507 ซึ่งเครื่องบินแอฟโร 748 นี้ ใช้งานต่อมายาวนานเกือบ 20 ปี

กันยายน 2520 บดท.รับมอบเครื่องบิน โบอิ้ง 737-200 จุผู้โดยสารได้ 115 ที่นั่ง เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2520 ในเส้นทาง เชียงใหม่ หาดใหญ่ และปีนัง

14 พฤษภาคม 2525 รับมอบเครื่องบิน ชอร์ท 330 จำนวน 4 เครื่อง เพื่อนำมาบินแทน แอฟโร 748 โดยเครื่องแรกมาถึงไทยเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2525 เริ่มทำการบินในวันที่ 10 เดือนเดียวกัน

มีนาคม 2528 บดท. สั่งซื้อ Airbus A310-200 จำนวน 2 ลำ และปลายปี 2528 ได้สั่ง ชอร์ท 360 มาให้บริการเพิ่มเติมจำนวน 2 ลำ

1 เมษายน พ.ศ. 2531 บริษัทเดินอากาศไทย จำกัด ได้ควบรวมกิจการ ไปอยู่ในบริษัทการบินไทย จำกัด (การบินไทยจดทะเบียนเป็นบริษัทเมื่อ 29 มีนาคม 2503 เดิมเป็นบริษัทลูกของ บดท. โดยบริษัทเดินอากาศไทยถือหุ้น 70% และสายการบิน S.A.S. ถือหุ้น 30%) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย



การบินไทยในยุคแรกๆ มีสัญญาลักษณ์"รำไทย" ดูเหมือนจะลืมๆกันไป



ปีกนักบิน Thai Internation เข็มถมเงินจากร้านไทยนคร


ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช (จากเรื่องถกเขมร เมื่อ พ.ศ. 2496) เขียนเกี่ยวกับพนักงานตอนรับยุคแรกๆของบริษัทเดินอากาศไทยว่า (ข้อความสีน้ำเงิน)

ความรู้สึกที่ว่าตนกำลังจะต้องเสี่ยงภัยในกลางหาวนี้อาจมีมากขึ้นอีก ถ้าหากว่าเรามิได้รับการเอาใจจากสุภาพสตรีเจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินอากาศไทย ผู้ซึ่งเรียกกันโดยทั่วๆไปว่า "กราวนด์โฮสเตส" คือเป็นผู้ดูแลผู้โดยสารบนพื้นดิน แต่พอผู้โดยสารขึ้นจากพื้นดินไปแล้ว ผู้โดยสารก็ไปตกเป็นภาระของสุภาพสตรีอีกผู้หนึ่งเรียกวา "แอร์โฮสเตส" โดยเหตุที่บริษัทเดินอากาศไทยเป็นตัวแทนของสายการบินที่เราจะไป การส่งเราขึ้นเครื่องบินจึงเป็นหน้าที่ของสุภาพสตรีไทยผู้นี้...

"กราวนด์โฮสเตส" ผู้นี้ติดต่อรับรองผู้โดยสารที่จะไปพร้อมกับเราด้วยความเลื่อมใส ประเดี๋ยวก็พูดอังกฤษ ประเดี๋ยวก็ฝรั่งเศส แล้วก็หันมาทักทายกับเราอย่างเป็นกันเองด้วยภาษาไทย เธอจะพูดภาษาอื่นๆได้อีกกี่ภาษานั้นเราไม่มีทางที่จะรู้ได้ รู้แต่ว่าเธอพูดภาษาไทย และอังกฤษ ฝรั่งเศสได้ชัดเจนไพเราะเท่าเทียมกัน และสามารถเปลี่ยนจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่งได้ทันที โดยมิต้องเสียเวลาสับสวิทช์...

