ชนะคนอื่นเป็นร้อย ยังไม่ยากเท่าชนะตนแค่คนเดียว...
ความหมกมุ่นในตนเองและความทุกข์

นพ.มาโนช หล่อตระกูล

    คนที่ตกอยู่ในความทุกข์มักจะเป็นพวกที่ใส่ใจอยู่แต่เรื่องของตนเอง คิดถึงแต่สิ่งที่ตัวเองจะได้รับ เขามักจะมองการกระทำของคนอื่นในแง่ว่าจะมีผลอย่างไรต่อตนเองบ้าง ความหมกมุ่นอยู่กับตนเองนี้ยังส่งผลไปถึงการรับรู้จากโลกภายนอกด้วย
    วิชัยเป็นคนที่มองดูทั่วๆ ไปไม่แตกต่างไปจากผู้ชายคนอื่น แต่ทุกครั้งที่เขาขึ้นรถเมล์ หรืออยู่ในห้างสรรพสินค้า เขาจะรู้สึกว่าคนอื่นๆ คอยชำเลืองมองหรือซุบซิบนินทา ในขณะที่เพื่อนที่ไปด้วยไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างที่เขาคิด เมื่อมองลึกไปถึงในด้านจิตใจพบว่าเกิดจากการที่วิชัยมารู้ว่าตนเองชอบเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่เขายอมรับไม่ได้ รู้สึกละอายต่อสิ่งนี้ แต่ก็ไม่สามารถเลิกความคิดนี้ได้ มีแต่ความหมกมุ่นอยู่กับความขัดแย้งที่มีอยู่ในใจนี้ตลอดจนคิดไปว่าคนอื่นๆ จะมองเขาเหมือนกับที่เขามองตัวเอง ที่จะเน้นในที่นี้คือ สิ่งที่เป็นปัญหานั้นมิได้อยู่ที่การเป็นเกย์ หากอยู่ที่การหมกมุ่นในตนเองอยู่ตลอดเวลา
    มีบางคนพยายามหลอกตนเอง โดยคิดว่าหากการเสียสละนั้นนำมาซึ่งความสุข เขาก็จะอุทิศตนเองช่วยเหลือผู้อื่น โดยการเป็นอาสาสมัครบ้าง ร่วมกิจกรรมการกุศลบ้าง อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์ของเขาคือเพื่อที่จะทำให้ตนเองมีความสุขเท่าที่จะทำได้ ซึ่งเขาจะคอยคำนึงถึงแต่สิ่งนี้อยู่ตลอด เช่น ตอนนี้เรามีความสุขมากกว่าเมื่อก่อนไหม ระหว่างดูหนังกับไปสมาคมอย่างไหนจะให้ความสุขมากกว่ากัน กิจกรรมต่างๆ ล้วนมีจุดมุ่งหมายที่เข้าหาตนเอง อันไม่สามารถทำให้เขาพบกับความสุขที่แท้จริง
    ในตอนเช้า ขณะที่เด็กๆ รีบวิ่งเข้าโรงเรียน มีเด็กคนหนึ่งทำกระเป๋าหล่นหนังสือกระจัดกระจาย คนที่อยู่ใกล้เข้าช่วยเก็บ ในขณะที่สมชายเดินผ่านเฉย เขาคงจะเป็นคนที่ไม่เคยพบกับความสุขที่แท้จริงเลยในชีวิต เพราะเขาได้ทำให้จิตใจตัวเองด้านชา ปราศจากความรู้สึก
    บางคนคิดว่า สมชายอาจจะต้องคิดให้รอบคอบก่อนจะทำอะไรลงไป แต่สภาพ เป็นจริงในขณะนั้นคือ “เขาไม่จำเป็นต้องคิด” การช่วยเหลือผู้อื่นจะช่วยเปลี่ยนความใส่ใจของเราไปสู่โลกภายนอก แทนที่จะคำนึงถึงตัวเองอยู่ถ่ายเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่สมชายจำเป็นต้องฝึก การกระทำจะเปลี่ยนทัศนคติที่มีได้ การช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้ความทุกข์ในตนเองเบาบางลง
    จุดมุ่งหมายของการอยู่อย่างสร้างสรรค์ มิได้เพียงแต่ตระหนักถึงผู้อื่นเท่านั้น ยังรวมถึง การมีจิตใจที่ตื่น มีสติตามรู้อยู่กับปัจจุบันทุกๆ ขณะ หากหมกมุ่นอยู่กับความคิด ความกังวลของตนเอง เราก็จะขาดการรับรู้ต่อเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ไม่สามารถพิจารณาเห็นมันได้ตามสภาพเป็นจริง
    คนที่ตระหนักถึงความทุกข์ รู้ถึงความทุกข์ที่ตนเองมี ย่อมจะมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองไปได้มากกว่าคนที่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ พระพุทธเจ้าสามารถผ่านข้ามพ้นความทุกข์ เนื่องจากท่านตระหนักถึงความทุกข์ที่มีในคนเรา อันเกิดจากความไม่แน่นอนในชีวิตที่หลงไปยึดถือ

