...โปรดติดตามตอนต่อไป...(บทที่ 1):::ยาวิเศษ:::
ด้วยความที่เป็นคนเรียบเรียงเรื่องไม่ค่อยเก่ง พอเริ่มจะเขียนก็เริ่มอีกแระ คิดวกวนไปมา เหมือนเวลาไหว้พระไหว้เจ้าแล้วขอพรกับพระในใจ ขอไปขอมาต้องบอกกับพระกับเจ้าว่าขอเริ่มใหม่อีกรอบนะคะ ลูกงงไปหมดแล้ว เริ่มแล้วไม่รู้จะจบยังไง คิดว่าหลาย ๆ คนต้องเคยเป็นกันมั่งหล่ะ ตอนหลังเลยไม่เอาล่ะ ขอแบบสรุปทีเดียวไปเลยดีกว่า ว่าขอให้ลูกคิดอะไรก็สมความปรารถนาทุกประการด้วยเถิด ซ้าธุ (ว่าไปนั่น)
จริง ๆ เคยคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากเขียนไดอารี่ส่วนตัวของตัวเอง จะได้เก็บเอาไว้อ่าน เกิดวันนึงพลั้งพลาดตกกระไดหัวฟาดพื้นความจำเลอะเลือน หรือเป็นอัลไซเมอร์ก่อนวัยอันควร เวลากลับมาอ่านจะได้เตือนความจำว่า ชีวิตตรูมันเคยรันทดเป็นพี่พจมาน ณ บ้านทรายทองขนาดนี้เลยเหรอวะ อีกอย่างเพื่อน ๆ ที่เคยอ่านบล็อกก่อน ๆ อาจจะคิดว่าทำไมอีนี่ชีวิตมันโรยด้วยกลีบกุหลาบขนาดนี้วะ คนอาไร้ ฮ่าฮ่าอย่า อย่าเพิ่งอิจฉา อันนั้นน่ะมันด้านสว่าง (ภาคพิศดาร) ส่วนอันที่เป็นด้านมืดของดั๊นที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้ จะปรากฎมา ณ บัดนาว ก็ที่บล็อกนี้นี่แหละ ว่าชีวิตคน ๆ นึงกว่าจะผ่านเรื่องร้าย ๆ มาลั้นลา ณ แคนาดาอย่างงี้ได้ ดั๊นก็เจ็บมาเยอะ ปวดมาแยะ เป็นธรรมดาเหมือนกับคนทั่ว ๆ ไป ชีวิตต้องมีขวากหนามบ้าง อะไรบ้าง บล็อกนี้ก็หวังใจว่าคนที่กำลังท้อ หมดหวังกับชีวิต ได้อ่านเรื่องราวของเราแล้วจะช่วยให้มีกำลังใจขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย (นะจ๊ะ) อย่างที่เค้าบอกแหละ หลังฝนตกฟ้าย่อมจะสดใสเสมอ...
เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตเรา ถ้าจะใช้คำว่าหน้ามือเป็นหลังมือนั่นยังน้อยไป ขอแบบหน้ามือเป็นหลังทีน อืม..ม แบบนี้น่าจะเหมาะกว่าวุ้ย
...เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้น...
...เพียงแค่วันเดียว...
...ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตเราจนถึงเจ็ดปีถัดมาจนถึงวันนี้...
...วันนั้น...
...อืม...ม...คืนที่เราได้รับข่าวร้ายระหว่างที่เรากำลังพาลูก ๆ ไปพักผ่อนต่างจังหวัดช่วงปิดเทอม...
...ความรู้สึกในวันนั้นเหมือนโลกทั้งโลกกำลังถล่มลงไปต่อหน้าต่อตา อยากจะคิดแค่ว่ามันเป็นฝันร้าย...
...อยากจะคิดว่าใครบางคนล้อเราเล่นอยู่หรือเปล่า...
...แต่นั่นแหละใครมันจะบ้ามานั่งล้อเล่นกับความเป็นความตายของคน ๆ นึง...
