ที่นี่เด็กเรียนไม่เยอะ แต่ใกล้บ้าน ขี่จักรยานมาไม่กี่นาที ถ้าลูกอยากเรียนจริงๆ ก็เรียนที่นี่แหละ ไป-มาสะดวก มามิตกลงอยากเรียน แม่เลยให้เรียน มามิจังเริ่มเรียนโมเดิร์นบัลเล่ย์ตอน 6 ขวบ ก่อนเข้า ป.1 4 เดือน
ฮิปฮอปอยู่ๆ ไป เด็กเรียนเต้นก็ลดลงๆ อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายสูง แล้วก็ไม่มีผลอะไรกับการเรียนด้วย สู้เอาเงินไปส่งลูกกวดวิชาดีกว่า ครูคงกลัวมามิจะเลิกเรียนหรือไงไม่รู้ จู่ๆ เดือนกรกฏาคมปีที่แล้ว ครูก็บอกให้มามิมาเรียนเต้นฮิปฮอปเพิ่มได้ฟรีในวันเสาร์ งี๊ก็หวานมามิเลยซิ ของชอบอยู่แล้ว มีหรือจะไม่เรียน
ฟุตบอลที่ ร.ร.เรียวมะคลาสเด็กพิเศษ แจกใบปลิวเรียนฟุตบอลสำหรับเด็กพิเศษมา(เรียนฟรี ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งในเขตบ้าน) เรียนวันเสาร์หรืออาทิตย์ เดือนละ 2 วัน ตาพ่อเห็นว่าลูกไม่ชอบกีฬาเลย อะไรที่ทำงานเป็นกลุ่มนี่ลำบากมากๆ เพื่อแก้จุดอ่อนตรงนี้ เราเอาลูกไปเรียนฟุตบอลที่นี่กันเถอะ เราเอาเรียวมะไปเรียนที่นี่ตั้งแต่ปลายปี 2009 เมื่อพาลูกไปถึง ปรากฏว่าเด็กที่มามีจำนวนน้อย ไม่พอแบ่งทีมแข่ง ครูเลยบอกว่า งั้น...น้องของเด็กพิเศษก็มาเรียนด้วยกันละกัน จำนวนเด็กจะได้เยอะขึ้นหน่อย สรุปทั้งเรียวมะและมามิเลยเรียนฟุตบอลสำหรับเด็กพิเศษด้วยกัน
ข้อดีของฟุตบอลเด็กพิเศษ คือ ครูจะใจเย็น ค่อยๆ สอน มามิซึ่งไม่ชอบฟุตบอล ก็เรียนได้ไม่ลำบาก
น่าเสียดายที่ครูเพิ่งยกเลิกการสอนไปเมื่อเดือนมีนาคม 2012 เนื่องจากภรรยาครูไม่สบายเป็นมะเร็ง ครูบอกว่าถ้าอยากเรียนต่อ ให้พาลูกไปเรียนที่คิตะ-คุ ครูยังสอนอยู่เดือนละ 2 วัน เป็นวันอาทิตย์ตอนเช้า
ตอนแรกแม่ก็ว่าจะพาไป แต่พอดีวันที่ครูนัดฝนตก ก็เลยยังเลื่อนมาเรื่อยๆ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็คงพาไปเรียนต่อ เพราะที่ผ่านมา 2 ปี กว่า จากที่เรียวมะต่อต้านมากมายเวลาเรียน ไปยืนกอดอกบ่นบ้าง ไม่ยอมวิ่งบ้าง สุดท้ายลูกเริ่มเปิดใจยอมรับกติกามารยาทของฟุตบอลบ้างแล้ว ถ้าเราหยุดตอนนี้ก็เท่ากับเรายอมแพ้
กวดวิชา 塾ปกติที่บ้านเรารับ チャレンジ มาสอนลูกเองที่บ้านด้วย จริงๆ ก็รับมาตั้งแต่สมัยเป็น しまじろう แหละ แม่สอนถึง 5 ขวบ นอกนั้นตาพ่อเป็นคนสอน ซึ่งจะเน้นสอนเรียวมะเป็นหลัก เพราะที่โรงเรียนชั้นเรียนเด็กพิเศษจะเน้นกิจกรรมซะเยอะ การเรียนในเนื้อหาวิชาจะช้ากว่าชั้นเรียนปกติราวๆ 1 ปี สามีไม่อยากให้ลูกเรียนช้า ก็พยายามจะสอนเองที่บ้าน กวดให้ทันชั้นเรียนปกติ คราวนี้แม่น้องสาวก็เกิดอาการงอน ทำไมพ่อสอนแต่พี่ ของตัวเองให้นั่งอ่านนั่งทำเอาเอง ก็บ่นๆๆ เรียกร้องความสนใจ ไปๆ มาๆ ก็ทะเลาะกัน
แม่เลยตัดสินใจเอามามิไปเข้าที่กวดวิชาแถวบ้าน ราคาไม่แพงมากนัก ราวๆ ครึ่งนึงของสถาบันกวดวิชาที่ออกตามสื่อโฆษณา ทำเลที่ตั้งก็ลึกลับหน่อยซุกซ่อนอยู่ในแมนชั่น แต่อยู่ใกล้บ้าน ขี่จักรยานไป 3 - 4 นาที ตอนแรกครูให้เรียนอาทิตย์ละ 3 วัน อังคาร -พุธ-พฤหัส(国語+算数----英語----国語+算数) ไปๆ มาๆ ก็ลดเหลือเรียน 2 วัน อังคาร-พฤหัส(国語+算数+英語----国語+算数) บางครั้งก็มีจัดกิจกรรมภาษาอังกฤษเสริมในวันเสาร์ เช่น ฮาโลวีนปาร์ตี้, คริสต์มาสปาร์ตี้
มามิจังไม่ได้เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียนอะไรมาก ชอบเล่นชอบสังคมตามประสาเด็กผู้หญิง แต่แม่ก็ค่อยๆ เกลา ค่อยๆ ปลูกฝัง บอกว่าการเรียนมันสำคัญต่ออนาคต ถ้าเรียนไม่ดี ต่อไปก็หาอาชีพดีๆ ทำงานยาก หลังจากมากวดวิชาที่นี่ได้ราวๆ ค่อนปี ดูลูกจะมีสมาธิและตั้งใจเรียนมากขึ้น เริ่มมีจุดมุ่งหมายในการเรียน หลังจากที่ไร้สาระมามากตอน ป.1 ถึงปลาย ป.2 เกรดก็ค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ ตอน ป.3 เทอม 2 ได้ よくできる เพิ่มขึ้น 9 ตัว เทอม 3 แม่บอกให้เอา よくできる วิชา 国語 มาให้ได้ มามิจังก็ทำให้แม่ได้
มามิเพิ่งได้รับผลสอบ 英検 หลังจากที่สมัครสอบเป็นครั้งแรก คะแนนก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่ก็เป็นการเริ่มต้น เพื่อที่จะได้มีก้าวต่อๆ ไปที่ดียิ่งขึ้นของลูก