การอยู่กับสภาพเป็นจริง
    มีผู้กล่าวถึงความหมายของสภาพเป็นจริงว่า “คือการเห็นว่าดอกไม้นั้นสีแดง ใบไม้นั้นสีเขียว การเข้าถึงสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ยากเลย” นั่นก็คือเมื่อเห็นดอกไม้ ก็แค่รับรู้อย่างที่เห็นไม่มีความคิดไปแยกแยะ เปรียบเทียบกับดอกอื่นๆ ที่เคยพบหรือเกิดความคิดอื่นๆ ตามมา อันทำให้แทนที่จะชมดอกไม้ กลับกลายเป็นแค่มองวัตถุอะไรสักอย่างไป
    คนที่เป็นโรคประสาทเป็นพวกที่หมกมุ่นอยู่กับตนเอง แท้ที่จริงแล้วเขาเห็นถึงสภาพเป็นจริงรอบตัว แต่เขาปฏิเสธที่จะรับรู้สิ่งเหล่านี้ หรือมีมุมมองที่บิดเบือนไป
    อะไรเล่าที่เป็นความจริงรอบๆ ตัวเรา ลองมาดูด้วยใจที่เปิดกว้าง เราจะ พบว่ามีมากมาย ความจริงที่ว่าเราเป็นคนอ้วน มีอยู่หลายคนที่ไม่ชอบเรา เราไม่มีเสน่ห์หรือไม่ฉลาดอย่างที่คิด หรือคนเราในที่สุดก็ต้องตายเหมือนกันหมด
    ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองในบางครั้งคือ เมื่อเราละเลยต่อสภาพเป็นจริงที่เห็นๆ กันอยู่ เราก็จะเริ่มคิดไปในทางที่เป็นไปไม่ได้ แม่บ้านที่คอยกังวลแต่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกที่โรงเรียน เด็กวัยรุ่นที่คอยคิดแต่ว่าถ้าตนเองไม่มีสิวคงจะมีคนสนใจมากขึ้น คนที่อ้วนก็คิดแต่ว่าถ้าตัวเองไม่อ้วนคงจะมีเพื่อนมากขึ้น เขาเหล่านี้อยู่แต่ในโลกที่ไม่เป็นจริง โลกของความครุ่นคิด จนลืมใส่ใจต่องานบ้านที่คั่งค้าง การบ้านที่ยังไม่ได้ทำ หรืองานประจำที่กองอยู่เต็มโต๊ะ
    สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือ ตระหนักถึงสภาพเป็นจริง “ในขณะนี้” อย่ามัวคิดกังวล หรือหวังจะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ว่าสภาพเป็นจริงในขณะนี้จะเป็นอย่างไร จะชอบหรือไม่ก็ตาม กระทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำในขณะปัจจุบันตามสภาพเป็นจริง การกระทำจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงติดตามมา เราอาจจะมีความคาดหวังมีจินตนาการถึงเรื่องในอนาคตซึ่งเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องไปปฏิเสธมัน แต่การคาดหวังนั้นไม่ได้เปลี่ยนอนาคต การกระทำในปัจจุบันนี้ต่างหากที่ส่งผลถึงอนาคตภายหน้า การเดินทางที่แสนไกลนั้นเริ่มต้นจากก้าวเดินแรกของเรา มิได้เกิดจากการนั่งคิดฝันถึงที่ต่างๆ
    มีผู้รู้กล่าวว่า “ถ้าเราเผชิญกับทางที่มีทางแยกมากมาย เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะลองไปเรื่อยๆ ” การที่มัวแต่ยืนบนทางแยก คิดอยู่แต่ว่าทางไหนที่จะทำให้เราไปถึงที่หมาย ไม่ได้ทำให้เราไปถึงไหนนอกจากหยุดอยู่กับที่ ลองเลือกไปทางหนึ่ง การเดินทางทำให้เรารู้ว่าไปถึงไหนแล้ว มาถูกทางหรือไม่ ถ้าผิดก็เริ่มต้นจากทางอื่นใหม่ จากการเริ่มต้นเดินจะทำให้รู้ว่าทางไหนที่นำเราไปสู่ที่หมาย