ความมั่นใจของสุภาพสตรีผู้นี้ในหน้าที่กิจการของเธอ ทำให้เราค่อยมีความมั่นใจในการเดินทางของเราขึ้นได้อีกมาก เธอไม่ได้พูดเรื่องการเดินทางกับเราเลย และมิได้รับรองยืนยันว่าเราจะไปถึงด้วยความปลอดภัยหรือไม่ แต่กิริยาวาจาที่เธอติดต่อผู้โดยสารนั้น ทำให้เราเห็นไปเองว่า การเดินทางด้วยเครื่องบิน ถึงแม้เครื่องบินนั้นจะเก่าแก่ผุพังอยู่บ้าง ก็เป็นธรรมดาที่คนเขาทำกันทุกวัน ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยหรือน่าหวาดเกรงเลย เธอพูดถึงการไปถึงโน่นถึงนี่ในต่างประเทศ เหมือนกับว่าจะไปเฉลิมกรุงหรือแค่พาหุรัด และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอบอกให้เราทราบนั้น ก็ทำให้ทุกอย่างง่ายดายไปหมด ไม่มีปัญหาอะไรตกค้างที่จะต้องเก็บไปตรึกตรองอีก...



เครื่องบินชอร์ท บินเรี่ยๆพื้นโลก


ประสบการณ์การเดินทางของผู้เขียน (IM)

ผมยังทันได้ใช้บริการบริษัทเดินอากาศไทย เที่ยบบินที่ประทับใจ มักจะเป็นเที่ยวบินสั้นๆ อย่างเครื่องบิน ชอร์ท 330 เป็นการบินต่อจากสนามบินใหญ่ๆ ที่เป็นศูนย์กลางของภาคนั้นๆไปยังสนามบินเล็กๆ เครื่องบินบินไม่สูงมาก มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่างได้ชัดเจน ที่จริงรู้สึกเสียวๆ ไม่ใช่น้อย ได้แต่คิดปลอบใจว่า มันเป็นเครื่องบินใบพัด หากเครื่องยนต์ขัดข้อง ใบพัดไม่ทำงาน ก็ยังถลาลม นำเครื่องลงจอดได้ถ้ามีที่ว่างพอ


เครื่องบินแอฟโร

ผมเคยนั่งเครื่องแอฟโร 748 ซึ่งประจำการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2506 ตอนนั้นเครื่องบินรุ่นนี้น่าจะประจำการมาเกือบ 20 ปี ขึ้นจากสนามบินจังหวัดตากมาที่พิษณุโลก เที่ยวบินนั้นมีนายทหารนั่งมาเกือบเต็มลำ มีพลเรือนเพียง 4-5 คน ระหว่างทางผมได้ยินแต่เสียงคุยกันจ๊อกแจ๊ก แซวกันด้วยความสนุกครื้นเครงทั้งลำ บัดดลเสียงเหล่านั้นก็เงียบลง เงียบจนแม้เข็มตกยังได้ยิน (ถ้าดับเครื่องยนต์)

กัปตันประกาศว่าเครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ วันนั้นท้องฟ้าปิด มีฝนตกและเมฆมาก นักบินนำเครื่องบินวนอยู่ราว 30 นาที ระหว่างนั้น เครื่องตกหลุมอากาศบ้าง กระแทกกระทั้นกันมายาวนาน เป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบจริงๆ สุดท้ายนักบินก็นำเครื่องจอดได้สำเร็จ ทุกคนบนเครื่องตบมือกันกราวใหญ่

ผมมาต่อเครื่องบินโบอิ้ง 737 ขณะที่ฝนลงเม็ดปรอยๆ เพื่อเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ขณะเดินขึ้นเครื่องลำใหม่นี้ ความรู้สึกของผมคล้ายกับเดินขึ้นบ้านหลังใหญ่อย่างไร้กังวล คิดในใจว่าเที่ยวนี้ถึงที่หมายแน่นอน




Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 9 สิงหาคม 2552 11:27:15 น. 37 comments
Counter : 12790 Pageviews.

 
เจิมอ่ะดิ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:5:03:34 น.  

 
บล็อกคุณ IM เป็น first thing in the morning ของป้าเดซี่เลยนะคะเนี่ย เพิ่งจะลืมตาตื่นมา เปิดคอมพ์ก่อนเลย คนอาร้าย

บล็อกวันนี้น่าสนใจมากค่ะ มีทั้งความรู้ และความบันเทิง ชอบตรงที่ อาจารย์หม่อมเล่าเรื่องสาวบริการของบดท.ยุคแรก ๆ อิอิ

ป้าเดซี่ไม่ทันขึ้นเครื่องของบดท.ค่ะ แต่ทันเห็นบริษัทซึ่งตะก่อนอยู่ที่หัวมุม ถ.หลานหลวงนะคะ โอย กี่สิบปีแล้วก็ไม่รู้ ไม่ไหวจะนับ

