< KITAMURA : ราชบุตรจากขุมนรก >
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

< The Spirit : จิตวิญญาณที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง >

< The Spirit : จิตวิญญาณที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง >







ต้องถือว่าเป็นเรื่องโชคดีหรือโชคร้ายก็มิทราบ ที่นักเขียนการ์ตูนชื่อดัง “แฟรงค์ มิลเลอร์” ได้ฤกษ์มานั่งแท่นกำกับและเขียนบทหนังใหญ่แบบเดี่ยวๆเป็นครั้งแรกกับหนังเรื่อง “The Spirit” (ก่อนหน้านี้ แฟรงค์ มิลเลอร์ เคยกำกับหนังที่สร้างจากหนังสือการ์ตูนของตัวเองร่วมกับ “โรเบิร์ต โรดริเกซ” เรื่อง “Sin City” )

แถมหนัง The Spirit ที่ มิลเลอร์ ได้กำกับแบบฉายเดี่ยวนี้ ยังเป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูนของ “วิล ไอส์เนอร์” ซึ่งตัว มิลเลอร์ เอง ก็เคยกล่าวไว้ว่า วิล ไอส์เนอร์ นั้น เป็นดั่งอาจารย์และแรงบันดาลใจในการเขียนการ์ตูนแนวมืดๆนัวร์ๆให้กับตนอีกด้วย

แต่ทว่าด้วยความโด่งดังของรูปลักษณ์และสไตล์ภาพของหนังเรื่อง Sin City ที่ถูกสร้างด้วยเทคนิคให้นักแสดงเล่นกันบนฉากหลังบลูสกรีน ซึ่งจะกลายมาเป็นภาพกราฟฟิกเหมือนรูปการ์ตูนต้นฉบับอันโดดเด่น จนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดู






จากเหตุผลข้างต้น เลยทำให้หนังเรื่อง The Spirit ที่ถูกออกแบบสร้างออกมาให้มีสไตล์ของภาพที่คล้ายๆกับ Sin City เลยช่วยไม่ได้ที่ใครหลายคนจะมองว่าหนัง The Spirit นั้น ทำขึ้นมาเพียงเพื่อหวังผลการประสบความสำเร็จด้านรายได้ทางการตลาดแบบที่หนังเรื่องดังกล่าวเคยทำได้มาก่อน

ซึ่งถ้าใครได้ดูตัวหนังกันจริงๆ จะพบว่า The Spirit ยังมีเนื้อหาและอารมณ์ของหนังที่ค่อนข้างจะต่างกับ Sin City อยู่พอสมควรเลย ทั้งการเป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตของฮีโร่และถูกเล่าเรื่องออกมาในโทนอารมณ์ตลกร้าย ไม่งั้น หนังเรื่องนี้อาจถูกประณามกันไปอีกนานว่า เป็นแค่หนังที่ลอกเขามาอีกที ให้ช้ำใจเล่นๆ

แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง การที่มิลเลอร์ทำหนัง The Spirit ออกมาในสไตล์ภาพกราฟฟิกนี้ ก็อาจถือว่าเป็นการทำงานแบบปกติ ตามความถนัดของเขาอยู่แล้ว





เนื่องจากผู้กำกับร่วมในหนังเรื่อง Sin City อย่าง โรเบิร์ต โรดริเกซ ก็ยังเคยกล่าวยอมรับไว้ว่า ฝีมือการวาดหนังสือการ์ตูนของมิลเลอร์นั้น ในแต่ละช่องแต่ละหน้า ล้วนก็แต่สามารถเป็นสตอรี่บอร์ดชั้นดี เหมาะสำหรับการเอาไปทำเป็นแบบแปลนพิมพ์เขียว สร้างหนังเจ๋งๆได้สบายๆ ซึ่งหนังอย่าง Sin City เอง ก็ยังก็อปปี้ถอดแบบจากหนังสือการ์ตูนต้นฉบับมาแบบช่องต่อช่อง