สิ่งดีที่แฝงอยู่
    มีคำกล่าวในลัทธิเต๋าว่าไม่มีใครที่พูดโกหก แน่นอนว่าบางครั้งคนเราโกหก แต่หากเราเข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดโกหกนั้น เราก็จะตระหนักถึงความจริงทั้งหมด เด็กๆ ที่มือและปากยังมีเศษขนมติดอยู่ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้แอบกินขนม ความจริงแล้วเขาต้องการจะบอกเราว่า เขาไม่อยากถูกตำหนิที่แอบกินขนม การรับฟังโดยคำนึงถึงความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูด จะทำให้เราเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร คนเรานั้นมีพื้นฐานจิตใจเดิมที่ดีงามอยู่กับตัวทุกคน การกระทำผิดของเราในบางครั้งเป็นจากการหลงผิด หรือความไม่รู้ (อวิชชา) ถ้าเรามีความเข้าใจที่แท้จริงถึงผลที่ติดตามมาจากการกระทำ ทุกคนก็จะหวังที่จะทำแต่ความดีและสร้างสรรค์
    ภายใต้สถานการณ์ที่บีบคั้น มองอะไรผิดๆ หรือมีการกระทำที่ผิดพลาดไป ยังมีส่วนที่มีความดีอยู่ภายใน เราจะไม่มองแต่ความผิดพลาดที่เขามีอยู่ แต่จะพิจารณาว่าเขามองอะไรที่เบี่ยงเบนไปอันทำให้เกิดปัญหาตามมา
    สมศรีมีความคิดฝังใจว่าเธอเป็นโรคหัวใจ แม้ว่าแพทย์จะตรวจและยืนยันว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ มีคนบอกว่าอาจเป็นปัญหาทางด้านจิตใจ และแนะนำมาพบจิตแพทย์ เธอเล่าว่า ความจริงก็รู้ดีว่าเป็นการวิตกเกินเหตุ แต่พ่อของเธอเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจตอนอายุห้าสิบหกปี และขณะนี้เธออายุกำลังจะย่างเข้าห้าสิบหกปี หลังจากที่ผู้บำบัดได้ทราบรายละเอียด ก็บอกแก่เธอว่าการที่เธอกลัวว่าจะเป็นโรคหัวใจเป็นสิ่งที่ดี ผู้บำบัดเองก็กลัวการเป็นโรคหัวใจเช่นกัน ใครที่ไม่วิตกกังวลคงจะเป็นเรื่องแปลก ความหวั่นเกรงทำให้เราใส่ใจต่อเรื่องสุขภาพ อาหาร และความเป็นอยู่มากขึ้น
    ไม่เป็นการแปลกที่คนเราจะใส่ใจเรื่องสุขภาพ ปัญหาของสมศรีอยู่ตรงที่เธอปล่อยให้ความกังวลใจมีผลกระทบต่องานบ้าน การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น เธอเริ่มเตรียมอาหารไม่ตรงเวลา หงุดหงิดง่าย มีเรื่องทะเลาะกับสามีบ่อยขึ้น ความกังวลใจต่อการเป็นโรคหัวใจทำให้ชีวิตประจำวันของเธอเปลี่ยนไป ยิ่งพยายามเก็บกดความหวั่นเกรงก็ยิ่งรู้สึกว่าแย่ที่เป็นคนขี้กลัว การที่คิดว่าตนเองผิดปกติไปยิ่งทำให้เธอหมกมุ่นอยู่กับตนเองมากขึ้น คอยสังเกตแต่ว่าตนเองมีอาการอะไรที่ผิดปกติไปบ้าง การแก้ปัญหาอยู่ที่การให้ความรู้แก่สมศรีในเรื่องของโรคหัวใจว่าเป็นอย่างไร ให้ยอมรับถึงความหวั่นเกรงที่มีอยู่ และพยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมื่อสมศรีลดการหมกมุ่นอยู่กับตนเอง หันไปใส่ใจต่อโลกภายนอกมากขึ้นทั้งทางด้านการงาน และการคบหากับผู้อื่น พยายามมีกิจกรรมตามเดิม ความหวั่นเกรงวิตกกังวลก็เบาบางลง
    การสูญเสียคนที่ตนรักทำให้จิตใจเศร้าโศก ท้อแท้ การเปลี่ยนงาน หรือย้ายบ้าน อาจจะทำให้จิตใจอ่อนไหวง่าย เกิดความวิตกกังวลติดตามมา การถูกเจ้านายตำหนิอาจทำให้หมดกำลังใจ แต่ไม่ว่าจะพบกับอุปสรรคหรือความทุกข์ใดๆ ขอให้พิจารณาอย่างถ่องถ้วน จะพบว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังมีความหมายในด้านดีแฝงอยู่ การจากไปของคนที่เรารักทำให้ตระหนักถึงจุดมุ่งหมายในชีวิต มุ่งสร้างแต่ความดี ความวิตกกังวลทำให้คนเราไม่ประมาทเกินไป การถูกตำหนิทำให้เราหันมาพิจารณาตนเอง ในทำนองเดียวกัน ขณะที่คนเราโกหกก็ยังมีความจริงแฝงอยู่เบื้องหลัง คนที่เป็นโรคประสาทก็ยังมีความต้องการที่จะมีชีวิตที่มีความสุข เพียงแต่เขายังหาทางไม่พบ

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.ramamental.com/medicalstudent/generalpsyc/staycreative/

Smiley ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ Smiley




Create Date : 19 มีนาคม 2556
Last Update : 19 มีนาคม 2556 10:54:27 น. 1 comments
Counter : 5003 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับบทความมากค่ะ เป็นการแนะนำชีวิตที่ดี ช่วยให้คลายความทุกข์ที่กำลังเผชิญอยู่ได้


โดย: ปอม IP: 183.88.33.106 วันที่: 30 มกราคม 2559 เวลา:2:33:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kitpooh22
Location :
ตรัง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




สวัสดีครับ
..............................
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม และมาเม้นให้ครับ



ขอบคุณครับ :-)
THX


วันเกิดบล็อก 25/5/2009
Google+
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
19 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kitpooh22's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.