ประสบการณ์อึ้งทึ่งเสียวของคุณ IM กับเครื่องแอฟโรคงสะเทือนขวัญสั่นประสาทกันน่าดู ป้าเดซี่ไม่มีวาสนาได้เสียวขนาดนั้นค่ะ เคยนั่งเครื่องจากฮ่องกงนี่แหละเมื่อซักสี่ซ้าห้าปีก่อน อากาศแย่มาก ๆ เครื่องตกหลุมอากาศหลายครั้ง ฟ้าแล่บแปล๊บ ๆ เห็นได้ชัดจากหน้าต่างเครื่องบิน แค่นั้นก็ทำเอาใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว

ประสบการณ์ไม่ว่าจะร้ายหรือดี ถือเป็นสิ่งมีค่านะคะ ประสบการณ์แบบที่เราประสบมา ถึงแม้จะหวาดเสียวน่าดู แต่พอมานั่งนึก นั่งคิด ก็เรียกรอยยิ้มให้ได้เหมือนกัน

TGIF ค่ะ


โดย: Oops! a daisy วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:5:14:51 น.  

 
กว่าผมจะได้นั่งเครื่องบินให้เป็นบุญตูดหนแรก

ก็เป็นยุคของเจ้าโบอิ้ง 737เสียแล้ว

ก่อนหน้านั้น ไม่เคยสัมผัสการบินเอาเสียเลย

จะเฉียดใกล้เครื่องบินมากที่สุด ก็ตอนอยู่ในเขตป่าเขตเขา

เห็นแล้วก็ต้องวิ่งหลบ หรือไม่ก็เอาปืนส่อง

ที่เป็นคู่ปรับตลอดกาลดูเหมือนจะเป็นเจ้าโอ.วี. 10

มาทีได้วิ่งกันลิ้นห้อย แถมยังยิงไม่เคยโดนมันสักที

ส่วนเจ้าดาโกต้า ในยุคนั้นยังมีใช้อยู่นะ

รู้สึกจะเป็นเครื่องบินลำเลียงของกองทัพ

แต่เผลอ ๆ เขาก็เอามาบินฉวัดเฉวียนในระดับไม่สูงมากนัก

ไม่รู้ว่าบินมาทำไม จะว่าเอามายิงกราดก็ไม่ใช่ เพราะบินสูงไปหน่อย

บางคนบอกว่าเอามาบินเพื่อถ่ายรูปทางอากาศ

ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาเครื่องบินใหญ่ขนาดนี้มาบินเลย

แต่ที่แน่ ๆ เสียงมันดังเอาเรื่อง แถมบินช้าน่ายิงเป็นที่สุด

แต่พอตั้งท่าจะยิง บางคนก็กลับเปลี่ยนใจไม่กล้ายิง

เพราะไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน ดูที่ใต้ปีก ก็ไม่มีสัญลักษณ์ระบุสัญชาติ

เลยชักไม่แน่ใจว่า เป็นเครื่องบินของชาติไหน ไทยหรือลาว

ก็เลยยกประโยชน์ให้จำเลย ให้มันบินผ่านหัวไปเสียให้พอใจ

ว่าไปแล้ว เครื่องบินแบบใบพัดนี่ ปลอดภัยกว่าเครื่องเจ็ตเป็นไหน ๆ

ยิงถูกแล้วเครื่องดับแล้ว ก็ยังไม่ยักตก เหลือใช้งานอยู่เครื่องยนต์เดียวก็ยังบินกลับฐานได้

ผิดกับเครื่องบินตระกูลเอฟที่ใช้ไอพ่น

เจ้านั้นกองทัพอากาศไทยซื้อมาไว้บินตกโดยเฉพาะ

บางเครื่องที่ตก ไม่มีใครยิงสักโป้ง บินอยู่ดี ๆ ก็ตกได้

พูดถึงเครื่องบินโดยสารไทยแล้ว นึกถึงสโลแกนเก๋ ๆ ของการบินไทย

"งีบหนึ่งก็ถึงแล้ว"