แล้วจะแปลกอะไรถ้า แฟรงค์ มิลเลอร์ จะหยิบหนังสือการ์ตูนของ วิล ไอส์เนอร์ มาสร้างเป็นหนังในแบบฉบับที่ตัวเองเคยทำบ้างไม่ได้! และผลงานภาพยนตร์ลำดับที่สองของมิลเลอร์นี้ ก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณบางอย่างในการทำงานของเขาอีกด้วย

The Spirit เป็นหนังที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ฮีโร่ชายคาดหน้ากากโดมิโนสีดำ ใส่สูท ผูกเนคไทสีแดง และคลุมหัวด้วยหมวกสักหลาดขอบโค้ง ที่ออกโรงผดุงคุณธรรม ปราบปรามอยู่ในเมืองเซ็นทรัลซิตี้ นาม “สปิริต” (แกเบรียล แม็ทช์)





หนังเปิดเรื่องด้วย การออกปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้ายในเวลาค่ำคืน ณ เมืองเซ็นทรัลซิตี้ของสปิริต ซึ่งการออกโรงพิทักษ์เมืองเซ็นทรัลซิตี้ในยามราตรีนี้ ก็ดูแสนจะง่ายๆสบายๆ ชิล ชิล ตามน้ำเสียงบรรยายเล่าเรื่องของฮีโร่สปิริต ที่บอกกับผู้ชมคนดู

และสปิริตยังบอกกล่าวถึงเจตนารมณ์และอุดมการณ์ของเขาให้ทราบอีกด้วยว่า เขานั้น เปรียบเมืองเซ็นทรัลซิตี้ที่เขาใช้เป็นที่พำนักพักพิง เป็นเหมือนดั่งผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาหลงรัก และตัวของเขาเองก็เป็นเสมือน “จิตวิญญาณ” ของเมืองนี้

ต่อมา สปิริตก็ได้พบว่า เขานั้นต้องมาต่อกรและกับมือกับ “แซนด์ ซาเรฟ”(อีวา เมนเดส)วายร้ายสาวที่เคยเป็นอดีตคนรักเก่าในวัยหนุ่มของสปิริต และเขาก็ยังต้องต่อสู้กับ “อ็อกโตปุส”(แซมมวล แอล แจ็คสัน) กับผู้ช่วยสาวของมัน “ซิลเคน ฟลอส”(สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน) ศัตรูผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ซึ่งเจ้าอ็อกโตปุส เอง ก็ยังมีแผนการยึดครองโลกและมีความต้องการค้นหาสิ่งของบางอย่างที่จะทำให้มันเป็นอมตะอีกด้วย






ในฉากการปะทะต่อสู้กันระหว่างสปิริตและอ็อกโตปุส ก็ทำให้ทราบว่า ถึงแม้ สปิริต จะดูเป็นพวกศาลเตี้ยธรรมดาๆทั่วไป เก่งกาจเรื่องเตะต่อย และหยิบสิ่งของต่างๆที่อยู่ในเมืองเซ็นทรัลซิตี้มาใช้เป็นอาวุธ แต่ สปิริต ก็มีพลังประหลาดอยู่ในตัว พลังที่ว่านั่นคือ ความสามารถในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อหลังจากได้รับความบาดเจ็บบนร่ายกาย ซึ่งตัวเขาเองนั้น ก็ไม่ทราบที่มาของพลังพิเศษดังกล่าว จนเป็นเรื่องที่ค้างคาอยู่ในจิตใจของเขามานาน

แล้วหนังก็ถูกกระตุ้นเรื่องราวขึ้น เมื่อเจ้าตัวร้ายอ็อกโตปุส ผู้มีพลังสมานแผลเช่นเดียวกับสปิริต ได้อ้างว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับความเป็นมา ของการกลายเป็นฮีโร่ของเขา ดังนั้นสปิริตจึงต้องออกค้นหาตัวอ็อกโตปุสให้จงได้ ซึ่งการตามหานี้ ก็ไม่ใช่เพื่อต่อสู้เอาชนะ แต่การอยากพบอ็อกโตปุสนี้ สปิริตต้องการเค้นความจริงของชีวิตตัวเองจากวายร้ายจอมป่วนนั่นมากกว่า