~**~...มันไม่ตลกเลยแม้แต่นิดเดียว...~**~
...เรื่องราวหลาย ๆ อย่างเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกที่เค้าจากไป...
...เราจะทำยังไงกับชีวิต...เรา...ชีวิต...ลูก...ของเรา...
...แค่จะลืมตามายอมรับความจริง...ก็ยากแสนสาหัสกับคนที่เคยเป็นแต่ไข่ในหิน...อย่างเราแล้ว
...ประสาอะไร...
...กับการจัดการกับชีวิตตัวเอง...ชีวิตน้อย ๆ อีกสามชีวิต...
...ไหนจะคนรอบข้าง...ไหนจะลูกน้อง...ไหนจะธุรกิจอีก...
...จะทำยังไง...
...สิ่งที่ทำได้ ณ ขณะนั้น...
...กลับจากทำงาน...วิ่งขึ้นมาบนบ้าน...ร้องห่มร้องไห้...กับเถ้ากระดูก...
...ตัดพ้อต่อว่า......ทำแบบนี้กับเราได้ยังไง...
...ไหนล่ะสัญญา...ว่าจะไม่ทิ้งกัน...ไหนล่ะ...ที่บอกว่าไม่มีทางตายง่าย ๆ...
...แล้วดูสิ...มาทิ้งกันไปแบบนี้...
...คนเห็นแก่ตัว...(จริง ๆ แล้วเราเองนี่แหละที่เห็นแก่ตัว)
...ถ้าไม่มีลูก...ก็ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง...
...พี่ไป...เราก็ตาม...ไปด้วยกันทั้งคู่...
...แต่...
...มันไม่ง่ายแบบนั้นไง...คนอยู่ต้องอยู่แบบทรมาน...
...หลาย ๆ อย่างถาโถมเข้ามาไม่หยุด...
...ปัญหามีมาให้เครียดทุกวัน...
...คนมากมาย...ผ่านเข้ามา...
...เอาเปรียบ (ข้อนี้ติดอันดับท็อปเท็น)...
...ทวงบุญคุณ (ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีบุญคุณต่อกัน)...
...พวกเขี้ยวลากดิน... ฯลฯ
...เหมือนตัวเองถูกถีบให้ขึ้นไปยืนเก้ ๆ กัง ๆ บนเวทีมวย...
...แล้วโดนต่อยแบบไม่ยั้ง...ป้องกันตัวเองก็ไม่เป็น...
#@##!!!...เจ็บหว่ะ...!!!##@#
...ตอนนั้น...
...ยาวิเศษที่มาช่วยรักษาเราได้ดีที่สุด...
...คือ...
...ลูกทั้ง 3 คนนี่แหละ...
...จำได้ว่า มีอยู่วันนึง...
...ขับรถส่งลูกไปโรงเรียนตอนเช้า...
...บอกกับลูกว่า...วันนี้แม่ไม่ไหวแล้ว...
...ขอแม่ร้องไห้หน่อยนะ...แม่เหนื่อย...ท้อเหลือเกิน...
...ลูก ๆ เงียบ...
>
>
> ...แล้วอยู่ ๆ ลูกสาวก็เริ่มร้องเพลงจำได้ว่ามาจากหนังการ์ตูน...
...ลูกอีก 2 คนเริ่มร้องประสานเสียงกัน...
...เนื้อเพลง...
"โดด ๆ โดดแล้วก็โดด...ขึ้นไปให้สูงสุดฟ้า" (เนื้อเพลงประมาณนี้แหละ)
...บลา...บลา...บลา...(จำไม่ได้แล้วเนื้อเพลงมันยาวมากบวกกับตอนนั้นหูอื้อไปหมด)
...เรา...หัวเราะทั้งน้ำตา...หายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่...
...บอกกับตัวเองว่า..."มาเหอะ อะไรก็ได้"
...ตั้งแต่วันนี้ไป...
"ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว"
Create Date : 27 มิถุนายน 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 27 มิถุนายน 2553 19:51:04 น. |
Counter : 451 Pageviews. |
|
|
|