แม้จะบริการดีจนติดอันดับโลก ฝรั่งมังค่าพากันติดอกติดใจ

แต่ไม่รู้บริหารกันยังไง ขาดทุนมันได้ทั้งปีทั้งชาติ

ฟังมาว่า คนที่ทำงานอยู่ในองค์กรนี้ส่วนใหญ่ เป็นลูกท่านหลานเธอ

ยกขบวนเข้ามากินเงินเดือนแพง ๆ แต่ทำงานสบาย ๆ

รัฐลงทุนให้ ขาดทุนก็ไปแบมือขอเพิ่มเอาจากรัฐ กำไรก็แจกเป็นโบนัสพนักงาน

ตอนนี้กลายเป็นบริษัทมหาชน มีหุ้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

กรรมการและตัวเป้ง ๆ ในองค์กร ได้รับแจกหุ้นคนละหลายหุ้น ไว้ให้ไปปั่นเล่น

ตกหนักจึงกลับมาอยู่ที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย

เจอขาใหญ่ขย่มเข้าหน่อย ก็ต้องใจหายในคว่ำ

ถึงกับต้องออกสโลแกนใหม่ว่า

..."วูบหนึ่งก็เสียวแล้ว.."
อาศัยบารมี


โดย: ลุงแว่น IP: 125.26.87.26 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:6:55:09 น.  

 
นึกว่าคุณIMเป็นนักบินซะอีกค่ะ....แหะๆ


โดย: popang (popang ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:9:33:07 น.  

 
ยอมรับนะคะว่าเพิ่งเคยเห็นโลโก้การบินไทยรุ่นแรกๆ
ออกจะคล้ายโนราห์มากกว่ารำไทยนะคะ

เอ....จะต้องเดาอายุคุณ IM ไหมคะเนี่ยถ้าทันขึ้นรุ่นแรกๆแบบนั้น

ขอบคุณค่ะที่ไปเป็นกำลังใจให้สำหรับงานเขียนหนังสือ
คนเขียนหนังสืออยู่ได้ก็เพราะกำลังใจเล็กๆน้อยจากคนอ่านและคนรอบข้างเช่นนี้แหละค่ะ


โดย: ปลายแปรง วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:10:10:53 น.  

 
มาอ่านแล้วค่ะ

อ่านจบแล้ว...

แต่เด๋วค่อยมาเมนต์นะคะ...งานเข้าาาา


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:11:05:08 น.  

 
+ โทษทีครับพี่ IM ช่วงนี้ชีวิตผมยุ่งเหยิงมากมาย เลยไม่สามารถมาเยี่ยมเยียนพี่ได้บ่อยนัก ท่าทางจะผ่านไปหลายหน้าแล้วมังครับเนี่ย

+ โห! พี่เล่าซะจนผมจิ้นตามแล้วเสียวแทนเลยอ่ะครับ เรื่องเครื่องบินที่เอาลงสนามบินไม่ได้อ่า แถมได้ทันนั่งเครื่องชอร์ทด้วยวุ้ย


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:14:50:51 น.  

 
อ่านประสบการณ์การเดินทางของผู้เขียนแล้ว

ก็ยังเดาอายุคุณ IM ไม่ถูกเลยค่ะ

หุ หุ





โดย: หยุ่ยยุ้ย IP: 58.9.26.236 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:20:19:41 น.  

 
เดี๋ยวกลับมาอ่านค่ะ

ไปดูหลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:20:43:44 น.  

 
ปี2523 เดี๊ยนเคยนั่งเครื่องแอฟโร่
จากหาดใหญ่ไปภูเก็ต ใช้เวลาประมาณสองชม. เสียงเครื่องดังมาก ร้อนอีกต่างหาก ทำให้เมาเครื่องบินเกือบแย่ค่ะ เลยไม่ได้ชมวิว

นั่งเครื่องบินครั้งแรก อายุ 17 เอง เครื่องอะไรไม่ใช่จะรู้เรื่องหรอกค่ะ นั่งแค่สิบห้านาที

ตอนนั้นพี่ชาย (ลูกคุณลุง) จะขอสาวค่ะ คุณลุงเลยให้เดี๊ยนไปเป็นเพื่อน ก็เลยได้ค่าจ้างนั่งเครื่องบิน

นั่งจากสนามบินปัตตานี ไปหาดใหญ่ค่ะ
ก้นยังไม่ทันร้อนถึงซะแล้วค่ะ

เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากในคราวนั้นจำได้ดีค่ะ
ตอนคอยขึ้นเครื่องที่สนามบินปัตตานี
พอเครื่องลง ก้มีแหม่มสาวเดินลงจากเครื่อง
หลังจากนั้นก็วิ่งไปกอดกะแฟนทั้งกอดทั้งจูบเลยค่ะ

อันนี้เป็นของแถมนอกเหนือจากการได้นั่งเครื่องบิน
ครั้งแรกในชีวิตของเดี๊ยนค่ะ




โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:21:19:41 น.  

