ข่า...ที่ไม่ใช่คน
ต้มยำกุ้งอาหารไทยดังไปทั่วโลก ใครๆก็อยากลิ้มรส ในรสน้ำแกง ข่าน่าจะเป็นตัวชูรสชั้นดี มันทำหน้าที่คล้ายกับผู้ปิดทองหลังพระ ในต้มยำกุ้งเราจะเห็นแผ่นบางๆของผักชนิดหนึ่ง แต่ไม่เคยเห็นใครกินมัน ที่บ้านสวนของเรา แม้จะปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อขายในแปลงขนาดใหญ่แล้ว จะกันพื้นที่เล็กๆแค่แมวดิ้นตายไว้ปลูกผักสวนครัว ผักสวนครัวที่ปลูกกันประจำก็มี โหระพา พริกขี้หนู ตระไคร้ มะกรูด และที่ขาดไม่ได้คือต้นข่า ข่าปลูกง่ายมาก เพียงใช้แง่งข่าแก่จิ้มส่วนหัวลงไปในดิน รดน้ำพอประมาณ ข่าไม่ชอบน้ำที่ชุ่มมากเกินไป แค่นี้ก็แตกใบออกช่อกันพรึบพรับ แตกหน่อขยายกอกันมากมาย จะว่าไปแล้ว ข่าเป็นเครื่องเทศที่สนองกิเลสของมนุษย์ในการลิ้มรสและกลิ่นอย่างสมบูรณ์ เราใช้ข่าแต่งกลิ่นอาหารและดับกลิ่นคาวพวกเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ต้มยำกุ้ง ข้าวต้มปลา ต้มข่าไก่ เป็นส่วนผสมในน้ำพริกเครื่องแกงต่างๆ นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนผสมของลูกแป้งที่ใช้ทำข้าวหมากและเหล้า ข่าเป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ ๑.๕ ถึง ๒ เมตร เหง้าใต้ดินเป็นข้อและปล้อง ใบเดี่ยว เรียงสลับกันเป็นรูปใบหอก กว้าง ๖ ถึง ๙ เซ็นติเมตร ยาว ๒๐ ถึง ๔๐ เซ็นติเมตร ดอกสีขาวครีมอมเขียว ออกเป็นช่อตั้ง ยาวได้ถึง ๒๕ เซ็นติเมตร ข่าพบได้ใน อินเดีย พม่า ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ น่าดีใจที่ว่า ข่าไม่มีแมลงรบกวน กินได้อย่างสบายใจไม่กลัวสารเคมีตกค้าง การอยู่ใกล้ชิดกับข่าทุกวี่ทุกวันของคนในชบบท ข่าจึงเป็นตัวประกอบทางยาหลายขนาน ที่หยิบง่าย ใช้ทัน ลองมาดูกันว่าเขาใช้ข่าทำอะไรได้บ้าง ๑. ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องเดิน โดยนำเหง้าสดมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำปูนใส ทานครั้งละประมาณครึ่งแก้ว ๒. ช่วยลดอาการปวดฟัน โดยนำเหง้าสดมาตำ ผสมเกลือลงไปเล็กน้อย ใช้อุดฟัน หรือจะอมไว้ก็ได้ ๓. ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ โดยใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาว ทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆจนกว่าจะดีขึ้น ๔. ลดอาการไอ โดยนำข่ามาทุป ฝานบางๆ บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย เติมน้ำตาล แล้วใช้อม เคี้ยว หรือกลืนเลยก็ได้ ๕. ลดอาการบวมช้ำ โดยใช้หัวข่าแก่ ทุบแล้วทาบริเวณที่บวมช้ำ เช้า-เย็น ๖. ใช้เหง้าสดนำมาตำให้ละเอียด นำไปวางเพื่อไล่แมลง จากกลิ่นของน้ำมันหอมระเหย แล้วผลดีต่อสุขภาพมีอะไรบ้าง พบว่า เหง้าอ่อน ๑๐๐ กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย ๒๐ กิโลแคลอรี่ มีเส้นใย ๑.๑ กรัม แคลเซียม ๕ มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส ๒๗ มิลลิกรัม เหล็ก ๐.๑ มิลลิกรัม วิตามิน B1 ๐.๑๓ มิลลิกรัม วิตามิน B2 ๐.๑๕ กรัม และวิตามิน C ๒๓ มิลลิกรัม มีฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารได้ มีน้ำมันหอมระเหยช่วยขับลม ลดการอักเสบ ช่วยยับยั้งแผลในกระเพราะอาหาร ยังพบอีกว่า สารสกัดบางตัวของข่า สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราได้ด้วย เมื่อพื้นที่การเกษตรหรือป่าเริ่มน้อยลง ต้นข่าก็ลดลงไปด้วย การหาข่าจากธรรมชาติจึงไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อน เดี๋ยวนี้จึงมีการปลูกเพื่อขายกันแล้ว ในดินปนทรายจะเหมาะมาก ใช้ขุดหลุมปลูกด้วยจอบ หรือถ้ามีทุนมากหน่อย ใช้รถแบคโฮกันเลย ขุดดินลึกถึง ๑ เมตรแล้วกระจายดินไปทั่วๆทั้งแปลง เพื่อให้ดินโปร่งและร่วนซุย แล้วขุดหลุมลึกราว ๑๐ คูณ ๑๐ เซ็นติเมตร ลึก ๑๐ เซ็นติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกรองไว้ก้นหลุม หัวที่ใช้ปลูกต้องไม่แก่จัด ระหว่างต้นให้ห่างกัน ๑ เมตร รอเวลา ๖ เดือนก็ได้กิน ขายเป็นข่าอ่อน ปลูกครั้งหนึ่งเก็บกินเก็บขายได้นานถึง ๑๐ ปี แหล่งปลูกข่าที่ขึ้นชื่อขณะนี้คือจังหวัดอุบลราชธานี ชาวบ้านที่นั่นมีรายได้เป็นกอบเป็นกำทีเดียว หัววาซิบิ กินดอกข่ากับอาหารมื้อค่ำก็ไม่เลว ใช้มือรูดดอกเล็กๆออกจากก้าน กินกับแกงเผ็ด หรือน้ำพริกเพิ่มความเผ็ดซาบซ่าไปทั้งปาก รสชาติร้อนแรง น้ำหูน้ำตาแทบไหล น้องๆ " วาซาบิ" นั่นเทียว โหวตหมวด Diarist ขอบคุณครับ
Create Date : 24 เมษายน 2555 |
|
19 comments |
Last Update : 29 เมษายน 2555 12:47:10 น. |
Counter : 5307 Pageviews. |
|
|
|
พึ่งเคยเห็นดอกข่า สวยดีเน้อ
ที่บ้านเคยปลูกแต่มันแตกหน่อเยอะรกมาก เลยขุดทิ้ง
อากาศร้อนมากๆ มีไอติมมาฝากค่ะ
โหวตให้ค่ะ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น