หลังจากพาตัวเองไปอยู่ที่ต่างประเทศเป็นเวลาครึ่งปีก็ได้ฤกษ์งามยามดีในการเก็บกระเป๋ากลับบ้าน และตามล่าหาของฝากตามรายการที่ได้รับไว้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีเหมือนทุกครั้งเวลากลับไทย แต่ครั้งนี้มีบางอย่างไม่เหมือนเดิม นั่นคือ หนึ่งในของที่เราเอากลับมีเจ้าจักรยานคู่ชีพที่ใช้มาแล้วหกเดือนอยู่ในรายการขนกลับไทยด้วย
ตลอดการเตรียมตัวครั้งนี้ สิ่งที่กังวลที่สุดคือสายการบินจะปฏิเสธไม่ให้จักรยานของเราขึ้นเครื่องไหม เพราะจักรยานของเราหลังจากแพ็คแล้ว ห่อใหญ่มากกกกกกกก แต่ทุกความกังวลก็หายไปโดยสิ้นเชิงเพราะเจ้าหน้าที่สายการบินตกลงให้เอาจักรยานขึ้นเครื่องง่ายๆเลย โดยไม่มีคำถามอะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่ความช้ำจริงๆมันเกิดขึ้นหลังเท้าเหยียบแผ่นดินไทยแล้วนั่นเอง
พวกเราทุกคนคงรับรู้ถึงกฎหมายว่าถ้ามีการนำของที่มีมูลค่ารวมเกิน 10,000 บาทกลับเข้าทางสนามบินต้องมีการเสียภาษีใช่ไหมเอ่ย
โอเคเลย จักรยานเรามีมูลค่าไม่กี่พันบาทแถมยังใช่งานแล้วมาร่วมครึ่งปี รวมกับขนมอื่นๆในกระเป๋าที่รวมๆกันแล้วหลักพันต้นๆยังไงก็ไม่เป็นไร
พอเดินมาถึงช่องทางที่ให้เลือกเดินเข้าช่องสำแดงหรือไม่สำแดงภาษี ความเป็นคนดีในสายเลือด (ที่เพื่อนๆมักบอกว่า"โง่"ก็ทำงาน) เดินเข้าช่องสำแดงภาษีด้วยความบริสุทธิ์ใจและวางใจว่าไม่มีอะไรต้องกังวลไป
ผลคือว่า จัดไปโดนค่าปรับไปเต็มๆค่ะ เงินตอนไทยตอนนั้นมีไม่ถึงด้วย ต้องเดินออกไปขอเงินจากพ่อที่มารอรับ เอากลับไปจ่ายค่าภาษีให้ครบ
ความรู้สึกตอนนั้นคือบรรยายไม่ถูกเลยจริงๆ ควรจะดีใจที่ได้ทำหน้าที่เสียภาษีอย่างถูกต้อง (จะได้ด่าคนที่หลีกเลี่ยงได้อย่างเต็มปากเต็มคำดีไหม) ควรจะร้องไห้ดีไหม (เท้าเหยียบไทยปุ๊บ หาเรื่องเสียเงินปั๊บ แถมไม่ใช่เงินตัวเองด้วยซะอีก)
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ แต่ที่รู้คือว่า เคสหนีภาษีที่สนามบินที่เคยเป็นข่าวใหญ่โตที่ผ่านมาเมื่อหลายปีก่อนที่ตอนนั้น ได้แต่ตามอ่านความเห็นของคนอื่นอย่างเงียบๆ เพราะตัวเองไม่มีประสบการณ์เสียภาษีเหมือนกันจึงไม่อยากออกความเห็น ถ้ามีเคสใกล้เคียงเกิดขึ้นในอนาคต เราคงสามารถออกความเห็นได้อย่างจริงจังซะทีนะ ในฐานะผู้ที่ทำถูกต้องตามกฎระเบียบทุกประการ
ปล.สรุปคือไม่ถึงจำนวนที่เขากำหนดก็ต้องเสียจริงๆใช่ไหม
Create Date : 10 เมษายน 2560 |
Last Update : 10 เมษายน 2560 22:28:11 น. |
|
0 comments
|
Counter : 326 Pageviews. |
|
|