 
เห็นรูปโฆษณาแล้ว คลาสสิกจริงๆค่ะ
แต่อ่าน quote สีน้ำเงินแล้วแอบอมยิ้มบอกตัวเองว่า
มั่นใจแบบเนียนๆนี่ ก็ช่วยให้คนอื่นมั่นใจไปด้วยเหมือนกันนะคะ

เป็นพวกความรู้สึกช้าค่ะ
เคยนั่งเครื่องบินตกหลุมอากาศอย่างกับนั่งรถบรรทุกหลายเที่ยวอยู่ ก็ยังคิดว่าธรรมดาของสภาพภูมิอากาศแถบนั้น
ไม่เป็นไร เดาไม่ถูกว่าเมื่อไหร่จะวูบอีก ก็เลยเฉยๆค่ะ

แต่เวลาลงนี่กลับเป็นเวลาที่ลุ้นที่สุด
กัปตันคนไหนทำล้อกระแทกพื้นกึง กึง กึง เนี่ย เราจะคิ้วขมวดทันที
เคยไถลบนรันเวย์ตอนฝนตกอยู่สองหน ความรู้สึกจะหวิวเลยค่ะ
เหมือนขับรถเร็วๆแล้วแฉลบ

แต่ที่คาใจไม่หายก็การบินไทยขาดทุนได้ขาดทุนดีนี่แหละค่ะ
หลังๆเริ่มรู้สึกว่า อาหาร เครื่องดื่ม ไม่น่าสนใจเลย
ยิ่งเที่ยวบินที่ไม่ตรงกับมื้ออาหารนี่ ...ไม่ไหว

เคยกลับจากขอนแก่นตอนบ่าย เจอของว่างกับเครื่องดื่มนี่ถึงกับอึ้งไปสามวินาที
เป็นกล้วยฉาบถุงเล็ก 3-4 ชิ้น กับน้ำลำไย
เอ่อ...คือว่า รถทัวร์ต่างจังหวัดยังมีอะไรให้กินเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่านี้เลยค่ะ

อีกครั้งหนึ่ง น่าจะมาจากหาดใหญ่ เที่ยวเย็น
อาหารเป็นเส้นหมี่ลวก มีไก่ฉีกโรยหน้ามา พร้อมถ้วยน้ำจิ้มไก่แม่ประนอม
พอดีไม่สบายเป็นไข้หวัด ก็เลยปวดหูจนกินไม่ลง
เลยเอามาฝากน้องชายแทน กินเสร็จ ได้รับคำตอบว่า
"ผมว่า ชายสี่หมี่เกี๊ยวยังเข้าท่ากว่าเลยครับ"


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:21:42:58 น.  

 
คิดว่าคุ้น ๆ ชื่อของบริษัทการบินทั้งสาม แต่นานเต็มทีค่ะ ฟังประสบการณ์นั่งเรือบินแล้วหวาดเสียว ดีที่นักบินเก่ง เอาเครื่องลงได้เรียบร้อย

อ่านบล๊อคนี้แล้วคิดถึงการบินไทย ทั้งที่ตะก่อนก็เป็นบริษัทการบินอันดับต้น ๆ ของโลก แต่น่าเสียดายที่กลายเป็นอดีตไปแล้ว


โดย: haiku วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:27:17 น.  

 

เข้ามาอ่านประวัติ"การบินไทย"
ใบปิดโฆษณา"แอร์ไทย" สวยจังนะคะ
อยากนั่งเครื่องบิน Short จัง
บินเรื่ยๆน้ำอย่างนี้ถึงตกก้ไม่กลัว อิ อิ..ล้อเล่นนะคะ
(ขอภัย..มา ณ โอกาศนี้)



อย่าลืมดูแลตัวเองใช้"ผ้าปิดจมูกและปาก"
เมื่ออยู่ในที่ปิดหรือในที่ชุมชนนะคะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:23:42:54 น.  

