< KITAMURA : ราชบุตรจากขุมนรก >
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 

< The Princess and the Frog : ขอดาว >

The Princess and the Frog : ขอดาว






ในปัจจุบัน หนังอนิเมชั่นทุกวันนี้ จะสร้างสรรค์กันด้วยเทคนิคคอมพิวเตอร์ 3D อะไรแบบนั้นกันเกือบหมดแล้ว และก็ดูท่าว่าทางฝั่งคนผู้ชมก็จะอ้าแขนต้อนรับกันอย่างอบอุ่นเสียด้วย(สังเกตจากรายได้เป็นกอบเป็นกำของหนังอนิเมชั่นสามมิติส่วนใหญ่)

กระทั่งเจ้าแห่งการ์ตูนอย่าง “วอล์ท ดิสนีย์” ก็ยังหากินกับหนังอนิเมชั่นแบบนี้อยู่เหมือนกัน ทั้งหนังจากสตูดิโอผู้ร่วมหุ้นรายสำคัญอย่าง“พิกซ่าร์” ที่สร้างกำรี้กำไรได้อย่างมหาศาล ผสมกับหนังอนิเมชั่นสามมิติ ที่ดิสนีย์ลงมือสร้างเอง เลยเถิดไปจนถึงขั้น ดิสนีย์ประกาศว่า หนังเรื่อง “Home on the Range” จะเป็นอนิเมชั่นแบบสองมิติเรื่องสุดท้ายของดิสนีย์!





แต่แล้วดิสนีย์ก็กลืนน้ำลายตัวเอง ด้วยการหวนมาผลิตหนังการ์ตูนแบบวาดมืออีกครั้ง แถมยังย้อนไปหารากเหง้าของดิสนีย์ ทั้งเรื่องของเทพนิยาย การร้องรำทำเพลงกันอย่างครื้นเครง และความรักของเจ้าชาย เจ้าหญิง กันอย่างเต็มคราบ นั่นคือหนังเรื่อง “The Princess and the Frog” ของผู้กำกับ “รอน คลีเมนท์” กับ “จอห์น มัสเคอร์” (ทั้งคู่เป็นผู้กำกับร่วมกันในหนังสุดฮิตของดิสนีย์ อาทิ “The Little Mermaid”, “Aladdin”)

The Princess and the Frog เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “เทียน่า”(แอนนิก้า โนนี่ โรส) หญิงสาวผิวดำ ผู้ไม่เชื่อถือในเทพนิยายกับปาฏิหาริย์จากดวงดาว เธอมุ่งมั่นที่จะเปิดร้านอาหาร ตามเจตนารมณ์ของผู้เป็นพ่อ แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกกลับตาลปัด เมื่อเธอกลายร่างเป็นกบ ทันทีที่ได้จูบกับเจ้ากบที่อ้างตัวว่าเป็นถึงเจ้าชายนาม “นาวีน”(บรูโน่ แคมโพส) แต่ถูกสาปให้เป็นกบ และแล้วการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น





แม้ว่าอะไรๆในหนัง The Princess and the Frog จะดูย้อนเวลาไปสู่สิ่งเก่าๆ ทว่าสิ่งใหม่ๆทันสมัยๆก็ยังดูเหมือนจะมีมากมายไม่แพ้กันเลย ทั้งการกำหนดให้ตัวละครนางเอกมีผิวสีดำและดู “ไม่เชื่อ” ในเรื่องเทพนิยาย,การมุ่งมั่นเพียรพยายามทำความฝันให้สำเร็จ,การไม่สนใจหรือแยแสในเรื่องผู้ชายของนางเอก ไปจนถึงเจ้าชายเจ้าสำราญ ผู้อาภัพ ตกอับ ไม่มีเงินทอง ต้องหาผู้หญิงรวยๆมาแต่งงานด้วย(โถ น่าสงสารจริง)

การที่เทียน่า ไม่เชื่อในเรื่องเพ้อฝันนั้น เป็นเพราะในวัยเด็ก เทียน่า เคยอ้อนวอนขอพรจากดวงดาวให้มีร้านอาหารเสียที แต่เธอกลับไม่สมหวัง เธอจึงเลิกศรัทธาเรื่องทำนองนี้ไป ซึ่งมันก็ดันคล้ายกับเด็กรุ่นใหม่(มองอีกแง่คือ กลุ่มผู้ชมที่เลิกชอบหนังแบบนี้) ที่ไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้อีกแล้ว มิหนำซ้ำ ในโลกแห่งความจริง เวทย์มนต์ที่ดูจะแท้จริงกว่า กลับกลายเป็น “เงินทอง” ตามที่หนังเอ่ยถึง





แต่เมื่อเทียน่าแอบขอพรวิงวอนจากดวงดาวอีกครั้ง สิ่งดีๆก็เริ่มเข้ามาสู่ชีวิตเธออย่างมากมาย และอะไรๆที่เธอเคยดูแคลนว่ามันไม่ทางเป็นจริง ก็กลับกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ทั้งการที่เธอกลายร่างเป็นกบ,ได้พบกับเพื่อนสนิทมิตรสหายดีๆ,โดนศรรักปักอกกับเจ้าชายนาวีน(ในร่างกบอ่ะนะ) เรื่อยไปจนถึงในที่สุด เทียน่าก็สามารถเปิดร้านรวงได้สำเร็จ

ถึงแม้การขอดาวในครั้งนี้ แรงจูงใจแรกจะมาจากการอยากได้เงินมาเปิดร้าน แต่การที่เทียน่าขอพรอย่างลับๆ มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า อย่างน้อยๆในหัวใจของเธอก็ยังคง “เชื่อ” เรื่องราวปาฏิหาริย์เฉกเช่นตอนเด็ก





ทั้งหมดนั้น คือผลลัพธ์ของการเชื่อและศรัทธาในดวงดาว และหนังยังดักทางคนดูที่อาจคิดว่า ทั้งหมดก็แค่เรื่องฟลุ๊ก ด้วยการสร้างตัวละครที่เชื่ออย่างหมดหัวใจว่าดวงดาวเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆอย่างหึ่งห้อย แล้วให้ตัวละครนี้ตายไป กลายเป็นดาวอีกดวงเคียงข้างกัน(ไม่เชื่อ ก็ให้มันรู้ไป!)

นั่นก็สอดคล้องกับจุดประสงค์หลักของหนังเรื่องนี้ ที่ต้องการให้คนดูหนังสมัยใหม่ หันมาศรัทธาในหนังแบบนี้อีกครั้ง แม้ว่าตัวหนังเอง จะรู้ตัวดีว่าเวทย์มนต์จากดาวดวงไหน ยังไงๆก็แพ้กระดาษใบเล็กๆที่ชื่อว่าเงิน

คล้ายๆกับเทียน่าที่ต่อให้ได้เจ้าชายมาเคียงข้าง แต่เธอก็ยังต้องใช้เงินทอง มาสร้างร้านของเธออยู่ดี





kitamura




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2553
1 comments
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 1:38:09 น.
Counter : 1769 Pageviews.

 

เขียนรีวิวล์ได้ดีคะ ชอบ :)

 

โดย: tanya IP: 125.25.106.75 17 สิงหาคม 2553 14:43:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Kitamura
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Kitamura's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.