โดยในระหว่างนั้น หนังก็แสดงให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตของฮีโร่สปิริต ที่แสนจะเต็มไปด้วยสีสันของชีวิต





ทั้งการเป็นฮีโร่ที่เจ้าชู้ประตูดินสุดๆ ด้วยหน้าตาอันหล่อเหลา มีตำแหน่งเป็นถึงฮีโร่ช่วยป้องกันภัยร้ายในเมือง และการเป็นคนมีหน้ามีตา เป็นคนดัง คนสำคัญในสังคมอย่างเปิดเผย จึงทำให้มีเหล่าสาวๆมากหน้าหลายตา พร้อมที่จะพลีกายและหัวใจให้กับสปิริต ซึ่งก็รวมไปถึง “ดร.แอลเลน โดเลน”(ซาราห์ พอลสัน) ลูกสาวของ “เจ้าหน้าที่โดเลน”(แดน ลอร์เรีย) เพื่อนซี้ตำรวจของสปิริต ก็ยังมาหลงเสน่ห์พ่อฮีโร่ปลาไหลผู้นี้อย่างหัวปักหัวปำ

อีกทั้งภาระหน้าที่การปราบปรามบรรดาเหล่าผู้ร้ายในเมืองเซ็นทรัลซิตี้ ก็ดูจะเป็นไปอย่างง่ายดายซะเหลือเกิน แม้ว่าจะมีคู่ปรับตัวฉกาจที่มีฝีมือเท่าเทียมกันอย่างเจ้าอ็อกโตปุส แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นแค่เพื่อนเล่นสนุกๆของสปิริตเท่านั้นเอง

โดยหนังแสดงการเป็นเหมือนเพื่อนเล่นให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านทาง เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า หน้าผม และฉากหลังอันแสนแปลกประหลาดและหลุดโลกที่ดูจะไม่ซ้ำกันเลยซักฉาก ในทุกๆครั้งยามที่ตัวละครอ็อกโตปุสกับผู้ช่วยสาวซิลเคน ฟลอส ออกโรง อาทิเช่น เสื้อผ้าและฉากหลังสไตล์นาซี ไปจนถึงชุดซามูไรแบบเว่อร์ๆ ซึ่งก็ช่วยสื่อให้เห็นถึงการเป็นแค่ศัตรูเพี้ยนๆพวกหนึ่งเท่านั้น







และแม้กระทั่งแฟนเก่าที่ผันตัวมาเป็นวายร้ายอย่าง แซนด์ ซาเรฟ ก็ดูเหมือนสปิริตจะดูไม่กังวลเลยว่า เขาจะชนะเธอได้หรือไม่? และจัดการกับเธอยังไง? แต่เรื่องที่สปิริตดูกังวล กลับเป็นเรื่องที่ว่า เธอยังจะรักเขาอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า? แค่นั้นเอง

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ยังถูกตัวหนังสนับสนุนด้วยการใช้เทคนิคเล่าเรื่องในโทนสบายๆ ดำเนินเรื่องแบบไม่เร่งรีบ บวกกับความตลกร้ายจากการปล่อยมุกตลกของพวกอ็อกโตปุส และในบรรดาฉากแอ็กชั่นที่ดูดุเดือด หนังกลับใช้เทคนิคตรงกันข้ามกับภาพมานำเสนอ ทั้งการใช้ดนตรีประกอบที่ค่อนข้างราบเรียบ และภาพของหนังที่ไม่ได้สวิงสวายอะไรมากนัก

ด้วยองค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ ทำให้พอจะเดาๆได้ว่า ถึงแม้ถ้าสปิริตจะล่วงรู้ถึงกำพืดและที่มาของตัวเองและพลังประหลาดนั่นได้สำเร็จ และไม่ว่าความหลังของเขานั้น จะขมขื่นหรือโชคดีสักเพียงใด สปิริตเองก็คงจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น