 


หวัดดีวันเสาร์ค่ะ คุณอิม
คิดถึงค่ะ แต่ งานตรึมเลยไม่ได้เข้ามาคุยเลยอ่ะค่ะ
ตอนมินโตแล้ว พ่อก็เล่าให้ฟังว่า
พี่เขย(สามีของป้า) เป็นผู้บริหารของแพนแอม
ตอนที่แพนแอมมาบริหารบ.เดินอากาศไทยสมัยนั้น หรือไงซักอย่างอ่ะค่ะ
แต่ ภายหลังก็อพยพครอบครัวไปอยู่ที่เดนมาร์ค
จนเดี๋ยวนี้ผ่านไป 40 กว่าปี ไม่ได้กลับมาเลย
และคุณป้าก็เสียชีวิตที่ต่างประเทศโน่น
ลูก ๆ ของเขาก็พูดไทยไม่ได้ แต่ ตอนที่คุณพ่อมินเสีย
เมื่อปี 47 ก็มาที่เมืองไทยครั้งนึง เป็นครั้งแรกด้วยค่ะ
ปล.มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:9:03:10 น.  

 
ได้รับความรู้ทางประวัติศาสตร์ เคยได้ยินชื่อ บดท.บ้าง แต่ลืมเลือนไปเลยค่ะ

แถมยังได้ความรู้งานเขียนของคึกฤทธิ์อีก ได้เห็นรูปภาพเก่า ๆ ชอบจังค่ะ


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:11:20:52 น.  

 
"ผมยังทันได้ใช้บริการบริษัทเดินอากาศไทย เที่ยบบินที่ประทับใจ มักจะเป็นเที่ยวบินสั้นๆ อย่างเครื่องบิน ชอร์ท 330 เป็นการบินต่อจากสนามบินใหญ่ๆ ที่เป็นศูนย์กลางของภาคนั้นๆไปยังสนามบินเล็กๆ เครื่องบินบินไม่สูงมาก มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนอยู่เบื้องล่างได้ชัดเจน ที่จริงรู้สึกเสียวๆ ไม่ใช่น้อย ได้แต่คิดปลอบใจว่า มันเป็นเครื่องบินใบพัด หากเครื่องยนต์ขัดข้อง ใบพัดไม่ทำงาน ก็ยังถลาลม นำเครื่องลงจอดได้ถ้ามีที่ว่างพอ"

คุณอิมคิดเหมือนผมเลย ตอนที่สนามบินชุมพรเปิดบินอยู่ราว ๓ ปี ช่วงแรกเครื่องบินของบริษัทบุญรอดฯ แต่ไปไม่รอด ไม่มีคนโดยสารเลยเลิก เหตุว่า คนเขาว่าเครื่องบินเล็ก ๒๐ กว่าที่นั่งไม่ปลอดภัย

๒ ปีต่อมาเปลี่ยนเป็นของบริษัทแอร์อันดามัน คราวนี้ใหญ่ขึ้นมี๔๐ ที่นั่ง ลุงสงสารกลัวเขาจะเจ๊งอีก พอดีมีธุระด่วนในกทม. จึงขับรถเก๋งไปฝากยามที่สนามบิน(ยามเป็นลูกศิษย์เคยสอน) แล้วตีตั๋วไปกลับมา กทม. เที่ยวมามีฝรั่งและญี่ปุ่นรวมไทยด้วยสามสิบกว่าคน แต่ไปคนไทยแค่สี่คนรวมทั้งลุง ที่บริษัทมีกราวน์โฮตคนหนึ่งรู้จากยามลูกศิษย์ลุงว่า ลุงเป็นนักเขียน มาขอสมัครเป็นศิษย์ บอกว่าวัน ๆ ว่างมากอยากเขียนหนังสือ และอันว่าพนักงานการบินนั้นล้วนสวย ๆ ทั้งสิ้นโห$... เกือบ ๆ จะได้ศิษย์การเขียนเป็นพนักงานบริการการบิน

ลุงบอกไปว่าเดี๋ยวผมกลับก็ไปหาที่บ้านได้นะ

แต่ทว่าพอลุงกลับมาได้ ๓ วัน(ลุงไปอยู่ กทม.๓ วัน) พนักงานคนนั้น(คนสวย)บอกว่าเสียดายจังลุง บริษัทยกเลิกการบินเสียแล้ว ทนขาดทุนต่อไปไม่ไหว ที่ลุงนั่งนี่เกือบสุดท้าย คือบินอีก ๓ เที่ยวก็เลิก

