แต่ทว่าด้วยความโด่งดังของรูปลักษณ์และสไตล์ภาพของหนังเรื่อง Sin City ที่ถูกสร้างด้วยเทคนิคให้นักแสดงเล่นกันบนฉากหลังบลูสกรีน ซึ่งจะกลายมาเป็นภาพกราฟฟิกเหมือนรูปการ์ตูนต้นฉบับอันโดดเด่น จนเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนดู
จากเหตุผลข้างต้น เลยทำให้หนังเรื่อง The Spirit ที่ถูกออกแบบสร้างออกมาให้มีสไตล์ของภาพที่คล้ายๆกับ Sin City เลยช่วยไม่ได้ที่ใครหลายคนจะมองว่าหนัง The Spirit นั้น ทำขึ้นมาเพียงเพื่อหวังผลการประสบความสำเร็จด้านรายได้ทางการตลาดแบบที่หนังเรื่องดังกล่าวเคยทำได้มาก่อน
ซึ่งถ้าใครได้ดูตัวหนังกันจริงๆ จะพบว่า The Spirit ยังมีเนื้อหาและอารมณ์ของหนังที่ค่อนข้างจะต่างกับ Sin City อยู่พอสมควรเลย ทั้งการเป็นหนังเกี่ยวกับชีวิตของฮีโร่และถูกเล่าเรื่องออกมาในโทนอารมณ์ตลกร้าย ไม่งั้น หนังเรื่องนี้อาจถูกประณามกันไปอีกนานว่า เป็นแค่หนังที่ลอกเขามาอีกที ให้ช้ำใจเล่นๆ
แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง การที่มิลเลอร์ทำหนัง The Spirit ออกมาในสไตล์ภาพกราฟฟิกนี้ ก็อาจถือว่าเป็นการทำงานแบบปกติ ตามความถนัดของเขาอยู่แล้ว
เนื่องจากผู้กำกับร่วมในหนังเรื่อง Sin City อย่าง โรเบิร์ต โรดริเกซ ก็ยังเคยกล่าวยอมรับไว้ว่า ฝีมือการวาดหนังสือการ์ตูนของมิลเลอร์นั้น ในแต่ละช่องแต่ละหน้า ล้วนก็แต่สามารถเป็นสตอรี่บอร์ดชั้นดี เหมาะสำหรับการเอาไปทำเป็นแบบแปลนพิมพ์เขียว สร้างหนังเจ๋งๆได้สบายๆ ซึ่งหนังอย่าง Sin City เอง ก็ยังก็อปปี้ถอดแบบจากหนังสือการ์ตูนต้นฉบับมาแบบช่องต่อช่อง
ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ และก็คงไม่ไปหามาดู แค่อ่านก็อิ่มแล้ว
ขอบคุณครับ