เนื่องจากตัวของเขาเอง ก็ดูจะพอใจและสนุกไปกับชีวิตฮีโร่แบบนี้พอสมควรเลยทีเดียว ผ่านการบรรยายเล่าเรื่องจากมุมมองของสปิริตที่ก็ดูจะไม่ยี่หระหรือทุกข์ร้อนกับชีวิตเอาซะเลย เขาเห็นการต่อสู้กับเหล่าวายร้ายเป็นเรื่องสนุก และพร้อมจะผ่อนคลายด้วยการขึ้นเตียงกับสาวๆที่คลั่งไคล้ในตัวเขา

และตัวของเขาเอง ก็ได้ถือว่า ตัวเองนั้นเป็นเพียงจิตวิญญาณ ที่สามารถล่องลอย ทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องยึดติดกับอะไรอีกต่อไป แถมยังมีพลังวิเศษเพิ่มขึ้นมาภายในตัวอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เขาสามารถปราบปรามคนเลว อภิบาลคนดีได้อย่างสะดวกโยธินยิ่งกว่าเหล่าตำรวจในเมืองเสียอีก

โชคยังดี ที่จิตวิญญาณของสปิริตนั้น เป็นจิตวิญญาณของฮีโร่ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ที่ดีอย่างเต็มเปี่ยม บ้านเมืองและชาวบ้านชาวช่อง จึงอยู่อาศัยกันอย่างสงบสุข ปลอดภัย ไร้กังวล






ในท้ายที่สุด หนังก็ได้พูดถึงประเด็นการไม่เปลี่ยนแปลงของจิตวิญญาณ เมื่อหนังดำเนินเรื่องมาจนถึงในฉากสุดท้ายของหนัง หลังจากที่สปิริตได้ทราบถึงปูมหลังของตนเองไปแล้ว สปิริตก็ยังคงออกปฏิบัติการปราบปรามเหล่าร้ายในยามค่ำคืนที่เมืองเซ็นทรัลซิตี้ต่อไปเช่นเดิม ซึ่งก็ดูเหมือนกับว่า การบรรยายเรื่องของสปิริต ก็ยังคงมีคำพูดและท่าทีที่แสดงถึงความสบายๆของการทำงานเป็นฮีโร่ เหมือนๆกับฉากเปิดเรื่องในตอนต้นเรื่องของหนัง

มันก็ยิ่งเป็นการเน้นย้ำอย่างชัดเจนและแสดงให้เห็นถึงการมี “จิตวิญญาณที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง” ของฮีโร่สปิริต

ที่ไม่ว่าสปิริตจะผ่านเหตุการณ์ที่สร้างผลกระทบต่อชีวิตของเขามามากมายเพียงใด แต่ทว่าตัวของเขา ก็ยังคงจะยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิม ดังที่เขากล่าวไว้ในตอนต้นที่ว่า เขานั้นได้ทิ้งร่างกายภายนอกออกไปแล้ว คงเหลือแต่เพียงจิตวิญญาณ ฝังไว้กับเมืองเซ็นทรัลซิตี้อันเป็นที่รักยิ่งของเขา อย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

ซึ่งก็ดูเหมือนว่า จะไม่ได้มีแต่เพียงสปิริตคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงจะยืนยันในจุดมุ่งหมายของตัวเองได้อย่างมั่งคง ทว่าตัวผู้กำกับของหนังเองอย่าง แฟรงค์ มิลเลอร์ ก็เช่นกัน ภาพยนตร์เรื่อง The Spirit เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มิลเลอร์ ก็ยังคงมีจิตวิญญาณอันไม่เคยแปรเปลี่ยนในการมุ่งมั่นที่จะทำหนังสไตล์ภาพกราฟฟิกต่อไปเหมือนกัน


kitamura






 

Create Date : 17 มกราคม 2553
1 comments
Last Update : 17 มกราคม 2553 16:51:21 น.
Counter : 1849 Pageviews.

 

เป็นรีวิวที่ยาวทีเดียว

ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ และก็คงไม่ไปหามาดู แค่อ่านก็อิ่มแล้ว

ขอบคุณครับ

 

โดย: จุใจ IP: 58.10.27.81 17 มกราคม 2553 20:42:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kitamura
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Kitamura's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.