แต่ที่จะบอกคือ ตอนหลังลุงไปทำธุระที่สุราษฎร์ ลูกสาวอยู่ที่นั่น ลุงเอารถเก๋งไปฝากไว้แล้วมาทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยถือโอกาสพาหลานและภรรยา นั่งเครื่องใหญ่สุราษฎร์-กรุงเทพฯ

จากการเปรียบเทียบ ๑ บริการในเครื่องบินใหญ่กับบินเล็กต่างกันมาก ในเครื่องบินเล็กขากลับลุงนั่งคุยกับแอร์ และให้ฝรั่งช่วยถ่ายรูปคู่ให้

๒ เครื่องบินใหญ่ขึ้นลงไม่นิ่ม แอร์ร้อน พอดีเป็นตอนเที่ยงจากสุราษฎร์ คนแน่นนั่งไม่สบาย ความสบายของเครื่องบินแอร์อันดา เหมือนนั่งเก๋งราคาแพง ขึ้นลงเรียบลื่นไม่รู้ตัว แต่เครื่องบินใหญ่ขาขึ้นกระชาก ขาลงกระแทกนิด ๆ

ตอนนี้ลุงภาวนาอยากจะให้สนามบินชุมพรเปิดและมีเครื่องแบบแอร์อันดามาบินอีก จะพาลูกเมียนั่งเครื่องเล่น เพราะถ้าตกคือเครื่องใบพัดร่อนลงเองได้ เอ๊ะแล้วเจ้าไอพ่นนี่ร่อนไม่ได้หรือครับ


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:14:57:33 น.  

 


มาชวนไปพบกับหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นที่ไม่ง่ายอย่างที่ใครคิด

อะไรคือ...หมูตัวเดียว!

ที่ไม่ใช่ไส้กรอก และไม่ใช่เรื่องหมู ๆ อย่างที่ใครคิด

ลองมาอ่านดู แล้วจะรู้ว่าเป็นยังไง....



โดย: ลุงแว่น วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:15:19:48 น.  

 
ได้รับความรู้ขึ้นเยอะเลยค่ะ
ประสบการณ์กับเครื่องบินไม่ค่อยน่าตื่นเต้นอะไรเลยค่ะ(ซึ่งก็ดีแล้วนะคะ) เคยแต่นั่งนาน ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ อยากถึงไว ๆ
แต่คนยุคแรก ๆ ที่นั่งเครื่องก็คงมีลุ้นดี ภาพเก่าสวยดีนะคะ


โดย: อันต้า วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:17:24:47 น.  

 
คุณ IM หลังไมค์ด้วยนะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:19:19:55 น.  

 
เห็นเครื่องบินแอฟโรนั่งพิจารณาอยู่นาน ขอบคุณมากค่ะ
ทำให้นึกถึงสมัยเป็นนักเรียน นั่งเครื่องเล็กๆคล้ายกันจากเมืองใหญ่ไปต่างจังหวัดในรัฐทางตะวันออก

เครื่องเล็กเเละนั่งติดกัน ทางเดินไม่มี ฝรั่งตัวโตๆทั้งนั้น เครืองเอนไปเอนมา เเละสั่นให้เป็นของเเถม
กลัวสุด ตั้งเเต่นั้นไม่กล้าขึ้น ขอใช้โดยสารทางรถบัสค่ะ

ได้ชมเครื่องบินสมัยต่างๆ ขอบคุณมากค่ะ ถ้าจะบอกว่าเป็นทหารนักบินก็เชื่อค่ะ



โดย: ..ยูกะ.. (YUCCA ) วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:1:32:02 น.  

 
อั๊พบล๊อกแล้วค่ะ

มีแจกันอายุมากให้ชมด้วยค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:21:43:47 น.  

 

Pas by to say good night..ค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:22:29:20 น.  

 
สวัสดีครับ คุณ IM
รูปเก่าๆ ดูคลาสสิคดีจังครับ อย่างสัญลักษณ์การบินไทยสมัยก่อน พูดถึงการบินไทย ปัจจุบัน ผมก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน บางคนบริการดีเฉพาะฝรั่ง เห็นคนไทยทำหน้าตาดูถูก แต่บางอย่างก็ยอมรับว่าดีอย่างอาหารอร่อยและที่นั่งสบาย
ชอบข้อเขียนของอาจารย์คึกฤทธิ์ ครับ ดูทันสมัยดีจัง


โดย: dj booboo วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:1:19:24 น.  

 
เมื่อก่อนสมัยเด็กๆจะชอบการบินไทยมาก

รู็สึกว่าเป็นหน้าเป็นตาแก่ประเทศชาติ...

พักหลังมีแต่ข่าวทางลบ

ตัวเองขึ้นการบินไทย ก็ไม่เคยประทับใจเลย เจอแต่แอร์หยิ่งๆ

น่าเสียดายที่คนรุ่นก่อนเขาทำไว้ดีมากนะคะ


ป.ล.ไม่สบายไปสองสามวันค่ะ



โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:13:29:55 น.  

 
โอ้... เกือบตกเครื่องบิน..

เห็นตรารำไทยแล้วนึกถึงภาพเขียนโบราณสีแดงที่ผนังถ้ำติ่งหลวงพระบางครับ


ผมว่าเครื่องบินเป็นพาหนะที่น่าพิศวง ปนหวาดเสียวที่สุด มันทำด้วยเหล็กแต่ดันบินขึ้นไปบนฟ้าได้...


โดย: bite25 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:17:27:49 น.  

 
Days Pictures Upload Photos View Photos

หวัดดียามเย็นวันจันทร์ค่ะ คุณอิม
มีความสุขมาก ๆ และ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:18:17:53 น.  

 



ดีจังเลยค่ะได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย
ชุดแอร์สมัยก่อนสวยดีนะคะ

พูดถึงนั่งเครื่องบิน
ปูมีประสบการณ์น่าหวาดเสียวตอนไปแม่ฮ่องสอน
เพราะหุบเขาเยอะมาก แล้วสนามบินก็เล็กจังค่ะ
แล้วที่หวาดเสียวอีกก็ตอนนั่งไปเกาะสมุย
ลมมานแรงจริงๆ



โดย: Fullgold วันที่: 11 สิงหาคม 2552 เวลา:9:42:41 น.  

 
ความรู้เพียบเช่นเคย..ขอบคุณมากๆค่ะคุณอิม


โดย: Why England วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:23:40:52 น.  

 
ผมเคยทำงานที่สนามบิน (เป็นแค่คนขับรถในลานจอด)
เจ้าแอฟโร่ใช่ตัวเดียวกับ ys-11 หรือเป่ลา


โดย: น้าทอม IP: 110.164.135.112 วันที่: 28 ตุลาคม 2552 เวลา:15:13:12 น.  

 
ไม่มั่นใจครับว่าเป็นเจ้าแอฟโร่ตัวเดียวกับ ys-11


โดย: Insignia_Museum วันที่: 28 ตุลาคม 2552 เวลา:22:55:41 น.  

 
ดูภาพโฆษณาเก่าๆ
เท่มากเลยนะครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:03:50 น.  

 
YS-11 มีขนาดใหญ่กว่าแอฟโร่ครับ เดิมญี่ปุ่นผลิตใช้สำหรับสายการบินภายในประเทศของเขา รวมถึงมีรุ่นใช้เป็นเครื่องบินลาดตระเวณปราบเรือดำน้ำด้วยครับ
โลโก้ของเดินอากาศไทยเป็นสัญญลักษณ์รูปดอกบัวตูม ตอนเอาเครื่อง Boeing 737 มาให้บริการมีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า Little Giant ครับ


โดย: Rotorwing IP: 27.116.62.16 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:09:38 น.  

 
สายการบินโบราณ


โดย: พลชา IP: 119.46.90.102 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:14:04:10 น.  

 
มีตั้งแต่ผมไม่เกิด


โดย: พลชา IP: 119.46.90.103 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:14:05:52 น.  

 

มีชื่อรุ่นหลายแบบ


โดย: พลชา IP: 119.46.90.100 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:14:07:19 น.  

 
เท่จริงๆ


โดย: พลชา IP: 119.46.90.102 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:14:07:59 น.  

 
ใครรู้ชื่อปา้ยทะเบียนเครื่องบินครับ


โดย: พลชา IP: 119.46.90.103 วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:14:09:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.